ของมือสองเป็นอีกจักรวาลที่ถ้าเข้าวงการไปแล้วออกยาก เพราะถ้าเรารู้วิธีสังเกตและเลือกซื้อกล้อง มีสิทธิ์ได้ของเจ๋ง ๆ มาใช้งานในราคาถูกเหมือนถูกลอตเตอรี่ หรือถ้าเอาไป CLA (Clean – Lubrucate – Adjust) แล้วปล่อยต่อ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเงินทั้งนั้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงถือโอกาสพาชาวกระเป๋าบาง (รวมเราด้วย) มาหาสมบัติกันที่ “Lucky Home” โกดังของมือสองญี่ปุ่นชื่อดังย่านสำโรง ใครที่จะเดินทางตามรอยเรามา บอกก่อนว่าที่นี่ไม่ได้ตั้งอยู่บนเส้นถนนเส้นหลัก ดังนั้นเดินทางด้วยรถส่วนตัวจะดีที่สุด มีที่จอดรถหน้าโกดังและฝั่งตรงข้าม แต่ถ้าคุณไม่มีรถส่วนตัวหรือขับรถไม่เป็นแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถยนต์ที่ให้บริการสาธารณะปักหมุดจากในแอปฯ แล้ววิ่งมาสถานเดียว เพราะจะมาหาเอาแถวนี้ทั้งขาไปและขากลับค่อนข้างจะลำบากอยู่เหมือนกัน เป้าหมายของวันนี้คือการเลือกซื้อกล้องฟิล์มมือสองเพราะพวกเรา UNLOCKMEN เช็กข้อมูลมาว่าที่นี่มีกล้องมือสองหลากยี่ห้อทั้งแมส ๆ และไม่เแมสจากญี่ปุ่นจำนวนนับหมื่นตัวให้เลือก แต่นอกจากโกดังกล้องที่นี่ยังมีของเล่นอื่น ๆ อีกเพียบที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ให้นึกภาพตามว่าเป็นโกดังเรียงติดกันหลายหลัง แต่ละหลังแบ่งเป็นประเภทข้าวของเครื่องใช้นั้น ๆ เช่น โซนเครื่องใช้ทั่วไป เครื่องดนตรี เครื่องเสียง กล้อง ฯลฯ รวม ๆ แล้วก็ 3-4 โกดังใหญ่ ๆ เหมือนเราเดินฮอลล์ในอิมแพ็คที่เมืองทองแต่เป็นโกดังเปิดโปร่งไม่มีแอร์ ระบบการจัดวางเขาจัดช่องทางเข้าออกทางเดียว ดังนั้น
ในภาพยนตร์บางเรื่อง รถยนต์ประกอบฉากก็มีความโดดเด่นไม่แพ้นักแสดงนำเลย ไม่ว่าจะเป็น 1963 VOLKSWAGEN BEETLE ที่ถูกดีไซน์ใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง The Love Bug (1968) หรือ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986) UNLOCKMEN เลยอยากแชร์กับทุกคนว่า มีรถยนต์คลาสสิกรุ่นไหนบ้างที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB จาก Ferris Bueller’s Day Off หลายคนคงจดจำรถที่ Cameron Frye (นำแสดง โดย Alan Ruck) จากภาพยนตร์ เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986)
“ความสง่างาม” คือคุณสมบัติที่ผู้ชายหลายคนใฝ่หา เพราะความสง่างามคือส่วนผสมอันลงตัวจากทั้งภายในและภายนอก การเป็นผู้ชายสง่างามจึงต้องมีองค์ประกอบสารพัดที่แสดงถึงความเนี้ยบ ความเรียบหรู และความมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Attitude ที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองและผู้อื่น เพราะ ELEGANCE IS AN ATTITUDE การสง่างามจากทัศนคติที่พิถีพิถัน จึงนำมาสู่ภายนอกที่เนี้ยบตามไปด้วย ถ้าจะให้พูดถึงความสง่างามที่ทั้งเรียบหรู น่าเกรงขาม ผู้ชายอย่างเราคงนึกถึงความสง่างามในแบบ “จอมราชันย์” เนื่องจากเต็มไปด้วยภาพลักษณ์แสนสง่าฟันฝ่าทุกอุปสรรคอันตราย พร้อม ๆ กับความน่าเคารพยำเกรง ควบคู่กับ Attitude แน่แน่วในแบบที่ผูชายล้วนอยากครอบครองความสง่างามแบบนี้ได้สักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ตามความสง่างามแบบจอมราชันย์นั้น เมื่อมาโลดแล่นอยู่บนภาพยนตร์หรือซีรีส์สักเรื่องแล้ว การสรรสร้างให้ตัวละครที่รับบทกษัตริย์นั้นสง่างาม เนี้ยบได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หลายครั้งผู้ชมรับรู้ว่าคนนี้รับบทกษัตริย์แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความสง่างามจากตัวละครนั้น แต่ “The King: Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ” ซีรีส์เกาหลีที่กำลังฉายทาง Netflix และใคร ๆ ก็พูดถึงอยู่ตอนนี้ กลับทำได้อย่างไร้ที่ติ โดย Lee Min Ho ผู้รับบทกษัตริย์อีกนผู้ต้องเดินทางข้ามเวลามาในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อพิชิตภารกิจสุดท้าทายนั้นเป็นตัวแทนความสง่างามไร้กาลเวลาได้อย่างน่าทึ่ง กษัตริย์อีกนแห่ง The King: Eternal
โลกไม่เคยใจดีกับเรา คนอื่นก็เช่นกัน หลายครั้งมีคนช่วยเหลือ แต่ก็หลายหนที่หันไปทางไหนจะพึ่งใครก็มืดหม่น หรือในบางสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่เป็นดังใจ หน้าที่การงานไม่เป็นอย่างที่หวัง และคนทุกคนก็ล้วนตกอยู่ในความย่ำแย่พอ ๆ กัน คนเดียวที่เหลืออยู่ให้พึ่งพิงได้ก็คือ “ตัวเราเอง” การรักและใจดีกับตัวเองมาก ๆ โดยเฉพาะในวันที่หนทางเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้จะไม่ง่าย แต่หากโลกทั้งใบใจร้ายกับเรา แล้วเรายังโบยตีตัวเอง โทษตัวเองซ้ำ ๆ แล้วจะเหลือพลังที่ไหนให้ลุกขึ้นสู้ต่อ? ดังนั้นแม้โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ตราบใดที่ยังหายใจ มารักและให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ เข้าไว้ ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นฝึกรักและปลุกพลังให้ตัวเองอย่างไร ลองเริ่มต้นด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนัง 5 เรื่องนี้ Little Miss Sunshine ถ้าชีวิตคือการแข่งขัน ใคร ๆ ก็อยากครองตำแหน่งผู้ชนะ วิ่ง เหนื่อย สู้ แพ้ หดหู่ วิ่งใหม่ เหนื่อยใหม่ แย่งชิงตำแหน่งผู้ชนะหนึ่งเดียวจนแทบขาดใจ สายตาจับจ้องจนหลงลืมไปว่าการแพ้มันเลวร้ายขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? และการแพ้ในมาตรฐานการแข่งขันที่ไม่เคยสนใจความหลากหลายของมนุษย์ และมุ่งเปลี่ยนให้เราเดินตามทางเดียวกันหมดมันน่าเสียใจมากน้อยแค่ไหน? Little Miss Sunshine จะพาเราขึ้นรถโฟล์คสีเหลืองบุโรทั่งไปกับครอบครัว (ที่ถ้าตัดสินจากมาตรฐานสังคมก็อาจบอกว่าพวกเขาคือ)
Snowpiercer เป็นชื่อขบวนรถไฟที่มีจำนวนโบกี้ 1,001 ตู้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับยุคน้ำแข็งใหม่ของโลก ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของโครงการแก้ปัญหาโลกร้อน การปล่อยสารเคมีชื่อ CW-7 สู่ชั้นบรรยากาศของโลก กลับทำให้โลกกลายเป็นหนาวเย็นอุณหภูมิติดลบ 80 องศา อารมณ์คล้ายเรือโนอาห์ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าได้ลงโทษมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก แต่ก็ได้สร้างเรือโนอาห์ไว้เพื่อส่งต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์ของเหล่าสรรพสัตว์ ความแตกต่างกันอยู่ที่การคัดเลือกผู้รอดชีวิตที่จะได้สิทธิ์ขึ้นมาเป็นผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Snowpiercer นั้นจะต้องใช้เงินซื้อตั๋วเพื่อทำให้เขาและครอบครัวกลายเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายบนรถไฟที่วิ่งวนรอบโลกอย่างไม่มีวันหยุด เมื่อกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์สิน ผู้คนที่จะสามารถขึ้นรถไฟขบวนนี้ จึงเป็นชนชั้นนำที่มีทรัพย์สินมากพอที่จะมาเป็นผู้โดยสารรถด่วนขบวนนี้ เมื่อข่าวกระจายออกไป ก่อนขบวนรถไฟจะออกจากชานชาลาก็เกิดการจลาจลขึ้น เหล่าคนผู้คนรวมกลุ่มกันพยายามจะขึ้นรถไฟขบวนนี้เพื่อเอาชีวิตรอดบางกลุ่มสามารถขึ้นรถไฟมาได้แต่ก็ต้องถูกจำกัดพื้นที่ และคุณภาพชีวิตแบ่งเป็นชนชั้นต่าง ๆ ตู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 … ชั้น 3 และกลุ่มคนที่ไม่มีตั๋วขึ้นรถไฟเรียกว่าพวกท้ายขบวน เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อระบบของรถไฟถูกแบ่งแยกเป็นชนชั้นต่าง ๆ คุณภาพชีวิต และสิทธิ์ที่จะได้รับของแต่ละชนชั้นจึงไม่เท่าเทียมกัน ทำให้พวกกลุ่มท้ายขบวนมีความคิดลุกฮือเพื่อก่อการกบฎและยึดครองส่วนหัวรถจักร นำไปสู่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ความเป็นคนและตั้งคำถามกับระบบในรถไฟขบวนนี้ เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับวิกฤตกาลครั้งใหญ่ คนที่มีทรัพยากรมากพอย่อมมีโอกาสเอาชีวิตรอดมากกว่าคนที่ไม่พร้อม ทุกคนพร้อมจะดิ้นรนเพื่อให้เราและครอบครัวได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น แม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงไหน หรือต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม พล็อตที่ว่ามานี้มากจากผลงาน Graphic Novel เรื่อง Le Transperceneige (1982) นิยายภาพสัญชาติฝรั่งเศสของ
ถ้าจะมีสักช่วงวัยที่ทิ้งคราบน้ำตาและความทรงจำปวดเจ็บยากลืมเลือนไว้ในชีวิตเราได้มากพอ ๆ กับที่ฝากเสียงหัวเราะและเรื่องราวชวนอุ่นในใจเอาไว้ วันวัยที่ว่านั้นก็คงเป็น “วัยรุ่น” ช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่าน ณ ขณะที่ชีวิตคาบเกี่ยวระหว่างการเป็นเด็กและการเป็นผู้ใหญ่ ณ ขณะที่เราเชื่อว่ามีแต่ความเป็นไปได้รอเราอยู่ วัยที่เต็มไปด้วยความหวังเจิดจ้า แต่ขณะเดียวกันการเติบโตก็นำบาดแผลใหม่ ๆ มาสอนให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกที ๆ แม้บางคนจะผ่านวัยนั้นมาแล้ว แต่เมื่อหวนนึกถึงทีไรก็ชวนให้รู้สึกอะไรบางอย่างในใจทุกที เพราะนั่นคือชั่วขณะสำคัญที่ประกอบร่างสร้างให้เราเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เราเป็นในตอนนี้ เพื่อให้ทบทวนตัวเองได้ดื่มด่ำกว่าเดิม เพื่อให้ระลึกถึงทุกเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตาของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ เราเลยอยากเอา ‘5 หนัง COMING OF AGE’ตีแผ่รอยยิ้มและบาดแผลของการเติบโตมาปลอบประโลมความทรงจำ และความเจ็บปวดจากการเติบโต The Perks of being a wallflower วินาทีที่เราตระหนักได้ว่าชีวิตตอนมัธยมก็ไม่เห็นจะหนักหนาอะไรนี่หว่า นั่นอาจเป็นวินาทีที่เราข้ามผ่านช่วงวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ถ้าหมุนเข็มนาฬิกากลับไปช่วงวัยก่อนจะ 20 ปี ความพยายามไขว่คว้าคะแนนดี ๆ มาครอบครอง การวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อเป็นที่รักในแก๊งเพื่อน การเอื้อมสุดแขนเพื่อให้สาวสักคนหันมามอง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายของเราในวัยรุ่น The Perks of being a wallflower พาเราย้อนกลับไปในช่วงมัธยมปลาย ตอนที่ตัวละครหลักเพิ่งเข้าไฮสคูลเป็นครั้งแรก ที่ที่เราต้องปรับตัว
การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ นำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ และอีกหลากหลายความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเสียงตะโกนของผู้เดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ที่ออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมของการจบชีวิตที่มีจุดเริ่มมาจากเหยียดสีผิว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะหมดไปจากโลกนี้เสียที และเชื่อว่าทุกคนจะช่วยกันสนับสนุนไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ไม่ว่าคน ๆ หรือมีชาติกำเนิดมาจากไหนก็ตาม (ล่าสุดตำรวจนายนั้นโดนเพิ่มดีกรีความรุนแรงเป็น Second-degree murder แล้ว) อย่างไรก็ตามพักความเครียดลงกันก่อน และหันมาทำความเข้าใจเรื่องราวของความแตกต่างระหว่างผู้คนผ่าน 6 ภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า มนุษย์ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างได้ แม้เชื้อชาติหรือลักษณะทางภายนอกจะแตกต่างกัน The Butler เริ่มต้นกันกับ The Butler ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทความที่ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ชื่อ “A Butler Well Server by The Election” ซึ่งมาจากชีวิตจริงของยูจีน อัลเลน (Eugene Allen) ชายผู้ทำงานในทำเนียบขาวกว่า 34 ปี ที่ต้องต่อสู้ในเรื่องสิทธิพลเมืองมาตลอดชีวิต โดยตัวหนังเล่าเรื่องผ่านตัวละคร เซซิล เกนส์ พ่อบ้านผิวดำแห่งทำเนียบขาว ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงจากสังคมรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก ต้องหนีเอาตัวรอดเพื่อหาชีวิตใหม่ในวอชิงตัน จนกระทั่งโชคชาตะพาเขามาสู่การเป็นบริกรหรือพ่อบ้านในห้องทำงานของประธานาธิบดี หนังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในอดีต ที่ต้องต่อสู้ เอาตัวรอดและเรียกร้องสิทธิพลเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องที่มีโอกาสได้เห็นมุมมองและความคิดของผู้นำประเทศแต่ละคน และในเวลาเดียวกัน
หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุด Black Mirror Season 6 ก็ออกฉายแล้ว ไม่ใช่บน Netflix หรือจอทีวี แต่เป็นโลกที่พวกเราอาศัยอยู่นี่แหละ Black Mirror ซีรีส์ดังบน Netflix เกี่ยวกับอนาคตของสังคมสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปอย่างเลวร้ายเนื่องจากเทคโนโลยี ซึ่งค่อนข้างจะดาร์คปวดหัวชวนเครียดเกือบทุกตอน และหลายครั้งมันก็เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงภายในเวลาไม่นาน ก่อนหน้านี้ Charlie Brooker ผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์ในช่วง Coronavirus เกี่ยวกับ Season 6 ว่า ยังไม่มีแพลนจะสร้างเร็ว ๆ นี้ เพราะสถานการณ์ในโลกก็โหดร้ายมากพอแล้ว จนไม่คิดว่าจะเป็นเวลาที่ผู้คนจะมีอารมณ์ดูอะไรดาร์ค ๆ เพิ่มอีก แน่นอนว่าหลายคนต่างบอกว่า ตอนนี้พวกเราก็เหมือนอยู่ในโลกของ Dark Mirror เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดที่ทำให้ทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้านดูจอต่าง ๆ แบบ Virtual, การตรวจจับหน้าและให้ Social Score ในประเทศจีน, ตำรวจทหารใช้ drone และหุ่นยนต์ในการลาดตะเวน, แรงงานเถื่อนที่ต้องดูโฆษณาออนไลน์จำนวนมากแลกเงิน หรือการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงที่ปลุกระดมไปทั่วประเทศผ่าน Social media Advertising
การต่อเวลาขยายเคอร์ฟิวไปอีก 1 เดือนคงทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนต้องวางแผนชีวิตตัวเองกันใหม่ เพราะยังคงต้องกลับบ้านเร็วไปอีก 30 วัน ในเมื่อผับบาร์จะยังไม่เปิดให้เราไปพักผ่อนหย่อนใจ การให้รางวัลตัวเองเป็นเวลาว่าง พร้อมกับสารคดี ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่อง ก็เป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการความมันส์ เรามีความบันเทิง 5 เรื่อง 5 สไตล์มาแนะนำให้เลือกรับชมอย่างครบรส ทุกเรื่องล้วนน่าติดตามและอยู่ในความสนใจของผู้ชายอย่างเราแน่นอน Samurai Gourmet (TV Shows, Japanese Food) เรื่องแรกเหมาะมากสำหรับคนชอบหาของกินที่ญี่ปุ่น และอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน ขอแนะนำ ‘Samurai Gourmet’ ซีรีส์ญี่ปุ่นความยาว 12 ตอน สร้างและดัดแปลงมาจากมังงะอย่าง Nobushi no Gurume เขียนโดยอาจารย์มาซายูกิ คุสึมิ ซึ่งเชื่อว่าต้องเรียกน้ำย่อยให้หนุ่ม ๆ หลายคนได้แน่นอน Samurai Gourmet คือเรื่องราวของ ทาเคชิ คาซุมิ
คุณใช้เวลาหาซีรีส์หรือหนังดูบน Netflix วนไปมาอย่างยาวนาน โดยไม่รู้จะดูอะไรดีอยู่ใช่มั้ย? อาการนี้เรารู้ดีว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน จึงเป็นที่มาของการรวบรวมซีรีส์น่าดูมาใหม่ประจำเดือนมิถุนายน เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องกดวนไปมาอย่างไร้จุดหมายอีกต่อไป 13 Reasons Why S4 (13 บันทึกลับหัวใจสลาย ซีซั่น 4) กำหนดออกอากาศ: 5 มิถุนายน จากจุดเริ่มต้นของเทปลับ 13 ม้วน สู่การกลับมาในซีซั่นสุดท้ายเพื่อปิดฉากเรื่องราวของ เคลย์, แซ็ค, อานี และกลุ่มเพื่อน ในขณะที่นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนมัธยมลิเบอร์ตี้ต่างกำลังเตรียมตัวที่จะจบการศึกษา รวมถึงเคลย์และเพื่อนๆ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้กล่าวคำอำลา พวกเขาต้องเก็บความลับสุดอันตรายอย่างหนึ่งไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ และยังต้องเผชิญกับทางเลือกที่เจ็บปวดซึ่งอาจเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล Eurovision Song Contest: The Story of Fire Saga (ไฟร์ซาก้า: ไฟ ฝัน ประชัน เพลง) กำหนดออกอากาศ: 16 มิถุนายน เรื่องราวชีวิตของคู่นักร้องจากประเทศไอซ์แลนด์ Lars Erickssong (วิล เฟอร์เรล) และ