หลังจากอวดโฉมครั้งแรกไปแล้วในงาน Pebble Beach เมื่อกลางปีที่ผ่านมาล่าสุดค่ายรถสัญชาติอิตาลี Ferrari ก็ตัดสินใจเปิดสเปคทั้งหมดของรถซุปเปอร์คาร์คันใหม่ล่าสุด FERRARI 488 PISTA SPIDER โมเดลพัฒนาต่อจาก 488 SPIDER ที่ออกมาสู่ตลาดก่อนหน้านี้ ในระหว่างจัดแสดงในงาน PARIS MOTOR SHOW 2018 มาดูกันว่ารูปแบบสมบูรณ์ที่ถูกพัฒนาเสร็จแล้วจะออกมาถูกใจพวกเรามากแค่ไหน FERRARI 488 PISTA SPIDER ถือเป็นซุปเปอร์คาร์รุ่นที่ 50 ของค่าย Ferrari ซึ่งเป็นเหมือนเวอร์ชันพัฒนาแล้วของรถตระกูล 488 ที่หยิบจับส่วนดีของรถคันอื่น ๆ มาปรับปรุงและแต่งเติมไว้ในคันเดียว เริ่มจากหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ 488 PISTA SPIDER V8 Twin-Turbocharged 3.9-liter ที่ให้กำลังมากถึง 720 แรงม้า ซึ่งเป็นบล็อคเครื่องที่ผ่านการรีดน้ำหนักให้น้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านความเร็วเอาไว้ครบถ้วน โดยเปลี่ยนกระบอกลูกสูบให้บางยิ่งขึ้น รวมถึงใช้เพลาข้อเหวี่ยงและ flywheel เป็นไทเทเนียมพ่วงกับชุดวาล์วและสปริงแบบพิเศษ ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องต้นแบบถึง 19 กิโลกรัม แต่แข็งแรงปลอดภัย พร้อมรองรับแรงบิดมหาศาลได้มากกว่าเดิม 488 PISTA SPIDER สั่งงานชุดเกียร์แบบ F1
หลังจากมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า Virgil Abloh ผู้กุมบังเหียนงานออกแบบเสื้อผ้าแผนก Menswaer จากห้องเสื้อสุดหรูอย่าง Louis Viutton กำลังมีแผนจะร่วมงานแบรนด์ Retail ยักษ์ใหญ่สัญชาติสวีเดนอย่าง IKEA เพื่อออกแบบสินค้าร่วมกันมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ความคืบหน้าล่าสุดตอนนี้พวกเขาได้เปิดตัว Pop-up Store ของ Virgil Abloh x IKEA แห่งแรกขึ้นเพื่อใช้แสดงงานที่อยู่ในคอลเลกชันล่าสุด “markerrad” โดยเป้าหมายแรกคือมหานครปารีส “STILL LOADING“ คือชื่อของ Pop-up Store แห่งแรกที่ Virgil Abloh และ Henrik Most ซึ่งเป็นทั้ง Creative Leader ของ IKEA และ Project Partner เป็นผู้กำหนดขึ้น โดยเลือกจะแปลงโฉมไนท์คลับชื่อดังใจกลางเมืองปารีส Nuits Faives เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดง โดยคอนเซ็ปต์ของมันถูกเล่าจากปาก Virgil Abloh ว่า “เราพยายามจับกลุ่มคนที่ต้องการตกแต่งบ้าน โดยมีโจทย์ว่าต้องการบ้านที่มาจากตัวตนของตัวเองและมีความแตกต่างจากบ้านทั่วไป เพราะคนส่วนใหญ่มักเติบโตมาจากบ้านซึ่งมีสภาพแวดล้อมมาจากความคิดและความต้องของพ่อแม่หรือคนอื่น เราเลยตั้งใจออกแบบผลงานออกมาเพื่อเอาใจคนที่มองหาสิ่งใหม่ รับรองว่าทันทีที่เห็น ทุกคนจะอยากซื้อมันกลับบ้านในทันที “ ภายใน Pop-Up ประกอบไปด้วยชุดพรมสไตล์โมเดิร์นซึ่งเราเคยเห็นกันมาแล้ว แต่รอบนี้เราจะได้ทราบถึงเรทราคาของมันด้วย โดยพรมสีดำมาพร้อมกับคำว่า “GREY” ราคา 129
ดูเหมือนจะเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับค่ายรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนีอย่าง Porsche หลังปล่อยรถรุ่นงาม ๆ ออกมามากมายเพื่อเอาใจแฟน ๆ Porsche Hardcore อย่างเช่น Project 993 Turbo S Classic Series และล่าสุดพวกเขาได้รื้อฟื้นอีกหนึ่งตำนานของค่ายเจ้าของฉายา “Moby Dick” อย่าง Porsche 935 กลับมาอีกครั้งโดยโอกาสพิเศษนี้จะผลิตออกมาเพียง 77 คันเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่า Porsche คงให้ความสำคัญแค่กับรถโมเดลในตำนานอย่าง 911 หรือรูปแบบแห่งอนาคตอย่าง Taycan เท่านั้น แต่ในครั้งนี้กลับต่างกันออกไป Porsche 935 เองก็เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์แถวหน้าของวงการในปัจจุบันเช่นกัน เพราะชื่อเล่น Moby Dick ของมันได้มาจากการโชว์ศักยภาพจนสามารถคว้าแชมป์ Lemans ในปี 1978 มาได้ แม้ไม่นานหลังจากนั้นจะหมดยุคของมันและต้องย้ายเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็ตามที แต่หลายคนก็ยังจดจำความเจ๋งของมันได้เสมอ จนทำให้ 935 ถูกนำกลับมาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาเพื่อใช้ในสนามแข่งอย่างเดียวก็ตาม แม้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็น Porsche 935 มาโลดแล่นอยู่บนถนนปกติ เพราะ Porsche
กลับมาอีกครั้งสำหรับการร่วมมือกันระหว่างโคตรแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme และเจ้าพ่อแบรนด์กีฬาอย่าง NIKE หลังทั้งสองได้ปล่อย Collaboration ชุดล่าสุดออกมาให้เราได้ยลโฉมกันในชุด SUPREME x NIKE FW2018 Collection ซึ่งคงจะถูกใจเหล่าแฟนเดนตายที่หลงใหลใน Vintage Sportswear ไม่มากก็น้อย เพราะผลงานชุดล่าสุดนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเสื้อผ้ายุค 90’s ที่อัดแน่นเอาไว้เต็มเปี่ยม Retro 90’s Styles จุดเด่นของคอลเลกชันคือการดึงเอาเสน่ห์ของเสื้อผ้า Vintage Sportswear ย้อนยุคให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนรันเวย์แฟชั่นยุคปัจจุบันอีกครั้งตามกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็น Jacket, Vest, Hooded Sweatshirt, Crewneck, Jacquard Polo ไม่เพียงแค่นั้น Nike ยังหยิบเอา Retro Swoosh ดั้งเดิมของแบรนด์ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 1978 กลับมาอีกครั้ง เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกันทำให้เสื้อผ้า Collection นี้ทวีคูณความคลาสสิกขึ้นเป็นเท่าตัว ถ่ายทอดผ่าน 4 โทนสีหลักได้แก่ Maroon, Yellow, Navy และ Black ซึ่งแต่ละชุดจะออกมาถูกใจผู้ชายอย่างเราแค่ไหนไปดูกัน Work Jacket
ดูเหมือนตลาดรถกระบะกำลังหาไอเดียแข่งขันใหม่ ๆ กันอยู่ หลายคนอาจจะเบื่อเรื่องสมรรถนะความแข็งแกร่งและสวยงามกันแล้ว เรื่องของการตกแต่งและฟังก์ชันการใช้งานภายในจึงเป็นอีกประเด็นที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกันมากขึ้น ล่าสุด Nissan ได้พัฒนารถกระบะรุ่นท็อปของค่ายอย่าง NISSAN TITAN 2019 และตามข่าวบอกว่าจะแปลงโฉมใหม่ทั้งหมดแถมยังเพิ่มชุดเครื่องเสียงพิเศษจาก Fender ไว้ในตัวรถเพื่อเพิ่มสุนทรียะด้านการฟังเพลงให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย NISSAN TITAN 2019 ถูกคาดหวังว่าจะเป็นการกลับมาสมบูรณ์แบบมากขึ้น จากเดิมที่ได้รับเสียงตอบรับไม่เลวอยู่แล้ว ด้านขุมกำลัง TITAN 2019 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.6 ลิตร ที่จะให้สมรรถนะกว่า 390 แรงม้า พร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติ 7-Speed ซึ่งสามารถสั่งการได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและ 4 ล้อ รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่ต่างจากเดิมมาก มีการเปลี่ยนแปลงโดยตัดในจุดที่ไม่จำเป็นออกไป และเสริมส่วนใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาทดแทน ส่วนภายในตัวรถจะมาพร้อมเบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังแท้ แต่ที่พีคสุดคือเครื่องเสียง จุดที่ค่ายผลิตรถกระบะส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจ จะทำการยกชุดใหม่โดยได้รับความร่วมมือจาก Panasonic และ Fender ในชื่อ FENDER PREMIUM AUDIO SYSTEMS เพื่อเอาใจผู้ใช้งานที่ชื่นชอบเสียงเพลงเป็นพิเศษ Fender เป็นชื่อที่ผู้ชายหลายคนรู้จักกันดีโดยเฉพาะในแวดวงดนตรี ต่างรู้กันดีว่าพวกเขาคือมืออาชีพเรื่องการผลิตกีตาร์และเครื่องขยายเสียง ก่อนหน้านี้ Fender
งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข อาจฟังดูง่ายๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วมันเป็นคำที่ค่อนข้างไกลตัวสำหรับผู้ชายหลายคน เพราะมีความเป็นไปได้น้อยมากหากชีวิตเราจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไปด้วย หาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปด้วยพร้อมกัน แต่สำหรับผู้ชายชื่อ สุทธิพงษ์ ธีติปริวัติร์ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า หมอโดม แห่ง Dogtor Garage คงเป็นข้อยกเว้น เพราะนับตั้งแต่เขาหันเหออกจากอาชีพสายสัตวแพทย์มาสู่การเป็นนักซ่อม ดัดแปลง และคืนชีพรถคลาสสิก นับแต่นั้นเขากลายเป็นคนที่ได้ทำอาชีพซึ่งมีพื้นฐานมาจากความหลงใหลส่วนตัวพร้อมกับเลี้ยงปากท้องไปพร้อมกัน ถือเป็นความสุขที่เป็นมากกว่าช่างซ่อมรถยนต์ทั่วไป แต่อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจละทิ้งรูปแบบการใช้ชีวิตที่สังคมยอมรับว่าเป็นเส้นทางความมั่นคง สู่จุดหมายใหม่ที่ระหว่างทางมีความเสี่ยงมากกว่า วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ ความรักรถยนต์เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก “จริงๆ ตั้งแต่จำความได้ เราก็รู้สึกชอบรถคลาสสิกมาตั้งนานแล้วครับ ส่วนหนึ่งเพราะเราใช้ชีวิตอยู่กับมันโดยที่เราไม่รู้ตัว เริ่มเล่นมาตั้งแต่รถจักรยานตั้งแต่สมัยเด็กแล้วมันก็ค่อยๆ ผ่านทุกมุมของคนเล่นรถเก่ามาเรื่อย ๆ เริ่มจากความชื่นชอบโดยที่ยังไม่ต้องลงทุนอะไร ขยับมาเป็น User และเปลี่ยนจาก User มาเป็นพ่อค้า กระทั่งวิวัฒนาการมาถึงการทำรถด้วยตัวเอง มาสู่การผลิตรายการ TV ที่เกี่ยวข้องกับรถคลาสสิกเหมือนอย่างในปัจจุบัน” เสน่ห์ของรถคลาสสิก ที่ส่งหมอโดมเข้ามาบนเส้นทางนี้ “สำหรับผมเสน่ห์ของมันคือความแตกต่าง รถคลาสสิกคือตัวแทนการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของยุคสมัยนั้น ๆ ซึ่งมีทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตัวรถ กระทั่งเรื่องราววัฒนธรรมสะท้อนสิ่งต่าง ๆ
อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่า ชีวิตนั้นไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ยิ่งเป็นวิถีชีวิตของ Urban Men ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางการผสมผสานของรูปแบบทางสังคมและวัฒนธรรมในเมืองใหญ่อันหลากหลาย รวมถึงการมีเป้าหมายในชีวิตที่ท้าทาย ทำให้มิติชีวิตที่ซับซ้อน ได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว แต่ภายใต้ความแตกต่างหลากหลายนั้นยังมีแกนหลักที่ยึดโยงทุกความต่างเอาไว้ให้เกิดเป็นจุดร่วมเดียวกัน นั่นก็คือความต้องการของเหล่า Urban Men ในปัจจุบัน ที่เปลี่ยนมุมมองของเป้าหมายในชีวิตใหม่ โดยไม่ได้โฟกัสเพียงแค่เรื่องหน้าที่การงานหรือความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตแบบเต็มที่ ใส่สุด ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องเล่น หรือเรื่องจริงจัง ทุ่มเททำงานหนักหน่วงแค่ไหน ในวันพักผ่อนก็ต้องจัดเต็มไม่แพ้กัน และถ้าจะหาคำมาจำกัดความมุมมองการใช้ชีวิตของเหล่า Urban Men ในยุคนี้ คำที่เหมาะสมที่สุดคงจะเป็นคำไหนไปไม่ได้นอกจากคำว่า “Hype” ที่ส่วนใหญ่น่าจะคุ้นหูกันในวงการ Sneakers รวมถึงวงการแฟชั่นทั้งหลาย ถึงเรื่องราวของความ Hype หากได้ไอเทมเจ๋ง ๆ มาครอบครอง ซึ่งความหมายที่แท้จริงตรงตัวของคำว่า Hype ในภาษาไทยนั้นเราอาจจะเจาะจงลงไปได้ไม่ชัดเจน แต่มันมักจะถูกนำมาสื่อถึงสิ่งที่น่าตื่นเต้น สิ่งที่โคตรเจ๋ง โดดเด่น และมีความพิเศษสุด ๆ ด้วยเหตุนี้ คำว่า Hype จึงไม่ใช่แค่คำระบุสรรพคุณความสุดยอดของเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ เพียงอย่างเดียว แต่มันสามารถสื่อถึงรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ โดดเด่น และเป็นที่สุดในทุกด้าน
ผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับงาน NBA Hall of Fame 2018 ซึ่งปีนี้มีอดีตผู้เล่นชื่อดังมากมายถูกรับเลือกให้เข้าสู่หอเกียรติยศ ไม่ว่าจะเป็นยอดการ์ดจ่ายอย่าง Steve Nash กับ Jason Kidd รวมไปถึงมือปืนระดับตำนานอย่าง Ray Allen ซึ่งดูจะพิเศษกว่าคนอื่นเมื่อได้เข้าทั้งหอเกียรติยศ แถมยังมีชุดของขวัญพิเศษหนึ่งเดียวจาก Air Jordan แบรนด์รองเท้าที่เขาใส่สมัยเป็นผู้เล่นให้อีกด้วย อดีตสตาร์ดังของวงการยัดห่วงจงรักภักดีต่อ Air Jordan เป็นอย่างมาก ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อรองเท้าเลยตลอดระยะเวลาที่เล่นอยู่ในลีก โดยในยุคแรกเขาเป็น 1ใน 5 ผู้เล่นที่ถูก Michael Jordan เลือกให้ใส่รองเท้าของแบรนด์และประสบความสำเร็จมากมาย ได้แชมป์ NBA 2 สมัยปี 2008 และ 2013 ติดทีม All-Star 10 สมัย และทำลายสถิติการยิง 3 แต้มอีกมากมาย ซึ่งมันเป็นเหมือน Signature ส่วนตัวในสมัยโลดแล่นอยู่บนสนาม ทำให้ Air Jordan ตอบแทนความภักดีของเขาด้วยชุดรองเท้า
ถ้าพูดถึง New York Yankees ภาพแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวผู้ชายอย่างเราคงจะเป็นหมวกเบสบอลทรงกลมกับสัญลักษณ์ตัว NY วางเด่นไว้กลางหมวกมากกว่าจะพูดถึงทีมเบสบอล รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่นของเค้าก็ถือว่าเด็ดไม่แพ้ใคร วันนี้ Yankees Logo กำลังกลับมาอีกครั้งพร้อมการร่วมงานกับแบรนด์หรูอย่าง Gucci แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น อะไรกันที่ทำให้โลโก้ตัวแทนทีมกีฬากลายมาเป็น Pop-culture ในยุคสมัยหนึ่ง แถมยังสอดแทรกอยู่ไลน์แฟชั่นตลอดมา เราจะเริ่มจาก Background ตรงนี้สักเล็กน้อย เพราะถือว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แรกเริ่มสัญลักษณ์ N และ Y ที่เราเห็นกันจนชินตาไม่ได้ถูกวางทับกันเอาไว้ แต่มันถูกวางแยกกัน โดยเดิมทีสัญลักษณ์ Yankees Logo ที่เราเห็นกันในปัจจุบันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเหรียญเกียรติยศในช่วงปี 1877 ออกแบบโดยบริษัท Tiffany and Co ถูกเรียกในชื่อ The Medel of Valor เพื่อมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ John McDowell NYPD ผู้โดนยิงในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ทำให้ชาวนิวยอร์กต่างสนใจและเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกคนคุ้นตากับสัญลักษณ์นี้ แต่ New York Yankees ก็ไม่ได้นำรูปแบบดังกล่าวมาเป็นตราสโมสรในทันทีจนเมื่อในปี 1909 Bill Devery เจ้าของทีมร่วมของ New York
ปี 2000-2011 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง FORD และ Harley Davidson เคยร่วมมือกันผลิตรถกระบะออกมาโดยใช้รถโมเดลรุ่น Ford F-150 เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ภายนอกได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซต์รุ่นยอดนิยมอย่าง Harley Davidson Fat-Boy ซึ่งในเวลานั้นรูปลักษณ์ดุดันของมันทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชายที่ชื่นชอบ Premium Truck หลังจากหายไปนานกว่า 8 ปี วันนี้ Harley Davidson ก็อยากจะหวนคืนมันให้กลับมาอีกครั้งในปี 2019 ที่จะมาถึง วนมาครบรอบวันเกิด 115 ปี ยักษ์ใหญ่ของวงการ 2 ล้ออย่าง Harley Davidson พวกเขามีความคิดจะจัดแสดงพาหนะทั้งหมดที่เคยผลิตมาในพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Milwaukee, รัฐ Wisconsin ที่เดียวกับสำนักงานใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นคือ Ford F-150 Harley Davidson Edition ทว่ารถโมเดล F-150 ในครั้งนี้จะไม่ได้ถูกผลิตโดย Ford แต่ได้รับความร่วมมือกับ Tuscany Motor Co บริษัทผู้เชี่ยวชาญการผลิตรถยนต์