ออกมาทำตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 ถึงเวลาต้องกระตุ้นให้ Supra ดูสดใหม่ไม่เงียบเหงา Toyota Japan เผยโฉม ‘Horizon Blue Editon’ สีฟ้าพิเศษพร้อมเพิ่มความแรง ปรับช่วงล่าง และล้อลายพิเศษ สำหรับทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น จากเดิมที่เคยวางขายสีพิเศษ Matte Storm Gray เมื่อปีที่แล้ว Toyota Supra edition พิเศษนี้จะมีเฉพาะในรุ่น RZ (ที่ญี่ปุ่นจะแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น SZ, SZ-R, RZ) ความแตกต่างคือ SZ และ SZ-R จะใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter twin-turbo 255 แรงม้า ส่วนในรุ่น RZ จะมากับเครื่องยนต์ 3.0-liter twin-turbo 335 แรงม้า 2021 Toyota Supra Horizon Blue Edition เป็นรุ่นที่อัพเกรดจาก RZ ภายนอกมากับสีฟ้า Horizon
หลายคนสูญเสียหลายอย่างไปกับโรคระบาดที่เราไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ความมั่นคง เงิน งาน สุขภาพจิต แต่นอกจากความปกติในชีวิตที่เราต้องเสียไปแล้ว COVID-19 ยังเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งวิธีคิดเรื่องการรักษาความสะอาดเพื่อสุขอนามัย วิธีคิดเรื่องการกินอาหาร วิธีคิดเรื่องการพักผ่อน ฯลฯ ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ส่งผลไปถึงเทคโนโลยี ธุรกิจอีกหลายรูปแบบที่จะต้องปรับตัว แต่น่าเสียดายที่บางอย่างต่อให้ปรับตัวก็ไม่สามารถรอดไปได้ หลัง COVID-19 จึงไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีและธุรกิจใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้ แต่เทคโนโลยีหรือธุรกิจบางแบบต้องหายไปตลอดกาลเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน Touch Screens ในที่สาธารณะ ครั้งหนึ่งการไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือต้องการข้อมูลจากจุดไหนเป็นพิเศษแล้วมีหน้าจอ Touch Screens วางหารอให้เราพุ่งตรงเข้าไปใช้บริการ มันช่างเป็นตัวแทนของความทันสมัย ใช้งานง่าย สะดวก ตอบโจทย์ผู้บริโภค และเป็นภาพลักษณ์เชิงบวกกับธุรกิจหรือองค์กรนั้น ๆ จนไม่ว่ามองไปทางไหน Touch Screens ก็มีให้เห็นละลานตา แต่เมื่อ COVID-19 มาถึง Touch Screens ที่เคยเป็นตัวแทนความสะดวก กลายเป็นพื้นที่รวบรวมนิ้วใครต่อนิ้วใคร และอาจรวมถึงเชื้อโรคไม่พึงประสงค์นานาชนิด ดังนั้นธุรกิจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ Touch Screens ทำให้ลูกค้าจำนวนมากมองว่านี่คือความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ว่าพวกจะพยายามทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน บรรดาตู้ ATM จอในรถเช่า
ไม่นานนี้ เราเจอเหตุการณ์ที่แม่ยื่นมือถือมาให้แก้ปัญหา เพราะเข้าจอวิดีโอคอลใน WhatsApp คุยกับญาติไม่ได้ เกิดจากบังเอิญไปจิ้มผิดปุ่มจนทำให้หน้าตา interface ที่เคยใช้ประจำกลายเป็นหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทุกครั้งแม่มักจะพูดเสียงอ่อย ๆ เวลามาขอความช่วยเหลือว่า “ดูให้หน่อยสิ โทรศัพท์มันเสียหรือเปล่า” ตอนฟัง เชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนกันคือรู้สึกหงุดหงิด เพราะมันก็ไม่ได้เป็นอะไร ถ้ากดปุ่ม Home มันก็กลับเข้าหน้าเดิม กดเข้าแอปฯ ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่พอมานั่งคิดเอาดี ๆ ว่าทำไมถึงเกิดปัญหาเดิมซ้ำ ๆ ทำไมเราต้องมาเป็นคนแก้ให้ซ้ำ ๆ คำตอบง่าย ๆ ที่เจอก็คือ “กลัว” นั่นแหละ กลัวอุปกรณ์พังบ้าง กลัวจะเสียเงินบ้าง “สิ่งสำคัญไม่ใช่การยอมถอยเพราะกลัวมัน แต่ต้องความเข้าใจและหาทางป้องกันมันอย่างมีประสิทธิภาพ” มันทำให้เรากลับมาตั้งคำถามว่า แล้วเราล่ะมีอะไรที่กลัวบ้างหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับเรื่องข่าวโดยสปายข้อมูลของการวิดีโอคอลจาก ZOOM ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ว่าแฮกเกอร์เข้าไปป่วนดึงข้อมูลการประชุมบริษัทมาได้ เรื่องนี้ทำให้หลายคนย้ายแอปฯ ไปเลย แต่เอาเข้าจริงนี่ไม่ใช่ทางแก้ เพราะในอนาคตแฮกเกอร์ก็อาจจะเจาะเข้าไปแอปฯ อื่นที่เราใช้ได้เหมือนกัน เราจึงขอแชร์หลักการที่ต่อให้คุณใช้แอปฯ ไหน สปายทั้งหลายก็เจาะเข้ามาไม่ได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ สร้างห้องต้องล็อกได้ คีย์เปิดห้องต้องแน่นหนา เวลาเราจะ
ถ้ายังวิ่งแบบเดิม ๆ อยู่ เราจะเป็นได้แค่กระต่ายที่รอวันเต่าวิ่งแซง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้การไล่ตามเทคโนโลยีให้ทัน ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาหรือสายงานอะไรก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นด้วยกันทั้งนั้น อธิบายง่าย ๆ ว่า “เทคโนโลยี” เข้ามาเป็นอีกสกิลที่ทำให้ทำงานได้ดี มีโอกาสมากกว่าคนอื่นและเป็นโอกาสที่สร้างได้จากทั่วทุกมุมโลกไม่ต่างจากสกิลด้านภาษาที่เราทุกคนให้คุณค่ากับมัน Bernard Mar นักกลยุทธ์ธุรกิจและนักเขียน Best Seller ผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ Big Data ได้สรุปเทรนด์ของเทคโนโลยี 25 ตัวที่น่าจับตามองภายในปี 2020 นี้ไว้ หลายสกิลเราได้ยินชื่อของมันมานานหลายปี ลองมาสำรวจว่าคุณรู้จักอะไรกันบ้างและจะใช้สกิลเหล่านั้นประยุกต์กับสิ่งที่ทำอยู่ได้อย่างไร Wearables and augmented humans อุปกรณ์สวมใส่เพื่อเติมเต็มชีวิตมนุษย์ แม้จะไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งเราจะสวมเทคโนโลยีบางอย่างติดตัวแล้วเชื่อใจมันจนไม่ต้องไปหาเทรนเนอร์หรือหมอ หันมาเฝ้าติดตามสุขภาพร่างกายเราแต่ละวันผ่านอุปกรณ์เล็ก ๆ นี้แทน ทั้งจำนวนก้าวเดิน ชีพจรของตัวเอง รวมทั้งไว้ใจให้มันทำหน้าที่บังคับเรากลาย ๆ เพื่อสร้างสุขภาพดี ๆ แต่สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นแล้วและน่าจะติดเทรนด์ไปยาว ๆ ในปีนี้ ถ้ามองตัวเลขจากยอดของ Smart Watch ที่จำหน่ายในตลาด ไม่ว่าจะเป็นค่าย Apple หรือ Samsung คงทำให้เห็นว่าผู้คนกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีชิ้นนี้ขนาดไหน
ถือเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ Jaguar ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง I-Pace ออกมาสู่ตลาด จากแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์รถยนต์หรูอย่าง XJ หรือรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง F-Type คงไม่มีใครคาดคิดว่าอยู่ ๆ Jaguar จะควักเงินลงทุนหลายพันล้านปอนด์เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการทดสอบเป็นระยะไกลนับล้านกิโลเมตร จนสามารถสร้างสรรค์ I-Pace ออกมาได้ ค่ายรถที่ไม่เคยผลิตรถยนต์ EV มาก่อน แต่กลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ครั้งแรก การันตีด้วยรางวัลมากมายทั้ง 2019 World Car of the Year, World Car Design of the Year, World Green Car awards, European Car of the Year นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้สำเร็จเพราะโชคช่วย สื่อหลายสำนักจึงเห็นตรงกันว่า Jaguar I-Pace เป็นรถที่มีความสำคัญสำหรับทั้งอนาคตของ Jaguar และอุสาหกรรมรถยนต์ เพราะ I-Pace
วิวัฒนาการการเซฟข้อมูลของเรานับตั้งแต่ทำงานกับไฟล์ คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนมา จะเห็นว่าเปลี่ยนทั้งขนาดและรูปแบบการเก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ จาก floppy disk, thumbdrive, SSD ไปจนถึง External Harddisk กระทั่งเปลี่ยนมาใช้การฝากไฟล์บน cloud Lenovo Awan เป็นนวัตกรรมการเซฟไฟล์แบบใหม่ที่ใช้ระบบ Cloud แต่มีความแอนาล็อกเล็ก ๆ จากการเสียบอุปกรณ์เพื่อให้ตัวน้ีทำหน้าที่เป็น Cloud Drive ที่ซื้อเพื่อใช้งานเพียงครั้งเดียวก็สามารถเชื่อมต่อและเก็บข้อมูลบน Cloud ได้ทั้งหมด อ่านแบบนี้อาจจะยังงงระหว่างความแตกต่างที่ทำให้ต่างจากที่เก็บข้อมูลทั่วไปหรือ ถ้าเราจะสรุปประโยชน์ของการใช้งานคงต้องบอกว่า ตัวนี้มันจะเหมือนการอัปโหลดขึ้น Cloud ที่มีแค่ Lenovo Awan ชิ้นเดียวก็ใช้ได้ จ่ายเงินครั้งเดียวก็จบไม่ต้องจ่ายหลายครั้งเพื่อซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ความจุไม่จำกัดใช้งานง่ายด้วยระบบ plug and use กรณีต้องซื้อพื้นที่บน cloud เพิ่มเราจะ top-up แค่การจ่ายเพิ่มก็สามารถใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็น storage ได้เหมือนเดิม แจ้งความจุที่เหลือผ่านการเซนเซอร์ลายนิ้วมือบนอุปกรณ์ Interface อุปกรณ์ทันสมัย ซิงก์ระหว่างภาพจากอุปกรณ์กับหน้าจอได้ เมื่อถ่ายโอนข้อมูลจึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลได้รับการบันทึกเรียบร้อยแล้ว ไม่ติดปัญหาเรื่องการใช้งานหลายอุปกรณ์ที่ทำให้ต้องติดตั้งแยก ไม่ต้องคอยอัปเดตให้เปลืองเนื้อที่อุปกรณ์ กรณีติดตั้งผ่านสมาร์ตโฟนแล้วใช้แอปพลิเคชัน ซึ่งส่วนใหญ่เมื่ออัปเดตระบบแล้วจะคอยแจ้งให้เราอัปเดตแอปฯ
เพิ่งเปิดตัวกันไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อตอนปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา กับ Huawei P40 Series รุ่นล่าสุดของอีกหนึ่งสมาร์ตโฟนบนพื้นพิภพนี้ที่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องถ่ายภาพไม่เป็นรองใคร ชนิดที่ว่าเปิดตัวปุ๊บก็สามารถส่งพี่คนกลางอย่าง Huawei P40 Pro ไปทวงบัลลังก์แชมป์สมาร์ตโฟนกล้องแจ่มที่สุดในปัจจุบันจากสำนัก DXOMARK กลับมานอนกอดอีกครั้ง ด้วยคะแนน 128 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสองร่วมอย่าง Oppo Find X2 Pro และ Xiaomi Mi 10 Pro อยู่ถึง 4 คะแนนด้วยกัน แต่ก่อนที่จะไปเจาะรายละเอียดเรื่องกล้องเราขอพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพสักเล็กน้อย ซึ่งเราบอกได้เลยว่าแรงหายห่วงสมศักดิ์ศรีซีรีส์เรือธงอย่างแน่นอน เพราะแม้จะเปิดตัวออกมา 3 รุ่นย่อย แต่ Huawei P40, P40 Pro และ P40 Pro+ นั้นมาพร้อมชิปเซ็ต Kirin 990 5G ตัวแรงอันดับต้น ๆ ของวงการสมาร์ตโฟนตอนนี้ พร้อม RAM
ก่อนหน้านี้หลายคนไม่เชื่อว่าเราจะต้องใช้เวลาอยู่บ้านนานนับเดือน ยังคิดกันเอาเองว่าการ WORK FROM HOME หรือทำทุก ๆ อย่าง FROM HOME มันดีจะตาย และคงจะเป็นเรื่องขำ ๆ ที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น แต่มาวันนี้ต้องยอมรับว่าเราคงต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนาน พ่วงมาพร้อมความเครียดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ด้วยความที่เรายังต้องอยู่บ้านนาน ทำให้ระยะนี้มีข้าวของต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ออกมามากมายเพื่อให้การใช้ชีวิตอยู่บ้านตลอดเวลารื่นรมย์มากขึ้น และนี่คือ 5 ไอเทมการอยู่บ้านให้น่าอยู่ที่เราเลือกมา บางอย่างเพื่อตอบโจทย์ความบันเทิง บางอย่างก็เป็นเรื่องความโปรดักทีฟ แต่ไม่ว่าจะชิ้นไหนเราว่าก็ขาดไม่ได้พอกัน ‘THE BEAN’ Samsung Galaxy Buds ถ้าการอยู่บ้านของพวกเรา ไม่ใช่การอยู่คนเดียว แต่ต้องแชร์พื้นที่ร่วมกับคนอื่นในบ้าน ชนิดที่หาความเป็นส่วนตัวและสมาธิไม่ค่อยจะได้ สิ่งแรกที่จำเป็นต้องหามาใช้คือ “หูฟัง” ดี ๆ เพราะการเปิดเพลงคลอสำหรับตัดโลกบางช่วงเวลาจะสร้างสมาธิให้เราได้ ที่สำคัญจังหวะดนตรียังช่วงปรับมู้ดการทำงานและใช้ชีวิตให้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่าหูฟังธรรมดา เราคงไม่เอามาแนะนำให้เสียเวลา ไอเทมชิ้นแรกจึงขอแนะนำเป็น Samsung Galaxy Buds หน้าตาคล้ายเมล็ดถั่วที่กำลังมาแรงตัวนี้ที่ว่ากันว่ารูปที่เราเห็นอยู่คือภาพหลุด เพราะชิ้นนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาของค่าย Samsung ความเจ๋งอยู่ที่มันเป็นหูฟังประเภท In-ear ที่ออกแบบมาให้พอดีกับทรงใบหูโดยไม่ต้องยัดซิลิโคนเหมือนที่แล้วมา เนื่องจากแต่ละข้างมีลำโพงขนาดเล็ก 2
ในยุคที่เชื้อไวรัส COVID-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเริ่มรับช่วงต่อจากจีนแผ่นดินใหญ่และกลายมาเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้แทน นำมาซึ่งการปิดบางเมืองในกลุ่มเสี่ยง งดประชาชนออกนอกเคหสถาน และเพิ่มมาตรการตรวจสอบข้อมูลรายคนแบบละเอียดยิบ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เริ่มหยิบยืมความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย เข้ามาช่วยต่อสู้ฟาดฟันกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มากขึ้น โดยพวกเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีอาจเป็นความหวังเดียวที่จะแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากนโยบายเว้นระยะห่างจากสังคมและการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อจำกัดการออกนอกบ้านของประชาชน อาจยังไม่เพียงพอที่จะทำลายห่วงโซ่ของการแพร่กระจายไวรัสได้ รัฐบาลของหลายประเทศจึงใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบการเคลื่อนไหว ประเมินความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อ รวมถึงยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อไวรัสที่ติดต่อจากคนสู่คน ทำให้ปัญหาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ถูกนำมาใช้งานอย่างหลากหลาย ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ไปจนถึงระบุตัวตนผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือแม้แต่อากาศยานไร้คนขับอย่างโดรนที่เรารู้จักกันดี ยังถูกใช้ถ่ายภาพความร้อนเพื่อค้นหาผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ตลอดจนพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่ปนเปื้อนได้อย่างปลอดภัย สิงคโปร์กับแอปพลิเคชัน TraceTogether รัฐบาลสิงคโปร์เปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘TraceTogether’ เพื่อติดตามการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและตรวจสอบว่าผู้ใช้ปฏิสัมพันธ์หรือใกล้ชิดกับใครบ้าง เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้และเจ้าของสมาร์ตโฟน 2 เครื่องอยู่ใกล้กันภายในระยะ 6 ฟุต TraceTogether จะแลกเปลี่ยน temporary ID ระหว่างเครื่องโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อของกันและกันได้ มีเพียงเซิร์ฟเวอร์เท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าของสมาร์ตโฟนเครื่องนั้น ๆ เป็นใคร แล้วเมื่อใดที่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 เจ้าหน้าที่จะขอเข้าถึงข้อมูลว่าผู้ใช้คนดังกล่าวได้แลกเปลี่ยน temporary ID กับใครไปแล้วบ้าง เพื่อประเมินความเสี่ยงและติดตามการแพร่กระจายของเชื้อต่อไป ฟีเจอร์เจ๋งและความเข้มงวดของรัฐบาลจีน นอกจากประเทศจีนจะใช้ DingTalk,
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์ของค่ายรถยนต์สุดแรงจากอิตาลีอย่าง Ferrari คงจะตื่นเต้นไม่น้อยกับงานเรนเดอร์คอนเซ็ปต์คาร์คันล่าสุดที่ว่ากันว่ามาจะพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ใช้ชื่อว่า STALLONE STALLONE คือคอนเซ็ปต์ซูเปอร์คาร์ผลงานการออกแบบของ Murray Sharp นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจดีไซน์รถคันนี้ขึ้นมาเพื่อสืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยงานออกและระบบอากาศพลศาสตร์ใหม่ที่ลงตัว งานดีไซน์ตั้งแต่หัวจรดท้ายของ STALLONE ได้แรงบันดาลใจดีไซน์โค้งมนสุดคลาสสิกของ Ferrari 250 GTO ผสมรวมกับกลิ่นอายสปอร์ตของ Ferrari F40 ออกมาเป็นรถดีไซน์แห่งอนาคตที่มาพร้อมช่องลมขนาดใหญ่ด้านหน้า และ 2 ช่องเล็กบนฝากระโปรง ทั้งหมดวางอยู่ในตัวถังแบบ Monocoque ด้านข้างตัวรถโดดเด่นด้วยกระจกมองข้างที่ใช้กล้องความละเอียดสูงดีไซน์ยื่นออกจากตัวรถ พร้อมช่องลมด้านข้างขนาดใหญ่ ในขณะที่ส่วนท้ายของตัวรถทั้งกระจกและชุดแต่งได้แรงบันดาลจากโมเดลในตำนานอย่าง Ferrari Rosso Corsa มาพร้อมท่อไอเสียคู่ที่ถูกเอาวางไว้ด้านหลังของหลังคา โดยงานดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบของมันทำให้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือรถที่จะเข้ามาแทนที่สานต่อตำนานของ LaFerrari ให้กับค่ายม้าคะนอง ด้าน Murray Sharp ตั้งใจให้รถคันนี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับวางเครื่องยนต์ตัวแรงของค่ายกับเครื่องยนต์ V12 ซึ่งเป็นระบบเครื่องยนต์ที่ถูกใช้มาตั้งแต่รถรุ่นเก๋าของค่าย ไม่ว่าจะเป็น 125 S หรือใน 250 GTO ในเวลาต่อมาเครื่องยนต์ V12 ยังถูกพัฒนาและใช้ในซูเปอร์คาร์ตัวกลั่นทั้งในโมเดล