เราถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศลึกลับ เท่ แต่คลาสสิคของ BAR SAVOY ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปถึง แต่เสน่ห์ดึงดูดของ SAVOY ไม่ได้จบลงแค่บรรยากาศเท่านั้น เพราะซิกเนเจอร์สุดโดดเด่นอย่างการเป็น Punch Bar และ Singing Rooms ยังเผยตัวชัดแจ้งจนเราอดที่จะกระโจนเข้าไปค้นหาไม่ได้ บอกได้เลยว่าชาว UNLOCKMEN ก็ไม่ควรพลาด ถ้าอยากดื่มด่ำความลึกลับ เท่ และคลาสสิคก็ตามไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่คุณจะค้นพบเมื่อย่างกรายเข้ามาที่ SAVOY แล้วรู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่พลาดไม่ได้คือ “พันช์” ก่อนที่คุณจะทำหน้าไม่เชื่อใจในรสนิยมตัวเอง UNLOCKMEN ขอทลายความเชื่อเดิม ๆ ของคุณที่ว่าพันช์เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้หญิงลงไปก่อน จุดเริ่มต้นของพันช์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับสาว ๆ หรือผู้หญิงอย่างที่เป็นภาพจำในปัจจุบัน พันช์มีจุดเริ่มต้นไกลโพ้นอย่าง “อินเดีย” โดยคำว่าพันช์มาจากคำว่า “ปัญจ” ที่แปลว่า 5 เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้นั้นมีส่วนผสมจากวัตถุดิบ 5 อย่าง ได้แก่ แอลกอฮอลล์ น้ำตาล เลมอน เครื่องเทศ และน้ำเปล่าหรือน้ำชา SAVOY จึงไม่ได้มาเพื่อนำเสนอพันช์สีชมพูหวานแหววสำหรับสาว ๆ อย่างที่คุณคุ้นตาเท่านั้น
“สิงหาคม” เดือนแห่งเทศกาลวันแม่กำลังจะสิ้นสุดลง UNLOCKMEN ขอเสนอความเป็นแม่ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม เพราะสาว ๆ ที่เป็นแม่ของคนนั้นไม่จำเป็นต้องแก่ ดูน่าเกรงขาม หรือดูเป็นยายเพิ้งเสมอไป ความเป็นแม่สามารถมาพร้อมกับการดูแลตัวเองให้สวยเช้งได้ อย่างคุณแม่ 9 คนที่ UNLOCKMEN จะนำเสนอต่อไปนี้ ดูไปก็อาจงงไปได้ ว่าคนไหนแม่ คนไหนลูกกันแน่ (เราก็งงเหมือนกัน) 1.คุณแม่นักแสดงสาว Reese Witherspoon วัย 41 ปี ดูแทบไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะว่าใครเป็นแม่ใคร 2.ส่วนนี่ก็คุณแม่วัย 43 กับลูกสาวฝาแฝดของเธอ 3.คุณแม่วัย 41 ปี ยังเปรี้ยวจนเข็ดฟันได้ขนาดนี้ 4.ถ้าแม่ลูกจะเหมือนกันขนาดนี้ก็เป็นฝาแฝดกันไปเถอะ! (คุณแม่อายุ 54 ปีแล้ว) 5.คุณแม่ Shweta Nanda Bachchan อายุ 43 กับฝาแฝด เอ๊ย ลูกสาวของเธอ 6.คุณแม่ (คนกลาง) อายุ 63 ปี บ้าไปแล้ว! 7. คุณแม่ผมบลอนด์วัย 51!
ขอบคุณเทคโนโลยีและความยืดหยุ่นในปัจจุบันที่ทำให้เราสามารถทำงานจากที่บ้านได้ แม้การทำงานที่บ้านจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ถ้าสบายเกินไป เราอาจทำงานไม่เสร็จได้ นี่จึงเป็น 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแม้จะอยู่ภายใต้บรรยากาศสุดสบายอย่างการทำงานที่บ้านก็ตาม 1.สบายได้ แต่ให้พอดี สิ่งที่ดีที่สุดของการได้ทำงานอยู่ที่บ้านก็คือความสบาย สบายไปหมดตั้งแต่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เราคุ้นเคย ได้สวมใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการมาก จะนั่งทำงาน นอนทำงานก็สบายไปหมดทุกสิ่งอย่าง ความสบายเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้ามากเกินไป แทนที่จะทำงานก็อาจจะกลายเป็นนอนกลิ้งไปกลิ้งมาได้ ดังนั้นจัดท่าทาง พื้นที่ของตัวเองให้สบายได้ แต่อย่าสบายเกินไปจนไม่เป็นอันทำงาน 2.จัดพื้นที่ให้เหมาะสม การทำงานที่บ้านเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย และสิ่งรบกวน ทั้ง ๆ ที่กำลังจะตั้งใจทำงานอยู่ดี ๆ หันไปเจอตู้เย็นที่เต็มไปด้วยของกินก็เสียสมาธิเสียแล้ว หรือหันไปเจอโทรทัศน์พร้อมกับจินตนาการถึงหนังเรื่องโปรดก็พร้อมจะปรี่เข้าไปหา สิ่งเหล่านี้ควรถูกกำจัดให้พ้นทางด้วยการหาโต๊ะทำงาน จัดบรรยากาศให้เหมาะแก่การทำงานที่ห่าง หรือให้สิ่งรบกวนอยู่พ้นสายตาออกไปหน่อย จะได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานมากขึ้น 3.จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ พอไม่ต้องเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน เวลาที่มีเท่าเดิมก็ดูเหมือนมีเพิ่มจนมากมายแบบไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเรารู้สึกว่ามีเวลาเหลือมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเดี๋ยวค่อยทำนั่น เดี๋ยวค่อยทำนี่ก็ได้ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้งานไม่เสร็จโดยไม่รู้ตัว หรือถ้าเสร็จก็เสร็จแบบไม่ทันเวลา ดังนั้นคุณควรจัดลำดับความสำคัญว่างานไหนที่ต้องทำเสร็จเป็นลำดับแรก ๆ และต้องเสร็จภายในเวลาเท่าไหร่ เป็นการกำหนดเดดไลน์ให้ตัวเอง 4.จัดเวลา ทำงานที่บ้านก็ยังแปลว่าทำงาน ถ้าคุณไม่ได้ทำงานเสร็จเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การแบ่งสัดส่วนเวลาทำงานก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อไม่ให้ตัวเองทำงานมากเกินไป หรือมัวแต่พักผ่อนเพลินเกินไป โดยคุณอาจแบ่งเวลา 6-8 ชั่วโมงว่านี่เป็นเวลาทำงาน
“สุดท้ายแล้วศิลปิน ดารา หรืออะไรก็ตาม ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง” นี่คือประโยคที่ออกมาจากปาก โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ศิลปินที่ขึ้นชื่อว่าพูดจาตรง แรง ชัดเจน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นที่สุดอีกคนหนึ่งของ พ.ศ. นี้ ใครที่รู้จักเขาก็คงอดจำเขาในฐานะคนขี้เล่น ตรง ๆ พูดจาแบบไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ แถมเข้าถึงได้ง่ายจนคล้ายกับว่าเขาไม่ได้วางตัวเองเป็นดารา นักแสดง หรือศิลปินใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จริง ๆ แล้วเขาวางตัวเองไว้เป็นอะไรในวงการนี้ ตัวตนของเขาเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นอย่างไร UNLOCKMEN อยากชวนทุกคนมาคุยให้เห็นความหล่อจากข้างในของเขาไปพร้อม ๆ กัน UNLOCKMEN: เวลาพูดถึง โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน ภาพที่คนนึกถึงก็คือความ ตลก เป็นตัวของตัวเอง พูดอะไรแรง ๆ ตรง ๆ จริง ๆ แล้วเป็นคนอย่างนั้นไหม? ก็เป็นครับ แต่ว่าเป็นคนตลก แต่จริง ๆ ก็เป็นคน Sensitive กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ขี้น้อยใจ
ความยั่วยวนใจมีเสน่ห์ชวนให้ค้นหามากกว่าการเห็นภาพโป๊แบบอล่างฉ่าง แม้เราจะพอหาหนังโป๊ดูได้บ้าง แต่การดูหนัง SEXY ยั่วยวนใจกลับให้อารมณ์ชวนตื่นเต้นไปอีกแบบ UNLOCKMEN เข้าใจอารมณ์ชวนตื่นเต้นนั้นดี จึงอาสารวบรวมหนัง 10 เรื่องที่มีฉาก SEXY ยั่วยวนใจติดอันดับท็อปฮิตตลอดกาลมาให้ รับรองได้ว่าผู้ชายอย่างเราดูไปใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแน่นอน Fifty Shades of Grey พูดถึงหนังที่พัวพันกับเรื่องเซ็กส์ในยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้นหนังตระกูล Fifty Shades หนังที่สร้างมาจากนวนิยายที่ได้รับความนิยมสูงมาก ระดับความเซ็กซี่แบบดุดันสไตล์ BDSM อาจไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าดูให้ SEXY แบบเล็ก ๆ น้อย ๆ พอชื่นใจ รับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง Blue Is the Warmest Color นี่คือหนังฝรั่งเศสที่ถูกฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ก่อนจะเข้ามาสู่โรงหนัง หนังว่าด้วยความสัมพันธ์โรแมนติกของผู้หญิงกับผู้หญิง เรียกว่ามีฉากร้อนเร่านัวเนียกันทั้งเรื่อง คุณจะได้ดูหุ่นผู้หญิงจนฉ่ำตาฉ่ำใจ ไม่มีหุ่นผู้ชายมาเกะกะสายตา และได้เข้าใจความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงมากยิ่งขึ้น Nymphomaniac บางคนถึงกับนิยามหนังเรื่องนี้ว่า เฮ้ย นี่มันหนังโป๊นี่หว่า แต่ถ้าดูให้ลึกลงไปแล้วนี่คือหนังที่จะพาเราไปสำรวจตัวตนของผู้หญิงว่าจริง ๆ แล้วพวกเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายอย่างเรา แต่มีความโลดโผนโจนทะยานที่ชวนให้เราตื่นตาตื่นใจและไม่ผิดหวังแน่นอน Black Swan Natalie Portman ได้รับรางวัล Oscar
ลาออกจากงานประจำแล้วไปเริ่มทำธุรกิจซะ! เรามักได้ยินประโยคทำนองนี้จนชินหูในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเราอาจหลงลืมไปว่าการทำธุรกิจ การเป็นผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีสูตรสำเร็จที่ตายตัว และคุณอาจไม่จำเป็นต้องลาออกทันทีเหมือนที่ใครว่าไว้ แต่เรียนรู้จากการทำงานประจำ เพราะงานประจำนี่แหละที่แอบซ่อนบทเรียนธุรกิจไว้ให้เราเรียนรู้แบบที่เราคาดไม่ถึงมาก่อน Steve Tobak ที่ปรึกษาด้านการจัดการกล่าวถึงการเรียนรู้จากงานประจำที่ใคร ๆ ก็คิดว่าน่าเบื่อไว้ว่า “ความจริงก็คือ ผมเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการและการทำธุรกิจจากการทำงานให้คนอื่น” เขายังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “ผมเริ่มต้นจากการเป็นปลาตัวเล็ก ๆ ในบ่อใหญ่ จากนั้นค่อยเป็นปลาใหญ่ในบ่อเล็ก ๆ แล้วค่อยกลายเป็นปลาใหญ่ในบ่อใหญ่ จนตอนนี้ผมได้แหวกว่ายในบ่อเล็ก ๆ ของตัวเองลำพัง มันรู้สึกดีมากเลยล่ะ” แล้วเราจะเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการที่ดีจากงานประจำได้อย่างไรบ้าง? เรียนรู้จากโครงสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ การได้ทำงานในองค์กรสักองค์กรหนึ่งนั่นแปลว่าองค์กรธุรกิจนั้นต้องประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง นี่จึงเป็นอีกที่ที่เราจะได้เรียนรู้พื้นฐานและโครงสร้างธุรกิจที่ดีที่สุด โดยคุณต้องสังเกตว่าโครงสร้างองค์กรเป็นอย่างไร ใครทำอะไรบ้าง แต่ละแผนกติดต่อสื่อสารกันอย่างไร แต่ละคนมีแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างไร โดยเฉพาะคนที่คุณมองว่าประสบความสำเร็จที่สุดในบริษัท คุณต้องสังเกตว่าเขาทำอะไร มีเส้นทางอย่างไรตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดที่คุณคิดว่าเขาประสบความสำเร็จ เรียนรู้จากหัวหน้างานของคุณ ในองค์กรธุรกิจเต็มไปด้วยหัวหน้างานจากหลากหลายฝ่าย สิ่งที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้จากหัวหน้างานเหล่านั้น โดยหัวหน้างานแต่ละคนย่อมมีจุดเด่นและข้อดีที่เราสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ในธุรกิจตัวเองในอนาคตได้ แบกรับความเสี่ยงต่ำ(กว่า) การทำงานประจำช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะบริหารความเสี่ยงจริง ๆ แต่คุณไม่ได้รับผลของความเสี่ยงโดยตรงเท่าเจ้าของธุรกิจหรือองค์กรที่คุณทำงานอยู่ด้วย เราไม่ได้กำลังบอกให้คุณทำอะไรเสี่ยง ๆ อย่างไรก็ได้แบบไม่แคร์เพราะนี่ไม่ใช่ธุรกิจของคุณ แต่เรากำลังจะบอกให้คุณเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้เต็มที่ ถ้าผิดพลาดคุณก็รับผิดชอบเฉพาะตำแหน่งที่คุณทำ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบถึงระดับองค์กร และรีบเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นเพื่อเป็นบทเรียนให้กับธุรกิจของตัวเองในอนาคต เรียนรู้ข้อผิดพลาดขององค์กร เมื่อสังเกตและเรียนรู้ข้อดี โครงสร้าง และแนวทางที่ประสบความสำเร็จแล้ว
‘เซ็กส์’ คือหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวผู้ชายอย่างเราตลอดเวลา จึงไม่แปลกใจนักที่เรามักฝันถึงเรื่องเซ็กส์สุดเหวี่ยงกับน้องโต๊ะข้าง ๆ ในออฟฟิศ เรื่องราววาบหวามของคนรู้จักแบบห่าง ๆ และอีกสารพัดสถานการณ์แปลกประหลาดที่บางทีเราตื่นมาแล้วต้องด่าตัวเองในใจว่าฝันไปได้ยังไงวะเนี่ย!? ตกลงเราเป็นคนหมกมุ่นจริง ๆ ใช่ไหม? หรือมีอะไรอยู่เบื้องหลังความฝันพวกนี้? และทำไมเราถึงจำฝันแบบนี้ได้ดีจัง UNLOCKMEN ชวนหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ฝันถึงเรื่องเซ็กส์หมกมุ่นหรือปกติ? การฝันถึงเรื่องเซ็กส์ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนลามกหมกหมุ่นแต่อย่างใด แถมถือว่าเป็นเรื่องปกติสามัญธรรมดาอย่างมากเพราะงานวิจัย Sexual Activity Reported In Dreams Of Men And Women เปิดเผยว่าร้อยละ 8 ของความฝันคนมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ โดยคนส่วนใหญ่ใช้เวลาฝัน 2 ชั่วโมงต่อคืน (ไม่ว่าคุณจะจำได้หรือไม่ได้ก็ตาม) นั่นแปลว่าคนส่วนใหญ่ฝันถึงเรื่องเซ็กส์ปีละตั้ง 58.4 ชั่วโมงแหนะ! เมื่อฝันว่ามีอะไรกับใครสักคน แปลว่าเราชอบเขาเสมอไปหรือเปล่า? มีทฤษฎีทางจิตวิทยาจำนวนมากที่อธิบายว่าการฝันถึงเซ็กส์ หรือฝันว่ามีอะไรกับใครสักคนนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการที่เรามีความต้องการทางเพศกับคนคนนั้นเสมอไป ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ความฝัน Jane Teresa Anderson บอกถึงกุญแจสำคัญว่าเมื่อเราฝันว่าเรามีอะไรกับใครสักคน มันมีความหมายบางอย่าง แต่ไม่ใช่ความหมายทางเพศแบบที่เราคิด หลายครั้งเราถึงฝันว่าเรามีอะไรกับคนที่เราไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกอะไรด้วย “ความฝันมันก็เหมือนการอุปมาอุปมัยบางอย่าง มันมีนัยยะสำคัญอยู่ตรงที่ตัวตนของคนที่คุณฝันว่าไปมีอะไรด้วย เช่น คุณอาจฝันว่าคุณมีอะไรกับคนที่คุณมองว่าเขาน่าตื่นเต้นมาก
สิ้นเดือนก็เหมือนสิ้นใจ โดยเฉพาะอาทิตย์สุดท้ายก่อนเงินเดือนออก เราต่างต้องสรรหาวิธีประหยัดสารพัดวิธีมาใช้กับชีวิตเพื่อบริหารเงินให้ใช้พอไปถึงวันที่เงินเดือนออกอีกครั้ง UNLOCKMEN เข้าใจหัวอกผู้ชายทุกคน เลยจะขอมาแชร์ 7 ความคิดเห็นจากหลากหลายอาชีพถึง 7 วิธีต่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่เงินเดือนจะหายวับไปกับตา “งดกิจกรรมสังสรรค์” – เจมส์, Photographer กิจกรรมสังสรรค์อย่างการออกไปปาร์ตี้ ไปดื่มเครื่องดื่มมึนเมา หรือนัดรวมตัวกันไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง กลายเป็นกิจกรรมชวนเสียเงินจำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ แม้ตอนต้นเดือนกลางเดือนเราจะพร้อมจ่ายเงินซื้อความสุขไม่อั้น แต่พอปลายเดือนแล้วเหมือนจะสิ้นใจขึ้นมา ก็จำเป็นต้องลดกิจกรรมที่จำเป็นน้อยนี้ออกไปก่อน (ไว้ต้นเดือนค่อยมารวมตัวกันใหม่) ใครจะไปรู้ว่าแค่ลดการสังสรรค์ลง เราก็สามารถยืดการใช้เงินให้พอใช้ไปถึงสิ้นเดือนได้แล้ว “ปกติใช้ชีวิตติดคอนโด พอใกล้สิ้นเดือนกลับบ้านเฉยเลย” – ท็อป, Sponsor Content Editor ชีวิตในเมืองกรุงที่การจราจรโหดร้ายแสนสาหัส จนใคร ๆ ก็ต้องพากันหอบผ้าหอบผ่อนมาหาคอนโด หาที่พักตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อให้สะดวกแก่การเดินทาง ทั้ง ๆ ที่บ้านก็ไม่ได้อยู่ต่างจังหวัดหรอก แต่อาจอยู่ชานเมืองห่างออกไปหน่อย ต้นเดือนเราก็เปรมปรีดิ์อยู่แถวคอนโดและที่เที่ยวตามแนวรถไฟฟ้าชิค ๆ คูล ๆ แต่พอปลายเดือนกระเป๋าตังค์ฟีบเราก็กลับไปซบลงที่ตรงตักแม่ (ร้องเพลงเสก โลโซประกอบ) เพื่อประหยัดค่าข้าวได้หลายมื้อ แถมห่อเอามากินที่ทำงานได้อีกด้วย ประหยัด 2 ต่อ
การเป็นนักลงทุนคือสิ่งที่ใครก็ใฝ่ฝัน แต่การเป็นนักลงทุนที่ดีนั้นคือสิ่งที่ยากยิ่งกว่า ทำอย่างไรเราถึงจะรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตเพื่อเป็นนักลงทุนที่ดีได้ วันนี้ UNLOCKMEN มีนิสัย 6 อย่างที่ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือยังไม่เป็นนักลงทุนก็สามารถเอาไปปรับใช้ได้ เผื่อวันหนึ่งที่เราได้เป็นนักลงทุน เป็นเจ้าของกิจการของตัวเองจะได้ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด เก็บเงินให้มากขึ้น ใคร ๆ ก็เก็บเงิน แต่การจะเป็นระดับเจ้าของกิจการ หรือการเป็นนักลงทุนยิ่งทำให้คุณควรต้องเก็บเงิน และประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นมากกว่าเดิม เพื่อเอาไปใช้ในการลงทุนต่อไปในอนาคคต เชื่อเถอะว่าปลูกฝังนิสัยนี้ไว้ ไม่ผิดหวัง เพื่ออิสรภาพทางการเงินที่สดใสวันข้างหน้า เข้านอนเร็วขึ้นเพื่อตื่นเร็วขึ้น เรามักเข้าใจว่านักลงทุนต้องงานยุ่งจนไม่เป็นอันหลับอันนอนแน่ ๆ แต่การเข้านอนเร็วและการตื่นเช้าจะทำให้คุณทึ่งมากว่าในวัน ๆ หนึ่งคุณมีเวลาให้ทำอะไรมากขนาดไหน แถมการตื่นก่อนคนอื่นยังทำให้คุณได้ใช้เวลาส่วนตัวทำอะไรต่อมิอะไร ได้อยู่กับตัวเอง ทำสมาธิกับตัวเองอย่างปลอดโปร่งจนคุณคาดไม่ถึงทีเดียว อย่ามัวแต่ทำธุรกิจ จนลืมความสัมพันธ์ แม้ธุรกิจและการลงทุนจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสัมพันธ์กับผู้คนกลับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า เพราะคอนเนคชั่นและคนรอบตัวเราคือใจความสำคัญของความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นแบ่งเวลา 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ในการส่งเมสเสจหรือโทรหาคนสำคัญ ๆ ที่เราไม่ได้ติดต่อหาเขานานแล้วเสียบ้าง โฟกัสกับสิ่งที่ทำ การโฟกัสกับสิ่งที่ทำไม่ได้แปลว่าต้องโฟกัสกับอะไรแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณอาจจะลงมือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกันก็ได้ เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการเติบโตเป็นนักลงทุนที่ดีในอนาคต แต่คุณต้องมั่นใจว่าทุกสิ่งที่คุณทำนั้นคุณทำมันด้วยความตั้งใจจริง ๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้มันผ่าน ๆ ไป หาต้นแบบสักคน เราไม่จำเป็นต้องหาคนที่สำเร็จระดับโลกเพื่อมาเป็นครูหรือต้นแบบให้ตัวเอง แต่หาใครสักคนที่คุณเชื่อถือ เคารพ
“กลิ่นคือส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของความมีเสน่ห์ดึงดูด โดยเฉพาะต่อผู้หญิง” Ian Stephen อาจารย์ประจำ Macquarie University กล่าวไว้ และเราก็แอบเห็นด้วยเต็มประตู! ก็ถ้าหล่อเหลาชวนใจละลายแต่เข้าใกล้แล้วกลิ่นชวนสำลักก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เสน่ห์ที่มีก็หายไปทันที แต่ถ้าหน้าตาไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นยวนใจชวนเหลียวหลังก็กลายเป็นจุดขายได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผู้ชายอย่างเราต้องทำแบบไหน กินอะไรถึงจะมีกลิ่นตัวธรรมชาติยวนใจผู้หญิงกันแน่? งานวิจัยที่มีชื่อว่า Diet quality and the attractiveness of male body odor ซึ่งตีพิมพ์ใน Human and Evolution Behavior เปิดเผยว่าอาหารที่เรากินเข้าไปแต่ละมื้อนั้นส่งผลต่อกลิ่นตัวของเรา และยิ่งเรากินอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นเท่าไหร่กลิ่นกายกำยำของเราก็จะยิ่งโดนใจสาว ๆ มากขึ้นเท่านั้น (มันขนาดนั้นเลยเหรอ?) การวิจัยครั้งนี้เริ่มที่นักวิจัยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ชายไม่สูบบุหรี่และสุขภาพดีจำนวน 43 คน โดยมีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี มาทำแบบสำรวจว่าพวกเขากินอะไรเป็นอาหารบ้าง ซึ่งแต่ละคนก็กินอาหารที่แตกต่างกันไปผัก ผลไม้ คาร์บ ฯลฯ จากนั้นกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะได้รับแจกเสื้อคอตตอนตัวใหม่เพื่อที่จะสวมใส่ไปตลอด 48 ชั่วโมง โดยมีข้อแม้ว่าห้ามใช้น้ำหอมหรือน้ำยาระงับกลิ่นกายใด ๆ ทั้งสิ้น (แค่จินตนาการถึงกลิ่นก็ชวนขมคอแล้ว) ขั้นต่อไปคือการออกกำลังกาย