ปัญหายิ่งใหญ่ของผู้ชายที่ทำงานดุเดือดเลือดพล่านอย่างเรา ๆ นอกจากเรื่องงานกองมหาศาลที่ทำเท่าไหร่ก็เหมือนว่าไม่เคยจะน้อยลงเลย คงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องเวลานอนที่มีน้อยจนต้องหอบสารร่างคล้ายซอมบี้ไปทำงานบ่อย ๆ จนปัญหาการนอนน้อยส่งผลกระทบกับเรื่องอื่น ๆ เป็นทอด ๆ ไม่รู้จบ แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือการนอนน้อยมันส่งผลให้เราตายไว! แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าทุ่มเททำงานหาเงินมาแทบตาย แต่ยังไม่ทันได้ใช้เงิน ไม่ทันได้หาความสุขแต่ต้องมาหมดลมหายใจไปซะก่อนอย่างนี้ ? (เฮ้อ) ก่อนอื่นต้องอย่าคิดว่าการนอนน้อยเป็นเรื่องเล่น ๆ แค่เหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่หว่า ? นักวิจัยพบว่ามนุษย์ที่อายุต่ำกว่า 65 ปีลงมาที่ได้นอนวันละ 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นติดต่อกันตลอด 7 วันมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่ได้นอน 6-7 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้นการนอนน้อยจึงไม่ใช่แค่ส่งผลต่อสภาพความเป็นซอมบี้ไปทำงานเท่านั้น แต่มันส่งผลต่อระยะความยืนยาวที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วย อย่างไรก็ตามทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพราะหัวใจผู้ชายรักงานมันร่ำร้องว่า เฮ้ย กูนอนไม่ได้จริง ๆ ว่ะ กูต้องโหมทำงานหนักเพราะมันโคตรสะใจกับผลงานที่ออกมาได้ โดยทางออกนี้เสนอโดย Torbjorn Akerstedt นักวิจัยของสถาบันวิจัยความเครียด มหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน บอกว่าการอดนอนในช่วงวันทำงาน แล้วลองมานอนยาว ๆ ในช่วงวันหยุดเป็นการทดแทน ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยได้จริง และเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมาก! ดังนั้นใครที่เคยเจอพ่อแม่บ่น
การทำงานหามรุ่งหามค่ำหรือทำงานแล้วต้องนอนน้อยจนแทบไม่ได้นอนสำหรับผู้ชายอย่างเราดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว บางครั้งยิ่งนอนน้อยเพราะทำงานหนักมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเป็นคนที่น่าชื่นชมจากคนในองค์กรมากเท่านั้น ค่านิยม “ผมนอนน้อย เพราะทำงานหนักมากเพื่อองค์กร” จึงเป็นค่านิยมที่ผู้ชายแข่งกันคว้ามาครอบครอง แต่ยิ่งนอนน้อยแปลว่าเราทำงานหนักหรือทำงานมีประสิทธิภาพเสมอไปจริง ๆ หรือเปล่า ? นั่นเป็นคำถามที่องค์กรต้องทบทวนให้ดี ในขณะที่บริษัทจากญี่ปุ่นแห่งหนึ่งคิดไม่เหมือนชาวบ้านเขา ใครทำงานหนักเลยนอนน้อยอะไร ไม่สน! เราขอประกาศนโยบายว่าเป็นพนักงานบริษัทนี้การนอนเต็มอิ่มต้องมาก่อนโว้ย! ความจริงจังของนโยบายนี้ไม่ใช่แค่การประกาศลอย ๆ ว่าพวกคุณจงไปนอนให้เต็มอิ่มแล้วบริษัทจะรักคุณเป็นการตอบแทน แต่นโยบายนี้ให้ผลตอบแทนจริงจังโดยกติกาก็คือพนักงานคนใดที่นอนหลับอย่างน้อยคืนละ 6 ชั่วโมง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์จะได้รับคะแนนพิเศษจากบริษัทซึ่งคะแนนพิเศษนี้ใช้แลกค่าตอบแทนอีกที บริษัทที่ใจป้ำผู้ออกนโยบายเพื่อคนนอนเยอะแห่งนี้คือ Crazy Inc. บริษัทออแกไนเซอร์งานแต่งงานซึ่งให้ค่าตอบแทนสูงสุดถึง 64,000 เยน หรือราว ๆ 187,000 บาทต่อปี โดยค่าตอบแทนไม่ได้มาในรูปแบบเงินสดแต่เป็นคูปองที่สามารถใช้จับจ่ายซื้ออาหารในโรงอาหารของบริษัทได้ ในสายตาเราอาจจะมีเสียดายตาละห้อยเล็กน้อยที่ค่าตอบแทนไม่ใช่เงินสด แต่ถ้าพิจารณาดูดี ๆ การได้นอนเต็มอิ่ม แถมยังประหยัดค่าอาหารทุกมื้อที่มากินที่ทำงานได้ เงินเหลือไปทำอย่างอื่น แถมสุขภาพกายสุขภาพจิตดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน ส่วนใครที่คิดจะโกงเวลานอน พี่อาจจะต้องผิดหวังไปตามระเบียบเพราะ Crazy Inc. เขาใช้แอปพลิเคชันติดตามการนอนโดยเฉพาะ เพื่อตรวจจับว่าเรานอนจริง ๆ ไหม หลับลึกจริง ๆ หรือเปล่า คุณภาพการนอนเป็นอย่างไร ซึ่งแอปพลิเคชันนี้พัฒนาขึ้นโดย
หนุ่ม ๆ เคยสังเกตกันมั้ยว่าทำไมแฟนหรือคู่รักของเรามักจะใช้เวลาในการนอนหลับพักผ่อนมากกว่าเรา จากที่นอนคุยกันอยู่ดี ๆ รู้ตัวอีกทีพวกเธอก็หนีเข้าห้วงนิทราไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรายังตาแป๋วไม่มีความง่วงมาเยือนเลยแม้แต่น้อย วันนี้เราจึงอยากมาบอกหนุ่ม ๆ ทุกคนให้เข้าใจว่าที่เธอเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอขี้เซาหรือขี้เกียจ แต่มันเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่มีคำอธิบายชัดเจน สมองต้องการพักผ่อน ศาสตราจารย์ Jim Horne ผู้อำนวยการแห่งสถาบัน The Sleep Research Centre at Loughborough University และผู้เขียนหนังสือ Sleepfaring: A Journey Through The Science of Sleep ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดที่มนุษย์จำเป็นต้องนอนหลับคือในระหว่างวันสมองของเราจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลาเดียวที่สมองจะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมคือช่วงนอนหลับพักผ่อน สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ, ภาษา, และพฤติกรรมจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา” “นั่นหมายความว่า ในช่วงระหว่างวันยิ่งใช้งานสมองไปมากเท่าไร สมองยิ่งต้องการพักผ่อนมากเท่านั้น ซึ่งด้วยความจริงข้อนี้จึงทำให้ผู้หญิงต้องการการนอนหลับมากกว่า เนื่องจากสมองของผู้หญิงมักจะทำงานหลายส่วนพร้อมกัน มีความยืดหยุ่นมากกว่าของผู้ชายอย่างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นผู้ชายที่ทำงานเกี่ยวกับการคิดคำนวณหรืองานที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจสำคัญ ๆ ซึ่งใช้งานสมองค่อนข้างหนัก แต่นั่นก็ยังไม่เท่าการใช้งานสมองของผู้หญิงอยู่ดี” ด้วยความซับซ้อนของสมองที่มากกว่า ผู้หญิงจึงต้องการการนอนหลับพักผ่อนที่มากกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 นาที อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับลักษณะสมองของแต่ละบุคคล คุณภาพการนอนและสุขภาพ มีอีกหนึ่งงานวิจัยที่ยิ่งตอกย้ำปัญหาการนอนหลับของผู้หญิงเข้าไปอีก
Nikola Tesla, Leonardo da Vinci, Salvador Dali, Thomas Edison, Napoleon Bonaparte, Buckminster Fuller อัจฉริยะระดับโลกเหล่านี้แตกต่างกันทั้งยุคสมัย เชื้อชาติ วัฒนธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือการนอนที่มีประสิทธิภาพ ครบวงจร ซึ่งถ้าคนเรามีคุณภาพการนอนที่ดีแล้ว ต่อให้นอนเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนานติดต่อกันได้ถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ละคนมีความต้องการในการนอนหลับแตกต่างกัน เป็นเรื่องปัจเจก ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย สภาพจิตใจ สภาพแวดล้อม การที่ในบทเรียนที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กบอกว่าคนเราควรนอนหลับวันละ 8 ชั่วโมงนั้นเป็นแค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น เช่นถ้าอยู่ในวัยเด็ก การนอนหลับนั้นจำเป็นมากเพราะมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ตรงกันข้ามถ้าอยู่ในวัยชรา การนอนหลับไม่จำเป็นต้องยาวนานมากนัก เนื่องจากในแต่ละวันผู้สูงอายุมีการขยับร่างกายน้อย เผาผลาญพลังงานน้อย การนอนหลับเพียง 5-6 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แต่ปัญหาสำคัญคือเราไม่รู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมการนอนหลับอย่างไร ต้องการการนอนหลับแค่ไหนจึงจะเพียงพอ ด้วยปัญหาดังกล่าวจึงเกิดเป็นไอเดียให้เกิด Neuroon Open อุปกรณ์สุดเจ๋งที่จะช่วยให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพที่สุด โดยเจ้า Gadget ตัวนี้มาในรูปแบบที่คาดศรีษะซึ่งถึงแม้ดูจากรูปร่างภายนอกจะแสนธรรมดาแต่ประโยชน์ของมันมหาศาล เรียกว่าดูแลการนอนของเราอย่างครบวงจรเลยทีเดียว การใช้ Neuroon Open ก็ไม่ได้สลับซับซ้อน เพียงแค่คุณเชื่อมต่อเจ้านี่กับ Application ของมันในโทรศัพท์มือถือ
ความฝันเป็นเหมือนภาพสะท้อนจิตใต้สำนึก ความคิดในช่วงเวลานั้นของเราไม่ต่างจากดินแดนพิศวงที่ต่างคนต่างมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน บางคนเห็นเป็นภาพสี บางคนเห็นเป็นขาวดำเลือนราง บางคนเห็นเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ก็คือมุมมองของเราเอง เหมือนเราเห็นเหตุการณ์ด้วยตาของเราเอง แต่บางคนกลับเห็นในมุมมองของบุคคลที่ 3 นั่นหมายความว่าเราจะเห็นตัวเองกำลังดำเนินเรื่องราวนั้นอยู่ เรื่องราวในความฝันนั้นเราอาจจะจำได้แค่บางช่วงบ้าง เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าเราใช้เวลาในโลกความจริงไปกับความฝันนานเท่าไหร่กันแน่น UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบนี้กัน ปกติเรามักจะจดจำความฝันของเราได้เป็นฉาก ๆ แม้จะพอคลำทางให้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันได้ แต่ก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แถมส่วนมากก็ยัง Surreal เสียจนอยากจะเอาไปทำหนัง บางครั้งเป็นเพียงความรู้สึกราง ๆ ที่ไม่ชัดเจนทางการจำภาพ เสียง แต่เราจดจำความรู้สึกนั้นได้แม่นยำ ครั้งไหนที่ฝันเป็นเรื่องเป็นราว เราอาจคิดว่าเราใช้เวลากับมันไปทั้งคืนแน่นอน ฝันเป็นมหากาพย์ขนาดนี้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เรามีความเครียด ความกังวล หรือเรื่องเล็กน้อยกวนใจที่เราอาจจะลืมไป มันมีโอกาสแสดงออกผ่านทางความฝัน ความฝันเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับสุขภาพของเราโดยตรง เพราะมันคือการทำงานของสมองในขณะที่ร่างกายของเราหลับไปแล้ว เกิดขึ้นในช่วง REM คือช่วงที่เรากลอกตาไปมาอย่างรวดเร็วในขณะที่ตายังปิดอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นช่วงสั้น ๆ ตลอดคืน กินเวลาประมาณ 20% ของทั้งคืนที่เราหลับไป เรามักจะคิดว่าเรามีความฝันเพียงเรื่องสองเรื่อง หรือเท่าที่จำได้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ในคืนนึงที่เราหลับไป เราฝันไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เพียงแค่เราจำมันไม่ได้ทั้งหมดนั่นเอง (หรือบางคนก็จำไม่ได้เลย)
ไม่อยากจะอวดให้เหมือนเนื้อเพลง YOUNGOHM ว่า “ยังไม่ได้นอนเลยจะ 10 โมงเช้า” แต่อาการ Insomnia หรือนอนไม่หลับช่วงนี้มันไล่ล่าผมเหลือเกิน พอจะมีทางออกหรือทางเยียวยาเพิ่มไหมครับ ? สำหรับใครที่เกลียดกลางคืนเสียเหลือเกิน พวกเราเข้าใจความทรมานของการนอนไม่หลับดี และ UNLOCKMEN ก็ส่งคอนเทนต์กล่อมคุณเข้านิทรากันมาหลายชิ้น แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลและอยากขอทางเลือกเพิ่ม ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเขาออกมาบอกแล้วว่าแค่เปลี่ยนชุดนอนก็มีผลทำให้เราได้โบนัสการนอนเพิ่มขึ้นอีก 15 นาที รอช้าอยู่ไย แค่ปลดกระดุมเปลี่ยนประเภทชุดนอน แม้จะดูประหลาดแต่ก็เป็นเรื่องจริง เพราะ Dr Paul Swan นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัย Sydney เขาวิจัยมาแล้วว่าการเปลี่ยนชุดนอนจากผ้าฝ้ายตัวเดิมไปเป็นผ้าขนสัตว์จะทำให้ร่างกายของเราเข้าสู่ Thermal comfort zone หรือสภาวะน่าสบาย ที่เอื้อกับการนอนพักผ่อนได้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ผู้เชี่ยวชาญจัดกลุ่มคนเข้าทดสอบการนอน 2 กลุ่ม ได้จำแนกเป็นคนต่างวัยได้แก่ วัยเด็กและวัยชรา โดยกลุ่มแรกที่เป็นวัยเด็ก คัดเลือกนักเรียนที่อายุ 20 ปีขึ้นนำมาทดลองให้สวมชุดนอนจากเนื้อผ้า 2 แบบได้แก่ ผ้าขนแกะ merino และผ้าฝ้าย เพื่อเปรียบเทียบกัน ผลปรากฏว่าการสวมชุดขนแกะทำให้เหล่าผู้ทดลองสัปหงกได้เร็วกว่าผ้าฝ้ายประมาณ 4 นาทีหรือเร็วกว่านั้น ชุดนอนขนสัตว์ใช้เวลา
ปัญหายอดฮิตที่พูดกันอีกกี่ทีไม่มีเบื่อก็คงเป็นเรื่องปัญหาการนอนไม่หลับนี่แหละ เพราะมันเป็นปัญหาที่เจอได้กับทุกคนจริง ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอาชีพไหน ไม่อยากตาค้าง ตาโหล เป็นซอมบี้ลุกไปทำงาน ลองอ่านนี่ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 เทคนิคเหนือชั้น ที่ช่วยให้คุณดำดิ่งสู้ห้วงนิทราได้แบบมือโปรโดยไม่ต้องเสียแรงอะไรมากมาย เพราะมันเป็นวิธีง่าย ๆ ทีท่ทำได้กันทุกคนแน่นอน ใครที่กำลังเจอปัญหาตาค้างตอนตึสอง มาดูกันว่าอะไรจะช่วยคุณได้บ้าง หลีกเลี่ยงการงีบระหว่างวัน ถือเป็น Loop สุดคลาสสิกของปัญหานี้เลยล่ะ สำหรับการนอนกลางวันแล้วกลางคืนดันตาค้างหลับไม่ลง พอกลางคืนไม่นอน ก็มานอนกลางวันอีก จริง ๆ การนอนกลางวันแบบ Power Nap มันก็ช่วยชาร์จพลังในยามบ่ายได้ดีเหมือนกัน แต่การนอนเพราะกลางคืนไม่ได้นอนมันคนละเรื่องกัน อย่างที่บอกว่ามันจะส่งผลถึงการนอนในตอนกลางคืน แล้วมันยังส่งผลถึงหน้าที่การงานในตอนกลางวันอีกด้วย คงจะไม่น่าดูนักถ้าหากคุณงีบหลับแทบทุกวัน แต่อ้างว่าเพราะ Power Nap ขาเก้าอี้ของคุณคงสั่นคลอนไม่น้อยเลยล่ะ Power Nap ที่เหมาะสมต่อวันคือไม่เกิน 30 นาทีต่อวัน หรือน้อยกว่านั้น พยายามลิมิตตัวเองหน่อย เพราะนอนนานเกินไปกลางคืนก็จะนอนไม่หลับเอา จากการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาจำนวน 440 คน ที่มีการนอนระหว่างวัน 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ครั้งละมากกว่าสองชั่วโมง
หนึ่งในความสุขที่สุดของมวลมนุษยชาติและผู้ชายอย่างเราก็คือการพักผ่อนนอนหลับ และมันจะกลายเป็นความทุกข์ทันที่ถ้าเรามีปัญหากับมัน ผลการสำรวจจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มีจำนวนประชากรไทยที่มีปัญหานอนไม่หลับในช่วงกลางคืน หรือนอนหลับไม่เพียงพอถึงร้อยละ 30-40 และมีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรังประมาณร้อยละ 10 ซึ่งสาเหตุของการนอนไม่หลับของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปสไตล์ใครสไตล์มัน บางคนก็ทำงานหนักเกิน บ้างเบื่อหน่าย ไม่ก็กังวล ส่วนปาร์ตี้ยันหว่างหรือดูซีรีส์ถึงเช้านั้นไม่นับ เอาเป็นว่าไม่ว่าสาเหตุของปัญหาการนอนหลับจะมาจากอะไร แต่ทั้งหมดมันก็ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ โดยผลการวิจัยระบุไว้ว่า เวลาที่เรานอนหลับร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนที่มีผลต่ออารมณ์, พลังงาน, ความจำ และสมาธิออกมา เคยมีการทดสอบให้คนนอนน้อยลองขับรถในเครื่องจำลองการขับรถ ปรากฎว่าคนที่ผักผ่อนน้อยขับรถได้แย่พอ ๆ กับคนเมาเลยทีเดียว ส่วนผลกระทบอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนที่นอนไม่พอมีอัตราเสี่ยงที่จะมีความดันเลือดสูง และเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย ในเมื่อปัญหาการนอนไม่เคยเป็นเรื่องเล็ก เราจึงต้องมาทำความเข้าใจกันหน่อย จะได้แก้ปัญหาบนเตียงเบื้องต้นได้ ความหลับสบายจะได้มาเยือนทุกคืน ไม่ต้องฝืนถ่างตาหลังอาหาร นอนไม่หลับ – ชอบตื่นมากลางดึก หลายคนเจอกับปัญหานี้ ทั้งหลับยาก ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือตื่นเร็วเกิน แม้ว่าจากสถิติมักจะพบอาการนี้ในผู้หญิงและคนที่อายุมากกว่า 60 ก็ตาม แต่ผู้ชายอย่างเรา ๆ หลายคนก็เจอกับปัญหานี้เหมือนกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับมักจะมาจากสิ่งกวนใจเหล่านี้ ได้ยินเสียงรบกวน ความเครียดจากการงาน การสูญเสียในครอบครัว และความกังวลจากหายนะต่าง ๆ อาการป่วยที่สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย
เข้านอนหัวค่ำ ควรจะ boost ความสดชื่นให้เรายามเช้า แต่สำหรับเช้าต้นสัปดาห์อย่างนี้ ชาว UNLOCKMEN บางคนก็ยังรู้สึกว่ายังง่วงอยู่เหมือนเเดิม หนังตาหนักเหมือนคนอดนอน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? วันนี้เราไปสืบจากผู้เชี่ยวชาญมาบอกต่อเพื่อคืนความกระปรี้กระเปร่าต้นสัปดาห์ให้กลับมามีพลังเหมือนเดิม หรือบางทีอาการง่วงตลอดเวลาของพวกเราอาจเป็นสัญญาณส่งต่อว่า “เฮ้ย! ถึงเวลาต้องไปหาหมอ 7-10 ชั่วโมงอันคุ้มค่าที่ปิดตาไปตามที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่ามันจะพอต่อร่างกาย แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งสิ้นเมื่อใช้งานยามตื่น ผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่าที่ให้นอนก็ใช่อยู่หรอก แต่แค่หลับตาต่อเนื่อง 7-10 ชั่วโมงมันก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตล้ำเลิศอะไร เพราะบางครั้งเรายังขาด 8 สิ่งด้านล่างนี้ เพื่อคืนความฟิตทุกวินาทีจากการตื่นนอนเราลองมาเช็กดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่เราขาดและควรเสริมเข้าไป 1. ออกกำลังกาย ชาว UNLOCKMEN สายสุขภาพน่าจะออกมายืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะหลังออกกำลังกายในวันนั้นเราจะหลับได้ดีและรู้สึกตื่นตัวในวันรุ่งขึ้น ต่างจากการไม่ออกกำลังกายแล้วนอนซึ่งแม้จะนอนยาวนานก็ยังรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่ดี วิธีแนะนำจาก Science Alert เมื่อคุณเกิดอาการนอนไม่พอไม่ว่านานแค่ไหนด้วยการไปออกกำลังกายเบา ๆ ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ ขยับยืดตัวบ้างแล้วมันจะดีเอง 2. รินน้ำดื่มเข้าไป เราอาจจะไม่เคยคิดว่าเรื่องกินน้ำจะกระทบการนอนและทำให้วันทั้งวันของเรากลายเป็นวันเพลีย ๆ ที่อยากฟุบตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตา แต่ความจริงอาการขาดน้ำมันจะทำให้การสูบฉีดเลือดในร่างกายของเราสะดุดได้ ซึ่งนำไปสู่อาการเหนื่อยล้า 3. รีแล็กซ์ให้น้อยลงจากเครื่องดื่มมึนเมา เรื่องนี้หลายคน รวมถึงเราเองก็มักจะทำอยู่บ้างเวลาเหนื่อยพอกลับไปที่บ้านสบโอกาสเมื่อไรก็เปิดขวดไวน์บ้าง กระป๋องเบียร์ป้อนเบียร์ให้ตัวเอง
ปัญหานอนไม่หลับดูเป็นหาเล็กปะติ๋วเมื่อเทียบกับปัญหาใหญ่ ๆ หลาย ๆ ปัญหาในชีวิต แต่ในทางกลับกันการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็สร้างความเหนื่อยล้าสะสมและกลายปัญหาชีวิตที่ใหญ่ระดับโลกขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว ออกกำลังกายก็แล้ว ปรับอาหารการกินก็แล้ว ทำอย่างไรก็ไม่เวิร์คกับเขาสักที วันนี้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เขาบอกว่านี่คือวิธีที่โคตรดีในการจะช่วยให้คุณนอนหลับ… งานวิจัยพบโคตรวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้นอนหลับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไม่ต้องพึ่งวิธีอย่างการกินกล้วยหรือดื่มนมอีกต่อไป! นักวิทยาศาสตร์จาก Northwestern University เชื่อว่าการมีแพลนสำหรับวันพรุ่งนี้จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ยาวนานขึ้น แถมการนอนของคุณก็จะมีคุณภาพมากขึ้นด้วย การมีแพลนสำหรับวันต่อไปของชีวิตเนี่ยนะ? จะเป็นไปได้ได้ยังไง? ผลการวิจัยครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Sleep, Science, and Practice. โดยนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการที่คนเรามีจุดมุ่งหมายหรือมีเป้าหมายต่อไปในชีวิตมันกลายเป็นยานอนหลับชั้นดี โดยไม่ต้องใช้ตัวยาทางเคมีจริง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว งานวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 823 คน โดยนำมาตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา ผลออกมาว่ามีคนร้อยละ 63 ที่รู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาช่างมีความหมาย และคนร้อยละ 63 นี่เองที่เผชิญกับอาการนอนไม่หลับน้อยกว่า ทุกคนก็อาจจะสงสัยเหมือนที่ UNLOCKMEN สงสัยว่า ‘ความหมายของชีวิต’ มันคืออะไรกันแน่ มันวัดจากอะไร ผู้ทำการวิจัยเขาก็ไม่ปล่อยให้เราต้องปวดหัวคิดไปเอง เขานิยามเอาไว้ว่า ‘ความหมายของชีวิต’ มันคือการที่คนคนหนึ่งรู้สึกดีเมื่อพวกเขาคิดถึงอะไรที่พวกเขาได้ทำมันในอดีต และรู้สึกดีเมื่อพวกเขาคิดถึงสิ่งที่พวกเขาอยากทำในอนาคต ผลการทดลองจึงมาจบลงตรงที่ว่าใครสักคนหนึ่งจะนอนหลับได้เต็มตาก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังเสียเวลาในการใช้ชีวิตอยู่ หรือมัวแต่คอยกังวลกับอดีตว่าอะไรที่เรายังทำไม่สำเร็จ ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าเป้าหมายชีวิตมันยิ่งใหญ่เกินไปกว่าจะทำสำเร็จได้เราคงไม่ได้นอนหลับเต็มตาเสียที UNLOCKMEN ก็เชื่อว่าการที่เราคิดถึงเป้าหมายในแต่ละวันไว้และมุ่งทำมันให้สำเร็จ