เมื่อโลกเริ่มเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ก็พัฒนาไปตามระดับความชาญฉลาดของมนุษย์ แม้ในอดีตใครหลายคนจะคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องไกลตัว และคงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือปรับตัวให้ตามเท่าทัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน ‘เทคโนโลยี’ ที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาต่อยอด เริ่มแทรกตัวเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา และการใช้งานเทคโนโลยีก็กลายเป็นอีกกิจวัตรของผู้ชายหลายคนไปเสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว แถมเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับชีวิตเราจนไม่อาจเลี่ยงได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากนำไฮไลต์ของงานเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ‘CES 2020’ มาฝากหนุ่ม ๆ ทุกคน งาน CES (Consumer Electronics Show) หรือ CES 2020 เป็นงานจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 7-10 มกราคม 2020 ณ เมืองเนวาดาของรัฐลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 53 ตั้งแต่จัดงาน CES ครั้งแรกเมื่อปี 1957 ในงาน CES 2020 มีบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 4,500 บริษัท นำเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยที่พวกเขาพัฒนามาจัดแสดงให้ปรากฏต่อทุกสายตาของคนทั่วโลก เพื่อบอกถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนอนาคตของคุณให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Samsung Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยสุดเจ๋งในบ้าน
หากกล่าวถึง MAYA MUSIC FESTIVAL หลายคนคงจะคิดถึงงานดนตรีแนว EDM ระดับบิ๊กที่จัดเป็นประจำทุกปี ณ เมืองพัทยา งานเดียวที่จะทำให้เราได้แดนซ์แบบข้ามวันข้ามคืนไปกับบรรดาดีเจชั้นนำระดับโลก สุดเหวี่ยงไปกับแสงสีเสียงและบรรยากาศ จนหลายคนก็พูดปากต่อปากว่าหากปีหน้าจัดต้องมาซ้ำอีกแน่นอน สำหรับปี 2020 นี้ MAYA เขาก็จะครบรอบ 5 ปีเต็มพอดี ครั้งนี้เลยจัดใหญ่ใส่เต็มกว่าเดิม ด้วยการขยับขยาย LIVE STAGE ให้อินเตอร์กว่าที่เคย พวกเขาได้รวบรวมศิลปินแถวหน้าหลากหลายแนวมาไว้ให้คุณได้เต็มอิ่มในเวทีเดียว แถมบางวงยังเป็นวงรุ่นใหญ่ที่ไม่ได้หาดูกันง่าย ๆ งานนี้ใครซื้อบัตรแล้วบอกได้คำเดียวว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม มาทบทวนกันอีกครั้งว่าใน 6 วงนี้จะมีวงอะไรบ้าง เผื่อคนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไปดีจะได้ทราบข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจครับ H 3 F H3F คือวงคนไทยที่ทำเพลงสากล มีสมาชิก 3 คน ได้แก่ ก้อง แม็ก และหม่อม (ชื่อวงของเขาก็ย่อมาจากคำว่า Happy 3 Friends ครับ) แนวเพลงฟังสบายที่ผสมผสานดนตรีหลากหลายแนวเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น บลูส์ ฟังก์ โซล หรือร็อก กลมกล่อมลงตัว
“โปรดเห็นใจฉันหน่อย ปล่อยให้ตัวฉันไป” ประโยคเชือดเฉือนใจบนทำนองเศร้าซึมจาก Moving and Cut ได้เข้าไปครอบครองหัวใจใครหลายคน จนเหล่าสมาชิกศาลาคนเศร้าต่างสถาปนาตัวเองเป็นแฟนเพลงของเขา ตั้งแต่ยังมีสมาชิกวงเพียงคนเดียว และไม่ได้ทำเพลงกันเป็นอาชีพ บ้างก็พบเจอพวกเขาจาก Youtube ได้ยินผ่านคลื่นวิทยุเพลงอินดี้ หรือรู้จักผ่านเพลย์ลิสต์เพลงเศร้าในช่องทางสตรีมมิงต่าง ๆ เรื่องมันเริ่มจาก มีน (นักร้องนำ) เริ่มปล่อยเพลงที่เขาทำเองลงบน Youtube โดยตั้งใจให้สิ่งนี้เป็นเพียงงานอดิเรก จนกระทั่งเพลงที่ปล่อยไว้เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจ ยอดวิวพิ่มพูนขึ้นและเกิดการติดต่อจ้างงาน Moving and Cut ให้ไปเล่นสด ๆ ต่อหน้าผู้ชม ทำให้มีนตัดสินใจชวนสมาชิกที่เหลือมารวมตัวกัน ได้แก่ การ์ตูน เพื่อนสมัยเรียนลาดกระบังมาเป็นมือซินธิไซเซอร์ บุ๊ค มาเป็นมือกีตาร์ ต้น มาเป็นมือกลอง และ ต้นหยาง อดีตสมาชิกวง SomeMary มาเป็นมือเบส ก็เป็นอันสมบูรณ์ครบในที่สุด จากจุดเริ่มต้นที่สวยงามสู่คอนเสิร์ตสุดประทับใจที่เพิ่งผ่านมาในอีเวนต์คอนเสิร์ตต่อเนื่องตลอด 5 วันในเชียงใหม่งาน “Independence Day” (สัปดาห์แห่งการปลดปล่อย) ที่จัดขึ้นโดย LEO หลายคนยังคงประทับใจการขึ้นเวทีแสดงสดวันสุดท้ายของพวกเขาและยังกระหายเรื่องราวเพิ่มขึ้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงมาเยือนเขาถึงบ้านพักย่านพระโขนง สถานที่รวมตัวของสมาชิกวง
มินิ (MINI) ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ครองใจผู้คนทั่วโลก เพราะยนตรกรรมของมินิไม่เคยมีคำว่าธรรมดา และรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้นก็ล้วนเกิดจาก Passion ที่จะสร้างรถยนต์เพื่อผู้คนทั่วโลก ตั้งแต่วันแรกจนถึงปีนี้ที่มินิเดินทางมาครบรอบ 60 ปี ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1959 มินิเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกสู่ตลาด ก่อนจะสร้างตำนานรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ โดยไม่มีรถค่ายไหนสามารถเลียนแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์การขับขี่แบบ Go-Krat Feeling และยังคงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาเรียกเสียงฮือฮาจนถึงปัจจุบัน ในโอกาสที่มินิมีอายุครบรอบ 60 ปี มินิ ประเทศไทย จัดกิจกรรมเป็นของขวัญตลอดทั้งปี พร้อมส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้แฟน ๆ มินิชาวไทยในงาน Motor Expo 2019 ด้วยการเปิดตัวโมเดลรถยนต์ใหม่ออกมาถึง 3 รุ่นด้วยกัน วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปชมความพิเศษของบูธ MINI ในงาน Motor Expo 2019 มาดูกันว่าภายในบูธปีนี้จะสวยงามแค่ไหน และถือโอกาสทำความรู้จักกับรถคันใหม่ทั้ง 3 รุ่นที่ มินิ ประเทศไทย ขนมาอวดโฉมให้ทุกคนได้ชม พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับ MINIster ชาวไทยเท่านั้น เมื่อมาบูธของ MINI
จบไปแล้วกับงาน Coca-Cola Presents Siam Music Festival 2019 กลางสยามสแควร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อชวนวัยมันส์ วัยซ่ามาสร้างประสบการณ์ทางดนตรีและเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายสถิติโลกจาก Guinness World Records: Longest Toast Relay หรือการต่อโต๊ะกินอาหารร่วมกันที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ UNLOCKMEN ไม่พลาด ตามติดไปเก็บบรรยากาศมาฝากกันด้วย แค่เริ่มต้นเดินเข้าสยามฯ มาช่วงกลางวันก็เจอไฮไลต์ของงานแล้ว คือการเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญทุบสถิติโลกที่โค้กเขาจัดให้ ตอนแรกเราก็ยังตื่นเต้นว่า Longest Toast Relay จะออกมาเป็นแบบไหน มันจะยากเกินกว่าจะเข้าร่วมไหม แต่พอรับฟังที่มาแคมเปญเข้าไปจริง ๆ ก็ใจชื้น เพราะสกิลที่เราต้องมีคือแค่ Enjoy กับมื้ออาหารสตรีตฟู้ดบนโต๊ะและจิบโค้ก ต่อโต๊ะกินข้าวให้ยาวเพื่อเข้าคอนเซ็ปต์ ‘เปลี่ยนมื้อธรรมดา เป็นช่วงเวลาพิเศษ’ ซึ่งไม่ได้ต่างจากปกติที่เราทำเป็นประจำ กิจกรรมเริ่มต้นเมื่อผู้เข้าร่วมงานในเสื้อโค้กสีแดงทยอยเข้ามาในบริเวณพื้นที่จัดงานสร้างสถิติใหม่ เริ่มขยับจัดโต๊ะ ต่อโต๊ะกินอาหารด้วยกันเป็นแนวยาว มองแล้วงานนี้ร่วม ๆ พันกว่าคน (เช็กจำนวนตามหลังระบุว่า 1,300 คน) หลายคนพาเพื่อน พี่น้อง ครอบครัวมา ส่วนเราที่มาลำพังได้เจอเพื่อนใหม่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะและทำความรู้จักกัน
60 ปี ถือเป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในชีวิตคนเรา ยิ่งถ้าพูดถึงสิ่งที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราได้นานถึง 60 ปี ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ สิ่งของ หรือสถานที่ ระยะเวลา 60 ปีนับเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นเยี่ยมว่าสิ่งนั้น “ทรงคุณค่า” มากเพียงใด ปี 1959 คือช่วงเวลาที่ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักกับ MINI (มินิ) ในฐานะรถยนต์ไซซ์เล็กสไตล์อังกฤษที่มาพร้อมดีไซน์สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่สมรรถนะก็ไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงอายุการใช้งานที่ทนทาน ทั้งนี้จึงกลายมาเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ผู้คนหลงใหลรถยนต์ของมินิ จนกลายเป็นรถคู่ใจของผู้คนทั่วทุกมุมโลก จนกระทั่งเดินทางเข้าสู่ปีที่ 60 แล้ว ไม่เพียงแค่ผู้คนทั่วโลกเท่านั้น ชาวไทยยังไว้วางใจรถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์ว่ารถยนต์มินิทรงคุณค่าในสายตาชาวไทยอยู่เสมอ ในวาระครบรอบ 60 ปี มินิ ประเทศไทย จึงอยากมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคนรักรถมินิในประเทศไทยในงาน MINI THAILAND UNITED 2019 ที่มาพร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น โต๋-ศักดิ์สิทธิ์, ว่าน-ธนกฤต, ทอม-อิศรา รวมถึงวง ETC วง Season Five และคู่หูดูโอ้ในตำนานขวัญใจหนุ่ม ๆ อย่าง Triumps
“เราอาจเคยหลงใหลใช้เวลาร่วมกันชั่วขณะหนึ่ง แล้วเราก็พรากจากกัน พลัดหล่นหายไปในกาลเวลา” – โชติรส นาคสุทธิ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนต้องเคยเอาตัวเองไปผูกไว้กับใครสักคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการผูกมัดที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามที เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อเข้าใจกันและกัน ไม่ต่างจากศิลปะหรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ระหว่างคนสองคน ต่างต้องใช้เวลาเพื่อคุ้นเคย ผูกพันเพื่อใกล้ชิด และคลายปมเชือกเพื่อจากลา เมื่อชีวิตความสัมพันธ์ของเราละม้ายคล้ายกับศิลปะที่ใช้เชือกพันธนาการร่างกายของมนุษย์อย่าง Shibari (ชิบาริ) จนบางครั้งแยกไม่ออก UNLOCKMEN จึงต้องการลงลึกสู่รายละเอียดทุกเรื่องที่สงสัย ดื่มด่ำกับทุกพันธนาการ จนให้กำเนิดอีเวนต์อาร์ต ๆ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมค้นหากันว่าศิลปะ พันธนาการ ดนตรี และความสัมพันธ์ มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรในงาน SHIBARI WORKSHOP x GARAGE: “FREEDOM FROM BONDAGE อีเวนต์เดียวแต่กลับได้ร่วมวงสนทนากับ Unnamedminor หญิงสาวที่เชี่ยวชาญเรื่อง ‘การมัด’ สไตล์ชิบาริอย่างลึกซึ้ง และลูกแก้ว-โชติรส หญิงสาวผู้บอกเล่าความสัมพันธ์อันหลากหลายออกมาเป็นตัวอักษรและพึงพอใจกับ ‘อิสระ’ ในความสัมพันธ์ ทั้งคู่นั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างสถานการณ์ เพื่อค้นหาว่าการมัดกับอิสระจากความสัมพันธ์สามารถมาบรรจบกันได้หรือไม่ ก่อนสัมผัสกับบทสนทนาชวนให้คิดตามหรือดูการรัดรึงด้วยตาของตัวเอง แค่ก้าวเข้ามาภายในสตูดิโอเราจะเห็นโปสเตอร์ที่แปะเรียงราย ม่านสีแดง แสงไฟสลัว ควันจาง ๆ ดนตรีที่เปิดคลอ และเชือกกับห่วงที่ถูกห้อยไว้กลางห้อง โหมบรรยากาศรอบตัวให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น ถ้อยคำเต็มไปด้วยความรู้สึกของลูกแก้วที่เอื้อนเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไปจนถึงหลายคน
“ทุกวัน…ผมเริ่มห่างไกลจากความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที” ประโยคที่เหมือนดักตีหัวระหว่าง scroll เจอในโลกออนไลน์กับโปสเตอร์งานที่เห็นครึ่งคนครึ่งเหี้ย ทำให้เราตัดสินใจกันทันทีว่าชาว UNLOCKMEN ต้องไปดูงานนี้ให้ได้ ยิ่งพอไปดูกับตัวแล้วเจอความรู้สึกบวก ๆ เกินความคาดคิด ยิ่งทำให้ต้องมาบอกต่อ ก่อนจะไปว้าวกับภาพงานที่เราเอามาฝาก ซึ่งเรารับรองว่าคุณจะสนุกกว่าถ้าไปเล่น ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ขอเกริ่นเรื่องศิลปินที่สร้างงานชิ้นนี้ขึ้นมาก่อน พวกเขาคือ “Living Spirits” กลุ่ม Art Collective ที่หลายคนเคยได้ยินหรือรู้จักจากงาน Light Installation เพราะเขาคือกลุ่มตัวแทนคนไทยที่ไปจัดแสดงงานในสิงคโปร์ ผลงานของพวกเขาเน้นการตั้งคำถาม การรับฟัง และเชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นให้ผู้คนเข้าใจและเกิดการรับรู้ผ่านศิลปะ “I GONE WILD (everyday)” ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมเรื่องการตั้งคำถามและรับฟังแปรมาเป็นงานศิลป์ให้เราเข้าถึง เขานำคอนเซ็ปต์ของภาพจำ เหตุการณ์ในเมืองหลวงที่คุ้นตา ปัญหาที่ไม่เคยถูกแก้ไขหรือแก้แล้วยังวนลูปกลับมาเป็นซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเราต้องเคยเห็น เผลอ ๆ หลายอย่างเราก็ต้องเคยทำ โดยเอามาล้อเลียนกับสำนวนภาษาของคนไทยเปรียบเทียบให้ดูตลก กัดเบา ๆ แต่ทำให้เรารู้สึกอมยิ้มตาม ภายในนิทรรศการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในพื้นที่เดียวกัน ส่วนแรกเป็นภาพติดผนัง และส่วนที่เป็นไฮไลต์คือเจ้าโมเดล 3d print สีขาวเทา จำลองภาพเหตุการณ์ในเมืองที่เราต้องหยิบกระจก (Tablet)
ผู้ชายอย่างเราต่างชื่นชอบความท้าทายและการเอาชนะเป้าหมาย เพราะไม่ว่าขีดจำกัดที่ตัวเองตั้งเอาไว้จะยากแค่ไหน แต่หากเราทำได้สำเร็จนั่นคือการพิสูจน์ว่า ตัวเรามีศักยภาพมากพอที่จะทำเรื่องที่ยากหรือเหนือขีดจำกัดของตัวเองได้ การวิ่งมาราธอนคือหนึ่งในกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ หลายคนใช้ท้าทายขีดจำกัดของร่างกายและวินัยในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เริ่มต้นวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือคนที่ฝึกซ้อมจริงจังโดยมีเป้าหมายคือพิชิตการแข่งขันมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์สักครั้งในชีวิต และเรารู้ว่าทุกคนกำลังมองหารายการแข่งขันที่ท้าทายกันอยู่ BMW Berlin Marathon คือ 1 ใน 6 การแข่งขันมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์ที่คนทั่วโลกสนใจและต้องการเข้าร่วมมากที่สุด เพราะการแข่งขันที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1974 ณ ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี รายการนี้ถือเป็นสนามมาราธอนที่มีชื่อเสียงในหลายด้าน ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของอากาศหรือความสวยงามตลอดสองข้างทาง ทำให้แต่ละปีมีนักวิ่งมาราธอนจากทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน BMW Berlin Marathon ยังเป็นสนามวิ่งที่เหมาะสมที่จะท้าทายสถิติการวิ่งของตัวเอง เพราะนี่คือหนึ่งในสนามที่มีปัจจัยเหมาะสมจะวิ่งมาราธอน เพราะเป็นสนามที่มีทางโค้งน้อยและอยู่ในระดับความสูงจากน้ำทะเลที่เหมาะสม รวมถึงอุณหภูมิซึ่งอยู่ระหว่าง 14-18 องศาเซลเซียส ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้ BMW Berlin Marathon เป็นรายการแข่งขันที่เหล่านักวิ่งระดับตำนานมาฝากสถิติโลกเอาไว้มากที่สุด รวมถึงสถิติโลกปัจจุบันที่ Eliud Kipchoge ทำได้ในปี 2018 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 1 นาที 39 วินาที
ผู้ชายอย่างเราต่างหลงใหลในความสนุกและบรรยากาศของเทศกาลดนตรีคุณภาพ และในปีที่ผ่านมาหากใครมีโอกาสเดินทางไปร่วมสนุกกับงาน JAM FEST ซึ่งจัดขึ้นโดยค่ายเพลง What The Duck และ Jameson คงจะรู้สึกได้ถึงความสนุกสนาน รวมถึงได้ซึมซับประสบการณ์ทางดนตรีอันยอดเยี่ยม จนต้องเฝ้ารองานครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้น มาในปีนี้เทศกาลดนตรีอย่าง JAM FEST กลับมาอีกครั้งแบบยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก่อนที่เราจะได้พบกับความสนุกของ JAM FEST 2019 เรามาอุ่นเครื่องด้วยการทำความรู้จัก ความเป็นมา รวมถึงสิ่งพิเศษที่เราจะได้พบกันในงานครั้งนี้ ผ่านบทสนทนากับสองหัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง พี่มอย-สามขวัญ ต้นสมพงษ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งค่ายเพลง What The Duck และคุณเควนติน จ็อบ Managing Director จาก Pernod Ricard Thailand เริ่มกันที่คุณเควนติน จ็อบ ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่ของการทำงานในประเทศไทยแล้ว หลังจากเข้ามาทำงานในเมืองไทย มองเห็นทิศทางและความท้าทายอะไรในตลาดเครื่องดื่มของเมืองไทยบ้าง คุณเควนติน: ผมเริ่มต้นทำงานกับทาง Pernod Ricard Thailand มาประมาณ 20 ปี ส่วนในประเทศไทยปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 แต่ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสมาประเทศไทยเมื่อ