“มนุษย์ผู้ชายแม่งคิดถึงเรื่องเซ็กส์ตลอดเวลา“, “เรื่องเซ็กส์มันเป็นเรื่องที่ไหลเวียนอยู่ในชีวิตคนอยู่แล้ว” และ “ศิลปะไม่ใช่ศีลธรรม” 3 ประโยคข้างต้นจากปากอุทิศ เหมะมูล แม้สั้น กระชับ แต่รวบยอดตรงประเด็นจนแทบจะสรุปความนิทรรศการร่างของปรารถนา ไว้ได้ครบถ้วนหมดแล้ว แต่จะมีความหมายอะไรถ้าเราไม่ได้พูดคุยกับอุทิศ เหมะมูล นักเขียนซีไรต์ ปี พ.ศ. 2552 และศิลปินผู้วาดภาพ ก่อนที่นิทรรศการจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (19 สิงหาคม) โดยเฉพาะมุมมองเรื่องเซ็กส์ การเอากัน ความหื่นกาม ภาพโป๊ ภาพเปลือย ศีลธรรม และศิลปะ นี่จึงไม่ต่างจากการพูดคุยเพื่อเล้าโลมให้พร้อมกระโจนเข้าเสพนิทรรศการภาพโป๊ ภาพเปลือย ภาพศิลปะ หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก เป็นการอุ่นเครื่องให้เร่าร้อนสมกับที่อุทิศรังสรรค์มันขึ้นมาอย่างร้อนเร่าไม่แพ้กัน ร่างของปรารถนาที่มาของ ‘ภาพ’ ร่างของปรารถนา “จริง ๆ เล่มนี้คิดไว้ตั้งนานแล้ว” คือคำตอบของอุทิศเมื่อเราถามถึงจุดเริ่มต้นแรกสุดของนิยายซึ่งเป็นที่มาของนิทรรศการภาพโป๊ (?) ‘ร่างของปรารถนา’ ครั้งนี้ โดยระยะเวลานานที่เขาพูดถึงคือระยะเวลา 9 ปีนับตั้งแต่เริ่มคิด กว่าจะออกมาเป็นนิยายร่างของปรารถนาเล่มสมบูรณ์อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน หลังจากเขียน ‘ลับแล แก่งคอย’ นิยายที่ได้รางวัลซีไรต์เสร็จ เขาก็วางแผนเขียนนิยายหลายสไตล์ต่อ “คิดไว้ว่าอยากมีนิยายที่เราจะทยอยเขียน ก็จะมีหนังสือที่เขียนถึงพ่อ เขียนถึงงานศพของพ่อ อีกเล่มก็อยากเขียนถึงความรักของผู้ชายต่างวัย เรื่องของชายมีอายุที่หลงรักเด็กหนุ่ม”
“มะหน่อย-สิรินารถ อินทะพันธ์” อาจไม่ใช่ชื่อแรกที่แวบขึ้นมาในใจเมื่อเราอยากนึกถึงนักเขียนหญิงสักคน แต่ถ้าเราพูดถึงนักเขียนสาวนัยน์ตาเศร้าแฝงอะไรบางอย่างให้ค้นหา กับการเขียนเรื่องสุดเซ็กซี่ในโปรเจคต์ Alarm Clock และเขียนเรื่องความสัมพันธ์ร้าวรานในเรื่องสั้นที่รวมนักเขียนหญิงมากที่สุดอย่าง ทำลาย,เธอกล่าว ความเป็นมะหน่อยนักเขียนสาวที่เราชวนมาพูดคุยในวันนี้ก็จะเรื่อเรืองเด่นชัดขึ้นมา การพูดคุยกับมะหน่อยในบ่ายอันร้อนระอุเหมือนฟังเพลงบรรเลงเรื่อย ๆ สบายหู ไม่หวือหวา แต่ดีต่อใจทำให้แดดดูอ่อนละมุนขึ้นหลายระดับ แต่ถ้าอยากตกหลุมรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไขมากกว่านี้ UNLOCKMEN ก็ขอแนะนำว่าให้ตามเราไปคุยกับมะหน่อยพร้อม ๆ กัน แล้วค่อยตามไปไล่อ่านตัวอักษรของเธอตามที่ต่าง ๆ รับรองว่าคุณจะมอบทั้งหัวใจให้เธอเหมือนที่เรามอบให้แน่ ๆ UNLOCKMEN: เล่าให้ฟังหน่อยตอนนี้มะหน่อยทำอะไรอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ทำกองบรรณาธิการนิตยสารแจกฟรีชื่อ JUZZ แมกกาซีน ทำอยู่ราว ๆ ปีเกือบสองปีแล้วเราก็เริ่มเบื่อนิด ๆ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด เราก็เลยออกจากงานนี้ แล้วก็เพิ่งมาทำงานที่ Daypoets ได้ 3 เดือน UNLOCKMEN: ทำไมสนใจงานกองบรรณาธิการ งานแรกเราคืองานที่ Bookmoby (ร้านหนังสืออิสระ) เราก็เริ่มรู้สึกว่าเราอยากเขียนบ้าง เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่าเราอยากเข้าไปทำงานกองฯ ดู ว่ามันเป็นยังไง การได้สัมภาษณ์คนอื่น การได้เขียน ในความคิดเรา เราเชื่อว่าการทำงานในกองบรรณาธิการ คนที่เป็น บก. หรือใครในนั้น ต้องสามารถคอมเมนท์งานเราได้ว่ามันดีหรือไม่ดีตรงไหน แต่พอมันไม่ใช่ เราเลยรู้สึกว่าเราไม่มีแพสชั่นที่จะเขียนต่ออีกแล้ว UNLOCKMEN:
วันหยุดยาวทั้งทีจะให้นอนเฉย ๆ ก็ดูจะทิ้งเวลาพักผ่อนไปอย่างสูญเปล่า แต่จะให้ออกไปแย่งกันกินแย่งกันใช้เหมือนคนอื่นก็เหนื่อยเกินไป จุดกึ่งกลางระหว่างการนอนเฉย ๆ แต่มีอะไรทำจึงจบลงที่การดูหนังดี ๆ สักสองสามเรื่อง และเพื่อให้เหมาะสมกับการพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดกับการทำงานมาตลอด UNLOCKMEN ขอเสนอหนัง Feel Good 5 เรื่องที่ดูจบแล้วรับรองว่าวันเริ่มงานมีพลังทำงานไปยิ้มไปแน่นอน UP พอเห็นเป็นการ์ตูนปุ๊ป ผู้ชายอย่างเราก็แอบเบือนหน้าหนีปั๊ป เพราะคิดว่าแอนิเมชันเป็นเรื่องของเด็กหรือผู้หญิงเท่านั้น แต่ UNLOCKMEN อยากบอกว่าอย่าประมาทพลังของการ์ตูนไป เพราะการ์ตูนบางเรื่องกลับชาร์จพลังและให้แรงบันดาลใจของเราได้ดีจนเราคาดไม่ถึง UP เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ดูจบแล้วไม่อยากวิ่งไล่ตามความฝัน เราอนุญาตให้ทุ่มทีวีทิ้งเลย! Little Miss Sunshine จะจัดให้เรื่องนี้เป็นหนัง Feel Good ก็คงไม่ผิด แต่ถามว่าชวนฝันหวานล่องลอยมั้ย ก็คงไม่ Little Miss Sunshine จึงเป็นหนัง Feel Good ที่เหมาะกับผู้ชายแมน ๆ อย่างเรามาก เพราะนี่คือความรู้สึกดี ๆ กึ่ง ๆ การยอมรับความเป็นจริงของชีวิตที่สุดท้ายแม้อะไร ๆ ไม่เป็นดังฝัน แต่อย่างน้อยเราได้ทำตามสิ่งที่รักอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจแล้ว
ได้ยินกันมาจนเบื่อแล้วว่าผู้หญิงเขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะเล็กหรือใหญ่ แต่เขาสนใจว่าเราจะทำให้เขาสุขสมได้หรือเปล่า แต่ไอ้ที่ได้ยิน ๆ มาน่ะมันจริงแค่ไหน? แน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่คำปลอบใจของพวกน้องชายขนาดเท่าหนอนชาเขียว ไม่ต้องเถียงกันให้เสียเวลาอีกต่อไป UNLOCKMEN เอาแบบสำรวจจาก Superdrug Online Doctor ที่ถามความเห็นผู้หญิงจำนวน 1,500 คนมาปาใส่หน้าผู้ชายทุกคนแบบชัด ๆ ว่าตกลงเล็กหรือใหญ่สำคัญหรือเปล่า? การสำรวจครั้งนี้เขาสำรวจความพึงพอใจของผู้หญิงในหลาย ๆ ด้าน แต่อย่างหนึ่งที่ผู้ชายอย่างเราโคตรอยากรู้ก็คือ “ขนาดน้องชาย” ซึ่งผู้หญิงร้อยละ 92 ออกมาบอกชัดเจนว่า “พวกเธอ ๆ ฉันไม่สนใจหรอกว่าของเธอจะใหญ่หรือเล็ก มันไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเซ็กส์เลย” รู้คำตอบแล้ว หนอนชาเขียวก็ยิ้มได้ อนาคอนด้าก็ถือซะว่าได้ของแถมจากพระเจ้า แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจออกนอกหน้าไป เพราะสาว ๆ เขายังมีความต้องการเฉพาะอยู่ โดยผู้หญิงเกือบร้อยละ 73 บอกว่า โอเค ไม่ต้องสอดใส่แล้วเร้าใจก็ได้ แต่พวกคุณต้องออรัลเซ็กส์เจ๋งพอตัวนะ ดังนั้น แม้ขนาดและการสอดใส่ไม่สำคัญสำหรับสาว ๆ แต่การใส่ใจในการทำออรัลเซ็กส์ให้พวกเธอพึงพอใจก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ นอกจากนั้นแล้ว สาว ๆ ยังลงความเห็นว่าเซ็กส์ของผู้ชายอาจไม่ต้องเลิศเลอ แต่ร้อยละ 88 ยินดีเดทกับคน ๆ นั้นต่อไปถ้าสื่อสารกันเข้าใจคุยกันรู้เรื่อง
การเจอใครสักคนเป็นครั้งแรกไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะการเจรจาทางธุรกิจที่ไม่ว่าแมนแค่ไหนก็ต้องมีหวั่น ๆ กันบ้าง แค่จะคุยให้ราบรื่น ไม่มือไม้สั่นก็ยากแล้ว แต่จะคุยอย่างไรให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกชอบคุณได้ใน 5 นาที? ไม่ต้องคิดเองให้สมองระเบิด UNLOCKMEN มี 5 ข้อง่าย ๆ ทำได้จริง ที่ไม่ว่าเจรจากับใคร คนที่คุยด้วยก็จะชอบคุณได้ใน 5 นาที 1.ถามคำถามปลายเปิด คำถามปลายปิด หรือการเปิดโอกาสให้คู่สนทนาที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกตอบได้แค่ใช่หรือไม่ใช่นั้นทำให้บทสนทนาสั้นลงกว่าที่ควรเป็นหลายระดับ แต่การถามคำถามปลายเปิดให้คู่สนทนามีโอกาสคิดคำตอบกว้าง ๆ เป็นการทำให้เขารู้สึกว่าเราอยากรับฟังเขา เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังทำให้เราสามารถต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้นอีก ด้วยการถามคำถามเพิ่มเติมจากคำตอบที่เขาให้กลับมา 2.นิ่งฟังอย่างตั้งใจ แม้ว่าเราจะอยากนำบทสนทนาไปสู่กาเจรจาอันสมบูรณ์แบบที่เราตั้งความหวังไว้ต้งแต่แรก แต่คุณควรนิ่ง ตั้งใจฟัง สบตาคู่สนทนา พยักหน้าแสดงความสนใจเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังตั้งใจฟังอยู่ เมื่อฟังไปสักพัก ค่อยตั้งคำถามกลับจากเรื่องที่คู่สนทนากำลังเล่า แต่ไปในทิศทางที่คุณต้องการ เพื่อให้เขารู้สึกว่าคุณไม่ได้จงใจมาสื่อสารแค่เรื่องของคุณ แต่ตั้งใจฟังเรื่องของเขามากกว่า 3.หาอะไรที่คุณกับอีกฝ่ายมีเหมือนกัน การมีความสนใจคล้าย ๆ กัน การมีะไรเหมือน ๆ กัน จะยิ่งทำให้คุณสองคนหาเรื่องคุยได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง แต่ความสนใจที่เหมือนกันจะทำให้คุณหาเรื่องมาคุยได้ไม่รู้จบ ยิ่งทำให้ทั้งคุณและคู่สนทนาไม่รู้สึกดดันกับการคุยกับคนคนนั้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นพยายามชวนคุยด้วยคำถามปลายเปิดเยอะ ๆ เพื่อที่จะรู้ว่าคนคนนั้นชอบอะไรบ้าง และมีอะไรที่เราชอบเหมือนกัน ถ้าเจอแล้วคุยถูกคอ
หนังสือกลายเป็นของขวัญที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะต้องอาศัยความใส่ใจจากตัวผู้ให้ แถมต้องรู้นิสัยใจคอของผู้รับอยู่บ้าง ยิ่งซื้อหนังสือให้ผู้หญิงที่เรารักสักคนไม่ว่าจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดในวันแม่ที่จะถึงนี้ หรือหวานใจในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เราอาจยิ่งกุมขมับเพราะไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงดี UNLOCKMEN ขออาสารับความยุ่งยากใจตรงนั้นมาจัดการให้เอง! เพราะยิ่งใกล้ช่วงวันแม่แห่งชาติเข้ามา เราก็สนับสนุนให้เลือกสรรของขวัญอย่างหนังสือเป็นอีกทางเลือก (นอกจากดอกมะลิ อาหารเสริม ฯลฯ) แถมเราช่วยเลือกให้ด้วยว่า 5 เล่มไหนที่น่าจะถูกใจผู้หญิงที่คุณรักชัวร์ ๆ ! หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา ผู้เขียน: อุรุดา โควินท์ สำนักพิมพ์: มติชน ถ้าคุณแม่หรือแม่คุณของคุณเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน หรือจะเข้มแข็งก็ไม่ว่า แต่ชอบเสพความงดงามของความสัมพันธ์ หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา คือหนังสือที่คุณควรรีบหยิบใส่ตะกร้าซื้อไปฝากให้เร็วไว เพราะหยดน้ำหวานในหยาดน้ำตาถูกเขียนขึ้นจากความคิด ความรู้สึก ความทรงจำของนักเขียนสาวที่เราลงความเห็นว่ามีภาษาที่งดงามที่สุดอีกคนหนึ่ง หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตาว่าด้วยเรื่องราวชีวิตจริงของ “อุรุดา โควินท์” นักเขียนสาวซึ่งเป็นคนรักของ “กนกพงศ์ สงสมพันธ์” นักเขียนหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จอีกคนของวงการน้ำหมึกไทย หนังสือบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ ชีวิตคนสองคนในชั่วระยะหนึ่งของเวลาก่อนความตายจะพรากพวกเขาจากกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเขียนนวนิยาย จนกลายมาเป็น หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา เล่มนี้ UNLOCKMEN บอกเลยว่าไม่อยากให้คุณพลาด ซื้อให้แม่ก็ได้ หวานใจก็ดี รับรองว่าทันทีที่อ่านจบ อ้อมกอดที่มีให้กันจะโอบแน่นขึ้นกว่าเดิม ทำลาย, เธอกล่าว
พรายฟองนุ่ม กับรสชาติเบียร์ละมุนในปากเป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราคุ้นเคย แต่ใครจะไปเชื่อว่าการเลือกแก้วที่ใช่ให้เหมาะกับเบียร์ที่ชอบจะยิ่งทำให้รสชาติที่เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ทวีความละมุนลิ้น แถมขับรสชาติเบียร์ให้เด่นชัดขึ้นมาได้อีก ทีแรก UNLOCKMEN ก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากเชื่อทฤษฎีที่ว่ามานี้เช่นกัน จึงขอลองด้วยตัวเองและอาสาหาคำตอบมาให้ผู้ชายหลาย ๆ คนที่กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน Plisner: Wussie / ABV 5.8 % เริ่มกันด้วย Plisner ตัวนี้กลิ่นดี แค่แรกเริ่มลองจิบก็ได้กลิ่นอายอบอวลของความเป็นสมุนไพร แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่สมุนไพรแบบขิงข่าตะไคร้อย่างที่คนไทยชอบจินตนาการกัน แต่เป็นความ herbal แบบ spice เบา ๆ ไม่รุนแรงแต่ชวนให้ดื่มด่ำเหลือเกิน แค่แก้วธรรมดาก็ชวนฝันมากแล้ว แต่ยิ่งเราลองเทลงในแก้วทรงสูงโปร่งเพรียวที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อ Plisner นั้นยิ่งขับเน้นให้เรามองเห็นสีทองอำพันของเบียร์ได้อย่างมีมิติยิ่งขึ้น ช่วงปลายปากแก้วถูกออกแบบมาให้โอบเข้าเล็กน้อยเพื่อให้พรายฟองเบียร์คงตัวอ้อยอิ่งเพิ่มอรรถรสให้เรายิ่งขึ้น ที่สำคัญปากแก้วที่ใช้เลเซอร์ในการตัดทำให้บางกริบเพิ่มรสสัมผัสระหว่างปากเรากับเบียร์จนขับกลิ่นและรสให้เด่นชัดขึ้นสามระดับทุก ๆ การจิบ Hefeweizen: Schneider Weisse Tap 7 Mein Original / 5.4% ตามด้วย Hefeweizen จากเยอรมันอย่าง Schneider Weisse Tap 7
ความเมาเป็นสภาวะคู่กายผู้ชายอย่างเรา บางทีก็เมารู้เรื่อง บางทีก็ไม่รู้เรื่อง แต่เคยสงสัยไหมว่าความเมามีกี่ประเภทกันแน่ แล้วเราเป็นคนเมาประเภทไหน งานวิจัยเรื่อง A five-factor approach to characterizing “types of drunks” มีคำตอบมาให้แล้ว 1.คอทองแดง งานวิจัยเรียกคนเมากลุ่มนี้ว่า Ernest Hemingways นักเขียนชื่อดังที่กินวิสกี้ไปเท่าไหร่ก็ไม่เมา แต่ UNLOCKMEN ขอนิยามคนกลุ่มนี้ว่าพวกคอทองแดง โดยคนกลุ่มนี้มีมากถึง 40% ของการสำรวจ คือไม่ว่าดื่มกินไปเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจจะมีสติหรือเมาแต่ไม่มีผลต่อบุคลิกภาพหรือการแสดงออก 2.ช่างพูด คนเมาประเภทที่สองนี้โดยปกติเป็นคนเข้าสังคมอยู่แล้ว ชอบพูดคุย ชอบพบปะผู้คน ยิ่งได้ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์พอกรึ่ม ๆ สนุกสนาน ก็ยิ่งกลายเป็นคนที่น่าเข้าใกล้ ช่างพูดคุยมากขึ้นไปอีก 3.ปลุกด้านใหม่ในตัวคุณ งานวิจัยระบุว่าคนเมาแบบที่สาม คือคนที่ปกติเงียบ ๆ ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ไม่ได้อยากออกมาปาร์ตี้กับคนเยอะ ๆ แต่ถ้าเมาแล้ว แอลกอฮอล์ได้เข้าไปดึงเอาบุคลิกภาพอีกด้านออกมา ก็จะช่างพูดขึ้นมาซะอย่างนั้น (เทียบกับปกติที่ไม่พูดไม่จาเอาเสียเลย) 4.จอมวายร้าย เมาแบบสุดท้าย คือเมาแบบที่ใคร ก็ไม่อยากเป็น แต่ก็มีคนเมาแบบนี้อยู่จริง คือเมื่อตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์แล้วจะมีความรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง
เราต่างมีเวลาในหนึ่งวันเท่า ๆ กัน แต่การจัดการและการเลือกใช้เวลาไม่เหมือนกัน คนประสบความสำเร็จเขาทำอะไรในหนึ่งวันเราคงพอจะรู้กันมาบ้าง แต่สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาทำก่อนนอนคืออะไรบ้าง ทำแล้วจะช่วยให้นอนอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นไหม? หรือทำแล้วชีวิตวันต่อไปจะง่ายขึ้นบ้างหรือเปล่า? เรามาดูกันว่าคนประสบความสำเร็จระดับโลก 7 คนเขาทำอะไรก่อนเข้านอนกัน 1.Bill Gates: อ่านหนังสือก่อนนอน เจ้าพ่อไมโครซอฟต์อย่าง Bill Gates มักจะเผื่อเวลาก่อนเข้านอนของตัวเองไว้สำหรับการอ่านหนังสือเสมอ โดยเขาจะอ่านหนังสือก่อนเข้านอนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ไม่ว่าคืนนั้นเขาจะนอนดึกขนาดไหน 2.Sheryl Sandberg: ตัดขาดการติดต่อสื่อสาร Sheryl Sandberg คืออดีตกรรมการอำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของโซเชียลมีเดียชื่อก้องโลกอย่างเฟซบุ๊ก เธอเลิกที่จะชัตดาวน์การสื่อสาร ด้วยการปิดโทรศัพท์มือถือคู่กายลงเมื่อเธอจะต้องเข้านอน โดยเธอยอมรับว่าแม้มันจะเจ็บปวดมากเมื่อต้องปิดมือถือแต่ละที แต่ก็คุ้มค่ากับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ 3.Oprah Winfrey: นั่งสมาธิ ถ้าจะให้บอกว่า Oprah Winfrey เป็นใคร ก็คงต้องไล่กันยาว เพราะเธอเป็นทั้งนักธุรกิจ นักแสดง โปรดิวเซอร์ และพิธีกรชื่อดัง แต่ไม่ว่าในแต่ละวันเธอจะยุ่งมากขนาดไหน ก่อนนอนเธอก็จะแบ่งเวลาให้กับการทำสมาธิเสมอ ๆ 4.Elon Musk: หยุดกินกาแฟ CEO ระดับโลกที่กำลังมาแรงที่สุดขณะนี้อีกคนหนึ่งคงหนีไม่พ้น Elon Musk ที่ปกติเขาต้องดื่มกาแฟ
ขนาดจะสำคัญหรือเปล่าไม่รู้แน่ชัด แต่ลีลาท่วงท่าที่ใช้โหมซัดนั้นสำคัญแน่นอน! คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่อยากทำให้สาว ๆ พอใจ หรือไม่อยากทำให้สาว ๆ จดจำลีลาบนเตียงของเราได้ แต่ไอ้จะมัวทำแต่ท่าทางเดิม ๆ เขาอยู่ล่าง เราอยู่บนไปทุกครั้ง ๆ มันก็ออกจะซ้ำซากจำเจไปหน่อย UNLOCKMEN เลยอาสาเพื่อผู้ชายทุกคน นำผลสำรวจจากผู้หญิงกว่า 1,100 คนมาฝากกันว่านอกจากไอ้ท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ นั่นแล้ว มันมีอีก 4 ท่าไหนที่พวกเธอติดอกติดใจและอยากทำให้ได้บ่อยกว่าเดิม 1. The Face-Off Sex Position ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สาว ๆ ร้อยละ 48 เลือกท่านี้ไว้ในสามอันดับท่วงท่าที่เธออยากใช้มากที่สุด เพราะท่านี้มันทำให้ร่างกายของคุณเข้าไปอยู่ในตัวเธอได้ลึกสมใจเธอ แถมท่านี้ยังทำให้หน้าอกหน้าใจเธออยู่พอดีตรงหน้าคุณ คงไม่ต้องบอกต่อนะว่าควรทำอย่างไร 2. The G-Whiz Sex Position ผู้หญิงร้อยละ 32 ลงความเห็นว่าท่านี้แหละเป็นหนึ่งในท็อปสามท่าสุดจี๊ดของพวกเธอ ทำไมถึงชอบท่านี้? นั่นเป็นเพราะว่าเวลาที่พกเธอได้ยกยืดขาเรียวยาวสูงชูขึ้นไปในอากาศมันทำให้ส่วนน้องสาวของเธอเบียดเข้าหากันมากกว่าท่าปกติ และนั่นคือโอกาสที่ทำให้คุณมีโอกาสสัมผัส G-Spot หรือจุดที่ทำให้เธอถึงใจได้มากกว่าท่าปกติเช่นกัน 3. The