แบรนด์จะเติบโตเมื่อถูกจดจำ การออกแบบโลโก้จึงเรื่องแรก ๆ ที่ทุกแบรนด์ให้ความสำคัญ เพราะมันจะแปะบนสิ่งของทุกชิ้นเพื่อยืนยันตัวตนของแบรนด์นั้นและคล้ายเป็นการ QC คุณภาพกลาย ๆ จนทำให้โลโก้ได้รับการมองว่าเป็นของสูงเกินกว่าจะนำลงมาเล่นได้ แต่ Taku Omura นักออกแบบอารมณ์ดี creativity ครบเครื่อง พร้อมอารมณ์ขัน ได้นำเสนอสิ่งใหม่จากโลโก้แบรนด์ที่เรามองแล้วเห็นว่าน่าสนใจ เพราะเขาหยิบโลโก้ลงมาสร้างเป็นโปรดักส์เสียเอง แถมไม่น่าเชื่อว่ามันยังทำออกมาแล้วยังฟังก์ชันเหลือเชื่อ น่าหยิบมาใช้เสียจริง ๆ ลองมาดูกันว่าเขาจับโลโก้ไหนมาเล่นบ้าง แล้วเราคิดว่าชิ้นไหนเฉียบ น่าใช้ที่สุด? ADIDAS McDonald’s PlayStation® Adobe Creative Cloud HONDA Nike Louis Vuitton Toy R Us Twitter เราเชื่อว่าการเล่นสนุกของ Taku Omura ครั้งนี้คงไม่ทำให้เจ้าของแบรนด์โกรธ แต่อาจเปิดโลกทัศน์เพิ่มไอเดียการสร้าง souvenir ของแบรนด์ทำให้จดจำได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ก็เล่นมาอยู่ใกล้กันบนโต๊ะทำงานหรือตู้เสื้อผ้าขนาดนี้ ใครล่ะจะลืมลงว่าไหม?
อีกไม่กี่วันก็จะถึงคิวฉายภาพยนตร์แฟรนไชส์เอเลี่ยนอมตะอย่าง The Predetor 2018 แล้วโดยนับตั้งแต่หนังภาคแรกเข้าฉายในปี 1987 แม้บทบาทของตัวละครจะเป็นนักฆ่าเลือดเย็นแต่หลายครั้งบุคลิกและความเท่แบบไม่มีบทพูด กลับส่งผลให้ตัวละครนี้ได้รับความนิยมไปโดยปริยาย แถมยังมีอิทธิพลถึงขนาดทำให้เกิดไอเทมที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นตามมามากมายอีกด้วย ล่าสุด Reebox ก็เอากับเขาด้วย โดยได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากนักล่าสายพันธุ์ต่างดาวลงในโมเดลรองเท้าอย่าง Reebox DMX Run 10 โดย DMX Run 10 เวอร์ชันนี้มาพร้อมส่วน Upper ลวดลาย Camouflage เลียนแบบมาจากชุดล่องหนเอกลักษณ์ของตัวละคร Predetor พร้อมส่วน Mid-Sole สีขาวดูเหมือนกำลังจะพรางตัวไปพร้อมส่วนบน ด้านข้างมีการตกแต่งด้วยพิกัดทางทหารสีแดงและด้านในลิ้นรองเท้าซึ่งเขียนด้วยภาษา Predetor แปลได้ว่า “ฉันอยู่ตรงนี้” และ “หันหลังมาสิ” ชวนให้นึกถึงฉากจู่โจมในขณะที่เหยื่อไม่รู้ตัวตามแบบฉบับหนัง แต่ส่วนที่บ่งบอกตัวตนได้ชัดเจนคงจะเป็นเครื่องรางรูปหัวกะโหลกและกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนความดิบเถื่อนของนักล่ารายนี้ได้ชัดเจนที่สุด ไม่เพียงแค่ตัวรองเท้าเท่านั้นที่ถูกออกแบบอย่างเอาใจใส่ ในส่วนของ Packaging ของ DMX Run 10 Predator เองก็สร้างความฮือฮาได้ไม่แพ้กล่องแสนอลังแบบของแบรนด์ Air Jordan ด้วยเพราะมักถูกตกแต่งด้วยลวดลายแบบ Infrared Vision รวมไปถึงกล่องชั้นในที่เหมือนรองเท้ากำลังโดนสแกนอยู่ให้ความรู้สึกว่ามันมีชีวิตด้วยโทนสีอุ่นเหมือนมีอุณหภูมิร่างกายคล้ายกับตอน Predator กำลังมองเหยื่อให้ความรู้สึกร่วมตั้งแต่แกะกล่องแน่นอน
ก่อน Blue Ribbon Sport จะกลายเป็นแฟรนไชส์ผู้ผลิตรองเท้าที่ประสบความสำเร็จ และผันตัวเองมาเป็น Nike จนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดในอันดับ 18 ของโลกในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับชายผู้ให้กำเนิดอย่าง Phil Knight ผู้ทุ่มเททั้งชีวิตลองผิดลองถูกผลิตรองเท้าแต่ละรุ่นออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบการผลิตและพัฒนาพื้นรองเท้า (Out Sole) ซึ่งเรารู้จักในชื่อ Nike Waffle เรื่องราวเริ่มต้นจากฤดูร้อนในปี 1970 ยุคซึ่งถูกเรียกว่า Running Boom เมื่อ University of Oregon มีแผนจะพัฒนาลู่วิ่งของมหาวิทยาลัยจากพื้นดินแห้งกรอบเป็นยางสังเคราะห์ เพื่อให้นักกีฬาคุ้นชินกับสนามระดับมาตรฐาน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชายผู้มีบทบาทสำคัญอีกคนอย่าง Bill Bowerman โค้ชนักกรีฑาเบอร์ต้นของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาและก่อตั้ง Blue Ribbon Sport ได้รับการท้าทายเพื่อหารองเท้าที่เหมาะสมกับสนามแข่งขันใหม่ เพราะเมื่อมองดูในท้องตลาดแล้วไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้เลย ทำให้เวลาต่อมา Bill และ Phil ได้ร่วมมือกันพัฒนารองเท้าที่เหมาะสมกับต่อการวิ่ง รวมถึงสามารถใช้ได้กับพื้นผิวที่หลากหลายเป็นโจทย์หลัก เพราะเวลานั้นรองเท้าส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อรูปแบบของพื้นรองเท้าเท่าไหร่นัก ทั้งสองจึงมีความคิดว่าจะสร้างรองเท้าที่มีพื้นนู้นต่ำสลับกันตลอดแนวพื้นขึ้นมา เวลาผ่านไปไม่นาน Bill Bowerman ก็เดินเข้ามาในโรงงานผลิตรองเท้าพร้อมกับถาดเหล็กคล้ายกับที่ใช้ทำวาฟเฟิล ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อพิมพ์พื้นรองเท้าต้น โดยคู่แรกถูกสร้างด้วยมือตั้งแต่การวัดไซส์ตัด
Ford ฉลองครบ 50 ปีเพื่อระลึกถึงชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาในการแข่งขัน 24 Hour Le Mans ปี 1968, 1969 เหนือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Ferrari เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทีมนักขับในเวลานั้นอย่าง Pedro Rodriguez, Lucien Bianchi, Jacky Ickx , Jackie Oliver ด้วยการเผยโฉม GT Heritage Edition 2019 Ford GT Heritage Edition 2019 มาในเครื่องแบบเอกลักษณ์ของแชมป์สีส้มฟ้าที่เรียกว่า the Gulf livery ผู้สนับสนุนคนสำคัญในตอนนั้น โดยคาดกันว่ารุ่นปี 2019 จะสวมเครื่องแบบหมายเลข 9 ที่คว้าแชมป์ในปี 1968 และรุ่นปี 2020 จะใช้เครื่องแบบของรถหมายเลข 6 ที่ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปี 1969 ในการแข่งขันความอึด 24 Hour LE Man ครั้งที่ 36
งานที่เคร่งเครียดในปัจจุบันทำให้หนุ่ม ๆ ต้องนั่งติดเก้าอี้ ตาจ้องจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน เมื่อเป็นแบบนี้อาการตาล้า ผลกระทบจากแสงสีฟ้าตามมาแน่นอน ปัญหานี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ง่าย ๆ เสียด้วย เพราะลักษณะการทำงานยุคปัจจุบันเป็นแบบนี้ จะให้ลาออกก็คงไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นคงจะดีถ้ามีมุมให้พักสายตาระหว่างวันบ้าง แต่ในออฟฟิศไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ดูเคร่งเครียดไปหมด ไม่ผ่อนคลายเลย UNLOCKMEN วันนี้จึงมีสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ที่เรียบง่ายแต่ดีงามมาฝาก EcoQube C Plus อธิบายง่าย ๆ มันคือลูกผสมระหว่างกระถางต้นไม้และตู้ปลาขนาดย่อม แต่เพิ่มความสะดวกสบายตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ด้วยการที่ไม่ต้องรดน้ำ พืชที่คุณปลูกจะเติบโตจากพลังงานแสงอาทิตย์เทียมที่ส่องสว่างผ่านหลอดไฟที่ติดตั้งอยู่ด้านบน ซึ่งเจ้าหลอดไฟอัจฉริยะนี้ไม่ได้มีดีแค่ประโยชน์ แต่ยังสวยงามอีกด้วยเนื่องจากคุณสามารถเลือกสีสันของไฟได้ด้วยตัวของคุณเอง ถึงแม้ EcoQube C Plus จะใช้ระบบ All-In-One น้ำทั้งหมดไหลเวียนอยู่ในตัวเอง ไม่ต้องระบายน้ำทิ้ง ไม่ต้องเติมน้ำเพิ่ม แต่รับรองได้เลยว่าไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาดแน่นอน เนื่องจากใช้ตัวกรอง ‘Aquaponics’ ผลงานการออกแบบจากบริษัทตัวกรองน้ำชั้นนำ ‘Aqua Design Innovations’ ซึ่งระบบนี้เป็นตัวกรองที่มีความซับซ้อนถึง 3 ชั้น ดังนั้นรับประกันได้ว่าน้ำที่คุณใส่ไปตั้งแต่วันแรกใสแจ๋วแม้จะผ่านกาลเวลาไปอย่างยาวนาน ด้านบนของ EcoQube C Plus เป็นเหมือนกระถางต้นไม้เล็ก ๆ 5 กระถาง ทำให้คุณสามารถเลือกปลูกพืชได้ตามใจชอบได้แตกต่างกันถึง 5 ชนิด เรียกว่านอกจากจะเป็นที่ผ่อนคลายพักสายตาแล้วยังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของเราได้อีกต่างหาก ใครที่กำลังหามุมเล็ก
สำหรับหนุ่มคนไหนรักการตกแต่งพื้นที่ของตัวเองให้เป็นไปตามความชอบ คุมโทน คุมเรื่องราว ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือแม้แต่สตอรี่ของของตกแต่งชิ้นนั้น ๆ ก็สามารถมาเป็นสิ่งตกแต่งได้เช่นกัน เชื่อเถอะว่าหนุ่มประเภทนี้มักจะสอดส่ายสายตาไปที่ดีเทลของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่บ้าง และมองหาสิ่งที่จะมาเพิ่มเติมบ้าง UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่มที่ชื่นชอบ Interior Design มาดู Documentary ที่เราแนะนำซึ่งเกือบทั้งหมดสามารถหาดูได้ใน Netflix เผื่อว่าใครจะได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ไปไว้ใช้กับพื้นที่ของตัวเองกันบ้าง Amazing Interior บ้านหน้าตาธรรมดา ๆ หากมองจากภายนอก แต่พอได้ก้าวเข้าไปแล้วเราจะพบว่า Interior Design คือหัวใจสำคัญของบ้านหลังนั้น ๆ เพราะมันเปลี่ยนภายนอกที่น่าเบื่อ ธรรมดา เหมือน ๆ กันไปหมด ให้แตกต่างกันได้ตามความชอบของเราเอง ซึ่งเรื่องนี้จะพาเราไปดูบ้านเหล่านั้นที่ Interior Design ตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของเจ้าของแบบสุดขั้ว ไม่ใช่แค่การตกแต่งเล็กน้อย แขวนรูป ทาสี อะไรแบบนั้นแล้ว แต่ Beyond ไปถึงการทำพื้นที่นั้นให้กลายเป็นโลกส่วนตัวของเจ้าของจริง ๆ Stay Here ดีไซน์เนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จะพาเราไปดูพื้นที่เจ๋ง ๆ ที่เจ้าของเลือกจะเปลี่ยนมันให้เป็นที่พักแบบไม่เหมือนกันด้วย Interior Design
หลังจากเปิดตัวใน Detroit Auto Show 2018 ทำให้เราได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของ Ford Mustang GT รุ่นพิเศษอย่าง Mustang Bullitt 2019 Steve Mcqueen Editon เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของ Ford Mustang Bullitt 1968 Iconic Car จากภาพยนตร์ที่แสดงนำโดย The King of Cool ‘Steve McQueen’ ต้องขอเกริ่นก่อนว่า Steve Mcqueen มาเกี่ยวข้องกับรถรุ่นพิเศษนี้ได้ยังไง โดยต้องย้อนกลับไปในปี 1968 เมื่อเขารับแสดงในบท Frank Bullitt พระเอกของหนังชื่อว่า Bullitt ซึ่งการแสดงที่หมดจดของ Mcqueen และฉากขับรถไล่ล่าอันบ้าระห่ำระยะเวลา 9 นาที 42 วินาทีที่ได้สร้างความฮือฮาสำหรับวงการภาพยนตร์ในเวลานั้นส่งผลให้เขาโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก และรถที่ใช้ในเรื่องอย่าง Ford Mustang 1968 สี Highland Green ก็กลายเป็นตำนานไปด้วย
เดินทางเข้าสู่ปีที่ 90 แล้วสำหรับ Mickey Mouse ตัวการ์ตูน Iconic ซึ่งแน่นอนว่าต้องเคยผ่านตาผู้ชายอย่างเรากันมาบ้างในวัยเด็ก แต่ที่สำคัญกว่าคือในวาระนี้ มีการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 จิตวิญญาณลูกผู้ชาย หนึ่งคือ Vault by Vans และอีกหนึ่งคือ Disney โดยใช้การเล่าเรื่องผ่านศิลปินชื่อดัง 4 คน แถมเลือกใช้รองเท้า Signature High-Top อย่าง Vans OG SK8- Hi LX เป็นโมเดลหลักอีกด้วย ไปดูกันว่าคอลเลกชันไหนของใครจะโดนใจกันบ้าง x John Van Hamersveld ขาใหญ่วงการกราฟิกดีไซน์ตั้งแต่ยุค 60’s ผู้เคยออกแบบปกอัลบั้มให้กับศิลปินในตำนานอย่าง Jimi Hendrix, The Rolling Stone และยังทำงานเกี่ยวกับแวดวงดนตรีอีกมากมาย เขาเป็นเหมือนตัวแทนกราฟิกตี้ของชาวแคลิฟอร์เนียตอนใต้ โดยผลงานที่โดดเด่นคือการใช้สีสันเป็นตัวแทนอารมณ์การแสดงออก ผสมผสานความสดใสของการเล่นเซิร์ฟและดนตรี งานออกแบบครั้งนี้เขาแสดงมันผ่านตัวการ์ตูน Mickey Mouse แทนกลุ่มคลื่นที่พวกเราคุ้นเคย x Mark
ผู้ชายทุกคนมีเรื่องให้หลงใหลในชีวิตมากมายต่างกัน บ้างมี 2 บ้างมี 10 อยู่ที่ว่าอะไรทำให้เรามีความสุขได้ ถ้าทั้งสองสิ่งได้มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อสนองความอยากของตัวเอง เหมือนกับ James Turner ได้สร้าง Porsche 911 Paul Smith Artist Stripe ขึ้นมา โปรเจคส่วนตัวที่นำเอา The best of both world มารวมเข้าด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยมชิ้นนี้คือ Porsche 911 x Paul Smith Artist Stripe ที่งามงดหยดย้อย พึ่งผ่านการอวดโฉมในงานรวมยอดรถคลาสสิกอย่าง Le Mans Classic 2018 ไปหมาด ๆ และล่าสุดกับงาน GoodWood Festival Of Speed ในโอกาสฉลองวาระครบรอบ 70 ปีของ Porsche ในปีนี้ ซึ่งก็สวยเตะตาสุด ๆ ทั้งยามหยุดนิ่งและเมื่อโลดแล่นบนถนน จุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้เกิดจากความชื่นชอบส่วนตัวของ James
ห้องน้ำปลดทุกข์ บางทีก็กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เราทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เพราะดันลืนของมีค่าไว้! ร้อยทั้งร้อยในชีวิตของผู้ชายเราคงต้องมีสักครั้งที่เดินออกมานอกห้องน้ำสาธารณะไปสักพักแล้ว ต้องใส่เกียร์เท้าวิ่ง 4×100 กลับไปห้องเดิมเพราะดันลืมของสำคัญอย่างสมาร์ตโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ ซึ่งถ้าวันนั้นโชคดี ห้องน้ำห้องที่เราเข้าอาจจะยังไม่มีใครเข้าต่อ หรืออาจจะเจอคนใจดีเก็บไว้ให้ แต่ถ้าโชคร้าย ดวงซวย วันนั้นเราอาจจะต้องออกจากห้องน้ำมือเปล่า โดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือออกมาเลย โทษใครก็ไม่ได้ สาเหตุที่เราทำหาย ส่วนใหญ่เพราะระหว่างที่เรากำลังใช้งานของเหล่านั้นเพราะมันไม่อยู่ในระดับสายตา ถ้าไม่ใช่ตะขอแขวนตรงประตูที่อยู่เหนือหัวเรา ก็เป็นหลังพนักชักโครก ดังนั้น พอเราใส่ใจกับการชำระอวัยวะตรงหน้าหลังปลดทุกข์ เราก็เลิกแคร์ รีบเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่เหลียวหลังเพราะจะได้ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนปล่อยระเบิดไว้ ปัญหาเรื่องลืมของนี้จัดเป็นปัญหาระดับโลกก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลายที่ก็พยายามใช้วิธีในการเตือนสติกัน อย่างบ้านเราก็มีสติกเกอร์บนบานประตูที่บอกให้เช็กของก่อนออกจากห้องน้ำ แต่มันไม่ค่อยได้ผลอย่างที่เห็น ประเทศละเอียดอ่อนอย่างญี่ปุ่นเองก็ลืมบ่อยเช่นกัน เขาจึงคิดค้นวิธีแก้ปัญหานี้อย่างเฉียบ ไม่เปลืองต้นทุนด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวอย่างลูกบิด! NEXCO บริษัทธุรกิจรับเหมาก่อสร้างธุรกิจให้บริการพื้นที่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางหลวงสาขาฮอกไกโดในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ดีไซน์รูปแบบลูกบิดห้องน้ำแบบใหม่นี้และติดตั้งมันไว้กับห้องน้ำสาธารณะตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากพบปัญหาต้องพยายามส่งของหายเหล่านั้นคืนเจ้าของ ซึ่งต้องเปลือง man hour ของพนักงานโดยใช่เหตุเฉลี่ยประมาณ 30 ชั่วโมงต่อเดือน โดยจากผลสำรวจของกว่า 60% ที่ลืมไว้ในห้องน้ำก็คล้ายในบ้านเรา คือ สมาร์ทโฟน กระเป๋าสตางค์ หรือของเล็ก ๆ เช่นเดียวกับบ้านเรานั่นเอง ลูกบิดเตือนสติออกแบบให้มีขนาดแบนขนาดใหญ่แนวระนาบ 180 องศาเพื่อพลิกในการปิดเปิด สามารถใช้เป็นถาดวางของได้โดยรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 1 กิโลกรัม วางทั้งมือถือและกระเป๋าสตางค์ได้สบาย