หากเราเปิดภาพยนตร์สักเรื่องดู แบบที่ไม่รู้มาก่อนว่านี่คือเรื่องอะไร สิ่งที่ทำให้เราเดาได้ว่านี่คือหนังของผู้กำกับคนไหน คงจะเป็น Signature ของภาพที่เราได้เห็นและเทคนิคการเล่าเรื่อง เหมือนกับเวลาเราคุ้นตากับลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของนักวาดการ์ตูน คุ้นกับสำนวนสละสลวยของนักเขียน ผู้กำกับหลายคนก็มักจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองจนเรารู้ได้ในทันทีว่านี่คือผลงานของเขา อย่างภาพยนตร์หม่นหมองของ Tim Burton สีฟ้าอมเขียวและภาพสโลวโมชั่นแบบไร้ที่มาของ Zack Snyder และทุกอย่างที่ดูสมมาตรไปหมดในมุมมองของ Wes Anderson หากใครได้ดูภาพยนตร์ของ Anderson มาบ้าง คงพอจะนึกภาพ Mood and tone ของเรื่องออก ว่าเรากำลังจะพูดถึงอะไร ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่สีที่ชาญฉลาด ตัวละครเพี้ยน ๆ รวมทั้งมุมมองที่แสนจะสมมาตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเขา ชนิดที่ว่าดูเรื่องไหนก็เจอมันเรื่องนั้นนั่นแหละ แฟน ๆ หลายคนเองก็ชื่นชอบภาพยนตร์ของเขาเพราะฟินกับความสมมาตรที่ได้ชม เคยสงสัยกันบ้างไหม ว่าทำไมรูปร่าง ภาพ มุมมองที่สมมาตร มันถึงทำให้เราฟินจนรู้สึกว่ามันคือสัดส่วนที่ใช่ของมวลมนุษยชาติ เราจะมาหาคำตอบนี้ไปพร้อมกัน สัดส่วนสุดพึงใจ ความลงตัวของสัดส่วนธรรมชาติ ความสมมาตรคือสัดส่วนที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะมันคือสัดส่วนที่ธรรมชาติรังสรรค์ ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกลเลย ลองมองที่ตัวเราเองนี่แหละ ตอนที่เราแบ่งเซลล์แล้วประกอบร่างมาเป็นตัวเราอย่างในทุกวันนี้ มันคือการประกบเข้าหากันแบบสมมาตร ลองสังเกตดูว่าร่างกายของเรา มันจะมีเส้นตรงกลางลำตัว ชัดเจนที่สุดคงเป็นเส้นตรงหน้าท้อง หากผ่าร่างกายเราในแนวแกน Y มันจะแบ่งครึ่งได้แบบสมมาตรพอดิบพอดี
ตอนเด็ก ๆ เวลาดูหนังฮอลลีวูดกับครอบครัว ถ้าพระเอกจะสูบบุหรี่หรือเจ้าพ่อมาเฟียอิตาลีมาดเท่อยากสูบซิการ์ ก็มักจะหยิบไฟแช็คทรงเหลี่ยมเปิดฝาแล้วมีเสียงดังกริ๊งขึ้นมาจุดไฟเสมอ เพราะเห็นในภาพยนตร์บ่อยจนชินตาจึงสงสัยและตั้งคำถามว่ามันคือไฟแช็คอะไร จนได้คำตอบว่ามันคือ Zippo ตัวแทนความเท่ในวัยเด็กที่ตรึงใจมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ไฟ Zippo กลายเป็นไอเทมสุดโปรดของใครหลายคน จนถูกเรียกว่า “A legendary and distinct symbol of America” หรือตำนานที่เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา แล้วจุดเริ่มต้นของตำนานนี้เริ่มมาจากอะไร และทำอย่างไรถึงรับได้ความนิยมมายาวนานไม่เสื่อมคลาย เรื่องราวของของไฟแช็คทรงเหลี่ยม เกิดขึ้นโดยชายชาวอเมริกันชื่อว่า George Grant Blasisdell เขาเป็นชายที่อยากทำงานมากกว่าเรียนหนังสือ เมื่อเขาบอกความต้องการของเขาให้ครอบครัวฟัง พ่อกลับส่งเขาไปยังโรงเรียนเตรียมทหารแทน แต่สุดท้ายจอร์จ เบรสเบล เรียนได้แค่ 2 ปีก็ลาออกกลับมาทำงานที่บ้าน อย่างไรก็ตาม เขาคือเด็กชายที่ไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีประสบการณ์ทำงาน แม้จะเป็นธุรกิจของครอบครัวตัวเอง แต่เขาต้องเริ่มตั้งแต่การทำงานในโรงงาน รับค่าจ้างชั่วโมงละ 10 เซ็นต์เท่ากับคนอื่น ๆ ถึงจะได้เงินน้อยแต่จอร์จกลับรู้สึกสนุกกว่าการต้องไปนั่งเรียนหนังสือ เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเครื่องจักรและระบบการทำงานอย่างเต็มที่ จนได้ขึ้นมาดูแลกิจการแทนพ่อในปี 1920 ซึ่งเป็นสองปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง จอร์จได้ขึ้นมากุมบังเหียนธุรกิจครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาจากผลของสงคราม ทำให้เขาเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้มากขึ้น
มันต้องมีสักครั้ง ที่เราเดินเข้าไปดูงานจัด Gallery Art แนว Abstract แล้วซึมซับสุนทรียภาพข้างหน้าพร้อมความรู้สึกสงสัยว่า “เฮ้ย ! ทำไมงานนี้เป็นงานดังระดับโลกวะ?” หรือรู้สึก “เข้าไม่ถึงความงามระดับสากล” ที่หลายคนชื่นชม ความสงสัยนี้ถูกเก็บงำมานับศตวรรษ การประเมินค่าความงามที่ไม่อาจตีความให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพราะ “ความสวย” เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เรื่องทั้งหมดนี้ได้รับการอธิบายด้วยผลวิจัยล่าสุดจาก Columbia Business School ว่า ทั้งความเก่งกาจและความครีเอทีฟเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้ศิลปิน เพราะปัจจัยที่ช่วยเป็นป๋าดันพวกเขาโด่งดังมันมาจาก “CONNECTION” ต่างหาก Connection กับแวดวงศิลปะ แม้คอนเนคชั่นฟังแล้วอาจจะดูเป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่าศิลปะ แต่การศึกษาวิจัยเรื่อง Fame as an Illusion of Creativity: Evidence from the Pioneers of Abstract Art หยิบ “ชื่อเสียงและความสำเร็จ” แบบนามธรรมในวงการศิลปะ มากางและวิเคราะห์จนพบต้นตอของชื่อเสียงเหล่านั้นว่า นอกจากความเก่งแล้ว สิ่งที่ดันให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาเหนือศิลปินคนอื่น ๆ คือกลุ่มคนที่พวกเขาคบหา การวิจัยครั้งนี้ใช้ชื่อศิลปินสาย Abstract ที่อยู่ในยุค
แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น Casio ออกคอลเลกชันพิเศษกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 35 ปี ของนาฬิกาตระกูล G-Shock และล่าสุดสร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าคนรักนาฬิกาด้วยการออกรุ่นลิมิเตดทำจากทองคำ 18K เมื่อปี 2018 แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่น Casio ออกคอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี ของ G-Shock หลายรุ่นด้วยกัน เช่น 35th Anniversary GLACIER GOLD กับคอนเซ็ปต์ตัวเรือนแบบใสผสมผสานกับสีทองที่ได้แรงบันดาลใจจากภูเขาน้ำแข็ง หรือคอลเลกชัน MAGMA OCEAN ตัวเรือนสีดำแต้มสีแดงตามแบบลาวาในภูเขาไฟ ความตื่นเต้นของเหล่าแฟนคลับอาจน้อยลงจากการออกคอลเลกชันมากว่า 10 รุ่น แต่ครั้งล่าสุดนี้ Casio สร้างความตื่นเต้นครั้งใหม่ด้วยการนำนาฬิกา DW-5000 เรือนแรกของตระกูล G-Shock รูปทรงสี่เหลี่ยมคุ้นตาจากปี 1983 ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่คือนาฬิกาของแบรนด์ Casio มาใช้เป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษทำจากทองคำอย่าง G-D5000-9JR การนำโมเดลเก่ากลับมาทำใหม่ครั้งนี้ Casio ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างทองคำ 18K ทั้งตัวเรือน ปรับโครงสร้างบางส่วนเพื่อให้นาฬิกาทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนมากขึ้น ประกอบตัวเรือนเข้าด้วยกันโดยการขันสกรูยึดฝาหลังกับตัวเรือน พร้อมประทับโลโก้ฉลองครบรอบ 35 ปี ไว้ด้านหลัง
ฤดูกาลผลัดเปลี่ยนเวียนไป ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว หนุ่ม ๆ บางคนอาจวางแผนไปปีนเขา หรือเล่นสเก็ตบอร์ดกับแก๊งเพื่อน ในขณะที่ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลือกเดินทางไปยังชายหาด เพื่อเล่นกีฬาผาดโผนอย่างการโต้คลื่นบนเซิร์ฟบอร์ด Chanel เล็งเห็นถึงกิจกรรมที่หลากหลายของผู้ชายอย่างเรา ๆ จึงพร้อมตอบรับทุกการทำกิจกรรมช่วงซัมเมอร์ด้วยไอเทมเก๋ ๆ อย่าง กระดานโต้คลื่นและสเก็ตบอร์ด Chanel ในยุคของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตไอเทมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รองเท้า ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬาอย่างเซ็ตเปตอง โครเคท และไม้กอล์ฟ รวมถึงของเล่นต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม กระดานโต้คลื่นของ Chanel ถูกเรียกว่าเป็นผลงานที่ขี้เล่นและสร้างสรรค์ เป็นไอเทมในตำนานชิ้นหนึ่งของแบรนด์ที่มักปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราวบนหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่น กระดานโต้คลื่นจึงกลับมาอีกครั้งบนรันเวย์ Spring/Summer 2019 ที่คาร์ลได้เปลี่ยนให้ Grand Palais กลายเป็นชายหาดกลางกรุงปารีส ไอเทมกีฬาอย่างกระดานโต้คลื่นของ Chanel ครั้งนี้จะมาพร้อมดีไซน์เรียบหรู ใช้วัตถุดิบอย่างอลูมิเนียม แก้ว และโพลียูรีเทน สารเคมีที่ทนทานต่อการขูดขีดมักนิยมใช้กับงานประกอบเรือ พร้อมประทับตัวอักษร C โลโก้ของแบรนด์บนแผ่นกระดานสีเงิน ส่วนสเก็ตบอร์ดของคอลเลกชัน SS19 ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ตัวบอร์ดทำจากไม้แท้ตัดแต่งขอบแผ่นอย่างประณีต เคลือบผิวด้วยแลคเกอร์เพื่อให้เกิดความเงางามและทนทานต่อการใช้งาน แผ่นไม้จะถูกประกอบเข้ากับล้อและฮาร์ดแวร์สีขาว
กลับมาพร้อมความเหนื่อยจากภาระและหน้าที่ต่าง ๆ ที่บังคับให้เราต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน อย่าได้แบกเอาสิ่งเหล่านั้นจากโลกภายนอก เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว จนเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกว่าขาดเวลาของตัวเอง เมื่อก้าวเข้าสู่โลกของเราอย่างห้องนอนที่เป็นอีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราแสนจะสบายใจ พร้อมทิ้งตัว มันก็คือพื้นที่ของเราที่เรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปากแล้วล่ะ ขึ้นชื่อว่าห้องนอน แต่กลับทำให้เรานอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ตื่นกลางดึกบ้าง สิ่งรบกวนภายนอกที่เข้ามาปลุกให้เราสะลึมสะลือก่อนถึงเวลาตื่นตามปกติของเรา ปัญหานี้นอกจากแก้ไขที่ร่างกายเราแล้ว ยังสามารถแก้ได้จากการจัดห้องให้มีสภาพที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกด้วย หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะทำให้ห้องนอน เป็นห้องที่นอนได้อย่างสนิทจริง ๆ สมกับชื่อของมัน ว่ากันด้วยเรื่องของแสง แสงแดดต้องส่องถึง ตามปกติแล้วห้องนอนคือห้องที่มีหน้าต่าง ไม่ว่าจะอยู่ด้านไหน เราขอแนะนำให้ที่นอนของคุณ ตั้งอยู่ในระยะที่แสงแดดส่องถึง เพื่อให้ที่นอนของคุณไม่มีกลิ่นเหม็นอับ รวมถึงภาพรวมของทั้งห้องด้วย เพราะนอกจากเรื่องของกลิ่นอับแล้วมันยังช่วยให้เราไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันอีกต่างหาก และอย่าลืมเปิดหน้าต่างในบางช่วงเวลา เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อช่วยลดกลิ่นอับได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แถมได้อากาศสุด Fresh สูดเข้าไปแบบเต็มปอด อุณหภูมิที่เหมาะสม หากวันไหนเหนื่อยล้าจนรู้สึกว่าร่างกายมีอุณหภูมิที่แปลกไป ก็ลองอาบน้ำเย็นหรืออุณหภูมิปกติดู เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของร่ายกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แบบที่คุณเคยรู้สึกว่าวันไหนทำงานหนัก ๆ แล้วรู้สึกตัวอุ่น ๆ
ช่วงปลายปี 2018 โลกของแฟชั่นต้องสั่นสะเทือน เมื่อธุรกิจเครื่องดื่มชื่อดัง Evian จับเจ้าพ่อวงการแฟชั่นอย่าง Virgil Abloh มานั่งเป็นที่ปรึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ และร่วมกันออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ล่าสุด Virgil ได้โชว์ผลงานภายใต้คอนเซ็ปต์ที่มีชื่อว่า Rainbow Inside ก่อนที่จะมีผลงานให้เห็น Virgil กล่าวถึงน้ำแร่ Evian ว่าเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและน้อยคนที่จะไม่รู้จักน้ำดื่มยี่ห้อนี้ เขาต้องการพาแบรนด์ไปอีกขั้นในรูปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นผลงานแรกของเขากับเอเวียงอย่าง Rainbow Inside จะเปรียบกับน้ำหนึ่งหยดที่สามารถสร้างรุ้งได้ และเมื่อแสงหักเหผ่านหยดน้ำเผยให้เห็นสีสันหลากหลาย ก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับสิ่งอื่นต่อไปอย่างไม่รู้จบ สินค้าในคอลเลกชัน Rainbow Inside ของหนุ่ม Virgil จะใช้ขวดแก้วของบริษัทบรรจุภัณฑ์ชื่อดัง SOMA water ที่มีคอนเซ็ปต์การผลิตเพื่อให้สินค้าใช้ได้นานที่สุด รวมถึงนโยบายเรื่องการกุศลในพื้นที่ทั่วโลกที่กำลังประสบกับวิกฤตน้ำ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนของ SOMA ทำให้ Virgil ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ของเอเวียงตัดสินใจร่วมงานกบ SOMA เพื่อสร้างสรรค์ขวดน้ำที่เป็นได้ทั้งแฟชั่นและรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ขวดน้ำคอลเลกชัน Rainbow Inside ขนาด 75cl ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% ที่ได้มาตรฐานทนทานต่อการกระแทก ฝาขวดทำจากต้นไผ่ไม่ปนเปื้อนสารเคมี พร้อมปลอกซิลิโคนสีขาวประทับชื่อคอนเซ็ปต์ Rainbow
สำหรับใครที่ชื่นชอบและคิดถึงเครื่องเกมคลาสสิกที่เคยเล่นเมื่อครั้งเป็นเด็กอย่าง PlayStation 1 จะต้องถูกอกถูกใจอย่างแน่นอนเพราะ Merchoid พาเครื่องเกมรุ่นตำนานกลับมาอีกครั้งรูปแบบนาฬิกาข้อมือดิจิทัล นาฬิกาข้อมือนี้มีชื่อว่า PlayStation: Loading Times Watch Preorder ทำจากซิลิโคนสีเทาขนาดกะทัดรัด รายละเอียดถอดแบบมาจาก PlayStation 1 ทุกประการ พร้อมดัดแปลงบริเวณฝาเปิด CD ให้กลายเป็นจอแสดงเวลาแบบเรืองแสง เปลี่ยนปุ่ม power และ open ให้เป็นปุ่มตั้งค่าเวลา ถ้าถามว่าเพราะอะไร Merchoid ถึงเลือกรุ่น PlayStation 1 มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือ คำตอบคือเพราะเครื่องเกมรุ่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ถ่ายทอดจินตนาการและความสนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม เป็นไอเทมยอดฮิตที่วัยรุ่นยุค 90 ผู้ชื่นชอบการเล่นเกมจะต้องมีติดบ้าน จุดเริ่มต้นของ PlayStation 1 เกิดขึ้นเมื่อบริษัทวิดีโอเกมชื่อดัง Nintendo ยกเลิกสัญญาที่ร่วมพัฒนาเครื่องเกมกับบริษัท Sony กลางคัน และหันไปเซ็นสัญญากับทางฟิลิปแทน ทำให้ Sony ได้รับผลกระทบอย่างหนัก Sony จึงตัดสินใจนำข้อมูลที่เหลือจากโครงการที่ยุบไปแล้วมาพัฒนาต่อ เกิดเป็นเครื่องเกมแบบคอนโซลเดี่ยว การพลิกเกมของโซนี่สร้างความไม่พอใจแก่ Nintendo และฟ้องให้โซนี่ระงับการพัฒนา แต่ผลคือศาลไม่รับฟ้องกรณีดังกล่าว ในที่สุดเครื่องเกม
ในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีบิดชีวิตให้เราไปเลื่อนฟีดบนสมาร์ตโฟน ใช้ชีวิตบนโลกโซเชียล หาข้อมูลจากอินเทอร์เนตมากกว่า แต่เราก็ยังเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า “อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์” และ “หนังสือ” ยังคงมีคุณค่าอยู่เสมอ ไม่ว่าตลาดการแข่งขันคอนเทนต์วันนี้จะเป็นเช่นไร วัตถุอนาล็อกอย่างหนังสือก็ยังคงความคราฟต์และคลาสสิกในสายตาเรา ล่าสุดเวทีประกวดหนังสือที่ดีไซน์ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ที่จัดขึ้นที่ Leipzig ประเทศเยอรมนีได้ประกาศรายชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลประกวดการออกแบบหนังสือที่ดีที่สุดในปีนี้ เป็นหนังสือสีน้ำตาลที่ใช้ชื่อว่า Old Trades of Jiangsu: A Glimpse จากโรงพิมพ์ Jiangsu Phoenix Education Publishing Co., Ltd ถ้ามองผ่าน ๆ อาจจะดูไม่ออกว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงชนะใจกรรมการและกองหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่ส่งประกวด เพราะหน้าตาของมันดูบ้าน ๆ เทคนิคการเข้าเล่มก็ไม่ได้เหนือกว่ามากมาย แล้วยิ่งถ้าเจาะเข้าไปจากการสัมผัสเนื้อกระดาษหรือมองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีเลยด้วยว่ามันไม่ใช่กระดาษคุณภาพและมีราคาแพง แต่เป็นกระดาษถูก ๆ นี่แหละ เพราะขอบข้างของมันก็ดูเปื่อยยุ่ยขนาดนั้น ความจริงของกระดาษราคาถูกที่เพิ่มคุณค่าด้วยเรื่องราวของมัน คือหนึ่งในเหตุผลที่เอาชนะใจกรรมการได้ เนื่องจากเหตุผลสามประการ ข้อแรกกระดาษเหล่านี้คือกระดาษจากร้านขายของชำที่ใช้ห่ออาหาร กระดาษที่ถูกมองข้ามเรื่องการนำมาใช้ในงานพิมพ์ผลิตหนังสือเพราะเป็นกระดาษถูก ทำให้แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เราเห็นมานานแล้วแต่ก็เป็นการพลิกโฉมวงการดีไซน์หนังสือ ข้อที่สอง เนื้อเรื่องภายในเล่ม ชวนสัมผัสและมีเสน่ห์ขึ้นจากวัสดุที่นำมาทำหนังสือ อ่านจากชื่อหนังสือเราจะรู้ว่าภายในเล่มพูดถึงเรื่อง Old trade หรือการค้ายุคเก่าของมณฑลเจียงซู
“Swiss made คือหนึ่งในความนิยมของนักเล่นนาฬิกาทั้งมือเก่ามือใหม่ แต่ SEIKO จะเป็นนาฬิกาเรือนแรก ๆ ที่คนไทยใส่” เรานั่งพูดคุยเรื่องความนิยมกับพี่น้องที่รักและหลงใหลเรื่องนาฬิกา ชื่นชอบเรื่องวัสดุการผลิตสายลึกจนจู่ ๆ ได้ยินประโยคนี้ขึ้นมาระหว่างการพูดคุย จริงหรือเปล่าที่ Seiko เป็นแบบนั้น แต่คงไม่ต้องมองไปไหนไกล เมื่อที่ข้อมือเราเองก็คาดไว้หนึ่งเรือน แม้จะไม่ใช่ Limited Edition ก็ตาม ก็น่าจะจริงอย่างเขาว่า ทำไมแบรนด์นี้ถึงเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่คนไทยคิดถึง และยังเป็นหนึ่งแบรนด์ในดวงใจของชายหญิงผู้มองหาเรือนเวลาสักเรือนมาสวมใส่และสะสม หรือกระทั่ง Brand Heritage เขามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึง survive ข้ามกาลเวลามานับ 100 ปีแล้วก็ยังไม่ตกชั้น UNLOCKMEN จะพาไปดูหลาย ๆ มุมมองเหล่านี้ไปพร้อมกัน THE BEGINNING OF SEIKO Kintaro Hattori คือผู้เขียนตำนานของ Seiko เขาเติบโตในครอบครัวที่ทำอาชีพขายของโบราณและได้รับ DNA เดียวกับพ่อมาเต็มเปี่ยมจึงใฝ่ฝันจะเป็นพ่อค้าตั้งแต่วัยสิบกว่าขวบ ก่อนเริ่มตัดสินใจว่าจะเป็นช่างทำนาฬิกาตั้งแต่อายุเพียง 13 ปีเท่านั้นหลังไปที่ร้าน Kobayashi Clock Shop