หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนเพลงของวง The Who เตรียมตัวเสียเงินกันได้เลย เพราะแบรนด์รองเท้าอย่าง Dr.Martens เตรียมปล่อยแคปซูล Fall/Winter 2019 ที่ภายในคอลเลกชันประกอบไปด้วยรองเท้า 5 คู่ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากวงร็อกสุดเก๋าจากประเทศอังกฤษ The Who สุดยอดวงดนตรีระดับตำนานของ 4 หนุ่มจากกรุงลอนดอนซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 1964 และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นด้วยผลงาน 12 สตูดิโออัลบั้ม แม้ว่าพวกเขาต้องสูญเสียสมาชิกวงอย่าง Keith Moon ไปในปี 1978 และ John Entwistle ในปี 2002 แต่ผู้คนยังจำความสำเร็จที่พวกเขาเคยสร้างไว้ในยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองได้ นอกจากนั้นภาพลักษณ์ของวงยังทำให้หนุ่ม ๆ ชาวอังกฤษหันมาสนใจ Sub-Culture ที่เรียกกันว่า Mod อีกด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้แบรนด์รองเท้าอย่าง Dr.Martens เลือกหยิบยกความยิ่งใหญ่ของพวกเขามาถ่ายทอดสู่รองเท้าของตัวเองโดยคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปภาพสุดเก๋าในปี 1967 ตอนที่ Pete Townshend มือกีตาร์ของวงเลือกสวม Dr.Martens 1460 Boots รองเท้ารุ่น Iconic ขึ้นไปโชว์ลวดลายอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต ภายในคอลเลกชันประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 5
หลังจากไม่ได้ร่วมงานคอลแลปส์รองเท้ามาช่วงหนึ่ง ดูเหมือนแบรนด์สตรีตอย่าง Palace จะทนรอปล่อยของไม่ไหวอีกต่อไป ล่าสุดพวกเขาเพิ่งปล่อยภาพรองเท้าซึ่งเป็นผลงานร่วมกับค่ายกีฬาสุดเก๋าอย่าง Adidas Originals Palace x Adidas Original งานคอลแลปส์ชุดล่าสุดเลือกใช้ Superstar โมเดลรองเท้าสุด Iconic มาถ่ายทอดไอเดียโดยผลิตออกมาทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ Black White และ Neon ให้เลือกสีตามสไตล์ที่ชอบ มีทั้งเรียบหรูและฉูดฉาดบาดตา เรียกว่าต้องถูกใจหนุ่ม ๆ สาวกค่ายสามขีดและชาวสตรีตทั่วโลกกันแน่นอน Palace x Adidas Originals Superstar ทั้งสามคู่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว ทั้งปรับเปลี่ยนวัสดุ วางและเลือกใช้สัญลักษณ์อย่างพิถีพิถัน เริ่มจากส่วน Upper ที่เลือกหนังคุณภาพสูงมาใช้งาน ด้านข้างของตัวรองเท้าวางด้วยลวดลาย 3 ขีด รวมถึงการเจาะรูเล็ก ๆ เรียงเป็นแพตเทิร์นและปักคำว่า Palace สีทองไว้ที่ส่วนข้างเท้าด้านนอก จุดเปลี่ยนเด่น ๆ คือลิ้นรองเท้าที่มีป้ายพิเศษประจำรุ่น รวมถึงมีโลโก้ของ Palace และ Adidas วางไว้ในกรอบเดียวกันทับสัญลักษณ์รูปคน ด้านล่างสกรีนคำว่า “Das Logo Mit 3
ไม่นานมานี้ Vans ออกรองเท้าคอลเลกชันพิเศษ Harry Potter เอาใจผู้ชื่นชอบเรื่องราวของโลกเวทมนตร์ และหลังจากที่ปล่อยข่าวออกมาได้เกือบเดือนและเหล่ามักเกิ้ลก็คาดเดาวันวางจำหน่ายรองเท้าคอลเลกชันนี้กันไปต่าง ๆ นานา บ้างก็เดาว่าจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของ J.K.Rowling และ Harry Potter แต่แท้จริงแล้ววันวางขายรองเท้าไม่ไกลอย่างที่คิด รองเท้า Sk8-Hi หุ้มข้อสีแดงลายทางสลับสีทอง ตัวแทนของสิงห์คำรามแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ สีแดงและสีทองที่เข้ากันถูกตัดด้วยยางสีขาวตรงพื้นรองเท้า รวมถึงสีดำบริเวณด้านหน้าและรายละเอียดเล็ก ๆ ตรงด้านหลัง ประกอบกับเชือกรองเท้าสีดำที่เพิ่มความรู้สึกมั่นคง กล้าหาญตามแบบกริฟฟินดอร์ ตรงลิ้นรองเท้าและด้านข้างของสนีกเกอร์ก็ไม่ลืมประทับตราสัญลักษณ์ราชสีห์คำรามเอาไว้ด้วย เมื่อมีเรื่องราวของบ้านกริฟฟินดอร์แล้วก็ต้องตามมาด้วยบ้านสลิธีรินผู้เป็นคู่กัดตลอดกาล ในครั้งนี้ Vans หยิบสัตว์ร้ายในตำนานที่เป็นสัญลักษณ์ของบ้านสลิธีรีนอย่างบาซิลิสก์ที่อาศัยอยู่ในห้องแห่งความลับมาเป็นตัวชูโรงให้กับรองเท้าผ้าใบ หนังสีดำบริเวณด้านหน้าและบริเวณส้นรองเท้าด้านหลังถูกออกแบบให้คล้ายกับเกล็ดงู ส่วนตรงกลางใช้สีเขียวซึ่งเป็นสีประจำบ้านสลิธิรีนมาทำลวดลายคล้ายกับหนังของสัตว์เลื้อยคลาน และตัดสีเขียวด้วยเชือกรองเท้าสีดำที่มาพร้อมกับตราสัญลักษณ์บ้านสลิธีรินตรงลิ้นรองเท้า บ้านฮัฟเฟิลพัฟจะมากับรองเท้ารุ่น Classic Slip-On ด้วยดีไซน์และสีอาจทำให้บางคนอาจมองว่าเรียบเกินไป แต่ด้วยความเรียบจะทำให้ตราสัญลักษณ์ตัวแบดเจอร์ตรงกลางรองเท้าโดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งสีสุดคลาสสิกอย่างสีดำและสีเหลืองที่เป็นสีประจำบ้านของฮัฟเฟิลพัฟ ส่งให้รองเท้าเล่าคุณสมบัติของเด็กฮัฟเฟิลพัฟไปในตัว เพราะเด็ก ๆ ในบ้านนี้ก็เก่งกาจมากความสามารถไม่แพ้ใครแต่จะไม่ทำตัวโดดเด่นและป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าฉันน่ะเจ๋ง เรเวนคลอที่โดดเด่นเรื่องไหวพริบและมันสมองที่หลักแหลม กับประโยคคำขวัญบอกตัวตนอย่าง เชาวน์ปัญญาเหนือคณานับ คือขุมทรัพย์มหาศาล ที่บอกให้รู้เลยว่าสติปัญญาคือสิ่งที่เด็ก ๆ บ้านเรเวนคลอจะต้องมีมากกว่าคนอื่น เรื่องราวและสีประจำบ้านที่เปรียบเหมือนตัวแทนความเฉลียวฉลาดของฮอกวอตส์จึงอยู่บนรองเท้ารุ่น Authentic
แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike ยังให้ความสำคัญกับแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องโดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ โดยล่าสุดพวกเขาเลือกแสดงออกผ่านคอลเลกชันใหม่ในชื่อ BETURE ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกียรติแก่ผู้คิดค้น TheRainbow Flag 100 เปอร์เซ็นต์คือคะแนนที่ทาง Nike ได้จากการทำแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอดช่วงระยะเวลา 17 ปี ทั้งยังสนับสนุนองค์กร LGBTQ มากกว่า 20 แห่งและนับตั้งแต่ปี 2012 พวกเขามอบเงินสนับสนุนต่อมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศไปกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 112,000,000 ล้านบาทผ่านทาง Charities Aid Foundation of America อย่างไรก็ตามแคมเปญทั้งหมดไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงการบริจาคเท่านั้น เมื่อค่าย Swoosh ตัดสินใจปล่อยคอลเลกชัน BETURE 2019 โดยไอเทมทุกชิ้นแต่งแต้มด้วยสีสันจาก Rainbow Flag ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวของ LGBTQ มาอย่างยาวนาน แคปซูลดังกล่าวพวกเขาตั้งใจทำออกมาเพื่อให้เกียรติกับ Gilbert Baker ศิลปินผู้สร้างสรรค์และริเริ่มใช้ Rainbow Flag เป็นตั้งแรกตั้งแต่ปี 1978 จนกลายสัญลักษณ์ในการแสดงออกของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมายาวนานกว่า 40 ปี BETRUE ประกอบไปด้วย 4
สนีกเกอร์ถือเป็นอีกหนึ่งของสะสมสำหรับเหล่าผู้ชื่นชอบการแต่งตัว หนุ่ม ๆ หลายคนพยายามตามหาเพื่อให้ได้รองเท้ารุ่นดังที่ชื่นชอบมาครอบครอง ซึ่งอาการหลงใหลและเลือกสะสมรองเท้าผ้าใบรุ่นตำนานของผู้ชายอย่างบ้างคลั่งนี้เองทำให้เกิดไอเดียสุดเท่ เลือกนำรองเท้าสุดคลาสสิกสามรุ่นของ Nike มารวมกันอยู่ในสนีกเกอร์คู่เดียว! EJDER ร้านค้าออนไลน์ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของแบรนด์แฟชั่นหลายเจ้า โดดเด่นเรื่องผลงานจัดจ้านและไอเทมแฟชั่นแบบร่วมสมัย และ Ziv Lee ผู้ผลิตรองเท้าทำมือจากฮ่องกง ปลุกกระแสสนีกเกอร์ในเกาะอังกฤษให้ร้อนแรงขึ้นด้วยการหยิบรองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกสามรุ่นของ Nike อย่าง Nike Air Force 1 กับ SB Dunk และ Air Jordan 1 มาเล่าเรื่องใหม่ในสไตล์ตัวเอง จุดเด่นของสนีกเกอร์ของ EJDER อยู่ที่ดีไซน์ฟิวส์ชั่นของรองเท้าผ้าใบสามรุ่น ทั้ง SB Dunk สุดคลาสสิกยอดฮิตตลอดกาลร่วมกับ Air Force 1 ที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินโดยสารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นแรกของ Nike ที่มีเทคโนโลยี Air และรุ่นสุดฮิตอย่าง Air Jordan 1 ก็ถูกรวบไว้ในสนีกเกอร์คู่เดียวผ่านการผลิตโดย Ziv Lee นอกจากการนำรองเท้ารุ่นดังทั้งสามของ Nike มารวมกันแล้ว
หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับสไตล์ที่เรียกว่า Goth หรือ Gothic แฟชั่นลึกลับสุดดาร์ก เน้นการสวมใส่สีดำเป็นหลัก มีการแต่งหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนขอบตาดำ กรีดอายไลน์เนอร์สีดำ หรือทาปากสีเข้ม ๆ เป็นต้น (ทั้งหญิงทั้งชาย) หากใครคิดไม่ออก ให้ลองคิดถึง Robert Smith วง The Cure หรือ Siouxsie Sioux วง Siouxsie and the Banshees ที่ถูกจัดเป็นตัวพ่อและตัวแม่แห่งแฟชั่นชนิดนี้ดูก็น่าจะนึกออก แท้จริงแล้ววัฒนธรรมแบบ Classic Gothic ถือกำเนิดตั้งแต่ศตวรรษ 2-3 จุดเริ่มต้นไม่ต่างจากกลุ่ม Punk เสียเท่าไหร่ เพราะเกิดขึ้นจากการต่อต้านสังคมเหมือนกัน เพียงแต่ Goth มาจากการต่อต้านนักบวชและศาสนาที่ใช้อำนาจในทางไม่ชอบธรรม นับว่าเป็นอีกวัฒนธรรมที่มีประวัติเก่าแก่มายาวนาน จนเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป Goth ก็ยังไม่จางหาย แต่ถูกนำมาประยุกต์ ดัดแปลง ให้ทันสมัยมากขึ้น และเริ่มเฟื่องฟูอีกครั้งในหมู่ศิลปินเพลงร็อกและโพสต์พังค์ในช่วง 80 นั่นเอง เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 90 ศิลปินแนว Industrial Rock อย่าง Nine
วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อต้าน เต็มไปด้วยความคิดนอกกรอบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง รวมถึงการแสดงออกเพื่อให้สังคมยอมรับ ในประเทศญี่ปุ่นก็มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมถึงแฟชั่นที่จัดจ้านโดดเด่น ที่คนทั่วไปเรียกเด็กเหล่านี้ว่า “แยงกี้” UNLOCKMEN สนใจเรื่องราวของกลุ่มแยงกี้และจะพาไปทำความรู้จักกับแก๊งเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นให้มากขึ้นว่าพวกเขาเป็นใคร มีแฟชั่นแบบไหน คิดอะไรอยู่ และทำไมถึงกลายเป็นคนชายขอบของสังคมญี่ปุ่น แท้จริงแล้ว “แยงกี้” คืออะไร ? แยงกี้เป็นคำที่เกิดขึ้นช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา สำหรับคนทั่วโลกเวลาเรียกแยงกี้จะหมายถึงคนอเมริกันแบบรวม คล้ายกับคำเหยียดดูหมิ่นกลาย ๆ แต่สำหรับคนอเมริกันเองจะมองว่าแยงกี้คือคำที่ใช้เรียกคนทางภาคเหนือของประเทศ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แยงกี้กลายเป็นคำเรียกของทีมเบสบอลชื่อดังของนิวยอร์ก แต่สำหรับแยงกี้ในญี่ปุ่นจะเป็นคำเรียกของนักเลง เด็กเกเรที่ต่อต้านสังคม แยงกี้สไตล์ญี่ปุ่น ความเข้าใจร่วมกันของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อคำว่า “แยงกี้” คือกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีวัฒนธรรมและความคิดเฉพาะตัว มีมุมมองหลายเรื่องแตกต่างกับคนอื่น ๆ ในสังคม เช่น แฟชั่น เสื้อผ้า ความชื่นชอบการ์ตูนต่อสู้ อาวุธ การแต่งรถ และค่านิยมแบบลูกผู้ชายญี่ปุ่น ตามคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของคนญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของแยงกี้เกิดขึ้นในย่านอเมริกามูระ เมืองโอซาก้าปี 1960-1970 ช่วงเวลาแห่งความสูญเสียจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นบอบช้ำอย่างหนักจากการแพ้สงคราม สภาวะบ้านเมืองย่ำแย่ ผู้คนอยู่ในความสับสน
แม้หลายแบรนด์แฟชั่นจะผลิตรองเท้าคอลเลกชันใหม่มาประจันหน้ากันไม่หยุดหย่อน แต่ถ้าพูดถึงความคลาสสิกและความร่วมสมัยที่ถูกใจผู้ชายอย่างเรา คงไม่มีแบรนด์ไหนโค่นล้ม GUCCI ไปได้แน่นอน คราวนี้ GUCCI กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อแฟชั่น slide sandal อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรองเท้าแตะสองคอลเลกชันใหม่สุดเท่ LOGO LEATHER RUBBER SLIDE และ GG CUT-OUT RUBBER SLIDE ที่ดีไซน์พื้นรองเท้าให้นุ่มเบาสบายเหมาะสำหรับใส่ในช่วงร้อน ๆ ฝน ๆ แบบนี้ เสริมความเฟี้ยวด้วยหนังคุณภาพ 2 แบบ 2 สไตล์ สะท้อน DNA แบรนด์ไฮเอนด์ที่คงความร่วมสมัยมาตั้งแต่ยุคแรกของวงการแฟชั่น LOGO LEATHER RUBBER SLIDE รองเท้าแตะสีดำแบบคาดที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดกีฬาย้อนยุค ผลิตด้วยหนัง embossed leather ผ่านการตกแต่งผิวให้เรียบเนียนก่อนจะนำไปเคลือบและอัดลายตามแม่พิมพ์ เพิ่มความแข็งแรงทนทานในการยึดเกาะด้วยสายรัด velvro คุณภาพเยี่ยม ด้านหน้าออกแบบลายปั๊มนูนสีส้มเขียนว่า “GUCCI” ใช้ฟอนต์ย้อนยุคสไตล์ SEGA-esque house จากบริษัทผลิตวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น ก่อนจะล้อมรอบลายปั๊มนูนสีส้มอีกชั้นด้วยลายเส้นสีขาวบางให้ดูคลาสสิกและร่วมสมัยตามแบบฉบับ GUCCI GG CUT-OUT RUBBER
คนส่วนมากรู้จัก Tom Hiddleston พระเอกหนุ่มเมืองผู้ดีจากบทบาทของ Loki ตัวร้ายที่ครองใจผู้คนจากภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel แต่สำหรับคนในวงการแฟชั่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวจะรู้จักเขาในด้านเจ้าพ่อชุดสูทที่มักแต่งตัวเนี้ยบเสมอทุกครั้งที่ออกงาน ด้วยความเท่ที่ไม่น้อยหน้าใครจึงทำให้ UNLOCKMEN อยากนำสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มเจ้าสำอางมาแบ่งปันให้ได้ชมกันว่าแต่ละสถานการณ์เขาแต่งตัวอย่างไรบ้าง วันสบาย ๆ สไตล์ Hiddleston ก่อนหน้าที่คนจะสนใจเรื่องแฟชั่นของ Tom Hiddleston มักโฟกัสไปที่โปรไฟล์อันเพียบพร้อม จบการศึกษาจากสถาบันดังของเขา ทั้งช่วงมัธยมจาก Eton College โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ และจบจากมหาวิทยาลัย Cambridge แม้จะมีโปรไฟล์ที่ดูเท่และเข้าถึงยาก แต่วันทั่ว ๆ ไปของหนุ่ม Hiddleston ก็แต่งตัวสบาย ๆ อย่างตอนออกเดตเรามักจะเห็นเขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีพื้นโดยเฉพาะสีฟ้าและน้ำเงินกับรองเท้าหนังกลับอยู่บ่อยครั้ง นอกจากเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีเข้ากันกับกางเกงและรองเท้าหนัง อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือเข็มขัดหนังแบบเรียบที่จะทำให้วันเบา ๆ ของ Hiddleston ดูดีทุกกระเบียดนิ้วเข้ากับทุกสถานการณ์ เนี้ยบเรียบหรูบนงานพรมแดง ภาพลักษณ์สะอาดเกลี้ยงเกลาของ Hiddleston ตั้งแต่ใบหน้าที่เขามักจะโกนหนวดเคราก่อนถ่ายแบบและออกงานเสมอ ประกอบกับเสื้อผ้าที่เขามักสวมใส่ออกงานพรมแดงเป็นชุดสูทและทักซิโด้สั่งตัดเข้ารูปพอดีตัวและกางเกงสีเข้ากัน ฝ่าเท้ารองรับด้วยรองเท้าหนังเงาวับแบบ oxfords ใส่คู่กับเนกไท polka-dot บางครั้งสีสันจากเนกไทช่วยทำให้การแต่งตัวออกงานไม่เคร่งขรึมและน่าเบื่อ สังเกตได้ว่า Tom
สงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในประเด็น Talk Of The Town ในกรณีของ Huewei กับ Google เพียงเท่านั้น ทว่าความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจครั้งนี้อาจส่งผลโดยตรงต่อเหล่าหนุ่ม ๆ ผู้หลงใหลรองเท้าทั่วโลกด้วย เมื่อสินค้าประเภทรองเท้าถูกใส่เป็นหนึ่งในรายชื่อสินค้าที่ถูกเพิ่มกำแพงภาษี หาก Trade War ครั้งนี้ยังดำเนินต่อไป สนีกเกอร์เฮดอย่างเรา ๆ อาจต้องเผชิญกับราคารองเท้าที่เพิ่มสูงขึ้น ขึ้นภาษีในฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุด หลังสหรัฐอเมริกาเปิดเผยรายชื่อสินค้ากว่า 6,000 รายการที่กำแพงภาษีเพิ่มขึ้นอีก 25 เปอร์เซ็นต์ โดยคิดเป็นเป็นมูลค่ารวมกว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหล่าสนีกเกอร์เฮดก็ต้องกุมขมับเพราะสินค้าอย่างรองเท้าก็ถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อสินค้าขึ้นภาษีเหล่านั้นด้วย เดือดร้อนถึงบริษัทผู้ผลิตรองเท้ากว่า 173 แห่งต้องร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก เพื่อพูดถึงผลกระทบที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคจะต้องพบเจอจากนโยบายครั้งนี้ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อตลาดรองเท้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกอย่างแน่นอน Footwear Distribution and Retailers of America (FDRA) หรือองค์กรนำเข้า-ส่งออกรองเท้าแห่งสหรัฐอเมริกาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกที่แบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ทั้ง Nike, Adidas, Converse, Under Armour, Foot Locker, Clarks, Crocs,