“ผมว่างานคราฟต์คนชอบเยอะ แต่หาคนที่อยู่กับมันได้จริง ๆ ยาก” นี่คือประโยคจากปาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ที่วิ่งวนซ้ำ ๆ อยู่ในหัวเรา เขาคือเจ้าของ Patani Studio สตูดิโออัดและล้างภาพถ่ายฟิล์มที่ยังทำงานแบบแอนะล็อกทุกขั้นตอน ด้วยเหตุผลว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และทำมันในฐานะงานคราฟต์ที่ทดลองได้ไม่รู้จบ แต่ในวันที่ดิจิทัลกำลังพาเราหมุนวนไปในกระแสซึ่งรุดหน้าไปเรื่อย ๆ การถ่ายภาพแบบแอนะล็อก และการล้างอัดภาพในฐานะงานศิลปะชิ้นหนึ่งจะยังท้าทายกระแสอยู่ได้อย่างไร คำตอบอยู่ไม่ไกล ในสตูดิโอขนาดกะทัดรัดที่ UNLOCKMEN พาคุณมานั่งฟังคำตอบจาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ตรงนี้แล้ว UNLOCKMEN: ความรู้สึกของเรามันแตกต่างกันอย่างไรเวลาเราใช้กล้องดิจิทัลถ่ายกับกล้องแบบแอนะล็อกถ่าย สำหรับผมภาพที่เห็นตอนถ่าย กับ ภาพที่สำเร็จบนปรินท์จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าช่างภาพเวลาถ่ายภาพมันต้องคิดแล้วว่าตอนจบ จะจบยังไง นึกออกไหมฮะ อย่างเวลาถ่ายดิจิทัล เขาเห็นจอข้างหลังรีวิว โอเค เขาก็จะรู้ว่าไปทำต่อ เผื่ออันเดอร์ เผื่อโอเวอร์ แต่รู้ในหัวแล้วว่าระบบจะทำยังไงต่อ ฟิล์มก็เหมือนกัน ต่อให้ไม่เห็น เพราะมันดูไม่ได้เลย แต่เราก็จะรู้ว่า โอเค มันจบได้ประมาณไหน รู้ว่าความสามารถในการทำงานเป็นยังไง UNLOCKMEN: อะไรคือสิ่งที่กระบวนการดิจิทัลทดแทนฟิล์มไม่ได้แน่ ๆ ถ้าเป็นผมเอง ผมจะถ่ายฟิล์มขาวดำเยอะกว่า มันต้องจบที่การปรินท์รูปในห้องมืด ส่วนอย่างอื่นก็เป็นกระบวนการที่เข้ามาช่วย เช่น การสแกนเพื่อให้เห็นว่ารูปที่ถ่ายมาแล้วมันจะเป็นยังไง
เรื่องลึกลับบางอย่างของผู้ชายที่อย่าว่าแต่ผู้หญิงเท่านั้นเลยที่สงสัย ผู้ชายอย่างเราเองบางทียังไม่เข้าใจเลยว่า “ทำไมผู้ชายชอบที่จะสัมผัสจับกุมไข่ตัวเอง?” ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นตอนนอนดูทีวีอยู่ที่บ้าน หรือ ตอนนอนหลับ จนบางครั้งบรรดาแฟนสาวถึงกับทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามว่า จะไปยุ่งอะไรกับมันนักหนา? บางคนเห็นนี่บ่อยจนดูเหมือนกับเป็นพวกจิตผิดปกติ จะบอกถึงความรู้สึกออกไปก็บอกไม่ถูก สุดท้ายกลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันรุนแรง เพียงเพราะมัวแต่นั่งจับไข่ตัวเอง ดังนั้น วันนี้เราจะมาหาสาเหตุ และคำตอบ ว่าทำไมผู้ชายถึงชอบจับหำตัวเองเล่นทุกครั้งที่เผลอ เผื่อใครถามก็จะได้บอกถึงเหตุผลที่แท้จริงได้อย่างถูกต้อง และได้ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้วอย่างจริงจัง หากใครที่ชอบจับไข่ หรือผู้หญิงคนไหนที่กำลังข้องใจว่าทำไมแฟนของคุณชอบเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงล่ะก็ ต่อไปนี้คือ คำตอบที่คาใจทุกคน To keep their testicles warm. สาเหตุของการจับกระปู๋ตัวเองอยู่เป็นประจำของผู้ชายนั้น บางครั้งอาจจะเกิดจากเรื่องอุณหภูมิได้เช่นกัน โดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37 องศา แต่ในส่วนของอัณฑะ หรือที่เรามักเรียกติดปากกันว่าไข่นั้น จะมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าอุณภูมิร่างกายเนื่องจากต้องเก็บรักษาอสุจิ แม้ว่าบริเวณไข่ที่มีตัวอสุจินับล้านอาศัยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 33 องศา เพื่อให้อสุจิสามารถว่ายน้ำไปได้ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผิว และหนังไข่ของคุณจะชอบอากาศหนาวเย็น หรือความเย็นด้วยเหมือนกัน ดังนั้น ด้วยสัญชาติญาณของคนเราเวลาที่รู้สึกว่าจุดใดจุดหนึ่งในร่างกายเย็น สมองก็มักจะสั่งให้มือมันขยับไปกุมห่อหุ้มบริเวณนั้นเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้น To calm themselves down. การลูบ หรือสัมผัสบางส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง,
ถ้าหากพูดอย่างลูกผู้ชายไม่ต้องเขินอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะก็ กิจกรรมสันทนาการยามว่างของผู้ชายหลายคนโดยเฉพาะชายโสดคงหนีไม่พ้นการสำเร็จความใคร่ด้วยอุ้งมือตัวเอง ซึ่งมีการศึกษาวิจัยมาแล้วว่า การทำกิจกรรมบริหารข้อมือ ไม่เคยเสื่อมหาย และลดความฮิตลงไปจากสมัยอดีตแต่อย่างใด แถมยังพบว่า ยิ่งยุคสมัยในเทคโนโลยีล้ำหน้าขึ้นเท่าใด ดูเหมือนว่าคนก็จะยิ่งมีการสาวกันง่ายและมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เว็บไซต์ในต่างประเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับระบบประสาทวิทยาหลายต่อหลายแห่งนั้น พยายามอย่างหนักที่จะบอกถึงผลร้ายของการกระทำดังกล่าวกับผู้ชายทั้งหลาย วันนี้เราจึงได้นำเอาเหตุผลว่า ทำไมผู้ชายถึงควรหยุดกิจกรรมสาวแหนกันได้แล้ว ขอบอกใบ้เอาไว้ก่อนเลยละกันว่า มีการพิสูจน์แล้วว่า มันเป็นต้นเหตุของปัญหาที่คุณคาดไม่ถึงอีกด้วย It makes you less receptive to actual sex. สิ่งที่น่าแปลกสุด ๆ ก็คือ ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ จะมีภาพโป๊คลิปโป๊แพร่กระจายตามอินเตอร์เน็ตให้เสพได้ง่ายดาย แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า คนในยุคปัจจุบันกลับมีเพศสัมพันธ์น้อยลง และถือว่าน้อยที่สุดในรอบ 100 ปี ที่ผ่านมา แต่การลดลงของการมีเพศสัมพันธ์ในมนุษย์นั้น ไม่ได้เกิดจากการที่คนเราหันไปดูสื่อลามกเนื่องจากหาเสพได้ง่ายมากขึ้นเพียงอย่างเดียว เนื่องจากได้มีผลการศึกษาจากทีมแพทย์เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจออกมาว่า ผู้ชายเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับความหย่อนยานในการมีเพศสัมพันธ์กันรวดเร็วมากขึ้น โดยปัจจุบันนี้ คนที่มีอายุตั้งแต่ 20-30 ปี ก็เริ่มจะพบเจอกับปัญหานี้กันแล้ว โดยสาเหตุที่แท้จริงในกรณีเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้นค่อนข้างซับซ้อนอยู่เล็กน้อย แต่มันพอจะอธิบายผลวิจัยนี้ออกมาได้ว่า บางครั้งการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศกับแฟน หรือภรรยานั้น เกิดขึ้นเพราะอาการเสพติดการดูสื่อลามก และการขัดจรวดเพียงลำพัง โดยคนเหล่านี้จะรู้สึกติดใจในจุดพีคของกิจกรรมยามว่างนี้ เนื่องจากมันจะเป็นช่วงที่รู้สึกมีความสุขเพราะร่างกายได้หลั่งสาร Endorphin ออกมา
บางครั้งเราเองก็สงสัยว่าทำไมกินข้าวไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหิวอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะ เช้า สาย บ่าย เย็น ดึก ก่อนนอนก็ต้องหาอะไรยัดใส่ปากไม่เคยหยุดหย่อน ซึ่งพอเรากินแบบนี้เข้าไปเรื่อย ๆ หน้าท้องจากที่เคยแบนราบก็ค่อย ๆ ขยายขึ้น จนมารู้ตัวอีกทีก็บวมอืด ยากที่จะลดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ส่งผลให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้ยากขึ้นจะทำอะไรก็อึดอัดขัดข้องใจไปหมด วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอรวมสาเหตุต้นตอของความหิว ว่าทำไมหนุ่มอย่างเรากินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอพร้อมแนวทางการแก้ไขที่จะช่วยให้เรากินน้อยลง และกลับมามีหุ่นที่สมาร์ทดังเดิม สะสมความเครียดมากเกินไป ความเครียดจะกระตุ้นฮอร์โมนที่ชื่ออะดรีนาลีนและคอร์ติซอย ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราต้องการพลังงานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นพอเครียดร่างกายก็จะส่งสัญญาณให้เกิดอาการหิวอยากจะหาอะไรกินตลอดเวลา จนเป็นที่มาของความอ้วน วิธีแก้ง่าย ๆ เพียงแค่ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 วัน จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ให้หายเครียด แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี หรือถ้าออกกำลังกายไม่ได้จะลองเปิดเพลงฟังชิล ๆ ซักหน่อยอาจจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ กินโปรตีนไม่เพียงพอ คุณต้องได้รับสารอาหารและโปรตีนที่เพียงพอต่อวัน เพราะโปรตีนจะอยู่ในกระเพาะนานกว่าสารอาหารประเภทอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่า หากเรากินโปรตีนให้เพียงพอเราก็จะรู้สึกอิ่มท้องมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเช็คตัวเองให้ดีว่ากินเนื้อ นม ไข่ และถั่วต่าง ๆ ปริมาณเพียงพอต่อวันหรือยัง มีวิธีการง่าย ๆ คือ
ความฉลาดเป็นอีกหนึ่งสิ่งนามธรรมที่ชวนให้ผู้ชายอย่างเรายืนงงเกาหัวแกรก ๆ เพราะความฉลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และความฉลาดอย่างหนึ่งที่คนมักมองข้ามคือความฉลาดทางอารมณ์ หรือที่เรามักเรียกกันว่า EQ ความฉลาดทางอารมณ์สำคัญกว่าที่เราคิดเพราะมันช่วยให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเราเอง จำแนกได้ว่าเรากำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจผลที่จะตามมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นของเรา และข้อมูลพวกนี้เองที่จะให้เราสามารถกำหนดความคิดและการกระทำของเรา รวมถึงช่วยในการตัดสินใจและไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น นึ่จึงเป็น 5 วิธีเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ให้แหลมคมจนคุณต้องแปลกใจตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เราไม่ใช่พระอรหันต์ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันเกิดขึ้น UNLOCKMEN ก็ไม่ได้คาดหวังให้คุณทำได้ขนาดนั้น แต่เคล็ดลับก็คือการฝึกฝน เริ่มง่าย ๆ จากการที่เราเกิดอารมณ์อะไรรุนแรง เช่น โกรธมาก หงุดหงิดมาก เสียใจมาก ให้เราค่อย ๆ สังเกตว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น พอเรารู้สึกแบบนั้นแล้วเราแสดงอาการอะไรออกมา เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้นว่าอารมณ์ไหนเกิดจากสาเหตุอะไร และจะรับมือมันอย่างไร ถามความคิดเห็นจากคนอื่น คนอื่นมักมองเห็นเราในมุมที่เรามองไม่เห็นตัวเอง ดังนั้นก็ถามเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท คนในครอบครัวดูบ้างก็ได้ว่าเวลามีเรื่องที่ต้องให้ระเบิดอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน เรามีปฏิกิริยาเป็นอย่างไรบ้าง หรือเวลาต้องรับมือกับคนอื่นที่แสดงอารมณ์ของเขาออกมามาก ๆ เรามีท่าทีเป็นอย่างไร โดยมุมมองที่ได้จากคนรอบตัวเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวเราเองมากขึ้น หยุด! ใช่ ง่าย ๆ แค่หยุด หยุดตัวเองก่อนจะแสดงออกทางอารมณ์อะไรออกไป เวลาที่เรามีอารมณ์อะไรมาก ๆ เราก็มักจะพูดหรือแม้แต่คิดอะไรที่รุนแรงออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดตัวเองก่อนที่จะแสดงออกอะไรที่ไม่สมควรออกไป เช่น
ทุกวันนี้เทรนด์การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เสริมสร้างหุ่นให้ ฟิต เฟิร์มดูดี เป็นอะไรที่กำลังมาแรงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เทรนด์รักสุขภาพกำลังเป็น World Mega Trend ที่ทั่วโลกต่างหันมาสนใจ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะหันไปทางไหนใคร ๆ ต่างก็ออกกำลังกายกันทั้งนั้น เปิดมือถือขึ้นมาเล่นก็เจอแต่ภาพเพื่อนฝูง คนรู้จัก อัพรูปตอนไปวิ่ง ไปปั่นจักรยาน เข้ายิม อวดกล้าม อวดซิกแพ็ค กันเต็มหน้านิวส์ฟีด ด้วยภาพคนออกกำลังกายที่มีให้เห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน รวมถึงเรื่องราวชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากออกกำลังกาย ทั้งในแง่ของสุขภาพที่แข็งแรง ร่างกายที่ดูดี หล่อ เท่ ขึ้นแบบเป็นคนละคน ที่มีให้ได้อ่านกันอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนหันมาออกกำลังกันมากขึ้น และสำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นออกกำลัง เพื่อสร้างสุขภาพให้แข็งแกร่ง รวมถึงต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เสริมบุคลิกภาพให้ดูดี สิ่งที่สำคัญไม่แพ้โปรแกรมการออกกำลังที่เหมาะสม หรือความมุ่งมั่นในการสร้างวินัยให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อบรรลุผลตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ คือเรื่องของอาหารการกิน ดังคำกล่าวที่ว่า “Abs Are Made In The Kitchen Not The Gym” ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอาหารที่กินเข้าไป เพราะไม่ว่าจะเข้ายิมเล่นหนักหน่วงแค่ไหน ถ้าไม่รู้จักเลือกกินอาหารก็อย่าหวังว่ากล้ามสวย ๆ รูปร่างดี
“It is not enough to succeed. Others must fail” หรือถ้าเปลี่ยนเป็นวลีไทยที่คุ้นหูขึ้นมาอีกหน่อย ก็น่าจะเป็น “ถ้ากูไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้” หลายครั้งที่เราได้ยินคำพูดสุดชั่วช้านี้ หลุดออกมาจากของตัวโกง ตัวร้าย ในละครน้ำเน่าที่ดำเนินซ้ำกันไปมา แต่ที่จริงแล้ว นี่คือสิ่งที่หลายคนในยุคปัจจุบันกำลังรู้สึกกันอยู่ในใจ เวลาคนเราเห็นใครมีอะไรดีกว่า เหนือกว่า ทั้งในชีวิตจริง หรือทาง Social Network ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนหัว แต่เมื่อไหร่ที่เห็นคนที่เหนือกว่าเหล่านั้นเดือดร้อน กลับยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีโดยไม่รู้ตัว หรืออุทานกับเพื่อนอย่างถึงรสว่า “กูว่าแล้ว แม่งไม่มีทางเจ๋งจริงหรอก” อารมณ์สุดดาร์คของมนุษย์ ที่เฝ้ารอดูคนอื่นล้มเหลวกว่าตัวเอง มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Schadenfreude Schadenfreude มาจากภาษาเยอรมัน เป็นการรวมคำที่ความหมายตรงตัวมาก ประกอบด้วย Schaden (damage, harm) และ Freude (joy) หมายถึงการรู้สึกมีความสุข เมื่อเห็นคนอื่นผิดพลาด ล้มเหลว และรู้สึกเป็นทุกข์ เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีกว่า มีสาเหตุจากการมี Low Self-Esteem ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ก็เลยต้องหาวิธีทำให้ตัวเองรู้สึกสูงส่ง มีคุณค่ามากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นจุดอ่อน ปมด้อยของตัวเอง
สุดสัปดาห์ทีไรเรื่องที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือการพุ่งตรงไปยัง บาร์ ร้านเหล้าเพื่อผ่อนคลายจากการทำงานที่เคร่งเครียดในแต่ละวัน ซึ่งเราสามารถสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนฝูงในค่ำคืนแล้วแยกย้ายกลับบ้านนอน หรือจะทำลายมันด้วยการทำตัวเกรียน ก่อความวุ่นวาย จนต้องเคลียร์กันยาวเป็นภาระให้เพื่อนฝูงอีก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด UNLOCKMEN จึงอยากจะนำ Survival Guide ข้อห้ามทำในร้านเหล้า หรือบาร์ หากคุณอยากให้ค่ำคืนนี้แคล้วคลาดผ่านไปอย่างราบรื่น อย่าขี้ตืดถ้าอยากสบาย แม้ว่าการให้ทิปจะเป็นวัฒนธรรมของทางตะวัตตก แต่ในเมื่อปัจจุบันเราก็เสพวัฒนธรรมเขามาขนาดนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำตามเพื่อเป็นธรรมเนียม ยิ่งในวันศุกร์ เสาร์ ที่ทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือไปแฮงเอ้าท์เช่นนี้ การให้ทิปแก่เด็กเสิร์ฟ พนักงาน หรือแม้แต่บาร์เทนเดอร์ จะช่วยให้คุณมีคำ่คืนที่สบายขึ้น เพราะถ้าคุณให้ทิปในจำนวนที่สมเหตุผล พวกเขาก็จะเข้ามาบริการคุณอย่างเต็มที่เช่นกัน อย่าขี้ตืดเพราะไม่งั้นคุณจะเจอกับอุปสรรคในการดื่มอีกมากมายที่ตามมา อย่าโชว์เก๋าสั่งเครื่องดื่มที่ไม่รู้จัก การลองอะไรใหม่ ๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะสั่ง โดยถามเอาจากเด็กเสิร์ฟ หรือบาร์เทรนเดอร์ว่าเครื่องดื่มชื่อแปลก ๆ เหล่านั้นมันส่วนผสมอะไร และรสชาติเป็นเช่นไร ไม่อย่างงั้นจะเสียตังฟรี แถมกินไม่ได้ หรือถ้ากินมั่วตีกันเกินไปอาจเมาโดยไม่รู้ตัว ดูเป็นเด็กเกรียนอยากลองของอีกด้วย อย่าโชว์สเต็ปอัพมาก เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันบาร์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการโชว์ลีลาการเต้นแบบสมัยก่อนอีกต่อไป ดังนั้นคุณจะไม่สามารถขยับตัว โยกย้ายแบบรุนแรงได้ และยิ่งคุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นนักเต้นที่เก่งกาจราว Jusitn Timberlake อยากจะโชว์ของปล่อยท่าเต้น แต่เราอยากจะให้เก็บท่าเต้นเหล่านั้นไว้เต้นในปาร์ตี้ส่วนตัวจะดีกว่า เพราะถ้าคุณเอามันมาเต้นในบาร์พื้นที่แคบ
ไม่ใช่ทุกคนขี้เกียจที่จะฉลาด แต่คนฉลาดอาจขี้เกียจก็เป็นได้ UNLOCKMEN ไม่ได้พูดเองเออเองลอย ๆ (ถึงจะแอบอยากเข้าข้างตัวเองที่ขี้เกียจอยู่บ้าง) วันนี้มีงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน Journal of Health Psychology ออกมาบอกให้เราใจชื้นแล้ว งานวิจัยบอกว่าคนที่ใช้เวลาคิดอะไรเร็ว ๆ ลงมือทำอะไรเร็ว ๆ มีแนวโน้มที่จะแอคทีฟทางร่างกายมากกว่า ในขณะที่บรรดาคนที่คิดอะไรนาน ๆ ถี่ถ้วนไปมามักจะไม่ค่อยแอคทีฟทางร่างกาย เรียกว่าที่นั่ง ๆ นอนนิ่ง ๆ จริง ๆ ผมคิดอยู่! ก่อนจะงงไปกว่านี้ UNLOCKMEN ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ชิล ๆ ในบทความที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้เลยแล้วกัน! งานวิจัยนี้มีชื่อยาวเหยียดว่า The physical sacrifice of thinking: Investigating the relationship between thinking and physical activity in everyday life โดยการศึกษาครั้งนี้ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 60 คน ดูกิจกรรมทางร่างกายของพวกเขาอย่างละเอียด จากนั้นแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2
หากพูดถึงตัวละครที่โดดเด่นในสุดยอดมหากาพย์ซีรีส์ยักษ์ใหญ่แห่งยุคอย่าง Game Of Thrones หลายคงจะนึกถึงคนแคระตัวแสบของเรื่องที่มาพร้อมความฉลาดหลักแหลมในเกมการเมือง และมีวาจาเชือดเฉือนกวนประสาท อย่าง Tyrion Lannister ซึ่งรับบทโดย Peter Dinklage อย่างแน่นอน แต่พวกคุณรู้ไหมว่า ชีวิตจริงของนักแสดงผู้นี้นั้น มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมาย หลากหลายอารมณ์ไม่ต่างจากบทละครที่เขาเล่นแม้แต่น้อย ทั้งความมันส์ ความต่อสู้ดิ้นรนพิสูจน์ตัวเอง และปมต่าง ๆ จากการที่เกิดมามีความผิดปกติทางร่างกาย วันนี้เราจึงได้นำเอาเรื่องราวชีวิตของ Peter Dinklage ที่น้อยคนนักจะรู้มาให้กับชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน แล้วคุณจะรู้ว่า บางทีคนที่มีร่างกายใหญ่โตปกติดีอย่างเรา ๆ ยังไม่สามารถทำอะไรแบบเขาได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าพร้อมแล้วเราขอเชิญทุกคนไปทำความรู้จักกับชายผู้อยู่เบื้องหลังบทบาท Tyrion Lannister จาก ซีรีส์ Game Of Throne กันได้เลย Peter Dinklage เกิดในปี 1969 และเติบโตขึ้นที่ Morristown รัฐ New Jersey อย่างอย่างที่เราเห็นกันว่า ร่างกายของเขานั้นแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะ Peter เกิดมาพร้อมกับโรคที่มีชื่อว่า