เมื่อพูดถึงความงาม การเสริมหล่อ ดูแลใบหน้า เชื่อว่าผู้ชายทั้งหลายคงร้องยี้ในใจ เพราะส่วนใหญ่มักจะยึดติดอยู่กับความคิดฝังหัวที่ว่า เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเฉพาะทางสำหรับสาว ๆ เท่านั้น ส่วนแมน ๆ อย่างเรา ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดูแลอะไรมากมายให้ยุ่งยาก เน้นหล่อตามธรรมชาติ ไม่สนไม่ใส่ใจอะไรหยุมหยิม อย่างเรื่องริ้วรอยความหย่อนคล้อยบนใบหน้ากันสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าพวกเรามีข้อได้เปรียบในระดับพันธุกรรม ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายอย่าง Testosterone ทำให้ผู้ชายมีชั้นผิวหนากว่า มีคอลลาเจนมากกว่า ผลที่ได้คือการมีผิวหน้าคงสภาพดูดีได้ยาวนานกว่าผู้หญิง จนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายย่ามใจปล่อยเซอร์ละทิ้งทุกการดูแล เพราะแทบไม่รู้สึกถึงปัญหากวนใจบนใบหน้า SOURCE แต่ต้องไม่ลืมว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบแมน ๆ ลุยกิจกรรม ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ปาร์ตี้หนักหน่วง สุดเหวี่ยงกับทุกเรื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ใบหน้าที่เคยเต่งตึงแบบไม่ต้องทำอะไร กลับกลายเป็นหน้าเหี่ยว โทรมหย่อนคล้อย ริ้วรอยก็มี เหนียงก็เริ่มมา แบบไม่ทันตั้งตัว และถึงแม้ว่าจะหมั่นดูแลหน้าทั้งภายนอกและภายใน เป็นคนใส่ใจอาหารการกินที่มีวิตามินบำรุงผิว เน้นออกกำลังกายให้เลือดลมเดินสะดวก รวมถึงเติมอาหารผิวหน้าสกินแคร์ต่าง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายเรื่องของอายุ และสังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ก็ทำให้ยากจะเหนี่ยวรั้งความหล่อเหลาเยาว์วัยเอาไว้ จนรู้ตัวอีกทีก็ต้องสูญเสียความมั่นใจในการพบเจอผู้คน เพราะจริง ๆ แล้ว พวกเราทุกคนน่าจะรู้ดีว่าการมีหน้าดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะประชุมงาน พบปะลูกค้า เจรจาธุรกิจ หรือแม้แต่ภารกิจพิชิตรัก
ท่ามกลางฝุ่นควันวันนี้ ยังคงมีหลายชีวิตที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ด้านนอก ไม่ยี่หระต่อสภาพอากาศหรือความอันตรายที่ข่าวประกาศปาว ๆ ว่าดมไปเยอะเข้าจะอันตรายต่อระบบหายใจ อันตรายถึงขั้นกลายเป็นมะเร็ง เพราะฝุ่นคงสำคัญน้อยกว่าอาหารสักมื้อและน้ำสักหยดตอนนี้ ภาพที่พร่าเลือนไม่ว่าจะมีฝุ่นหรือไม่ คือภาพของพวกเขา ชาวโฮมเลสไร้บ้านหรือคนด้อยโอกาสที่เดินอยู่บนฟุตบาทเดียวกับเรา อาศัยกำบังแสงแดด ลมฝน จากตึกแถวที่เราเคยผ่าน ทั้งหมดนี้ถ้าขัดถูด้วยหัวใจ ภาพจาง ๆ นั้นจะชัดยิ่งขึ้น ผู้คนเหล่านั้นบางคนอายุอานามเป็นพี่ น้อง เพื่อน หรือพ่อแม่ของเราได้ บางคนอาจเติบโตมาพร้อมกัน เพียงแต่อยู่ในกรอบสังคมและภาพลักษณ์ที่แตกต่าง คุณจะมองเมินต่อสิ่งเหล่านี้ได้นานแค่ไหน สำหรับบางคนใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี อาจใช้ทั้งชั่วชีวิตนี้ หรือจนกว่าพบภาพสะเทือนใจตรงหน้าอย่างเขา “ป๊อก” ไพโรจน์ พิเชฐเมธากุล “ตอนที่ไปเรียนปริญญาโทไปเรียนที่ซานฟรานซิสโกครับ ที่นั่นมีคนไร้บ้านเยอะ แล้ววันหนึ่งเราไปเห็นเขากำลังถูกทำร้ายอยู่แต่เราไม่ได้เข้าไปช่วยเขา ก็เลยตัดสินใจว่าเราจะทำโปรเจ็กต์เพื่อช่วยเขาในวันถัดไป ตอนแรกแค่กะแค่ว่าทำแค่วันสองวันแล้วก็พอแล้ว ไม่คิดว่ามันจะยาวนานมา 6-7 ปี จริง ๆ โดนด่าตั้งแต่โปรเจ็กต์โฮมเลสแล้วครับว่าสร้างภาพ มาหากินกับโฮมเลส เราก็รู้สึกว่าไม่แคร์แล้ว เพราะว่าสนใจนักเลงคีย์บอร์ด สนใจคนไม่กี่คน แต่ว่าผมบริจาคให้โฮมเลสเยอะมาก ๆ แล้วมาทำโรฮิงญาตอนนี้ก็ไม่ได้ขอเงินใครครับผม เงินผมเอง สมมติว่าช่วยโรฮิงญาได้ไปลี้ภัยประเทศอื่นได้
ในแต่ละวันของชีวิต “แรงบันดาลใจ” กลายเป็นสิ่งที่ Urban Men อย่างเราล้วนตามหา ในบางวันเราอาจหลงลืมความสำคัญของมันไป แต่ท้ายที่สุดเราจะตระหนักได้ว่าเราไม่อาจมีชีวิตอย่างที่เราต้องการได้ถ้าขาดแรงบันดาลใจ เพราะแรงบันดาลใจคือสิ่งเติมเต็มชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้ประสบความสำเร็จสุดขีดและมีประสิทธิภาพอย่างที่เราหวัง รวมถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิตในแต่ละวัน และแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้เราเลือกใช้เวลาแห่งการพักผ่อนไปอย่างรื่นรมย์และเป็นตัวเอง การมีแรงบันดาลใจที่มากกว่าจึงเป็นที่มาของการใช้ชีวิตได้เต็มที่มากกว่า พื้นที่อยู่อาศัยที่มาของแรงบันดาลใจที่มากกว่าให้เราใช้ชีวิตได้มากกว่า “แรงบันดาลใจ” ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้ามาทักทายเราได้ทุกเช้าที่เราตื่นนอน จึงไม่แปลกอะไรที่ผู้ชายอย่างเราพยายามออกเดินทางเพื่อตามหามัน แต่ความรับผิดชอบทั้งหมดที่เราต้องดูแล หน้าที่การงานที่ขับเคลื่อนเราไปข้างหน้าทำให้เราไม่อาจตามหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ชีวิตได้อย่างใจต้องการ จะดีแค่ไหนถ้า “พื้นที่อยู่อาศัย” ที่เราใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ได้มากกว่าการนอน ตื่นไปทำงานแล้วกลับมานอน แต่พื้นที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดหลากหลาย และ INSPIRE ผู้ชายอย่างเราได้ด้วยในเวลาเดียวกันโดยที่เราไม่ต้องออกไปตามหาแรงบันดาลใจที่ไหนอีก เพราะ ตัวคุณคือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด…ของคุณ พื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความเป็นคุณ ทั้งด้านการงาน การพักผ่อนและการใช้ชีวิตจึงเป็นที่มาแห่งแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแบบที่อะไรก็ให้ไม่ได้ Whizdom Inspire Sukhumvit: ไลฟ์สไตล์ที่มากกว่าให้แรงบันดาลใจที่มากกว่า พื้นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ชายที่ Work Hard Play Hard มาตลอดชีวิตและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมอจึงไม่ควรเป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ควรเป็นพื้นที่ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายซึ่งเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจหลากหลายในชีวิตได้อย่างไร้ที่ติ Whizdom Inspire Sukhumvit คอนโดมิเนียมที่พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์หลากหลายให้กับผู้ชายอย่างเราเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตได้อย่างที่เราไม่เคยพบมาก่อนจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความเป็นคอนโดมิเนียมสุดสมบูรณ์แบบตามคอนเซ็ปต์ ‘The
ในช่วงวัยรุ่นเราเรียนรู้เรื่องเพศจากอะไรบ้าง ? จากการเรียนในห้อง จากหนังสือ จากการถามพ่อแม่ เพื่อนเล่าให้ฟัง หรือเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อหาคำตอบ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยประเด็นเรื่องเพศก็ยังคงเป็นหัวข้อที่พูดยากและสร้างความขัดเขินได้ทุกครั้ง เมื่อมีคนเล็งเห็นถึงปัญหาของหัวข้อสนทนาที่แสนประดักประเดิดนี้จึงทำให้เกิด Chatbot สำหรับเรื่องเพศขึ้น Chatbot ทางเลือกใหม่สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพและเรื่องเพศที่พูดถึงนี้มีชื่อว่า “Roo” เกิดจากการร่วมมือกันของ Planned Parenthood Federation of America หรือ สหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกา และบริษัท Work & Co ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัฑณ์ดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันที่มีความสงสัยเรื่องเพศสามารถส่งข้อความหา Roo เพื่อถามคำถามเรื่องเพศได้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะได้รับคำตอบที่แม่นยำกลับมาภายในเวลาไม่กี่วินาที เหตุผลที่ทางสหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกาตัดสินใจร่วมพัฒนา Chatbot นั้นเป็นเพราะผลจากการศึกษาและสำรวจข้อมูลในปี 2014 พบว่าผู้คนมักรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องเซ็กซ์ของตัวเองผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ไม่ระบุตัวตน มากกว่าการคุยเรื่องเซ็กซ์กับคนรู้จักหรือคนในครอบครัว Dr. Leana Wen ประธานบริหารของสหพันธ์ฯ แสดงความคิดเห็นเรื่องเพศที่ผู้คนไม่อยากเปิดเผยนี้ว่า แชทบอทอย่าง Roo จะทำให้ผู้คนมีพื้นที่ส่วนตัวพร้อมกับการให้ข้อมูลเรื่องเพศที่ถูกต้อง ดีกว่าให้แต่ละคนไปหาคำตอบในอินเทอร์เน็ตเอาเองเพราะข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไป และอาจทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องเพศแบบผิด ๆ ได้ ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามได้ทุกเรื่องที่สงสัยตั้งแต่หัวข้อง่าย ๆ อย่าง
ความสำเร็จที่รายล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ตำแหน่งที่สมกับความสามารถ ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับความทุ่มเท ด้านชีวิตส่วนตัว บ้านหลังใหญ่ รถคันโปรดที่พาเราไปไหนมาไหนทุกที่ แต่แล้วเรากลับพบว่าท่ามกลางความสำเร็จที่พาของรอบตัวเหล่านั้นมา มีบางสิ่งข้างในที่มันขาดหายไป ความรู้สึกเว้าแหว่งยามที่ควานลงไปพบแต่ความดำมืดและความว่างเปล่า หากคุณเกิดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจ UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาสำรวจความรู้สึกของตัวเองว่าอะไรกันที่มันขาดหายไป เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกว่าเติมอะไรก็ไม่เคยเต็ม เรามัวแต่ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เมื่อเราเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างวัยทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องมาก่อนสิ่งที่ถูกใจ สังคมรอบข้างหล่อหลอมให้เราเชื่อว่า หากทำแบบนั้นได้ เราจะดูเป็นคนมีวุฒิภาวะ รู้จักเลือกสิ่งที่จำเป็นมาก่อนสิ่งอื่น จนนั่นทำให้เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องเสียมากมาย หากไม่ทันรู้ตัวก็อาจจะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือไปกับสิ่งที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวเลยก็ได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องทำจริง ๆ นั่นแหละ แล้วการทำสิ่งที่ถูกต้องมันแย่ตรงไหนกัน ? คำตอบคือมันไม่แย่เลย หากเรารู้จัก Balance ชีวิตของเราให้ดีในทุกด้าน ไม่ให้ตัวเองตึงเพราะสิ่งที่ถูกต้องเกินไป จนตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์หาเงิน แล้วจะทำยังไงเราถึงจะ Balance ชีวิตของเราได้ ไปดูข้อต่อไปกัน ยังไม่ลงมือทำสิ่งที่รัก หลายคนต่างเคยมีความฝันหรืองานอดิเรก ความชอบ ที่มันยังอยู่ในใจของเราเสมอมา เพียงแต่ในตอนเด็กเราไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะ Support สิ่งนั้นไปได้สุดทาง (แต่ถ้าใครทำได้แล้ว เรายินดีด้วยจากใจจริง) พอโตขึ้นมาอยู่ในวัยทำงาน เรามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะ Support สิ่งที่เรารัก
ประมาณสองปีที่แล้วเคยมีงานวิจัยกล่าวไว้ว่า เมื่อนำเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงมาผสมกับเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์จะทำให้สมองเสียหายเหมือนกับการใช้โคเคน ตอนนี้มีงานวิจัยใหม่ที่ออกมาก็ทำให้เหล่านักดื่มต้องปวดหัวอีกครั้ง เพราะงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่าเมื่อแอลกอฮอล์ถูกผสมกับเครื่องดื่มชูกำลัง มันจะปลุกความเป็นนักเลงในตัวคุณให้ร้อนเดือดเลือดพล่านกันเลยทีเดียว ความอยากรู้ว่าการผสมเครื่องดื่มชูกำลังกับแอลกอฮอล์จะส่งผลเสียอะไรต่อผู้ดื่มบ้าง ทำให้ Dr. Matt Parker อาจารย์ด้านเภสัชวิทยาจาก University of Portsmounth และทีมวิจัยของ Federal University of Santa Maria ในประเทศบราซิลตัดสินใจร่วมกันทำการทดสอบเพื่อตอบข้อสงสัยดังกล่าว จากการทดลองทำให้ทีมวิจัยเจอกุญแจสำคัญอย่าง ทอรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบมากในเนื้อเยื่อหัวใจ กล้ามเนื้อลาย และระบบประสาทส่วนกลางที่มีหน้าที่ควบคุมพฤติกรรม โดยนอกจากจะพบทอรีนในร่างกายแล้วยังสามารถพบได้ในเครื่องดื่มชูกำลัง และเมื่อทอรีนมาผสมกับแอลกอฮอล์ก็จะเพิ่มคุณสมบัติที่ลดความกลัว เพิ่มความกล้าให้กับผู้ดื่มมากขึ้น งานวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Psychiatric โดยมุ่งหาคำตอบว่าเมื่อทอรีนในเครื่องดื่มชูกำลังทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ในระดับที่ทำให้คนรู้สึกกรึ่ม ๆ จะส่งผลอย่างไร แต่การวิจัยดังกล่าวไม่ได้ทดลองกับมนุษย์โดยตรง ทดลองกับปลาม้าลายจำนวน 192 ตัวแทน ผลที่ออกมาสร้างความแปลกใจให้กับเหล่านักวิจัย เนื่องจากปลาม้าลายที่ได้รับทั้งทอรีนและแอลกอฮอล์นั้นไม่มีปฏิสัมพันธ์กับปลาตัวอื่นมากนักเมื่อเทียบกับปลาที่ได้รับแอลกอฮอล์ผสมน้ำ นอกจากนี้กลุ่มปลาม้าลายที่ได้รับทอรีนและแอลกอฮอล์มักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่สีแดงที่เรียกกว่า risky behavior ซึ่งเป็นโซนนักล่า แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงเป็นภัยต่อตัวเองมากกว่าปลากลุ่มอื่น ๆ แถมยังทำตัวเลียนแบบปลาที่เป็นนักล่าอีกด้วย เปรียบง่าย ๆ คล้ายกับนักดื่มที่มาเที่ยวคนเดียวแต่เมื่อเริ่มดื่มจนกรึ่มก็เดินเข้าไปหาเรื่องโต๊ะที่มากัน 10 คน ก็คงจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เหตุผลที่ทีมวิจัยตัดสินใจเลือกใช้ปลาม้าลายเนื่องจากพฤติกรรมของปลาสายพันธุ์นี้มีพื้นฐานเป็นสัตว์สังคมชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเหมือนกับมนุษย์ รวมถึงระบบอวัยวะภายในต่าง
“Single is not a status, it is a word that describes a person who is strong enough to live and enjoy life without depending on others.” เป็น Quote ที่เราคิดว่าเหมาะกับการอธิบาย การใช้ชีวิตโสดเป็นอย่างมาก เพราะความจริงแล้วหลายคนเลือกที่จะโสด ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีใครเอา แต่เขาเลือกที่จะโสดเพราะมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากกว่า สบายใจกว่า ตัดสินใจอะไรได้เร็วกว่า ใช้ชีวิตอิสระกว่า และเมื่อวันหนึ่งที่คุณตัดสินใจแล้ว ว่าจะใช้ชีวิตโสดแบบตลอดชีพ คุณก็ควรมีการวางแผนชีวิตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พูดถึงเรื่องการวางแผน เราไม่อยากให้คุณกุมขมับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรขนาดนั้น เราเพียงอยากให้คุณเริ่มมองถึงความเป็นอยู่ในอนาคตของคุณ เพราะเราไม่อยากให้คุณต้องไปลำบากยากแค้นยามแก่เฒ่า ดังนั้นเราควรเริ่มวางแผนชีวิตกันตั้งแต่วันนี้ และนี่คือคำแนะนำที่ทุกคนควรเริ่มคำนึงถึงตั้งแต่เนิ่นๆ อาชีพการงานที่มั่นคง “งาน คือ เงิน เงิน คือ งาน” เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เรามักมองหาความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ
คำชื่นชม ยินดี เป็นสิ่งที่รื่นหูคนฟังเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเป็นคนที่ได้รับสิ่งหอมหวานเหล่านั้น ในทางกลับกัน หากเราได้รับคำที่ไม่น่าฟังอย่างการด่าทอ เกรี้ยวกราด เราก็คงมีวิธีการตอบกลับที่แตกต่างกันไป สำหรับสิ่งที่มันชัดเจนว่ามันแง่บวกหรือลบ เราก็จะมี Re-Action ที่อยู่ในหัวของเราอยู่แล้วว่าถ้าได้รับมาแบบนี้จะตอบกลับอย่างไร แต่สิ่งที่เราจะหยิบยกชวนทุกคนมาพูดคุยกันในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือเรื่องที่แย่ มันคือสิ่งที่อยู่ตรงกลาง อย่างการยอมรับผิด สิ่งนี้ต่างหากที่สร้างบรรยากาศแสน Awkward ว่าเราจะรับมือสิ่งนี้ยังไงดี หรือการรับมือแบบไหนคือสิ่งที่ควรทำกันแน่ UNLOCKMEN จะชวนหนุ่ม ๆ มาพูดคุยเล่น ๆ ในเรื่องที่แสนจะจริงจังนี้กัน ว่าทำไมคนเราถึงไม่ค่อยจะยอมรับว่าตัวเองผิดหรือไม่รู้ มันไม่ดียังไง แล้วการยอมรับผิดที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี มันดีกว่าจริงมั้ยและดีกว่ายังไงบ้าง ทำไมการยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดมันช่างยากเย็น เราไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องการยอมรับผิดที่อ้างถึงการทำผิดต่อใครสักคนแต่ยังหมายถึงการยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ หรือสิ่งที่รู้มานั้นมันผิด สิ่งเหล่านี้ที่พูดมาทำไมคนเราถึงชอบฮึดฮัดอารมณ์เสีย เมื่อเราไปตกอยู่ที่นั่งของฝั่งคนผิด เราจะแยกเป็นหัวข้อคร่าว ๆ ให้พอเข้าใจง่าย ๆ กัน โดนเปลี่ยนความคิดที่เชื่อมาตั้งนาน หากเรารับรู้อะไรสักอย่างมาแล้วเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก ฝังในหัวเราอยู่อย่างนั้น แล้ววันนึงเกิดมีคนมาบอกว่า เฮ้ย! อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงนะ หรือนิสัยบางอย่างที่เราปฏิบัติมานานโดยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนอื่นหรือสังคมโดยรวม วันนึงเกิดโดนเปลี่ยนขึ้นมา อย่างแรกเลยมันเสียความมั่นใจ ว่าเราจำ/ทำสิ่งผิด ๆ มาตั้งนานหรอวะเนี่ย คิดว่าถูกมาตลอด พอโดนทัก
‘ถึงเราจะไม่ได้เกิดมาร่ำรวย แต่ถ้าเราตั้งใจเรียนสักวันเราต้องประสบความสำเร็จแน่นอน’ ‘คนที่ล้มเหลวในชีวิตคือคนที่ไม่ตั้งใจเรียน’ เหล่านี้คือมายาคติที่เราถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่จำความได้ เป็นมายาคติหล่อหลอมคนในสังคมให้เดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างไม่มีใครกล้าแปลกแยก แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว เมื่อผลวิจัยล่าสุดเผยว่าตั้งแต่ยุค 80 เป็นต้นมา การปฏิรูปการศึกษาในสหราชอาณาจักรแทบไม่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา เหล่าผู้ประสบความสำเร็จในสังคมต่างก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่งอยู่แล้วแทบทั้งสิ้น “กว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมา นโยบายทางการศึกษาได้เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าถึงแม้หนุ่มสาวรุ่นใหม่จะตรากตรำเล่าเรียนเพียงใด ก็ยากที่จะทำตัวเองให้ประสบความสำเร็จเหมือนคนรุ่นก่อน” Dr.John Goldthorpe นักสังคมวิทยาแห่ง University of Oxford และผู้เขียนวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางสังคมและระบบการศึกษาอังกฤษสมัยใหม่ กล่าวกับ Vice Impact “กล่าวคือพวกเขามีโอกาสน้อยมากที่จะผลักดันตัวเองให้ฐานะสูงขึ้นจากการตั้งใจเรียน” งานวิจัยของ Dr.John Goldthorpe เผยให้เห็นว่าการลงทุนเพื่อการศึกษานั้นสร้างแรงกระเพื่อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและฐานะน้อยมาก ดังนั้นครอบครัวที่ร่ำรวยจึงมักจะลงทุนกับเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลูก ๆ ของพวกเขามากกว่าเรื่องการศึกษา” “ไม่ปฏิเสธว่าการศึกษาคือสิ่งสำคัญ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นไปอีกขั้นได้” Dr.Wanda Wyporska ผู้อำนวยการบริหารของ The Equality Trust องค์กรรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจกล่าวกับ VICE Impact “ในหลาย ๆ อาชีพ พบว่าเด็กที่จบจากโรงเรียนมัธยมเอกชนราคาแพงมีแนวโน้มที่จะได้เงินเดือนมากกว่าเด็กที่จบจากโรงเรียนมัธยมของรัฐอย่างมีนัยยะสำคัญ ถึงแม้ว่าในช่วงมหาวิทยาลัยพวกเขาจะเรียนในคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม นอกจากนั้นยังพบว่าช่องว่างของรายได้ของแต่ละอาชีพในอังกฤษยังอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว” ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้ในขณะนี้จะมีนักเรียนจบใหม่ที่มีความพร้อมในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยมากกว่ารุ่นก่อน แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำก็ยังคงมีที่ว่างจำกัดเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามันมีไว้สำหรับเด็กจากครอบครัวฐานะร่ำรวยที่จบจากโรงเรียนเอกชนเนื่องจากอัตราค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างสูง ในทำนองเดียวกัน การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสหราชอาณาจักรส่งผลให้มีผู้จบออกมาสู่ตลาดแรงงานมากมาย
ตกกลางคืนทีไร แทนที่ร่างกายจะได้จมดิ่งลงห้วงแห่งการนอน แต่กลับมีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ ไม่ว่าจะข้างห้องกินเหล้า รอดูบอลทีมรัก งานที่ตามหลอกหลอนถึงที่บ้าน หรือแม้แต่นอนไม่หลับเองก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การนอนไม่หลับหรือไม่มีเวลานอน มันช่างบั่นทอนสุขภาพและอารมณ์สำหรับวันต่อไป แต่เมื่อปัจจัยมันบังคับ UNLOCKMEN ขอแนะนำทางลงให้กับคนนอนน้อย ด้วยวิธีง่ายแสนง่ายอย่าง “การหายใจเข้าลึก ๆ” ก็สามารถทำให้เราเข้าสู่ห้วงนิทราได้แบบไม่เปลืองแรง การนอนไม่เต็มอิ่ม มันสามารถสะสมหลาย ๆ คืนจนทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียได้ ผลกระทบที่มันสะสมต่อเนื่อง นานเข้ามันไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกายหรือใต้ตาที่ดำคล้ำเพียงอย่างเดียว มันยังส่งผลกับสมองของเราอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย โฟกัสกับอะไร หรือคิดไอเดียใหม่ ๆ ไม่ราบรื่นเอาซะเลย แม้วิธีการพาเราเข้าสู่ห้วงนิทรามีสารพัดวิธีที่จะขับกล่อมตัวเองยามหัวถึงหมอน ไม่ว่าจะกลิ่นอโรมา การฟังเพลง แต่เรามีวิธีที่ง่ายกว่านั้น ง่ายและใกล้ตัวจนเราอาจมองข้ามไปอย่าง “การสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ” ปกติแล้วการเลือกสูดลมหายใจลึก ๆ เป็นจังหวะ เรามักจะทำตอนที่อารมณ์ของเราพุ่งไปแบบฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะโกรธ กลัว ตื่นเต้น เพราะช่วยบรรเทาความรู้สึกนั้น ผ่อนคลายความเครียด ความกังวล และปัดเป่าอารมณ์ขุ่นมัวให้ลดลง แต่วันนี้เราจะใช้ประโยชน์จากมันนำมาช่วยให้เรานอนหลับง่าย หลับได้ลึก จากการหายใจเหมือนกันนี่แหละ โดยผู้วิจัยอย่าง Christophe Andre ได้ทดลองฝึกการหายใจให้ลึกและเป็นจังหวะ จนเป็นเหมือนการออกกำลังกายด้วยลมหายใจ ซึ่งไม่เพียงได้ผลตรงตามที่บอกว่าแค่ช่วยลดความเครียด ทว่ามันช่วยเรื่องการนอนของเราได้