สังคมโลกปัจจุบันกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ถือกำเนิดขึ้นบนโลก โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์เริ่มนำ AI มาปฏิรูปสังคม สนับสนุนการใช้เหตุผล หรือส่งเสริมความรู้สารพัดด้าน แทบปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งในโลกดิจิทัล การทำงาน หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันของผู้ชายเรา ไม่ว่าจะเป็น AI ออกแบบเว็บไซต์, AI ด้านกฎหมาย, AI ที่สร้างเนื้อหาการตลาดออนไลน์ หรือแม้แต่ AI ในรูปแบบเสียงอย่าง Siri ของ Apple ที่หนุ่ม ๆ คุ้นเคยดี ด้วย Deep Learning ที่เป็นความสามารถหลักทำให้ AI คิด วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้มนุษย์อย่างเราใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความชาญฉลาดสุดทึ่งของสมองกลยังช่วยสาวบริสุทธิ์ ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ให้พ้นจากอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ MOLLY สาวบริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย Molly เป็นสาวเอสคอร์ต (Escort) ที่ได้รับฉายาว่า “New Bunny” แห่งเมืองแอตแลนตาในรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ เธอแสดงเปลื้องผ้าเพื่อสร้างความสุขทางเพศให้กับผู้ชายมานักต่อนัก แต่ใต้ฉากหลังของการแสดงวาบหวิวบนเว็บไซต์ลามก
ข่าวปลด CEO ของ McDonald แบบฟ้าผ่า เพราะเขาดันไปมีความสัมพันธ์กับพนักงาน (consensual relationship) แม้ว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเขาจะเคยสร้างผลงานดี ๆ ไว้มากมาย ทั้งการนำระบบดิจิทัลมาใช้งานและเพิ่มคุณภาพวัตถุดิบผลิตอาหารจนได้รับการยอมรับ แต่ก็ไม่อาจกู้ตำแหน่งไว้ได้ ส้มจึงหล่นไปเป็นของ Chris Kempczinski ในเมื่อนี่กลายเป็นปัญหาที่ทำให้สื่อระดับโลกหลายเจ้าเลือกมาเล่น ทั้ง Bloomberg, TIME, CBS ฯลฯ หรือกับสื่อไทยเองก็ยังต้องพูดถึงเช่นกัน UNLOCKMEN จึงอาสาหาเหตุผลที่ทำให้ Steve Easterbrook เลือกเทใจให้คนในออฟฟิศ แทนประชากรจำนวนหลายพันล้านคนบนโลกที่อยู่นอกออฟฟิศเขา จากหลักจิตวิทยาที่มาแบ่งปันให้คุณคิดตามว่า…จริงไหมที่เราสามารถหลงรักเพื่อนร่วมงานได้ง่าย ๆ ? WORK RELATIONSHIP ทำไมเราถึงต้องหวั่นไหวกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนอื่นต้องยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญเพราะมีผลการศึกษาทางจิตวิทยาบอกว่าคนเรามีแนวโน้มเผลอใจให้คนที่ทำงานได้ ถึงจะเจอกฎเหล็กบริษัทก็พร้อมจะแหกมันให้ได้ จากเหตุผลเหล่านี้ “1,680 ชั่วโมงต่อปี คือเวลาขั้นต่ำที่เราใช้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน ก็เป็นธรรมดาที่เราจะใช้เวลาร่วมกับพวกเขามากกว่าคนอื่น ๆ” – CEO และผู้ก่อตั้งแอปฯ รักษาสุขภาพจิต ‘Remente’ กล่าว มีคำกล่าวว่าเราใช้เวลา 200 ชั่วโมงเพื่อสร้างมิตรแท้กับใครสักคน ดังนั้น
“คนเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้” เป็นประโยคคลาสสิกที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กจนโต จริงอยู่ว่าคนตายเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองที่เคยหามาได้ก็ต้องกองเอาไว้ที่เดิม แต่สำหรับคนตายบางคน ไม่ได้เป็นแบบนั้น ต่อให้สิ้นลมหายใจคุณก็ปล้นสมบัติของเขาไปไม่หมด เพราะพวกเขาดันมีรายได้หลักล้านเข้ามาไม่ขาดสายน่ะสิ! ล่าสุด Forbes นิตยสารอันดับ 1 ด้านธุรกิจและการเงินในสหรัฐอเมริกา (ที่ปัจจุบันกลายเป็นเว็บไซต์นักจัดอันดับมือหนึ่งของโลกไปเสียแล้ว) ก็ได้อัปเดตรายได้ประจำปีของ ‘คนดังผู้ล่วงลับ’ พวกเขาเหล่านี้แม้จะลาจากโลกไปนาน แต่ผลงานต่าง ๆ ยังคงถูกสิ่งที่เรียกว่า ‘ลิขสิทธิ์’ ช่วยรักษาผลประกอบการที่พึงได้ในแต่ละปีไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งอันดับ 1 ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ราชาเพลงป๊อป Michael Jackson นั่นเอง วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะมารายงาน Top 5 ห้าอันดับแรกของตำแหน่งเจ้าของรายได้ ที่ความตายก็ไม่อาจพรากเงินทองของเขาไป ส่วนพวกเขาทำรายได้ไปเท่าไหร่บ้างในรอบปีนี้ไปดูพร้อมกันเลย No.5 BOB MARLEY $20 Million ราชาเพลงเร็กเก้ผู้ล่วงลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ด้วยโรคมะเร็ง ในรอบปีที่ผ่านมาเขาทำเงินได้มากถึง 20 ล้านดอลลาร์ หรือ 600 ล้านบาทไทยเลย นอกจากยอดสตรีมมิง เพลงเขาของยังสูงลิ่วถึงหลักพันล้านในสหรัฐอเมริกาแล้ว ไม่รวมสินค้าต่าง
โสเภณี ถือเป็นอาชีพที่อยู่คู่ผู้ชายและโลกใบนี้มาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายประเทศกำหนดให้อาชีพนี้ผิดกฎหมาย จึงเป็นเหตุให้หลาย ๆ คนไม่เคยเห็นชีวิตในด้านต่าง ๆ ของผู้หญิงที่ประกอบอาชีพนี้มากนัก เว้นก็แต่ช่างภาพที่ชื่อ Jane Evelyn Atwood Jane Evelyn Atwood เป็นหญิงสาวจากนิวยอร์กที่เดินทางไปทวีปยุโรปช่วงปี 1971 หลังจากเรียนจบในสาขาละครเวที เธอยังไม่ได้วางแผนเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำในอนาคตจึงเลือกที่จะอาศัยอยู่ในมหานครปารีสต่อ ภาพถ่ายชุดพิเศษนี้จึงเกิดขึ้น ขณะที่ Jane Evelyn Atwood เดินทางไปร่วมงานเปิดแกลเลอรี เธอมีพบเหล่าหญิงสาวชาวฝรั่งเศสยืนเรียงรายอยู่ข้างถนน พร้อมชุดคลุมขนสัตว์และเครื่องประดับ อีกทั้งแต่งหน้าสวยงาม Jane รู้ว่าหญิงสาวเหล่านั้นทำอาชีพขายบริการ โดยขณะนั้นการขายบริการในฝรั่งเศสเป็นเรื่องถูกกฎหมายและอนุญาตให้พวกเธอยืนตามถนนเพื่อเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปมาได้ เย็นวันเดียวกันสาวบริการอาสาพา Jane Evelyn Atwood ไปยังซ่องขนาดใหญ่บนถนน 19 Rue des Lombards ใจกลางมหานครปารีส พวกเธอเริ่มดื่มด้วยกัน ก่อนสาวชาวนิวยอร์กจะเกิดความคิดว่า ต้องการบันทึกความสวยงามเหล่านี้ไว้ โดยให้เหตุผลว่า นี่คือโลกอีกใบที่เธอไม่รู้จักมาก่อนและมันน่าตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ หลังจากคืนนั้น Jane Evelyn Atwood ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาสาวบริการผมบลอนด์ที่รู้จัก เพื่อขออนุญาตถ่ายภาพสาวบริการคนนั้นและเพื่อน ๆ อีกครั้ง หลังจากได้รับคำตอบตกลง
เรื่องเล่าลี้ลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ถึงตัวตนและพลังอำนาจของปีศาจ สัตว์ประหลาด หรือผีเป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกเมืองทั่วโลก แต่ละชุมชนต่างก็มีเรื่องราวภูตผีประจำถิ่นเป็นของตัวเอง อย่างฝั่งยุโรปมีตำนานแดรกคูลา ทางอเมริกาเหนือมีตำนานเยติ หรือประเทศไทยมีกระหัง กระสือ ผีปอบที่ถูกทำเป็นหนังหลายต่อหลายภาค ส่วนเมืองเกาะมีผู้คนอาศัยมานานอย่างญี่ปุ่นก็มีเรื่องเล่าตำนานปีศาจน่ากลัวเช่นเดียวกัน ในวันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เฮียกคิยาโก (Hyakki Yakou) หรือชื่อภาษาไทยทรงพลังว่า ‘ขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาล’ เพราะการเจอภูตผีปีศาจเพียงแค่ไม่กี่ตนอาจสร้างความสะพรึงกลัวให้กับผู้คนสมัยก่อนไม่มากพอเท่ากับกองทัพปีศาจ เรื่องเล่าสุดคลาสสิกของขบวนร้อยอสูร ถ้าเป็นกลุ่มคนไม่เชื่อเรื่องผีพอได้ยินคำว่าขบวนร้อยอสูรก็คงจะสงสัยหลายอย่าง เช่น ทำไมถึงต้องมี 100 ตน แล้วพวกเขากำลังเดินทางไปไหน ขณะที่ลูกเด็กเล็กแดงในญี่ปุ่นพอได้ยินชื่อของเฮียกคิยาโกก็ร้องไห้เพราะความกลัวไปแล้ว เรื่องราวของเฮียกคิยาโกะเริ่มต้นขึ้นจากบุคคลนิรนามที่ชื่นชอบเรื่องผี ตำนานปีศาจ เขาจึงออกเดินทางไปทั่วเกาะญี่ปุ่นเพื่อค้นหาคำตอบของตำนานผี แต่ละพื้นที่ก็มีประเภทของปีศาจแตกต่างกันไป เมื่อเขาเดินทางพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ จนพอใจจึงนำประสบการณ์เหล่านั้นมาเขียนและวาดภาพรวมผีคล้ายกับกำลังเดินขบวนกันอยู่ บันทึกของบุคคลนิรนามที่เดินทางไปทั่วญี่ปุ่นทำให้ผู้คนรู้จักปีศาจประเภทต่าง ๆ มากขึ้น แถมนอกภาพวาดและบันทึก ยังมีคำบอกเล่าของเหล่าชาวบ้านสมัยยุคเฮอัน ว่าระหว่างกำลังเดินทางข้ามเมืองช่วงฤดูร้อนเห็นขบวนปีศาจจำนวนมากเดินไปทั่วชานเมือง ในขบวนมีปีศาจกว่าร้อยชนิด บ้างก็ว่าเห็นปีศาจหลายตัวลอยอยู่เหนือบ้านคน ซึ่งเมืองที่ถูกพูดว่าพบเห็นปีศาจเยอะสุดก็หนีไม่พ้นเมืองหลวงเก่าแก่อันรุ่งโรจน์อย่างเกียวโต ถ้าเป็นแค่ขบวนที่มีแต่คนแปลก ๆ อาจสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเด็ก ๆ และชาวบ้านไม่มากพอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มมีข่าวลือว่าหากใครเห็นเฮียกคิยาโกหรือขบวนร้อยอสูรแล้วจะต้องตายเพราะถูกสาป แต่น่าแปลกที่คนเห็นกลุ่ม แรก ๆ กลับรอดมาเล่าให้ฟังได้ ตำนานที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาเรื่อย
‘ยากูซ่า’ เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในสังคมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน เป็นทั้งคนชายขอบที่คนอื่น ๆ ในสังคมไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว และในเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่าโกเบของจังหวัดเฮียวโงะก็มีคนกลุ่มหนึ่งเขียนประวัติศาสตร์ในแบบฉบับของตัวเองขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า ยามากุจิ-กูมิ (Yamagushi-Gumi) แรกเริ่มเดิมทีไม่มีใครสนใจพวกเขา มองว่าเป็นแค่อันธพาลข้างถนนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไร้อำนาจ แต่ใครจะรู้ว่าช่วงเวลากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ตั้งกลุ่ม พวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นแก๊งยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ ในปี 1915 หลายปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้นขึ้น มีแก๊งอันธพาลขนาดเล็กชื่อว่า ยามากุจิ-กูมิ (Yamagushi-Gumi) ในเมืองโกเบ ก่อตั้งโดยชายนามว่ายามากูจิ ฮารุกิจิ (Yamagushi Harukishi) หลาย ๆ คนเชื่อว่าฮารุกิจิผู้ตั้งแก๊งของตัวเองขึ้นในวันนั้นคงไม่คาดคิดว่ากลุ่มของเขาจะเติบโตและขยายจนกลายเป็นองค์กรมืดที่มีอิทธิพลมากสุดของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงแรกแก๊งยามากุจิ-กูมิ อาจยังไม่มีบทบาทอะไรโดดเด่นนักจนกระทั่งทาคาโอะ คาซุโอะ (Takao Kasuo) ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งรุ่นที่ 3 เขาจัดการเปลี่ยนแปลงระบบแก๊งใหม่ทั้งหมด เพราะคาซุโอะเป็นชายผู้มีมันสมองไม่น้อยกว่าความสามารถเรื่องการต่อสู้ เขาเริ่มเรียกร้องให้สมาชิกที่มีอยู่แค่หยิบมือทำอะไรมากกว่าใช้ชีวิตไปวัน ๆ กระตุ้นให้ทุกคนเริ่มทำธุรกิจสีเทาเพื่อขยายให้ยามากุจิ-กูมิ เติบโตและทรงอิทธิพลกว่าเดิม เมื่อกลุ่มเริ่มขยายจากการสร้างธุรกิจเล็ก ๆ และมีสมาชิกเพิ่มขึ้น หัวหน้ารุ่นที่ 3
ตอนนี้ข่าวเรื่องแบนอเมริกาว่อนโลกโซเชียล แต่หลายคนยังจับต้นชนปลายเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกว่ามันมีที่มายังไง รู้แค่ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาเซ็นระงับสิทธิ์ GSP สินค้าส่งออกจำนวน 571 รายการจากไทย เรื่องนี้ทำให้หลายคนเริ่มออกมาแสดงวิสัยทัศน์แบนสินค้าอเมริกา เข้าทำนองแบนมาแบนกลับไม่โกง แต่เอาเข้าจริง เรารู้บ้างไหมว่าวันนี้สินค้าจากอเมริกามีอะไรบ้าง และการโดนระงับสิทธิ์ GSP ที่สหรัฐอเมริกาทำกับเรามันกระทบกับเราแค่ไหน เราควรง้อหรือเดินหน้าไปทางไหนดี วันนี้ UNLOCKMEN จะสรุปคร่าว ๆ ให้เข้าใจ ทรัมป์ไม่เซ็น GSP ว่าแต่ GSP นี่มันอะไรนะ? เรื่องนี้มันเริ่มต้นจาก GSP (Generalized System Preference) คือสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศพัฒนาแล้วยกให้ประเทศกำลังพัฒนา ไม่ต้องเสียหรือลดหย่อนภาษีสินค้านำเข้าเวลาส่งไปขายในประเทศผู้ให้สิทธิ์ จะได้สามารถส่งออกสินค้าไปแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ เช่น จีนมีกำลังการผลิตสูง ถ้าแข่งตามปกติและโดนภาษีนำเข้าด้วย ประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ อาจจะไม่สามารถแข่งขันได้เลย เป็นต้น เขาให้ฟรีหรือเปล่า ? คำตอบคือ “เปล่า” ถึงแม้ประเทศที่ให้สิทธิ์จะไม่เรียกร้องประโยชน์ในรูปแบบตัวเงิน แต่เขาก็มีเงื่อนไขสำหรับการมอบสิทธิ์ GSP ให้เราทำตาม สำหรับกรณีของสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นคู่กรณีกับเราตอนนี้ก็วางเงื่อนไขแบบพอสังเขปไว้ตามด้านล่างมานานแล้ว รายได้ประชากรต่อหัว
Conor McGregor นักสู้ตัวแสบอดีตแชมป์ UFC ในรุ่น Featherweight และ Lightweight ประกาศว่าเขากำลังจะกลับมาต่อสู้ในกรงแปดเหลี่ยมอีกครั้ง หลังห่างหายจากสังเวียนไปนานพอสมควร นับตั้งแต่แพ้ให้ Khabib Nurmagomedov ใน UFC 229 ยอดนักสู้จอมเกรียนจัดแถลงข่าวในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย บอกว่าตัวเขาเตรียมจะกลับมาสู้ใน Ultimate Fight Championship (UFC) อีกครั้งวันที่ 18 มกราคมปีหน้า โดยคาดว่าสถานที่จัดงานคือลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันเมื่อถูกนักข่าวถามว่าคู่ต่อสู้คนแรกในการกลับมาครั้งนี้ของเขาจะเป็นใคร วาจาแสบ ๆ คัน ๆ ก็สวนกลับมาแทบทันทีว่า “เอ็งก็ไปถาม UFC เองสิวะ ข้าไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นใคร” ฟาก Dana White ประธานใหญ่ของ UFC เผยกับสื่อกีฬายักษ์ใหญ่อย่าง ESPN ว่า แม้วันที่ 18 มกราคมจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่ขั้นตอนต่าง ๆ และการเซ็นสัญญายังไม่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือหนาหูคาดเดาว่าคู่ต่อสู้คนแรกสำหรับการกลับมาของนักสู้ไอริชคนนี้จะเป็นใคร โดยคู่แข่งสองคนแรกที่ติดโผว่ามีภาษี น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ
หากจะกล่าวคำว่า “พังก์” (Punk) หลาย ๆ คนคงมีภาพจำในใจที่แตกต่างกันออกไป บางคนคิดไปถึงเหล่าวัยรุ่นอังกฤษ ทรงผมชี้แหลม สวมปลอกคอหนาม และรองเท้าหนัง Underground บ้างเป็นวัยรุ่นอเมริกัน ผมยาว สวมแจ็คเก็ตหนัง หรืออาจข้ามสัญชาติกลับมานึกถึงวงดนตรีแนว J-Rock จากญี่ปุ่น วัฒนธรรมพังก์ ถือกำเนิดตั้งแต่ยุค 70’s พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีทัศนคติ วิถีคิด แฟชั่น และรสนิยมทางดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ มันชัดเจนมากเสียจนทำให้คนธรรมดาสามัญรับรู้ได้ว่า อะไรที่เห็นแล้วรู้สึกว่า ‘พังก์’ โดยไม่ต้องทำความเข้าใจเชิงลึกเสียด้วยซ้ำ สำหรับกลุ่มคนที่ยังดำรงและขับเคลื่อนในวัฒนธรรมนี้ มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน BKK PUNK BannBar ร้านเล็ก ๆ กลางซอยรางน้ำคือหนึ่งในสถานที่ที่ชาวพังก์ไทยมักมารวมตัวกัน เริ่มต้นจาก ‘ฉัตร’ และ ‘ปุ้ย’ สองพี่น้องผู้รักในดนตรี วิถีคิด ศิลปะ และแฟชั่นพังก์ ครอบครัวของพวกเขาทำร้าน BaanBar มายาวนานกว่า 12 ปี ต่อมาที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวคนที่ชอบอะไรเหมือนกันไปโดยปริยาย เมื่อเราถามถึงจุดเริ่มต้นของพวกเขา คำตอบส่วนมากมักเกิดจากความสนใจดนตรี การบอกปากต่อปาก รุ่นพี่รู้จักรุ่นน้อง
ตั้งแต่ที่โลกของเรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ เรื่องราวที่เราไม่เคยเห็น ผู้คนที่อยู่กันคนละมุมโลกหรือมนุษย์จากต่างยุคสมัยก็สามารถพบเห็นกันได้ผ่านรูปถ่าย เทคโนโลยีสามารถทำให้เราท่องไปได้ทุกมุมโลกโดยไม่ต้องก้าวออกจากบ้าน เพียงแค่เปิดดูรูปถ่ายเราก็สามารถมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์และความทรงจำต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย นอกจากพื้นที่แสนไกลคนละขอบโลก ยังมีโลกใบเล็กที่เราจะไม่สามารถเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน แต่ปัจจุบันเราสามารถมองผ่านเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างกล้องจุลทรรศน์ได้แล้ว มุมมองใหม่ที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้เองคือเสน่ห์ที่ทำให้แบรนด์กล้องถ่ายรูปอย่าง Nikon จัดนิทรรศการประกวดภาพถ่ายมาโครมาตลอด 45 ปี งานประกวดภาพถ่ายโลกใบเล็กที่มนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามีชื่อว่า Nikon Small World Photomicrography ที่ยินดีรับภาพถ่ายโมโครจากนักถ่ายภาพทั่วโลกไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นช่างภาพมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น และงานประกวดภาพถ่ายมาโครก็ยังได้รับความสนใจจากผู้คนหลากหลายวงการไม่เพียงช่างภาพเท่านั้น เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาไปจนถึงแพทย์จำนวนไม่น้อยก็ส่งภาพถ่ายของตัวเองเข้าประกวดด้วยเช่นกัน การแข่งขันในปี 2019 ถือว่าร้อนแรงไม่แแพ้ปีไหน ๆ คณะกรรมการที่เชี่ยวชาญเรื่องของกล้องจุลทรรศน์พิจารณาภาพถ่ายกว่า 2,000 ใบที่ส่งเข้าประกวด โดยภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นผลงานของ Teresa Zgoda และ Teresa Kugler ที่กดชัตเตอร์ส่งรูปตัวอ่อนของเต่าที่กำลังเติบโต และยังมีผลงานที่น่าสนใจอีกหลายชิ้นเผยโลกในมุมที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน ผลงานทั้งหมดที่เรานำมาให้ดูเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของโลกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหรือมวลวัตถุขนาดจิ๋ว