วันหนึ่ง Kyle Burgess ชาวสหรัฐฯ ในรัฐยูทาห์ ได้ออกจากบ้าน เผื่อมาวิ่งบนภูเขา วันนั้นน่าจะเป็นวันที่เขาได้ออกกำลังกายชิลๆ ถ้าไม่เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันซะก่อน! เมื่อเขากำลังวิ่งในหุบเขา Slate Canyon ที่อยู่ใกล้เมือง Provo ของรัฐยูทาห์ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็โดนสิงโตภูเขาเพศเมีย หรือที่เรียกกันว่า คูการ์ (cougar) ไล่ตามเป็นเวลากว่า 6 นาที ซึ่งเขาได้ถ่ายคลิปตอนที่เผชิญหน้ากับมันไว้ด้วย “Go away! I’m big and scary!” ถ้อยคำที่ Burgress พูดใส่ cougar เพื่อขู่ให้มันเลิกตามเขา ซึ่งในขณะที่เขาโดนมันไล่ตาม เขาก็เดินถอยหลัง เพื่อเผชิญหน้ากับมันตลอดเส้นทางโดยที่ไม่หันหลังให้มันเลย สุดท้าย เมื่อเขาเห็นว่ามันไม่ได้ผล จึงได้รวบรวมความกล้า และปาหินใส่สิงโตตัวเมียตัวนั้น และมันก็วิ่งหนีไปในที่สุด UNLOCKMEN เห็นว่าเหตุการณ์นี้น่าสนใจ เลยอยากพูดถึงวิธีการเอาตัวรอดจาก cougar ที่ถูกต้องซะหน่อย เพื่อให้ทุกคนสามารถเอาชีวิตรอด เวลาไปเที่ยวบนภูเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย cougar ดุร้ายแค่ไหน? Cougar เป็นคำเรียกสิงโต หรือ
ระหว่างที่รอวันได้พบเจอกับ generation ใหม่ของ Subaru WRX STI ที่คาดว่าจะใช้ต้นแบบการดีไซน์ไม่หนีจาก 2020 Subaru Levorg STI ที่เปิดตัว concept ไปก่อนหน้านี้ Subaru ก็ได้ปล่อยโปรเจคพิเศษที่โหดระห่ำที่สุดของ STI เท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว โปรเจคนี้ก็คือรถ custom WRX STI ที่ Subaru ร่วมกับ Hoonigan จับมือกันสร้างรถ Gymkhana car คันใหม่สำหรับ Subaru Motorsports USA driver, Travis Pastrana นักขับผู้มีประสบการณ์เกือบครบทุกสนามแข่ง ตั้งแต่ rally, rallycross, supercross, freestyle motocross, NASCAR, หรือแม้แต่ stunt driving ซึ่งจะมาขับผาดโผนใน Gymkhana series ใหม่ให้กับ Hoonigan แทนที่ Ken Block ซึ่งถ้าใครจำสองผลงานแรกของ
ช่วงนี้หลายคนอาจกำลังอินกับการเป็น Imposter หรือ Crewmantes ในเกม Among Us กันอยู่ วันนี้เราเลยอยากนำเสนอเรื่องของ แฟรงก์ อบาเนล (Frank Abagnale) อดีตนักต้มตุ๋นชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกัน ซึ่งในช่วงอายุ 15 – 21 ปีที่เขาก่อคดี เขาได้ปลอมตัวเป็นคนอื่นที่มีอาชีพแตกต่างกันมากถึง 8 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น นักบิน กุมารแพทย์ ทนายความ ฯลฯ โดยที่เขาไม่มีความรู้ในสายอาชีพเหล่านี้เลย อบาเนล มีพรสวรรค์ด้านการหลอกลวงตั้งแต่เด็ก โดยตอนที่เขาอายุ 16 ปี หลังที่เขาได้หนีออกจากบ้าน เพราะพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกัน เขามีเงินติดตัวเพียง 200 เหรียญฯ สหรัฐ แต่ด้วยไหวพริบในการหลอกลวง ทำให้เขาสามารถกอบโกยเงินจากการนำเช็คปลอมไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้ถึง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ !! และเมื่อทางการสหรัฐฯ เริ่มไหวตัวเรื่องเช็คปลอม อบาเนลก็เริ่มคิดหนีออกจากประเทศ ผ่านการปลอมตัวเป็นผู้ช่วยนักบินของสายการบิน Pan American World Airways (Pan Am)
ปัจจุบันหากเราพูดถึง สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) จะไม่ใช่แค่คนยุค 90s ที่รู้จักการ์ตูนจากสตูดิโอนี้อีกต่อไป เพราะสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Netflix นำผลงานของสตูดิโอจิบลิเข้ามาในระบบให้คนทุกเพศทุกวัยได้เลือกชมกันตามใจ ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเล่าแอนิเมชัน 21 เรื่อง ของจิบลิไว้แล้วใน NIHON STORIES: อมยิ้ม เหงาหว่อง และร้องไห้จนหมดมากกับแอนิเมชันของ STODIO GHIBLI ทว่ามีการ์ตูนหนึ่งเรื่องของค่ายที่ไม่ได้เข้าฉายแต่กลายเป็นสุดยอดผลงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ซึ่งการ์ตูนเรื่องนั้นคือ ‘สุสานหิ่งห้อย’ (Grave of the Fireflies) ของยอดผู้กำกับ ทาคาฮาตะ อิซาโอะ (Takahata Isao) ทาคาฮาตะ อิซาโอะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้กำกับที่กำกับการ์ตูนเรื่องสุสานหิ่งห้อยเท่านั้น เขายังกำกับเรื่อง ‘เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่’ (The Tale of Princess Kaguya) ‘ในความทรงจำไม่มีวันจาง’ (Only Yesterday) ‘ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา’ (My Neighbors the Yamadas) และ
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ารอยสักสำหรับคนญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่จะต้องถูกซ่อนเอาไว้ใต้ร่มผ้า หรือไม่เปิดเผยให้คนอื่นเห็นมากนักเพราะไม่อย่างนั้นคุณจะต้องพบกับสายตาดูแคลนปะปนกับสายตาหวาดกลัว ซ้ำยังถูกโรงอาบน้ำสาธารณะหรือซาวน่าหลายที่ปฏิเสธที่จะให้เข้าไปใช้บริการ แม้ว่าเราจะมีเงินและเป็นลูกค้าคนหนึ่งเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวความเป็นมาของการสักและรอยสักที่ชาวญี่ปุ่นมองว่าเป็นสิ่งผิดแปลกจากสังคมหรือจารีตไปแล้วใน (NIHON STORIES: รอยสักญี่ปุ่น ศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกจับตามอง) ทั้งที่ในเวลาเดียวกันชาวต่างชาติกลับรู้สึกยกย่องและชื่นชมศิลปะญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกเล่าบนเนื้อหนังของบุคคลนั้น ๆ ซึ่งผู้สักชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเป็นยากูซ่าหรือไม่ก็เป็นศิลปินที่ไม่ต้องทำงานออฟฟิศ ซึ่งบุคลิกและการทำงานอาจมีส่วนเล็กน้อยที่ทำให้เกิดความรู้สึกแตกต่างในสังคม เมื่อพูดถึงรอยสักเราจะไม่พูดถึงช่างสักก็คงไม่ได้ เพราะพวกเขาคือผู้สร้างสรรค์ศิลปะอันประณีตที่จะอยู่กับคนที่มาสักไปตลอดชั่วชีวิต และในประเทศญี่ปุ่นมีช่างสักผู้โด่งดังคนหนึ่งนามว่า ‘Horimitsu’ (โฮริมิตสึ) ที่มีส่วนช่วยทำให้วัฒนธรรมการสักของญี่ปุ่นยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ซ้ำยังสร้างชื่อไปทั่วทุกมุมโลก และช่างสักก็ได้มีส่วนช่วยให้คนรุ่นใหม่เริ่มไม่ได้มองว่ารอยสักเป็นเรื่องน่ากลัวอีกต่อไป แต่มันคือศิลปะแขนงหนึ่งที่งดงามต่างหาก “คนที่ไม่มีรอยสักหรือไม่ชอบการสักมักมองว่าคนที่มีรอยสักจะต้องเกี่ยวข้องกับยากูซ่า แต่ทั้งสองสิ่งอย่างยากูซ่าและรอยสักไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องลึกซึ้งกันขนาดนั้น” – Horimitsu โฮริมิตสึ หรืออีกชื่อที่คนในวงการเรียกสั้น ๆ ว่า ‘มิตสึซัง’ เป็นช่างสักที่เปิดร้านสักอยู่ในย่านอิเคะบุคุโระ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าคร่ำหวอดในวงการนานกว่า 30 ปี ทำให้ชื่อเสียงของเขาถูกพูดถึงในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการสักและช่างสักด้วยกัน ประกอบกับสไตล์การใช้เข็มวาดลวดลายของเขาจะใช้เทคนิคการสักญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า ‘Tebori’ (เทโบริ) อายุกว่า 400 ปี ที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันสดสวยคงทนเหมือนกับวันแรกที่ไปสักแม้จะเวลาจะล่วงเลยมาพักหนึ่งแล้วก็ตาม เทคนิคการสักแบบเก่าแก่ของมิตสึซังจะกินเวลานานกว่าการสักแบบปกติ เขาจะใช้ปากกาสีส้มวาดภาพที่ต้องสักบนผิวหนังแบบช้า ๆ ด้วยความพิถีพิถัน จากนั้นค่อยใช้ปากกาเส้นพู่กันวาดซ้ำอีกรอบ มิตสึซังมักไม่ใช่เครื่องสักในการทำงาน และชอบใช้ใบมีดสเตนเลสแบบด้านเดียวที่ติดอยู่กับด้ามไม้แท่งยาวกรีดลงไปบนเนื้อ ย้ำซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะได้สีสันลวดลายตามที่เขาพอใจ
โลกของแฟชั่นกับการเมือง เป็นสองสิ่งที่อยู่คู่ขนานและเกี่ยวข้องกันมาโดยตลอด เสื้อผ้าแฟชั่นมักจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือแสดงด้านมุมมองทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการ Direct message อย่างข้อความบนเสื้อ แต่สำหรับกางเกงของ Patagonia แบรนด์ที่มีจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อม ก็เลือกที่จะแสดงออกแบบ easter egg แต่ก็ไม่พลาดสายตาประชาชนไปได้ ด้วยการสกรีนข้อความ “Vote the Assholes Out” ก่อนหน้ามีชาว Tweeter โพสต์รูปว่าป้าย label ของกางเกง Patagonia พร้อมข้อความที่ระบุชัดเจนอย่างตั้งใจว่า “Vote the Assholes Out” ซึ่งทางแบรนด์ได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจโจมตีนักการเมืองของ Donal Trumps ที่ไม่สนใจปัญหา Climate Change และมีแต่นโยบายทำลายธรรมชาติเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น Brad Wieners, Patagonia director of copy, ออกมายืนยันว่าป้ายและข้อความนั้นจะมีอยู่ในกางเกงรุ่น Regenerative Organic Stand-Up Shorts ทุกตัว ซึ่งเป็นกางเกงรุ่นคลาสสิคที่ผลิตตั้งแต่ปี 1973 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและสัญลักษณ์ที่แบรนด์ก่อตั้งเพื่อช่วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคำว่า “Vote
เซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่สร้างสุนทรียภาพให้ชีวิตมนุษย์อย่างหนึ่ง การที่เราสามารถเข้าถึงเซ็กซ์ที่ปลอดภัย แถมรื่นรมย์จึงถือเป็นความสุขง่าย ๆ อย่างหนึ่งของชีวิต แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้ชายก็โหยอยากต้องการกิจกรรมชวนระทวย ทว่าอวัยวะแกนกลางดันไม่เป็นใจ เมื่อนั้นเองที่ความทรมานทรกรรมทั้งใจทั้งกายเริ่มมาเยือน Erectile Dysfunction (ED) หรือการที่น้องชายไม่แข็งตัว จึงเป็นสภาวะแสนกระอักกระอ่วนที่ผู้ชายคนไหนก็ไม่อยากเผชิญ นกเขาไม่ขัน ไม่ใช่แค่สูงวัย แต่อ่อนวัยก็เกิดขึ้นได้ ส่วนมากเรามักเข้าใจว่า Erectile Dysfunction (ED) หรือนกเขาไม่ขันนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น ๆ เท่านั้น แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับพบว่าไม่ได้มีแค่ชายสูงอายุเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับการไม่แข็งตัว โดยผลสำรวจหลายชิ้นระบุไปในทิศทางเดียวกันว่าแม้แต่คนอายุน้อย ๆ หลัก 20 ต้น ๆ ก็ประสบปัญหานี้แล้ว! ผลสำรวจชิ้นหนึ่งมาจากบริษัทยาไวอากร้า ปกติตลาดหลักที่พวกเขาจำหน่ายยาให้คือชายสูงวัย แต่การสำรวจทางการตลาดล่าสุดพบว่าชายหนุ่มราว 14%-35% ก็เผชิญภาวะนกเขาไม่แข็งด้วยเช่นกัน ในขณะที่ Mary Sharpe จากองค์กรการกุศลด้านการศึกษาเรื่องความรัก เพศและอินเทอร์เน็ตกล่าวว่านับตั้งแต่ปี 2002 มานี้ผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 40 เผชิญกับอาการนกเขาไม่ขัน 2-3% กระทั่งช่วงปีที่หนังโป๊ออนไลน์เริ่มแพร่หลายมากขึ้น และเราสามารถหาดูหนังโป๊แบบสตรีมมิงได้ง่ายขึ้น จำนวนผู้ชายอายุน้อยที่มีภาวะนกเขาไม่ขันก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงงานวิจัยที่หลายฝ่ายฮือฮาเมื่อปี 2016 ที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นทหารสหรัฐฯ ซึ่งออกมารายงานว่าทหารสหรัฐฯ นั้นมีภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ และเมื่อสำรวจแล้วก็พบว่าสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งคือการเสพหนังผู้ใหญ่ในปริมาณที่ล้นเกิน นั่นเป็นที่มาของ Porn-Induced
Christopher Wallace หรือชื่อที่โลกรู้จักในฐานะ rapper ‘Notorious BIG’ ‘Biggie Smalls’ ‘ Biggie’ แต่ไม่ว่าจะเป็น aka ไหนก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเค้าคือ King of New York rapper มาโดยตลอด แม้จะถูกลอบยิงเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 1997 วันที่ East Coast vs West Coast rap เหลือไว้เพียงตำนานตลอดกาล ก่อนหน้าวันเสียชีวิต Biggie Smalls มี Photo session เพื่อถ่ายรูปโปรโมตอัลบั้มใหม่ของเค้า มันคือภาพที่ Biggie สวมมงกุฎสีทองอยู่บนศีรษะที่พวกเรารู้จักกันดี ซึ่งมงกุฎนั้นถูกเรียกว่า K.N.O.Y. Crown (ย่อจาก King of New York) วันที่ 6 มีนาคม 1997, Biggie
น้ำตา บาดแผล และความเจ็บปวดจากการเลิกราถือเป็นความเจ็บปวดที่รับมือได้ยากแสนยากอันดับต้น ๆ คล้ายสมองจะเข้าใจดีว่าเขาต้องจากไป แต่เหมือนหัวใจมันไม่รับรู้ด้วย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เคยใช้เวลาร่วมกันมานาน กินของอร่อยมาด้วยกัน ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่มาด้วยกัน ทุกคราวที่ของอร่อยเข้าปากน้ำตาจึงร่วง ทุกครั้งที่วนกลับไปเที่ยวที่เก่าความรู้สึกภายในก็กรีดร้องอย่างทรมาน ความเจ็บปวดที่ยากจะรับมือลำพังชนิดนี้ จึงมักผลักดันให้เรารู้สึกว่า “กูไม่อยากอยู่คนเดียวให้ต้องคิดถึงมึงให้เจ็บอีกแล้วโว้ย!” ตัวแรกอันดับต้น ๆ ของการพยายามลืมความปวดเจ็บและหนีปัญหาจากรักที่ผ่านพ้นไป (หรือแม้ประทั่งที่ยังระหองระแหงยื้อกันอยู่) จึงเป็นการ “มีใหม่ เพื่อลืมเก่า” หลายคนสนับสนุนวิธีนี้ แต่อีกหลายคนก็เคลือบแคลงสงสัยว่ามันช่วยได้จริงหรือ? การมีคนใหม่สำหรับบางคนไม่ได้หมายความถึงแค่การลืมคนเก่าเท่านั้น แต่อาจหมายถึงความสัมพันธ์ปัจจุบันที่กำลังร่อแร่เต็มที เราวนมาเจอกับปัญหาซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่ทะเลาะกันเป็นรอบที่ร้อย และเรารู้สึกว่าถ้าเลิกกัน ถ้าเปลี่ยนคนใหม่ เราอาจจะไม่ต้องเผชิญปัญหาซ้ำซากนี้ก็เป็นได้ แต่เพราะสิ่งที่เราคิดหรือรู้สึกอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเสมอไป (Eventual) stability and change across partnerships. จึงเป็นงานวิจัยที่ไขข้อสงสัยนี้ด้วยระเบียบวิธีให้เราได้ โดยงานศึกษาครั้งนี้ใช้เวลา 8 ปี รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 554 คน งานวิจัยนี้มุ่งสำรวจปัญหาในระยะยาว โดยนักวิจัยได้สำรวจผู้คนใน 4 ช่วงเวลา คือ 1 ปีก่อนที่ความสัมพันธ์เดิมของพวกเขาจะสิ้นสุดลง,
“จะซื้อหนังสือมาทำไมถ้าไม่อ่าน?” “อ่านที่มีอยู่ให้หมดก่อนแล้วค่อยซื้อเพิ่มสิ” “โธ่ ก็แค่อยากเท่ใช่ไหม ถึงมีหนังสือไว้แค่ประดับบ้าน” เราเชื่อว่าถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีกองดอง หรือกองหนังสือที่ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านวางดองรอวันที่เหมาะสมอยู่ที่บ้าน คุณต้องเคยเผชิญกับประโยคเหล่านี้จากคนรอบตัวอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตแน่นอน แม้เราอยากจะตอบคำพูดเหล่านั้นกลับไปง่าย ๆ ว่า “หนังสือผม เงินผม ผมจะทำอะไรก็ได้” แต่ก็ไม่ได้ทำ… รวมถึงหลายครั้งที่เราเห็นภาพถ่ายบ้านคนเก่ง ๆ ระดับโลก Elon Musk เอย Bill Gates เอย แล้วเขามีหนังสือจำนวนมากเรียงราย หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า อ่านหมดเหรอ? วันนี้ UNLOCKMEN ชวนมาไขข้อข้องใจว่าทำไมหนังสือต่อให้ซื้อมาแล้วไม่ได้อ่านก็มีประโยชน์อยู่ดี รับรองว่าจะรู้สึกสบายใจกับหนังสือ (ที่ยังไม่ได้อ่าน) ของตัวเองและคนอื่น รวมถึงเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมคนเก่ง ๆ หลายคนเขาถึงมีหนังสือจำนวนมากกันขนาดนั้น แม้จะอ่านได้ไม่หมดในชีวิตนี้ก็ตาม antilibrary: หนังสือที่ยังไม่ได้อ่าน เตือนเราว่า “ยังมีเรื่องราวอีกมากที่ยังไม่รู้” เรามักได้ยินคำพูดทำนองว่าคนอ่านหนังสือเป็นคนอวดรู้ หรือคิดว่าตัวเองรู้ดี รู้เยอะกว่าคนอื่น แต่ความเชื่อแบบนั้นอาจต้องเปลี่ยนไปแบบพลิกโลก เพราะสำหรับคนที่มีหนังสือเรียงราย แต่อ่านไม่หมด เขากลับถ่อมตัว (ในสิ่งที่เขารู้) และตระหนักว่าพวกเขายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก หนึ่งในคนที่เสนอเรื่องยิ่งมีหนังสือไม่ได้อ่าน ยิ่งกระหายการเรียนรู้คือ Nassim Nicholas Taleb เขาคือนักสถิติ