คำพูดไม่ใช่แค่สิ่งที่เอาไว้เพื่อสื่อสารกันเท่านั้น แต่คำพูดส่งผลต่อชีวิต แรงบันดาลใจ และมีอิทธิพลต่อวิธีคิด รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้จริง ๆ คำพูดดี ๆ ก็ดึงดูดพลังดี ๆ เข้ามา แต่ลองหลับตาจินตนาการถึงคนที่พ่นพูดแต่คำด่า คำบ่น คำหยาบคาย บรรยากาศแวดล้อมก็ไม่ชวนเข้าใกล้ หรือถ้าเข้าใกล้ก็ชวนให้หดหู่ไม่อยากทำอะไรไปหมด การประสบความสำเร็จก็เช่นกัน ถ้ามัวแต่คิดหรือพูดอะไรที่ย่อท้อ โทษตัวเอง หรือไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เป็นประจำก็พาให้แรงใจ แรงกายถดถอยไปได้ นี่จึงเป็น 7 ประโยคที่คุณจะไม่มีวันได้ยินคนที่ประสบความสำเร็จเขาพูดกัน เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แล้วคุณล่ะยังพูดประโยคพวกนี้อยู่หรือเปล่า? 1.ผมทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครทำอะไรเป็นทุกสิ่งอย่างมาตั้งแต่แรกเกิด การบอกว่าทำไม่ได้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถือเป็นการดูถูกตัวเองอย่างมาก คนที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่โฟกัสถึงสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ แต่เรียนรู้ว่าอะไรที่พวกเขาทำได้ และค่อย ๆ หาวิธีการจัดการและเริ่มต้นทำในสิ่งที่พวกเขายังทำไม่ได้ แต่ถ้ากังวลจนไม่รู้จัทำยังไง ลองลิสต์รายการสิ่งที่เราเคยทำไม่ได้มาตั้งแต่เราลืมตาดูโลก แล้วเช็คดูสิว่าทุกวันนี้เราเรียนรู้และทำอะไรได้ตั้งกี่อย่างแล้ว ดังนั้นอย่าหยุดเรียนรู้ต่อไป และอย่าเอาแต่บอกตัวเองว่าทำไม่ได้ 2.ผมไม่รู้นี่ครับว่าต้องทำยังไง ไม่ว่าอะไรที่เราทำสำเร็จ เราล้วนต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มันมาก่อนทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่การเดิน การขี่จักรยาน หรือแม้แต่การลงทุน การทำธุรกิจ การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำตลอดชีวิต ไม่มีใครรู้ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มลงมือทำ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะเรียนรู้ บอกว่าตัวเองไม่รู้เพื่อจะเรียนรู้ต่อไปได้ แต่อย่าบอกว่าไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการลงมือทำอะไรสักอย่าง 3.ผมมีเวลาไม่พอหรอก เวลาคือทรัพยากรที่มีค่าที่ทุกคนมีเท่า ๆ กัน
ก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบขี้หน้าคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด อาจเพราะคนคนนั้นเคยทำอะไรให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ หรือเคยมาต่อว่าสิ่งที่เรารักเราชอบจนอดรนทนไม่ไหว หรือไม่ก็แค่หมั่นไส้กันก็เท่านั้นเอง จะให้มาบอกเขาว่า ไปซะ อย่าโผล่หน้ามาให้เห็นอีก ก็คงเป็นไปไม่ได้ วิธีสุดท้ายที่พูดออกไปง่าย ๆ (แต่ทำได้ยากเหลือเกิน) ก็คือไล่คนนั้นออกนอกประเทศไปซะ! เอะอะ ก็ไม่รักประเทศนี้ก็ออกไปจากประเทศนี้สิ เอะอะ เขาพูดอะไรไม่ถูกใจก็บอกให้เขาเก็บข้าวเก็บของออกจากแผ่นดินนี้ไปเลยนอกจากเราจะออกเงิน ทำวีซ่าให้เขาแล้ว เราสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วเฉดใครสักคนออกไปได้จริงไหมนะ? ในความเป็นจริง เราสามารถทำอย่างนั้นได้จริงหรือเปล่า? UNLOCKMEN สนับสนุนให้ทำอะไรตามข้อเท็จจริง เลยขอเอากฏหมายสูงสุดของประเทศมาฝากกัน รู้ไว้เป็นผู้ชายแมน ๆ แถมกฏหมายเรื่องนี้แน่น เจอใครไล่ใครออกนอกประเทศครั้งหน้าจะได้ให้ความรู้ความเข้าใจเขาได้ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2559 ฉบับลงประชามติ มาตรา 39 บัญญัติไว้ว่า การเนรเทศบุคคลสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้ผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราชอาณาจักร จะกระทำมิได้ การถอนสัญชาติของบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิด จะกระทำมิได้ ถ้าอ่านภาษากฎหมายแล้วมันยังงง ๆ ไม่เข้าใจมากนัก UNLOCKMEN ก็ขอแปลให้ฟังแบบง่าย ๆ ว่ามาตรา 39 ของกฎหมายสูงสุดของประเทศอย่างรัฐธรรมนูญนั้นบอกว่าอยู่ ๆ เราจะไปไล่คนไทยคนไหนออกนอกประเทศไม่ได้! หรืออยู่ ๆ จะไปห้ามเขาไม่ให้เข้าประเทศก็ไม่ได้! (นอกจากจะทำผิดกฎหมายแล้วเขาจะหนีหายต๋อมไปเองนะ) ไม่หมดแค่นั้น
ไม่รู้ว่า “เงินในกระเป๋า”กลายเป็นสิ่งที่ลดแทบทุกวัน จนเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มเลยได้อย่างไร? แต่หลายคนก็เป็นอย่างนั้นแทบทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินที่เอาแต่ลดไม่รู้จักเพิ่มอีกต่อไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยงัด 5 ข้อ 5 ทางที่จะทำให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำ 5 ข้อนี้ในอีก 5 ปี เงินเพิ่มเป็น 5 เท่าได้แน่นอน เริ่มทำธุรกิจ ธุรกิจฟังดูเป็นสิ่งใหญ่โต แต่ในวันที่ตลาดออนไลน์กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน ๆ การเริ่มลงมือทำธุรกิจสักหนึ่งธุรกิจไม่ได้ต้องเริ่มจากการหาทำเล การลงทุนกับหน้าร้านอีกต่อไปแล้ว เราสามารถเริ่มต้นธุรกิจอะไรก็ได้จากเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งงานประจำมาลงทุนลงแรงเต็มตัวให้ยากเหมือนยุคก่อน ๆ ที่ผ่านมา เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินจำนวนมากเปิดเผยว่าพวกเขามีเมนเทอร์ที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จของตัวเอง ดังนั้นเราเองก็ควรหาคนที่เป็นต้นแบบความสำเร็จของตัวเองสักคน ไม่ต้องถึงขั้นสตีฟ จอบส์ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แต่เป็นคนใกล้ตัวสักคนที่เรารู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เติบโตไปอยู่ในจุดที่เราก็ฝันไว้ แล้วหมั่นเข้าไปพูดคุย ถามไถ่ถึงวิธีการของเขา เรียนรู้และหาบทเรียนจากคนคนนั้นให้ได้มากที่สุด ลงทุน การลงทุนอาจไม่ได้หมายถึงการลงทุนกับการทำธุรกิจเสมอไป แต่การลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนเราแม้เราจะนั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีรายได้เข้ามาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหุ้น กองทุนต่าง ๆ การซื้อประกัน
คิดมาตลอดว่าถ้าไม่หล่อ ไม่รวย หุ่นไม่ดี ผู้หญิงที่ไหนจะหันมาเหลียวแล แต่อย่าเพิ่งทำหน้าเหี่ยวเป็นหมาหงอย เพราะสิ่งที่ผู้หญิงเขาสนใจจริง ๆ อาจจะไม่ใช่อะไรที่เราคิดเลยก็ได้! เราแค่กำลังจะบอกว่าผู้ชายทุกคนล้วนมีของดีอยู่ในตัวแต่แค่ไม่เคยสนใจและคิดว่าต้องหล่อเท่านั้นถึงจะดึงดูดใจสาว ๆ UNLOCKMEN เลยไปถามสาว ๆ 7 คนมาให้กันชัด ๆ ไปเลยว่า 7 สิ่งสุดธรรมดาในตัวผู้ชายที่พวกเธอหลงรักนั้นมีส่วนไหนกันบ้าง บ่า – ดามิ, Sale Executive “รู้สึกว่าน่าดึงดูด” บ่ากว้าง ๆ กลายเป็นอีกส่วนของร่างกายที่ผู้หญิงลงความเห็นว่าน่าซบ น่าซุก น่าหลงใหลไม่แพ้หน้าตาอันหล่อเหล่าหรือหุ่นดี ๆ แค่มีบ่ากว้าง ๆ ไว้รองรับ แค่นี้พวกเธอก็รู้สึกว่าช่างดึงดูดใจเหลือเกินแล้ว ไฝระหว่างตากับจมูก – ก้อย, Co-project “ไม่รู้อ่ะ มันดูน่ารักดี” ไม่ว่าจะไฝหรือขี้แมงวันที่ผู้ชายหลายต่อหลายคนมองว่าเป็นจุดด้อยลบความไม่มั่นใจมากกว่าจะเป็นจุดเด่น แต่ในสายตาสาว ๆ บางคนนี่คือความน่ารักที่ไม่ใช่ว่าจะหาได้จากผู้ชายทุกคน ดังนั้นไม่ว่าเรามีอะไรอยู่กับตัวก็อย่ามัวแต่เขิลอาย ยืดอกมั่น ๆ แล้วเชื่อเถอะว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของเรากำลังเตะตาต้องใจสาว ๆ อยู่แน่ ๆ ไรผมตรงต้นคอ –
ปัญหาโลกแตกอย่างการนอกใจ มันมีเหตุผลแค่เพราะคนคนนั้นเป็นคนไม่รู้จักหักห้ามใจหรือมักมากแค่นั้น? หรือจริง ๆ แล้วมีเหตุผลอย่างอื่นซ่อนอยู่กันแน่? แล้วผู้หญิง ผู้ชายแบบไหนที่นอกใจมากที่สุด? หากคุณกำลังสงสัยเหมือนกับที่ UNLOCKMEN สงสัย ก็ไม่ต้องนั่งกุมขมับจนปวดหัวตัวร้อนอีกต่อไป เพราะเราเอาคำตอบมาเสิร์ฟให้คุณสด ๆ แล้ว! Illicit Encounters คือเว็บไซต์หาคู่ (สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว!) โดยเขาได้สำรวจครั้งมโหฬาร ด้วยการเทียบโปร์ไฟล์ของผู้ใช้งานกว่า 10,000 รายว่ามีอะไรที่คล้าย ๆ กันบ้าง ถึงคิดอยากหาคู่ใหม่ทั้ง ๆ ที่ก็แต่งงานแล้ว เหตุผลของคนนอกใจของผู้ชายและผู้หญิงนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยผู้หญิงจะนอกใจเมื่อพวกเธอรู้สึกเหงา ถูกทิ้งขว้างไม่ได้รับความสนใจไยดี รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามัวสนใจอย่างอื่น แล้วทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ สาวข้างกายให้เธอเปลี่ยวเหงา จนต้องนอกใจคุณได้ล่ะ ในขณะที่ผู้ชายอย่างเรามีเหตุผลการนอกใจที่ต่างออกไป ก็ไม่ได้เหงา ไม่ได้ถูกทิ้งอะไรมากเท่าผู้หญิงเขาหรอก แต่นอกใจเพราะสนองอีโก้ของตัวเอง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการมากเท่าไหร่ยิ่งชอบ! ไม่แปลกเลยที่อาชีพของผู้หญิงที่มีโอกาสนอกใจมากที่สุดจะเป็นอาชีพ “แม่บ้าน” ก็การที่พวกเธอต้องนั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ เหงา ๆ อยู่คนเดียวในบ้านนี่เองที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างโดดเดี่ยวโหดร้ายจนต้องหาผู้ชายมากอดไว้ข้างกายซะหน่อย ยิ่งพ่อบ้านคนไหนกลับมาแล้วไม่ทำการบ้านให้สมหน้าที่ชายชาตรีแล้วละก็ ผลการสำรวจบอกชัดเจนว่าผู้หญิงราว
ความรู้สึกของวัยรุ่นที่กำลังก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและเต็มไปด้วยความทรงจำ การมีเพื่อนซี้สุดแสบข้างกายในช่วงเวลานั้นก็ถือเป็นความทรงจำที่อยู่ในใจเรามาถึงทุกวันนี้เช่นกัน ความรู้สึกเจ๋ง ๆ แบบนั้นที่เราโหยหากันเหลือเกิน เราจะพบมันอีกครั้งที่ Nineteens Up เรากำลังจะบอกว่า Nineteens Up คือบาร์ที่ให้รสชาติของวัย 19 ย่าง 20 วัยที่ชีวิตจริงกำลังบรรจบกับความฝัน ความสนุก ความมัน รวมถึงบรรยากาศแห่งเพื่อนซี้ที่รายล้อม พร้อมจะกระโดดลงไปทำเรื่องบ้าระห่ำและสร้างเสียงหัวเราะไปพร้อม ๆ กัน แถมที่นี่ยังมีครบทั้งของกิน เครื่องดื่ม และของเล่นให้เราได้ปลดปล่อยความรู้สึกดี ๆ ไปกับเพื่อนของเรา หรือต่อให้มาคนเดียวก็รับรองได้ว่าไม่มีเหงา! Nineteens Up เป็นบาร์ที่ตั้งอยู่ในโครงการบ้านสีลม ติดสีลม 19 หาไม่ยากนักถ้าตั้งใจ และรับรองได้เลยว่าความตั้งใจของคุณจะไม่สูญเปล่าไม่ว่าจะมาคนเดียว มากับเพื่อนหรือพาสาว ๆ มาแฮงค์เอาท์ เพราะบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนเดินเข้าไปในบ้านเพื่อนแสบ ๆ สักคนที่พร้อมชวนคุณมาสนุกด้วยกัน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน ผนังที่แปะภาพสีสันจี๊ดจ๊าด กวน ๆ จะรอต้อนรับเราอยู่ ในขณะที่โต๊ะพูลทอดตัวอยู่อย่างสบาย ๆ ด้านซ้าย เชื้อเชิญให้คุณเล่นมันสักเกมพร้อมเพื่อนสนิทที่มาด้วยกัน หรือโชว์สาวที่ควงมาด้วย หรือจะหาเพื่อนใหม่มาเล่นด้วยก็ยังไหว นี่คือความสนุกสไตล์ Nineteens Up
เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แว่นกันแดดที่เลือกใส่จึงไม่ต่างกับการเลือกสไตล์ความเป็นคุณมาโชว์อยู่บนใบหน้า แต่ถ้าไปกันไกลกว่านั้น นอกจากสไตล์ของแว่นกันแดดที่ต้องมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณแล้ว ใครจะรู้บ้างว่าการเลือกแว่นกันแดดยังบ่งบอกตัวตนของคนใส่ ไปจนถึงบ่งบอกท่าทีทางความสัมพันธ์ที่คุณอยากแสดงออกต่อสาว ๆ ได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว UNLOCKMEN ก็ไม่อยากให้คุณต้องพลาด เราชวนมาดูแว่นกันแดดแบบที่ใช่ เพื่อแสดงความเป็นคุณแบบที่สาว ๆ จะต้องชอบ Wayfarers: มีสไตล์ เรียบง่าย สุดชิล Wayfarers: พูดถึงแว่นกันแดดทั้งที ถ้าไม่พูดถึง Ray-ban คงไม่ได้ โดยเฉพาะรุ่นสุดคลาสสิคอย่าง Wayfarers ที่หยิบมาใส่ทีไรก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง มีติดตัวไว้รับรองได้เลยว่าคุณจะดูมีสไตล์ขึ้นมาแบบไม่ต้องพยายามให้เหนื่อย How it represents you: เป็นความเท่ที่มีมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของ Ray-Ban ทั้งที Wayfarers ที่คุณเลือกใส่จึงส่งเสริมความเป็นคนสบาย ๆ ไม่ยึดติดกับการวิ่งตามแฟชั่นหวือหวาของแว่นกันแดดที่เรียงแถวเข้ามา ด้วยลุคสุดชิลแบบนี้ ความสัมพันธ์กับสาว ๆ เลยพลอยชิลไปด้วย ถ้าไม่อยากพลาดลุคหนุ่มชิล ๆ แต่ไม่ทิ้งสไตล์ ในสายตาสาว ๆ Wayfarers ก็เป็นอีกแว่นกันแดดที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน Aviators: โลดโผน ผจญภัย ใคร ๆ
บางทีการฝึกสมองก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียาก ๆ หรือชวนเบือนหน้าหนีอย่างการฝึกทำโจทย์เลข การแก้ปัญหาเชาว์ แต่อาจง่าย ๆ แค่เปลี่ยนวิธีแปรงฟัน! ใช่ เราไม่ได้โกหกคุณ แค่เปลี่ยนวิธีแปรงฟัน เล่นเกม หรือเปลี่ยนชนิดอาหารก็ทำให้สมองเราแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงความทรงจำ ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในความเข้าใจสามารถฝึกฝนกันได้เช่นกันด้วยวิธีง่าย ๆ แต่สม่ำเสมอ ทำทุกวันรับรองฉลาดกว่าเดิมแน่นอน 1.ตั้งคำถาม วิธีง่ายดายสุดสามัญ แต่เป็นสิ่งที่ใครหลายคนอาจไม่กล้าทำ เพราะกลัวว่าจะดูเป็นคนไม่รู้เรื่อง ดูเป็นคนไม่ฉลาด แต่การตั้งคำถามนี่เองที่จะทำให้คุณเข้าใจอะไรรอบตัวคุณได้ความรู้มากขึ้นทุกวัน ๆ 2.ออกกำลังกาย งานวิจัยเรื่อง Effects of acute bouts of exercise on cognition แสดงให้เห็นว่าการวิ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับการเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ การจดจำของสมอง เพราะฉะนั้นออกกำลังกายได้ทั้งความแข็งแรงของร่างกาย ได้ทั้งความแข็งแรงของสมอง การเรียนรู้ และการจดจำ จะมัวหาข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายอยู่ทำไม? 3.กินอาหารเพื่อสุขภาพ งานวิจัยเปิดเผยว่าการกินโปรตีนลีน ๆ อย่างปลา กินผักและผลไม้เยอะ ๆ หรือมื้ออาหารแบบที่เรียกว่า Mediterranean-type diet มีส่วนช่วยบำรุงสมองของเราให้แข็งแรง โดยอาทิตย์หนึ่งกินแบบนี้สัก 2 ครั้งก็ช่วยบำรุงสมองได้มากแล้ว
ใคร ๆ ก็อยากเก่ง จะเก่งมาก เก่งน้อย หรือเก่งในหนทางไหน แต่การได้เป็นอัจฉริยะในศาสตร์ที่เราชอบก็เป็นเรื่องที่เราทุกคนต่างใฝ่ฝัน แต่อะไรคือเทคนิคการเรียนรู้ของอัจฉริยะระดับโลกอย่างไอน์สไตน์? เราพอจะเลียนแบบเทคนิคการเรียนรู้จากเขาได้ไหม? แล้วมันจะยากเกินความสามารถของเราไปหรือเปล่า? ถ้าคุณกำลังสงสัยเหมือนกันกับเรา วันนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบจากจดหมายที่ไอน์สไตน์เขียนถึงลูกชายตัวเองมากฝากกัน ความอัจฉริยะของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นที่รับรู้กันทั่วไป แม้แต่เด็กประถมยังต้อง อ๋อ เมื่อเอ่ยถึงเขา ซึ่ง UNLOCKMEN คงไม่ต้องเสียเวลาบรรยายอะไรให้มากความ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาจนคุ้นหูว่าเขาไม่ได้เกิดมาแล้วถูกยอมรับว่าเป็นคนที่อัจฉริยะตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับเคยถูกสบประมาทจากครูของตัวเองด้วยซ้ำว่าในชีวิตนี้ไม่น่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ นั่นแปลว่าเราทุกคนก็มีสิทธิเรียนรู้ ฝึกฝนในหนทางของตัวเอง จนช่ำชองหรือเก่งในสิ่งที่เราสนใจ ย้อนกลับไปในปี 1915 ในขณะนั้นไอน์สไตน์อาศัยอยู่ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน แต่ลูกชาย 2 คนของเขาอาศัยอยู่ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ในยุคสมัยที่อีเมล เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ยังไม่เปิดเผยตัวตนออกมา หนทางเดียวที่ไอน์สไตน์จะสื่อสารกับลูกชายของเขาได้ก็คงหนีไม่พ้นการเขียนจดหมาย โดยเขาเขียนจดหมายถึง ฮานส์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ลูกชายวัย 11 ขวบของตัวเอง จากนั้นจดหมายฉบับนั้นก็เดินทางผ่านกาลเวลา จนกระทั่งถูกรวบรวมไว้ในหนังสือเรื่อง Posterity: Letters of Great
HERS คือวงดนตรีหญิงล้วนที่ความสามารถทางดนตรีเราคงไม่ต้องพูดถึง แต่เสียงหัวเราะสนุกสนาน ความเป็นตัวเองถึงที่สุดและความน่ารักของพวกเธอทั้ง 3 คนคือสิ่งที่ดึงดูดให้ UNLOCKMEN ชวนพวกเธอมาพูดคุยในวันนี้ ยามบ่ายของวันร้อนระอุ พลอย – ชลลดา ทองใบ (ร้องนำ) ยีนส์ – ณัฐวดี ปฏิเมธีกรณ์ (กีตาร์) และ กิ๊ก – ณัฐชยา แตงอ่อน (เพอร์คัสชั่น) 3 สาววง HERS จากค่าย What The Duck & Pollen Sound เดินเข้ามาทักทายทีมงาน UNLOCKMEN อย่างเป็นกันเองและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส (สดใสจนเราพากันเคลิ้ม) ความเจิดจ้าของพวกเธอท้าทายแดดบ่ายจนทำให้พวกเราหลอมละลายลงได้จริง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าความฝันของพวกเธอคือเปิดร้านขายส้มตำด้วยกัน!? พวกเธอนิยามวงของตัวเองว่าเป็นวงที่เสียสติ!? หนึ่งในสามคนเลี้ยงจิ้งจกเป็นงานอดิเรก(?) และอีกคนที่สนใจการขายครีมปรอท(?) อะไรคือเรื่องราวเหลือเชื่อแต่จริง แล้วอะไรคือมุกตลกแซวกันเล่นเรียกเสียงหัวเราะของพวกเธอ UNLOCKMEN อยากชวนคุณมาทำความรู้จักและตกหลุมรักทั้ง 3 สาวไปพร้อม ๆ กันกับเรา UNLOCKMEN: จุดเริ่มต้นของแต่ละคนในการเล่นดนตรี เราเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่