“ความสง่างาม” คือคุณสมบัติที่ผู้ชายหลายคนใฝ่หา เพราะความสง่างามคือส่วนผสมอันลงตัวจากทั้งภายในและภายนอก การเป็นผู้ชายสง่างามจึงต้องมีองค์ประกอบสารพัดที่แสดงถึงความเนี้ยบ ความเรียบหรู และความมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Attitude ที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองและผู้อื่น เพราะ ELEGANCE IS AN ATTITUDE การสง่างามจากทัศนคติที่พิถีพิถัน จึงนำมาสู่ภายนอกที่เนี้ยบตามไปด้วย ถ้าจะให้พูดถึงความสง่างามที่ทั้งเรียบหรู น่าเกรงขาม ผู้ชายอย่างเราคงนึกถึงความสง่างามในแบบ “จอมราชันย์” เนื่องจากเต็มไปด้วยภาพลักษณ์แสนสง่าฟันฝ่าทุกอุปสรรคอันตราย พร้อม ๆ กับความน่าเคารพยำเกรง ควบคู่กับ Attitude แน่แน่วในแบบที่ผูชายล้วนอยากครอบครองความสง่างามแบบนี้ได้สักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ตามความสง่างามแบบจอมราชันย์นั้น เมื่อมาโลดแล่นอยู่บนภาพยนตร์หรือซีรีส์สักเรื่องแล้ว การสรรสร้างให้ตัวละครที่รับบทกษัตริย์นั้นสง่างาม เนี้ยบได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หลายครั้งผู้ชมรับรู้ว่าคนนี้รับบทกษัตริย์แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความสง่างามจากตัวละครนั้น แต่ “The King: Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ” ซีรีส์เกาหลีที่กำลังฉายทาง Netflix และใคร ๆ ก็พูดถึงอยู่ตอนนี้ กลับทำได้อย่างไร้ที่ติ โดย Lee Min Ho ผู้รับบทกษัตริย์อีกนผู้ต้องเดินทางข้ามเวลามาในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อพิชิตภารกิจสุดท้าทายนั้นเป็นตัวแทนความสง่างามไร้กาลเวลาได้อย่างน่าทึ่ง กษัตริย์อีกนแห่ง The King: Eternal
โลกไม่เคยใจดีกับเรา คนอื่นก็เช่นกัน หลายครั้งมีคนช่วยเหลือ แต่ก็หลายหนที่หันไปทางไหนจะพึ่งใครก็มืดหม่น หรือในบางสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่เป็นดังใจ หน้าที่การงานไม่เป็นอย่างที่หวัง และคนทุกคนก็ล้วนตกอยู่ในความย่ำแย่พอ ๆ กัน คนเดียวที่เหลืออยู่ให้พึ่งพิงได้ก็คือ “ตัวเราเอง” การรักและใจดีกับตัวเองมาก ๆ โดยเฉพาะในวันที่หนทางเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้จะไม่ง่าย แต่หากโลกทั้งใบใจร้ายกับเรา แล้วเรายังโบยตีตัวเอง โทษตัวเองซ้ำ ๆ แล้วจะเหลือพลังที่ไหนให้ลุกขึ้นสู้ต่อ? ดังนั้นแม้โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ตราบใดที่ยังหายใจ มารักและให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ เข้าไว้ ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นฝึกรักและปลุกพลังให้ตัวเองอย่างไร ลองเริ่มต้นด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนัง 5 เรื่องนี้ Little Miss Sunshine ถ้าชีวิตคือการแข่งขัน ใคร ๆ ก็อยากครองตำแหน่งผู้ชนะ วิ่ง เหนื่อย สู้ แพ้ หดหู่ วิ่งใหม่ เหนื่อยใหม่ แย่งชิงตำแหน่งผู้ชนะหนึ่งเดียวจนแทบขาดใจ สายตาจับจ้องจนหลงลืมไปว่าการแพ้มันเลวร้ายขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? และการแพ้ในมาตรฐานการแข่งขันที่ไม่เคยสนใจความหลากหลายของมนุษย์ และมุ่งเปลี่ยนให้เราเดินตามทางเดียวกันหมดมันน่าเสียใจมากน้อยแค่ไหน? Little Miss Sunshine จะพาเราขึ้นรถโฟล์คสีเหลืองบุโรทั่งไปกับครอบครัว (ที่ถ้าตัดสินจากมาตรฐานสังคมก็อาจบอกว่าพวกเขาคือ)
Snowpiercer เป็นชื่อขบวนรถไฟที่มีจำนวนโบกี้ 1,001 ตู้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับยุคน้ำแข็งใหม่ของโลก ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของโครงการแก้ปัญหาโลกร้อน การปล่อยสารเคมีชื่อ CW-7 สู่ชั้นบรรยากาศของโลก กลับทำให้โลกกลายเป็นหนาวเย็นอุณหภูมิติดลบ 80 องศา อารมณ์คล้ายเรือโนอาห์ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าได้ลงโทษมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก แต่ก็ได้สร้างเรือโนอาห์ไว้เพื่อส่งต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์ของเหล่าสรรพสัตว์ ความแตกต่างกันอยู่ที่การคัดเลือกผู้รอดชีวิตที่จะได้สิทธิ์ขึ้นมาเป็นผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Snowpiercer นั้นจะต้องใช้เงินซื้อตั๋วเพื่อทำให้เขาและครอบครัวกลายเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายบนรถไฟที่วิ่งวนรอบโลกอย่างไม่มีวันหยุด เมื่อกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์สิน ผู้คนที่จะสามารถขึ้นรถไฟขบวนนี้ จึงเป็นชนชั้นนำที่มีทรัพย์สินมากพอที่จะมาเป็นผู้โดยสารรถด่วนขบวนนี้ เมื่อข่าวกระจายออกไป ก่อนขบวนรถไฟจะออกจากชานชาลาก็เกิดการจลาจลขึ้น เหล่าคนผู้คนรวมกลุ่มกันพยายามจะขึ้นรถไฟขบวนนี้เพื่อเอาชีวิตรอดบางกลุ่มสามารถขึ้นรถไฟมาได้แต่ก็ต้องถูกจำกัดพื้นที่ และคุณภาพชีวิตแบ่งเป็นชนชั้นต่าง ๆ ตู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 … ชั้น 3 และกลุ่มคนที่ไม่มีตั๋วขึ้นรถไฟเรียกว่าพวกท้ายขบวน เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อระบบของรถไฟถูกแบ่งแยกเป็นชนชั้นต่าง ๆ คุณภาพชีวิต และสิทธิ์ที่จะได้รับของแต่ละชนชั้นจึงไม่เท่าเทียมกัน ทำให้พวกกลุ่มท้ายขบวนมีความคิดลุกฮือเพื่อก่อการกบฎและยึดครองส่วนหัวรถจักร นำไปสู่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ความเป็นคนและตั้งคำถามกับระบบในรถไฟขบวนนี้ เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับวิกฤตกาลครั้งใหญ่ คนที่มีทรัพยากรมากพอย่อมมีโอกาสเอาชีวิตรอดมากกว่าคนที่ไม่พร้อม ทุกคนพร้อมจะดิ้นรนเพื่อให้เราและครอบครัวได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น แม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงไหน หรือต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม พล็อตที่ว่ามานี้มากจากผลงาน Graphic Novel เรื่อง Le Transperceneige (1982) นิยายภาพสัญชาติฝรั่งเศสของ
ถ้าจะมีสักช่วงวัยที่ทิ้งคราบน้ำตาและความทรงจำปวดเจ็บยากลืมเลือนไว้ในชีวิตเราได้มากพอ ๆ กับที่ฝากเสียงหัวเราะและเรื่องราวชวนอุ่นในใจเอาไว้ วันวัยที่ว่านั้นก็คงเป็น “วัยรุ่น” ช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่าน ณ ขณะที่ชีวิตคาบเกี่ยวระหว่างการเป็นเด็กและการเป็นผู้ใหญ่ ณ ขณะที่เราเชื่อว่ามีแต่ความเป็นไปได้รอเราอยู่ วัยที่เต็มไปด้วยความหวังเจิดจ้า แต่ขณะเดียวกันการเติบโตก็นำบาดแผลใหม่ ๆ มาสอนให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกที ๆ แม้บางคนจะผ่านวัยนั้นมาแล้ว แต่เมื่อหวนนึกถึงทีไรก็ชวนให้รู้สึกอะไรบางอย่างในใจทุกที เพราะนั่นคือชั่วขณะสำคัญที่ประกอบร่างสร้างให้เราเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เราเป็นในตอนนี้ เพื่อให้ทบทวนตัวเองได้ดื่มด่ำกว่าเดิม เพื่อให้ระลึกถึงทุกเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตาของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ เราเลยอยากเอา ‘5 หนัง COMING OF AGE’ตีแผ่รอยยิ้มและบาดแผลของการเติบโตมาปลอบประโลมความทรงจำ และความเจ็บปวดจากการเติบโต The Perks of being a wallflower วินาทีที่เราตระหนักได้ว่าชีวิตตอนมัธยมก็ไม่เห็นจะหนักหนาอะไรนี่หว่า นั่นอาจเป็นวินาทีที่เราข้ามผ่านช่วงวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ถ้าหมุนเข็มนาฬิกากลับไปช่วงวัยก่อนจะ 20 ปี ความพยายามไขว่คว้าคะแนนดี ๆ มาครอบครอง การวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อเป็นที่รักในแก๊งเพื่อน การเอื้อมสุดแขนเพื่อให้สาวสักคนหันมามอง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายของเราในวัยรุ่น The Perks of being a wallflower พาเราย้อนกลับไปในช่วงมัธยมปลาย ตอนที่ตัวละครหลักเพิ่งเข้าไฮสคูลเป็นครั้งแรก ที่ที่เราต้องปรับตัว
การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ นำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ และอีกหลากหลายความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเสียงตะโกนของผู้เดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ที่ออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมของการจบชีวิตที่มีจุดเริ่มมาจากเหยียดสีผิว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะหมดไปจากโลกนี้เสียที และเชื่อว่าทุกคนจะช่วยกันสนับสนุนไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ไม่ว่าคน ๆ หรือมีชาติกำเนิดมาจากไหนก็ตาม (ล่าสุดตำรวจนายนั้นโดนเพิ่มดีกรีความรุนแรงเป็น Second-degree murder แล้ว) อย่างไรก็ตามพักความเครียดลงกันก่อน และหันมาทำความเข้าใจเรื่องราวของความแตกต่างระหว่างผู้คนผ่าน 6 ภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า มนุษย์ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างได้ แม้เชื้อชาติหรือลักษณะทางภายนอกจะแตกต่างกัน The Butler เริ่มต้นกันกับ The Butler ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทความที่ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ชื่อ “A Butler Well Server by The Election” ซึ่งมาจากชีวิตจริงของยูจีน อัลเลน (Eugene Allen) ชายผู้ทำงานในทำเนียบขาวกว่า 34 ปี ที่ต้องต่อสู้ในเรื่องสิทธิพลเมืองมาตลอดชีวิต โดยตัวหนังเล่าเรื่องผ่านตัวละคร เซซิล เกนส์ พ่อบ้านผิวดำแห่งทำเนียบขาว ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงจากสังคมรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก ต้องหนีเอาตัวรอดเพื่อหาชีวิตใหม่ในวอชิงตัน จนกระทั่งโชคชาตะพาเขามาสู่การเป็นบริกรหรือพ่อบ้านในห้องทำงานของประธานาธิบดี หนังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในอดีต ที่ต้องต่อสู้ เอาตัวรอดและเรียกร้องสิทธิพลเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องที่มีโอกาสได้เห็นมุมมองและความคิดของผู้นำประเทศแต่ละคน และในเวลาเดียวกัน
หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุด Black Mirror Season 6 ก็ออกฉายแล้ว ไม่ใช่บน Netflix หรือจอทีวี แต่เป็นโลกที่พวกเราอาศัยอยู่นี่แหละ Black Mirror ซีรีส์ดังบน Netflix เกี่ยวกับอนาคตของสังคมสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปอย่างเลวร้ายเนื่องจากเทคโนโลยี ซึ่งค่อนข้างจะดาร์คปวดหัวชวนเครียดเกือบทุกตอน และหลายครั้งมันก็เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงภายในเวลาไม่นาน ก่อนหน้านี้ Charlie Brooker ผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์ในช่วง Coronavirus เกี่ยวกับ Season 6 ว่า ยังไม่มีแพลนจะสร้างเร็ว ๆ นี้ เพราะสถานการณ์ในโลกก็โหดร้ายมากพอแล้ว จนไม่คิดว่าจะเป็นเวลาที่ผู้คนจะมีอารมณ์ดูอะไรดาร์ค ๆ เพิ่มอีก แน่นอนว่าหลายคนต่างบอกว่า ตอนนี้พวกเราก็เหมือนอยู่ในโลกของ Dark Mirror เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดที่ทำให้ทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้านดูจอต่าง ๆ แบบ Virtual, การตรวจจับหน้าและให้ Social Score ในประเทศจีน, ตำรวจทหารใช้ drone และหุ่นยนต์ในการลาดตะเวน, แรงงานเถื่อนที่ต้องดูโฆษณาออนไลน์จำนวนมากแลกเงิน หรือการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงที่ปลุกระดมไปทั่วประเทศผ่าน Social media Advertising
การต่อเวลาขยายเคอร์ฟิวไปอีก 1 เดือนคงทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนต้องวางแผนชีวิตตัวเองกันใหม่ เพราะยังคงต้องกลับบ้านเร็วไปอีก 30 วัน ในเมื่อผับบาร์จะยังไม่เปิดให้เราไปพักผ่อนหย่อนใจ การให้รางวัลตัวเองเป็นเวลาว่าง พร้อมกับสารคดี ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่อง ก็เป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการความมันส์ เรามีความบันเทิง 5 เรื่อง 5 สไตล์มาแนะนำให้เลือกรับชมอย่างครบรส ทุกเรื่องล้วนน่าติดตามและอยู่ในความสนใจของผู้ชายอย่างเราแน่นอน Samurai Gourmet (TV Shows, Japanese Food) เรื่องแรกเหมาะมากสำหรับคนชอบหาของกินที่ญี่ปุ่น และอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน ขอแนะนำ ‘Samurai Gourmet’ ซีรีส์ญี่ปุ่นความยาว 12 ตอน สร้างและดัดแปลงมาจากมังงะอย่าง Nobushi no Gurume เขียนโดยอาจารย์มาซายูกิ คุสึมิ ซึ่งเชื่อว่าต้องเรียกน้ำย่อยให้หนุ่ม ๆ หลายคนได้แน่นอน Samurai Gourmet คือเรื่องราวของ ทาเคชิ คาซุมิ
คุณใช้เวลาหาซีรีส์หรือหนังดูบน Netflix วนไปมาอย่างยาวนาน โดยไม่รู้จะดูอะไรดีอยู่ใช่มั้ย? อาการนี้เรารู้ดีว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน จึงเป็นที่มาของการรวบรวมซีรีส์น่าดูมาใหม่ประจำเดือนมิถุนายน เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องกดวนไปมาอย่างไร้จุดหมายอีกต่อไป 13 Reasons Why S4 (13 บันทึกลับหัวใจสลาย ซีซั่น 4) กำหนดออกอากาศ: 5 มิถุนายน จากจุดเริ่มต้นของเทปลับ 13 ม้วน สู่การกลับมาในซีซั่นสุดท้ายเพื่อปิดฉากเรื่องราวของ เคลย์, แซ็ค, อานี และกลุ่มเพื่อน ในขณะที่นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนมัธยมลิเบอร์ตี้ต่างกำลังเตรียมตัวที่จะจบการศึกษา รวมถึงเคลย์และเพื่อนๆ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้กล่าวคำอำลา พวกเขาต้องเก็บความลับสุดอันตรายอย่างหนึ่งไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ และยังต้องเผชิญกับทางเลือกที่เจ็บปวดซึ่งอาจเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล Eurovision Song Contest: The Story of Fire Saga (ไฟร์ซาก้า: ไฟ ฝัน ประชัน เพลง) กำหนดออกอากาศ: 16 มิถุนายน เรื่องราวชีวิตของคู่นักร้องจากประเทศไอซ์แลนด์ Lars Erickssong (วิล เฟอร์เรล) และ
พลัง แรงบันดาลใจ การงอกงามไปสู่สิ่งใหม่ เมื่อไรที่พูดถึงกลุ่มคำพวกนี้เราล้วนนึกถึงวัยเด็ก หรือวัยรุ่น ช่วงวัยที่เป็นรุ่งอรุณของชีวิต แสงอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แห่งวัยเยาว์ค่อย ๆ ฉายให้เห็นความฝันและความเป็นไปได้ ในทางกลับกันเมื่อเราอายุมากขึ้น ๆ แม้เราจะยังสบายดี แต่ก็คล้ายว่าในแต่ละปี เรากำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงความสลัวรางของชีวิต หมดฝัน ไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ไร้เรี่ยวแรงจะเติบโต เพราะเชื่อว่าความมั่นคงคือสิ่งที่ดีที่สุด UNLOCKMEN จึงอยากพาสำรวจ “ความมีอายุ” ในความหมายใหม่ แม้จะไม่ได้เต็มไปด้วยพลังบ้าคลั่งเหมือนตอนวัยรุ่น แต่ในเลขปีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีมิติใหม่ ๆ ให้เราได้ดื่มด่ำ เรียนรู้ในแบบของมัน ขอแค่อย่าหยุดเรียนรู้ About Schmidt คุณค่าของคุณคือะไร? คำตอบของคำถามนี้อาจเป็นอะไรก็ได้ ครอบครัว ความรัก การได้ออกเดินทาง หรือ “หน้าที่การงาน” หากเป็นเช่นนั้นเคยคิดไหมว่าหากเราแก่ตัวไปจนกระทั่งวันหนึ่งต้องหยุดทำงานที่เราทำมาตลอดหลายสิบปี เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม? About Schmidt ว่าด้วยเรื่องราวของ Warren Schmidt ผู้เชี่ยวชาญและทำงานอยู่ในบริษัทระดับโลก แต่เขากำลังจะต้องเกษียณจากงาน นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ อายุที่มากขึ้น ร่างกายที่ร่วงโรย งานที่เคยยึดถือที่ได้เวลาต้องปล่อยวาง คู่ชีวิตลาจากโลกไป ไม่เพียงเท่านั้นลูกสาวที่เคยรู้สึกว่าเป็นแก้วตาดวงใจก็ยังจะมาแต่งงานกับไอ้หนุ่มที่ดูไม่เอาไหนอีก!?
ลืมตาตื่นขึ้นมาเผชิญชีวิตท่ามกลางอุณหภูมิ 30 กว่าองศาฯ แต่รู้สึกร้อนราวกับว่า 40 กว่าองศาฯ อีกหนึ่งวัน แสงอาทิตย์คือชีวิต แต่อีกทางหนึ่งเราก็อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากแสงอาทิตย์แปรพักตร์ กลายเป็นปรปักษ์ต่อลมหายใจของมนุษย์ โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร? Into the Night คือซีรีส์ระทึกขวัญ เมื่อแสงอาทิตย์ไม่ได้เป็นความอบอุ่นและสัญลักษณ์แห่งชีวิตอีกต่อไป แต่รุ่งอรุณกลับนำพาความตายมาเยือนโลกมนุษย์ ใครที่สัมผัสแสงแดดมีทางเลือกเดียวคือหมดลมหายใจ และผู้ที่อยากมีชีวิตรอดให้ได้ จึงต้องพาตัวเองมุ่งหน้าสู่ความมืดมิดแห่งคืนค่ำเท่านั้น ไม่เวิ้นเว่อวุ่นวาย เพราะโลกแตกสลาย ความหมายมีแค่การเอาตัวรอดเท่านั้น เราคงไม่ปฏิเสธว่าหนังโลกแตก มนุษย์ต้องเอาตัวรอดให้ได้ หนีตายบนพาหนะอะไรสักอย่างไม่ใช่พล็อตใหม่ และชวนให้สงสัยว่ามันยังดึงดูดใจคนดูอย่างเราได้จริงไหม? แต่ Into the Night พาเราหลุดเข้าไปในหนังโลกแตกระทึกขวัญเอาตัวรอดในรสชาติแปลกใหม่ ที่ขอกระซิบว่าถ้ายังไม่ได้เริ่มดูก็อย่าเพิ่งตัดสินหนังเรื่องนี้ หนังโลกแตกปกติ มักให้ความสำคัญกับความสมจริง จนฉายภาพปูพื้นให้เห็นว่า “เพราะอะไรโลกถึงเกิดหายนะขึ้น?” จนต้องมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ปูภาพ หรือฉากห้องแล็บนักวิจัยที่แสดงข้อมูลจำนวนมากน่าเชื่อถือ แต่ Into the Night กลับเปิดเรื่องเรียบง่าย กลุ่มคนเพียงหยิบมือหนึ่งที่กำลังจะขึ้นเครื่องบิน และถูกทหารนายหนึ่ง (ที่บังเอิญรู้เรื่องแสงอาทิตย์หายนะ) ปล้นเพื่อพาเครื่องบินมุ่งตรงสู่กลางคืน หนีแสงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกของโลก บนเครื่องบังเอิญมีผู้มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ที่พออธิบายเหตุผลคร่าว ๆ อยู่บ้าง และที่เหลือคือการเสิร์ชหาเอาจากอินเทอร์เน็ต ในทางหนึ่งการปูเรื่องจากมุมมองตัวละครแบบนี้ทำให้เรารู้สึกสมจริงยิ่งขึ้น เพราะหากโลกใบนี้ต้องแตกแหลกสลายพังพินาศลงจริง