เดือนพฤษภาคมถือเป็นอีกเดือนที่อุดมไปด้วย “วันหยุด” ที่เราจะได้หยุดงานนอนตีพุงหรือไปเที่ยวไหนต่อไหนให้ชุ่มปอด แต่ COVID-19 ก็ทำให้โลกทัศน์วันหยุดเราต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วันหยุดจำนวนมากแต่ไม่อาจออกไปไหนได้ (เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและผู้อื่น) รวมถึงสถานที่หลายแห่งที่ยังต้องปิดตามมาตรการของรัฐและเคอร์ฟิว ทำให้วันหยุด (และวันธรรมดา) ของเดือนพฤษภาคม 2020 นี้ มีแต่บ้าน บ้าน บ้าน และบ้านเท่านั้น โชคดีที่เราอยู่ในโลกยุคที่บ้านยังมีทีวี อินเทอร์เน็ต และสตรีมมิงให้ได้ท่องเที่ยว เดินทางไปกับหนัง ซีรีส์ สารคดี ฯลฯ การอยู่บ้านจึงน่าเบื่อน้อยลง ดังนั้นพฤษภาคมนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้วันหยุดไปกับอะไร เราแวะเอาคอนเทนต์จาก NETFLIX มาให้เลือกสรร The Godfather ความดีงามของระบบสตรีมมิงคือการที่เราจะดูเมื่อใด หยุดเมื่อใดก็ได้ หนังทั้งเรื่องเป็นของเรา การได้ดูที่มีหลาย ๆ ภาคในวันหยุดยาวแบบฉ่ำใจจึงเหมือนเป็นการได้เสพของอร่อยเต็มอิ่มของคอหนัง โดยเฉพาะเมื่อหนังเรื่องนั้นเป็นหนังระดับตำนาน จะมีอะไรดีกว่านี้อีก? The Godfather คงไม่ใช่หนังใหม่อะไร (แต่เราเชื่อว่าหลายคนก็อาจยังไม่เคยดู) ใครที่เคยดูแล้วก็ถือเป็นโอกาสอันดีในช่วงเดือนที่วันหยุดเยอะได้ย้อนกลับมาดูหนังแก๊งสเตอร์ระดับตำนานเรื่องนี้อีกหน The Godfather เรื่องราวว่าด้วยครอบครัวมาเฟียที่ไม่ได้มุ่งไปที่อาชญากรรมโดยตรง แต่ให้ฟีลรุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง โคตรมาเฟียที่ไม่ต้องข้องแวะกับความเป็นอันธพาล แต่อหังการตราตรึงใจนักวิจารณ์และคนดูแม้เวลาผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ตาม ความดีงามคือมาครบทั้ง
อยู่คนเดียวมากี่วันแล้ว? โดดเดี่ยวแค่ไหน? รู้สึกเดียวดายบ้างหรือเปล่า? สถานการณ์ COVID-19 บีบคั้นให้ใครหลายคนต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางลมหายใจลำพังนั้นบางครั้งเราเผลอพูดกับตัวเอง บางทีหัวเราะท้องแข็งกับโพสต์จากเฟซบุ๊กแล้วจะหันไปแชร์กับใครสักคน แต่ตรงนั้นกลับมีเพียงอากาศว่างเปล่า หรืออย่างร้ายวินาทีที่เครียด กดดัน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าคืออะไร น้ำอุ่น ๆ เอ่อไหลออกจากตา อยากหาไหล่ใครสักคนไว้ซับความเศร้า ก็กลับพบเพียงตัวเองกับหมอนใบเดิม เราเลยตั้งใจเอา ‘6 หนังมนุษย์เดียวดาย’ มาอยู่เป็นเพื่อน ใช่ มันไม่ได้ทำให้โดดเดี่ยวน้อยลง (บางเรื่องอาจเข้าถึงแก่นความโดดเดี่ยวเป็นเท่าทวี) แต่ในทุกเรื่องนี้จะพาเราทุกคนไปสำรวจความหมายของลมหายใจลำพัง ชีวิตโดดเดี่ยว และแต่ละวันอันเดียวดาย ในรูปแบบที่อาจทำให้เรามองความเดียวดายรายวันของเราในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นได้… Moon ความโดดเดี่ยวของใครหลายคนในวันนี้อาจชวนให้อึดอัด เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะต้องกักตัวเดียวดายไปถึงเมื่อไร? มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน? ในทางกลับกัน ถ้าเรารู้ว่าเราต้องโดดเดี่ยวเป็นเวลาเท่าไร และจะได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของทุกคนที่เรารักอย่างปกติ มันจะดีกว่ากันจริงหรือเปล่า? Moon คือหนังที่ว่าด้วยนักบินอวกาศที่ได้รับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ หน้าที่ของเขาก็คือภารกิจ 3 ปีเต็มบนดวงจันทร์ตะปุ่มตะป่ำ แม้จะเดียวดาย แต่ก็รู้แน่ชัดว่าหลังจาก 3 ปี เขาจะได้คืนกลับมาตุภูมิ แต่ความลึกซึ้งของ Moon ไม่ได้พาเราไปสำรวจชีวิตประจำวันของนักบินอวกาศที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวเป็นเวลานานเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เราตะลึงพรึงเพริด และชวนให้ขบคิดเรื่องชีวิตของเรา ความเป็นมนุษย์ เทคโนโลยี
ไม่ว่าการอยู่บ้านจะทำให้เรามีเวลาแวบจากการทำงานไปเสพสารพัดความบันเทิง ทั้งดูซีรีส์ เล่น Tik-Tok เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่นานอาการจิตตกจากการทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อาจจะทำให้เราเกิดอารมณ์ไม่อยากจะทำอย่างนั้นอีกต่อไป เบื่อจะฟังเพลง เบื่อดูหนัง เบื่อทุกสิ่งที่เสพไปโดยปริยาย พอสุขภาพจิตกำลังทรุดโทรม Netflix เลยจับจังหวะนี้ปล่อยซีรีส์ใหม่ทาง Instagram เพื่อโฟกัสเรื่องการดูแลตัวเองและสภาพจิตใจระหว่างอยู่บ้านจากภาวะ Covid-19 โดยซีรีส์เรื่องนี้จะฉายทาง Instagram Live เวลา 1 ทุ่ม (PT) นำเสนอฟีเจอร์ที่รวบรวมดาราวัยรุ่นดังจากโชว์และภาพยนตร์ Netflix หลายเรื่องที่เราคุ้นเคย เช่น “To All the Boys I’ve Loved Before” “The Kissing Booth” “Stranger Things” “Cheer” และ “13 Reasons Why.” ตัวอย่างของนักแสดงที่ยืนยันว่าเข้ามามีส่วนร่วมกับซีรีส์เฉพาะกิจ เปิดเผยรายชื่อมาแล้ว ได้แก่ Noah Centineo จากเรื่อง To
“วัยเด็กของผมโตมากับยอดมนุษย์ 5 สี” UNLOCKMEN เชื่อว่าเด็กผู้ชายอีกไม่น้อยต่างเคยดูซีรีส์ญี่ปุ่นแนวโทะกุซัตสึ วันเสาร์-อาทิตย์ รีบแหกขี้ตาตื่นมานั่งอยู่หน้าทีวีรอดูตำรวจเหล็กจีบัน โกเรนเจอร์ ตำรวจอวกาศเกียบันผู้บัญญัติศัพท์คำว่า “บรรยากาศมาคุ” หรือนินจาจอมคาถาอาราชิ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้วันวานของพวกเราจะกลับมาอีกครั้งบนแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Youtube บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ การ์ตูน รายการโทรทัศน์ชื่อดังของญี่ปุ่น Toei Tokusatsu (โตเอะ โทกูซัตสึ) ยอดมนุษย์และเหล่าขบวนการพิทักษ์โลกชื่อดังจากยุค 60-90 ตัดสินใจก้าวตามกระแสของโลกด้วยการเปิดช่องใน Youtube ในชื่อว่า Toei Tokusatsu World Official ที่ลงซีรีส์สุดเก๋าให้เราได้ชมกันหลังจากที่ไม่ได้ดูมานานจนบางคนอาจลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว ถือว่าเปิดตัวได้เหมาะกับสถานการณ์โลกไม่น้อย เพราะเวลานี้ใคร ๆ ก็ต้องนอนอยู่ในบ้านกันทั้งนั้น ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องหาอะไรมานั่งดูแก้เบื่อ และช่องของ Toei Tokusatsu World Official ก็เตรียมจัดเต็มลงซีรีส์ที่ตัวเองมีกันรัว ๆ ทั้งขบวนการ 5 จอมพิฆาตโกเรนเจอร์ (Himitsu Sentai Goranger 1975) ที่ถือเป็นขบวนการ 5 สี แก๊งแรกของโลกที่ถูกสร้างเป็นหนัง เป็นผู้บุกเบิกมนุษย์สี ๆ
เชื่อไหมครับว่าภาพยนตร์หลายพันเรื่องที่เคยผ่านตาเรา ล้วนสอดแทรกโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจเอาไว้ และถ้าคุณหลงใหลงานดีไซน์มากพอก็คงจะรับรู้ได้ เนื่องจากสถาปัตยกรรมเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อมนุษย์ แถมยังครอบคลุมตั้งแต่การพักอาศัยไปจนถึงการใช้ชีวิต การออกแบบสถาปัตยกรรมจึงนับว่ามีบทบาทไม่น้อยต่อภาพยนตร์ นอกจากจะเป็นฉากหลังประกอบเนื้อเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสายตาผู้ชมแล้ว สถาปัตยกรรมในแต่ละฉากตอนยังสะท้อนถึงสภาพสังคม วัฒนธรรม รวมถึงยุคสมัยที่ปรากฏในภาพยนตร์แต่ละเรื่องได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นรายละเอียดเล็ก ๆ ของงานสถาปัตยกรรมยังช่วยเสริมแนวคิดตลอดจนเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ให้เด่นชัดขึ้นในเวลาเดียวกัน แล้วนี่คือภาพยนตร์ 5 เรื่อง 5 รสชาติที่ซ่อนความพิเศษทางสถาปัตยกรรมบางอย่างที่เราอยากให้คุณได้รับชม! PARASITE, 2019 ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีของผู้กำกับ Bong Joon-ho ที่นอกจากจะคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและอีกหลายรางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์ ยังซ่อนผลงานสถาปัตยกรรมสุดน่าทึ่งเอาไว้ด้วย เนื้อเรื่องของ Parasite เล่าถึงครอบครัวต่างฐานะของเกาหลีใต้ที่ฝั่งหนึ่งใช้ชีวิตสุขสบายในคฤหาสน์หรู แต่อีกฝั่งต้องกัดฟันสู้ชีวิตท่ามกลางสภาพสังคมที่เหลื่อมล้ำ ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการเสียดสีสังคมและเผยให้เห็นช่องโหว่ของคนรวยกับจนอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยให้ผู้ชมซึมซับความต่างระหว่างชนชั้นคือผลงานสถาปัตยกรรมในเรื่องนี้ ผนังหน้าบ้านของครอบครัวคนรวยดีไซน์ด้วยกำแพงสูงทึบตัน ที่ช่วยแบ่งกั้นระหว่างภายในกับภายนอกอย่างชัดเจน ทางเดินเข้าบ้านยกระดับให้สูงขึ้นสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย และเหมือนบอกโดยนัยว่าไม่ต้องการให้ใครเข้าถึงง่าย ภายในยังสร้างบันไดไว้บริเวณจุดศูนย์กลางบ้านช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น แม้จะใช้กระจกบานกว้างเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและบ่งบอกถึงรสนิยมหรูหรา แต่กลับเลือกเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นที่ดูเรียบง่ายมาตกแต่ง บวกกับโทนสีในบ้านและเปลือกนอกอาคารที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับบอกว่าบ้านหลังนี้ซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ BLACK PANTHER, 2018 แม้แต่ Black Panther ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ลำดับที่ 8 ในจักรวาลมาเวล ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยของสถาปัตยกรรมผังเมืองฝีมือ Zaha Hadid สถาปนิกหญิงชื่อก้องโลกผู้คร่ำหวอดในแวดวงสถาปัตยกรรม
เคยจินตนาการตัวเองตอนตกอยู่ในสถานการณ์กดดันกันบ้างไหม ? บ่อยครั้งที่พวกเรา UNLOCKMEN นึกถึงตัวเองตอนตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในหนังซอมบี้ หรือการเอาตัวรอดจากฉลามกลางทะเล ถ้าเกิดเราติดเกาะจะอดตายไหม ในสถานการณ์บีบคั้นที่ทำให้เราต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะหนี แล้วถ้าหนีต้องหนีให้รอด ถือเป็นการวัดใจและท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์ว่าเราจะสามารถดึงเอาสัญชาตญาณการเอาตัวรอดออกมาใช้ ได้มากแค่ไหน ภาพยนตร์เอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด 10 เรื่อง ที่ UNLOCKMEN คัดมาให้ในวันนี้เผยให้เห็นการคิด การตัดสินใจที่หลากหลาย หากเราตกอยู่ในอันตรายหรือบาดเจ็บ สภาพแวดล้อมและสิ่งของรอบตัวกับไหวพริบที่มีจะช่วยอะไรเราได้บ้าง THE REVENANT (2015) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องรอด! หนังแอกชันกึ่งชีวประวัติของ Hugh Glass (นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio) ต้องออกเดินทางสำรวจดินแดนในโลกใหม่ เขานำทีมลงสำรวจพื้นที่ แต่การผจญภัยต้องเกิดปัญหาเมื่อคนในคณะถูกหมีกริซลี่ทำร้ายจนทำให้การเดินทางช้าลง ซึ่งการไปแบบช้า ๆ ส่งผลเสียร้ายแรงเพราะการอยู่กลางป่านาน ๆ อาจทำให้ทุกคนในทีมเกิดอันตราย นอกจากนี้ยังมีปัญหาใหญ่ที่ตามมาว่าเราจะเลือกไปต่อแบบช้า ๆ หรือจะฆ่าเพื่อนเพื่อให้งานที่ทำไว้ไปต่ออย่างราบรื่น ? The Revenant (2015) เล่าถึงเส้นทางชีวิตที่ต้องตัดสินใจ ท่ามกลางการบีบคั้น คนที่เหลือต้องไปต่อเพื่อเอาชีวิตรอด รวมถึงเรื่องราวความแค้นที่รอวันชำระ ชวนให้กลับมานั่งคิดใหม่อีกครั้งว่าระหว่างหมียักษ์ที่ดุร้ายกับจิตใจแสนโหดเหี้ยมของมนุษย์ สิ่งไหนน่ากลัวกว่ากัน
ตอนนี้ใคร ๆ ก็ต้องอยู่บ้าน รวมถึงพวกเราชาว UNLOCKMEN ต้องอยู่ติดบ้าน พยายามออกไปข้างนอกให้น้อยเท่าที่จะทำได้ และการนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในพื้นที่เดิมอาจทำให้เราเบื่อหน่าย บางคนดูหนังจนไม่รู้ว่าจะดูเรื่องอะไรแล้วก็มี จึงทำให้วันนี้เราอยากแนะนำแอนิเมชันที่ฉายบนระบบสตรีมมิง Netflix ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนขี้เบื่อ แอนิเมชัน 7SEEDS สร้างจากมังงะที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนรายเดือนโชโจปี 2001 และนิตยสารการ์ตูนรายเดือนฟลาวเวอร์ในปี 2002 ผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ของทามูระ ยูมิ (Tamura Yumi) นักเขียนมังงะสไตล์สดใสที่คนไทยชอบเรียกกันว่า “การ์ตูนตาหวาน” แต่ถึงจะตาหวานภาพสวยน่ารักแต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของอาจารย์ยูมิมักมีเนื้อหาแหวกแนวจากการ์ตูนตาหวานเรื่องอื่น ๆ 7SEED จะเล่าเรื่องราวของคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้สักแห่งหนึ่งของโลก เด็กสาวชื่อ ‘นัตสึ’ ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่บนเรือลำหนึ่งกลางมหาสมุทรกับคนแปลกหน้าอีกสองคน พวกเขาสามารถขึ้นฝั่งบนเกาะที่ไม่รู้จัก แถมพบว่ายังมีคนอื่นที่ติดอยู่บนเกาะด้วยเหมือนกัน ผู้รอดชีวิตทั้งนักเรียนมัธยมปลาย นักดนตรี ตำรวจหญิง แต่ละคนล้วนอุปนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างต้องงัดความรู้และไหวพริบเท่าที่มีทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดบนเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด เรื่องราวการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ทำให้เราลืมภาพการ์ตูนตาหวานไปจนหมดสิ้น เพราะเนื้อหาของมังงะเรื่องนี้เล่นกับจิตใจคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีคนที่เชื่อมั่นสุดหัวใจว่าหากร่วมมือกันทุกคนจะต้องออกไปจากเกาะให้ได้ และก็มีบางคนเชื่อว่ามนุษย์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว ดำรงชีวิตอยู่บนเกาะโดยไม่ต้องพยายามหาทางออกไป จนทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่าหรือถ้าเป็นเองจะเลือกอยู่บนเกาะหรือไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ? “ที่นั่น มีแต่ภาพแห่งความสิ้นหวัง” แท้จริงแล้วมนุษย์ถูกจับมาอยู่รวมกันโดยโครงการ 7SEEDS เพื่อค้นหาเมล็ดพันธุ์ยอดเยี่ยมจากกลุ่มเซอร์ไววัลมาเป็นต้นแบบเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษย์จากเหตุการณ์บางอย่างที่อาจทำให้เกิดการสูญพันธุ์ ท่ามกลางการ์ตูนภาพสวยกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวหนักอึ้ง
ชีวิตการลงทุนมันโหดร้าย จนมีคนไปทำเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง แล้วทำไมเราถึงจะไม่ศึกษาจากสิ่งรอบตัวหละ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ทำให้ใครหลายคนวิตกจริตและใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุขไปตาม ๆ กัน ไหนจะต้องหมั่นขัดถูมือจนแทบถลอก ใส่หน้ากากอนามัยจนปวดใบหู หรือกักเก็บตัวอยู่ในบ้านหลายสิบวันอย่างหดหู่โดยที่ไม่ได้ออกไปไหน ความรู้สึกที่ต้องหมกตัวอุดอู้อยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ทุกวี่วันไม่ได้ทำให้คุ้นชินแต่อย่างใด หากทำให้ผู้คนเริ่มโหยหาการออกไปข้างนอก การเดินทางไกล และอยากหนีห่างจากบ้านที่ผูกพันธนาการพวกเขาเอาไว้ในช่วงที่ไวรัสระบาดหนักเช่นนี้ แม้แต่ประเทศเยอรมนีที่ดูจะจัดการวิกฤติโคโรนาไวรัสครั้งนี้ได้ดีกว่าบ้านเราและนานาประเทศ ก็ไม่อาจละความรู้สึกโหยหาที่จะออกเดินทางไปไหนไกล ๆ ได้ แถมชาวเยอรมันยังรู้สึกว่าตนติดอยู่ในบ้านนานและอาจนานเกินไป ยิ่งมาตรการกักตัวเข้มข้นรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งทำให้ความปรารถนาที่จะออกไปไหนไกล ๆ ทวีขึ้นมากเท่านั้น พลังแห่งความโหยหาของชาวเยอรมันจึงเริ่มแทรกซึมไปในแทบทุกแคว้นของประเทศ จนคำศัพท์ “Fernweh” ซึ่งนิยามถึงความโหยหาที่จะเดินทางไกลถูกนำกลับมาพูดใหม่ในยุคนี้อีกครั้ง ความโหยหาที่จะเดินทางไปให้ไกลสุดลูกหูลูกตา Fernweh (แฟรน-เวฮ์) เป็นคำนามภาษาเยอรมันที่เคยปรากฏในหนังสือภาษาอังกฤษ ‘The Basis of Social Relation’ ของ Daniel Garrison Brinton ผู้เขียนอธิบายคำนี้ว่าเป็นความปรารถนาสุดลึกซึ้งหรือความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอันเนื่องมาจากระยะทางไกล ในภาษาอังกฤษจึงถอดความหมายออกมาเป็น “Distance Sickening” หรือ “Far Woe” ทว่า Christiane Alsop อธิบายถึง Fernweh ในบทความวิชาการเรื่อง Home
ถ้าเลือกได้ เราเชื่อว่าไม่มีใครต้องการให้ชีวิตตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก แต่เพราะชีวิตไม่ได้อยู่ในมือเราเสมอไป เราจึงต้องเผชิญสิ่งที่ไม่เป็นไปอย่างใจหวัง โดยเฉพาะห้วงเวลาที่วิกฤตไวรัสส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ต่อความเครียด และสภาพเศรษฐกิจ UNLOCKMEN เข้าใจดีว่าทุกคนกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ เราเองก็อยากอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ คุณเพื่อบอกว่าต่อให้ “ชีวิตมันเศร้า แต่เราจะไม่ยอมแพ้” เราจะผ่านมันไปด้วยกัน และถ้าแค่คำพูดมันไม่เพียงพอ เราอยากชวนดูหนัง 5 เรื่องที่จะให้เข้าใจความหมายของการ “ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา” เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ในบางชั่วขณะของชีวิต เราต้องหาบ่อน้ำแห่งความหวังมาปลอบโยนหัวใจที่กำลังเหนื่อยล้าไว้บ้าง และเราหวังว่าหนัง 5 เรื่องนี้จะช่วยให้หัวใจของทุกคนมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาได้บ้าง Unbroken ถ้าคุณเชื่อว่าชีวิตคือกราฟ ลงสุด และขึ้นสุดได้จากการไม่ยอมแพ้เพียงหนึ่งครั้ง คุณอาจต้องคิดใหม่ Unbroken คือหนังที่สร้างจากเค้าโครงชีวิตของหลุยส์ ลูอี้ แซมเพอรินี มนุษย์ผู้เริ่มจากศูนย์ พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด ก่อนจะร่วงหล่น ทุกข์ทรมาน แล้วทะยานขึ้นไปได้ใหม่ เพราะหัวใจนักสู้ของเขาที่ไม่เคยหมดหวังที่จะก้าวสู่วันที่ดีกว่า หนังเล่าเรื่องราวของ หลุยส์ ลูอี้ แซมเพอรินี ตั้งแต่วัยเด็กที่มีพื้นเพเป็นผู้อพยพ และใช้ชีวิตแบบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ลักเล็กขโมยน้อย จนกระทั่งเขาพบความฝันยิ่งใหญ่แห่งชีวิตคือการเป็นนักวิ่งลมกรด เขาไม่ฝันเปล่า ๆ แต่พยายามและไม่ยอมแพ้ จนเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่คว้าชัยชนะและทำให้ผู้คนทั่วโลกประหลาดใจในความสามารถเขามาแล้ว แต่กราฟชีวิตที่พุ่งสูงไม่ได้การันตีว่าชีวิตจะมีความสุขตลอดไปเช่นในนิทาน