เราเคยอ่านงานวิจัยว่าด้วยความลับในจิตใจของมนุษย์ 1 ใน 13 ความลับที่ทุกคนล้วนมีตรงกันคือเรื่อง “SEX” แม้ทางหนึ่ง SEX จะเป็นสิ่งที่ต้องถูกเก็บให้พ้นสายตาคนด้วยเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่เราก็เชื่อว่าความต้องการ ความปรารถนา ความหลงใหลที่จะแสดงออกซึ่งความเย้ายวนเป็นสิ่งที่เราล้วนต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง และแสดงมันออกมาในรูปแบบสิ่งของที่จะไว้สร้างความสุขให้กับตัวเราเองบ้าง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้วันนี้ UNLOCKMEN พาแหวกม่านแห่งความปรารถนา แหวกความต้องการทางเพศเข้าสู่ตู้ลับที่ใคร ๆ ก็อยากเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่ทุกคนล้วนมีความปรารถนาเดียวกัน UNLOCKMEN จึงขอนำคุณเข้าสู่ ‘The Hidden Closet’ตู้ลับแห่งความต้องการของมนุษย์ แสงสีแดงสดอาบไล้เรือนร่างทีมงาน UNLOCKMEN ทุกคนทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้าน ‘The Hidden Closet’ ให้ความรู้สึกร้อนเร่าแค่ก้าวเท้าเข้ามา ถ้าจะให้เราบรรยายบรรยากาศที่เราเห็นตอนนี้ก็คงนิยามได้ว่านี่คือห้องลับที่ไว้แสดงความปรารถนาทางเพศอย่างมีชั้นเชิงที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา แต่ถ้าให้บอกง่าย ๆ คร่าว ๆ นี่คือร้านขายของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ได้มีสินค้าฮาร์ดคอร์เหมือนญี่ปุ่นหรือประเทศที่มีของเล่นเหล่านี้ขายได้อย่างถูกกฏหมาย แต่ถ้ากำลังพลิกโลกหาของเล่นทางเพศทุกชนิดที่ไม่ละเมิดกฏหมายบ้านเรา UNLOCKMEN ขอกระซิบให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว แต่ในฐานะที่ที่นี่มอง SEX เป็นศิลปะ และ Fashion การจัดวางและเหตุผลที่ทำร้านนี้จึงไม่ใช่นำเสนอแค่เรื่อง เพศ เพศ เพศ อย่างเดียวจนเราแทบสำลักเพราะความล้นเกิน แต่ที่นี่จะให้ความสุนทรีย์กับคุณแบบที่คุณไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน เรามาคุยกับเจ้าของร้านไปพร้อม ๆ
“ย้อนเวลา” เป็นสิ่งหนึ่งที่ใครก็อยากทำ แต่จะมีสักกี่คนที่ย้อนวันเวลาได้ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาคุณย้อนวันเวลาไปหาตำนานเกาเหลาเนื้อไร้เทียมทานแห่งเวิ้งนาครเขษมที่มีสูตรต้นตำรับยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรารับรองได้เลยว่าการได้ลิ้มรสเกาเหลาเนื้อจาก Ten Suns ไร้เทียมทาน 十光 จะไม่ต่างการได้ย้อนเวลากลับไปยังบรรยาการเก่า ๆ ของร้าน ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน เกาเหลาเนื้อที่จะทำให้คุณล่องลอยข้ามกาลเวลาอย่างไร้เทียมทานได้จริง ในวันที่ UNLOCKMEN เดินทางไปถึงร้าน Ten Suns ไร้เทียมทาน 十光 บอล-กันต์ รุจิณรงค์ มือกีตาร์วง อพาร์ตเมนต์คุณป้า ยืนรอเราอยู่แล้ว เขาเล่าถึงเสน่ห์ของ ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน ที่ไม่อาจปล่อยให้เลือนหายไปกับกาลเวลาได้เลย วันที่ ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน จะต้องปิดตัวลงด้วยเหตุผลด้านสถานที่จึงเป็นสิ่งที่เขาและ เชฟโจ๊ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ แห่งร้าน Seven Spoons ปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ นี่จึงไม่ต่างจากการย้อนเวลา ไม่ต่างจากการควานคว้าร้านอาหารเจ้าประจำในดวงใจมาเก็บรักษาไว้อย่างที่ควรจะเป็น โดยเขาเล่าว่าชีวิตของเขาผูกพันกับเวิ้งนาครเขษมมาตลอด เพราะด้วยความเป็นนักดนตรีถ้าจะซื้อเครื่องดนตรี ทุกคนก็ต้องมาที่เวิ้งฯ นี่ เมื่อร้านที่เขารักกำลังจะจากไปเขาและเพื่อนจึงอยากนำร้านกลับมาเพื่อไม่ให้ลูกค้าเก่า ๆ หาร้านที่พวกเขารักไม่เจออีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาได้เจอกับเฮียบัติ-ชญาณญ์พัฒณ์ ติเวชยันต์
Warren Buffett คือมหาเศรษฐีระดับโลกอีกคนหนึ่งที่ใคร ๆ ก็อยากประสบความสำเร็จให้ได้อย่างเขา ปัจจัยความสำเร็จของคนคนหนึ่งย่อมมีมากมาย แต่วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปถอดรหัสนิสัยทางการเงินของ Warren Buffett โดยเฉพาะ มาดูกันว่ารวยขนาดนี้มีนิสัยทางการเงินอย่างไร เพื่อให้ผู้ชายชาว UNLOCKMEN ได้เก็บไปทำตามกันแบบหล่อ ๆ (แถมอาจรวยเพิ่มขึ้นอีก) คิดให้ได้อย่างนักลงทุน เราคิดเรื่องภาษีครั้งแรกกันตอนอายุเท่าไหร่? เรารู้เรื่องการขอคืนภาษีตอนไหน? ไม่ว่าจะจำได้หรือจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่เราแค่อยากจะบอกให้รู้ว่า Warren Buffett คิดเรื่องการขอคืนภาษี ตั้งแต่อายุ 13! เรียกว่าสายเลือดแบบนักลงทุน ผู้ประกอบการไหลเวียนอยู่ในร่างตั้งแต่ยังไม่โตเลยทีเดียว ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเขามักจะมองหาโอกาสที่จะทำกำไรจากสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เช่น การที่เขาขายน้ำอัดลมและหมากฝรั่ง แม้จะต้องขายแบบเคาะประตูตามบ้านก็ตาม ใช้ให้น้อยกว่าที่ได้ นิสัยทางการเงินที่สำคัญอีกอย่างที่เราสามารถเรียนรู้จาก Warren Buffett คือการเลือกใช้เงินให้เหมาะสมกับปริมาณรายได้ที่เรามี แม้จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง Warren Buffett แต่ในช่วงที่เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในขาลง เขาก็จะเลือกเซ็ตอาหารเช้าในแมคโดนัลด์ ชุดที่ประหยัดกว่าชุดอื่น เราอาจไม่ถึงขั้นต้องทำตามเขาขนาดนั้นถ้ารู้สึกอึดอัดใจ แค่ระลึกไว้ว่าเรามีรายรับเท่าไหร่ และใช้ให้น้อยกว่ารายรับและพยายามมีเงินเหลือเก็บไว้บ้างเป็นดี การเก็บเล็กผสมน้อย Warren Buffett มักเล่าเรื่องราวของชายผู้ที่ทำให้กษัตริย์ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว โดยการขอเมล็ดข้าวสาลีจำนวนไม่มาก
บรรดาคนมีชื่อเสียงและสร้างสรรค์ระดับโลกหลายต่อหลายคน มักเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงด้านการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนชื่อดังอย่าง Ernest Hemingway และ Hunter S Thompson ไปยันนักแสดงและนักดนตรีชื่อก้องอย่าง Oliver Reed และ Jim Morrison แม้จะไม่ค่อยแฟร์ถ้าจะบอกว่าคนพวกนี้ขี้เมาถึงได้คิดอะไรเจ๋ง ๆ ได้ (เพราะพวกเขาก็ต้องเจ๋งด้วยตัวเองอยู่แล้ว) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าความคิดสร้างสรรค์มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้างแหละน่า เพื่อไม่ให้เราต้องงุนงงสงสัยให้ปวดตับกันอีกต่อไป ก็มีนักวิจัยใจดี (หรือบางทีก็อาจจะเอาผลการวิจัยไว้อ้างเหมือนกับเราก็ได้) เขาศึกษาเรื่อง Creativity on tap? Effects of alcohol intoxication on creative cognition โดยงานวิจัยที่ว่านี้ก็ชี้ออกมาชัด ๆ เลยว่าเบียร์ส่งเสริมสมองด้านความคิดสร้างสรรค์จริง! แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสมนะ คือ ผู้ชายจะเหมาะสมที่ปริมาณ 500 มิลลิลิตร ในขณะที่ผู้หญิงคือ 350 มิลลิลิตร รู้อย่างนี้ก็แวะชนเบียร์สักแก้วก่อนกลับบ้านหน่อยแล้วกัน เอ้า ชน! แต่ก่อนที่จะไปเมาเบียร์ เรามาดูงานวิจัยที่ว่านี้กันก่อน โดย Creativity on
“ไม่ได้อยากให้ทุกคนแค่ซื้อสินค้ามาใช้ แต่อยากให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจที่มีมูจิอยู่ในไลฟ์สไตล์” คือประโยคจากปากของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินชื่อของเขาเป็นครั้งแรก แต่ในระดับโลกชื่อของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ ได้รับการยอมรับในฐานะดีไซน์เนอร์ที่เคยร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สเปน รวมทั้งในเอเชีย นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังครองตำแหน่งคณะกรรมการที่ปรึกษางานดีไซน์ของมูจิ แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่ดึงดูดและครอบครองใจคนไปทั่วโลก ในโอกาสฉลอง “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” มูจิ จึงจัดนิทรรศการ “What is MUJI?” นิทรรศการที่จะทำให้เรารู้จักแก่นแท้งานดีไซน์ของสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครองใจคนจำนวนมาก รวมถึงเปิดโอกาสให้ UNLOCKMEN ได้ร่วมพูดคุยกับ นาโอโตะ ฟุคาซาวะ ดีไซเนอร์คนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้ มูจิ โด่งดังไปทั่วโลกด้วย ดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นเรื่องสำคัญของมูจิ “การออกแบบสินค้ามูจิแต่ละชิ้นจะมองที่ฟังก์ชั่นเป็นหลัก เพราะดีไซน์พยายามที่จะทำให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้” นี่คือคำตอบจากนาโอโตะ ฟุคาซาวะเมื่อถูกถามถึงงานออกแบบของมูจิที่แม้เราจะเห็นว่าออกมาเรียบง่าย แต่ก็ดึงดูดใจ ใครจับจองเป็นเจ้าของไปแล้วมักไม่เคยหยุดที่ชิ้นเดียว แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าสินค้าทุกชนิดของมูจิ ให้ความสำคัญกับการใช้งานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ละเลยเรื่องการดีไซน์และพยายามย้ำกับเราว่า “แต่ก็พยายามให้ดีไซน์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นด้วย” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สินค้าของมูจิแต่ละชิ้นทั้งใช้งานได้ และมีดีไซน์น่าใช้จนใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ Wahat is MUJI: อบอุ่นใจ เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ มูจิไม่ใช่แค่สินค้า
เป็นคำถามโลกแตกอีกคำถามหนึ่งที่ถามใคร ใครก็ต้องส่ายหัวงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้ง ๆ ที่เจ้าแท่งน้อยกลอยใจลูกชายของเรามันปักหลักซ่อนตัวอยู่ในกางเกงแทบจะตลอดเวลา ไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวันอย่างใครเขา แต่ทำไม้ ทำไม สีของมันถึงได้คล้ำเข้มคมขำกว่าสีผิวส่วนอื่น ๆ ได้ชัดเจนขนาดนั้น? UNLOCKMEN ไม่ได้จะอาสาควักออกมาหาคำตอบเอง แต่นี่คือคำตอบจาก Dr. Cameron Rokhsar และ Dr. Lindsey Bordone สองแพทย์ผิวหนังจาก New York และคำตอบทั้งหมดนั้นก็เริ่มต้นที่ฮอร์โมนเพศของเรานั่นเอง ฮอร์โมนเพศชาย Testosterone และฮอร์โมนเพศหญิง Estrogen ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเรานั้นจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ ซึ่งเจ้าเซลล์เมลาโนไซท์เหล่านี้เองที่เป็นเซลล์ผิวหนังและเส้นผมที่ปล่อยเมลานินหรือโปรตีนสีอันเป็นตัวกำหนดสีผิวของเรา ดังนั้นเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยแรกแย้ม ฮอร์โมนเพศพุ่งกระฉูดอย่างวัยแรกรุ่น เมื่อฮอร์โมนเพศยิ่งหลั่ง เซลล์ที่ควบคุมเรื่องเม็ดสียิ่งทำงาน พื้นที่เฉพาะส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับเพศอย่างน้องชายเรา หรือหัวนมเราจึงมีสีเข้มขึ้นมากกว่าส่วนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนวัยเด็กมันก็ดูชมพูอ่อนใสน่าขบกัดอยู่ดี ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งโตยิ่งมีสีคล้ำขึ้นเพราะฮอร์โมนเพศ ทั้ง ๆ ที่ไม่โดนแดดนั่นแหละ Dr. Cameron Rokhsar ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ฮอร์โมนควบคุมการผลิตเม็ดสีของเมลาโนไซท์สิ่งเหล่านี้สามารถมีผลต่อเม็ดสีในบริเวณนั้น ทำให้โดยทั่วไปพื้นที่ดังกล่าวจะสีคล้ำขึ้น”
ยิ่งแก่ ยิ่งหด ยิ่งแก่ยิ่งถดถอย ใครที่เคยคิดอย่างนี้กับเรื่องเซ็กส์เห็นทีต้องคิดใหม่ ในเมื่อแก่แล้วหัวใจมันยังร่ำร้อง ร่างกายยังฟิตปั๋ง เราก็ไม่จำเป็นต้องลดละเลิกเสมอไป แถมงานวิจัยยังออกมายืนยันกับเราว่ายิ่งแก่ ยิ่งมีเซ็กส์ ยิ่งดีต่อสมองแน่นอน! นักวิจัยจากสองมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Coventry University และ Oxford University ทำงานวิจัยเรื่อง Frequent Sexual Activity Predicts Specific Cognitive Abilities in Older Adults ซึ่งสำรวจคนมีอายุทั้งหมด 73 คน โดยมีอายุตั้งแต่ 50-83 ปี คำถามที่ทีมนักวิจัยถามก็เป็นคำถามที่เกี่ยวกับชีวิตการมีเซ็กส์ของลุง ๆ ป้า ๆ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาอย่างความถี่ในการฟาดฟันมีเซ็กส์กับคู่นอน รวมถึงคำถามทั่วไปอย่างคำถามสุขภาพ และคำถามไลฟ์สไตล์ทั่ว ๆ ไปด้วย ทีมนักวิจัยยังสำรวจฟังก์ชั่นของสมองจากบรรดากลุ่มตัวอย่างร่วมด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะดูว่าปั่มปั๊มกันบ่อยแค่ไหน ฟาดฟันกันอย่างไร โดยเขาดูการทำงานของสมองว่าความสนใจ การโฟกัสต่อสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างไร ความสามารถในการจำยังโอเคอยู่ไหม รวมถึงความคล่องตัวของสมอง และความสามาถที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา หลังจากการทดสอบซอกซอนทุกซอกมุมของสมองครั้งใหญ่
“ผมว่างานคราฟต์คนชอบเยอะ แต่หาคนที่อยู่กับมันได้จริง ๆ ยาก” นี่คือประโยคจากปาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ที่วิ่งวนซ้ำ ๆ อยู่ในหัวเรา เขาคือเจ้าของ Patani Studio สตูดิโออัดและล้างภาพถ่ายฟิล์มที่ยังทำงานแบบแอนะล็อกทุกขั้นตอน ด้วยเหตุผลว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และทำมันในฐานะงานคราฟต์ที่ทดลองได้ไม่รู้จบ แต่ในวันที่ดิจิทัลกำลังพาเราหมุนวนไปในกระแสซึ่งรุดหน้าไปเรื่อย ๆ การถ่ายภาพแบบแอนะล็อก และการล้างอัดภาพในฐานะงานศิลปะชิ้นหนึ่งจะยังท้าทายกระแสอยู่ได้อย่างไร คำตอบอยู่ไม่ไกล ในสตูดิโอขนาดกะทัดรัดที่ UNLOCKMEN พาคุณมานั่งฟังคำตอบจาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ตรงนี้แล้ว UNLOCKMEN: ความรู้สึกของเรามันแตกต่างกันอย่างไรเวลาเราใช้กล้องดิจิทัลถ่ายกับกล้องแบบแอนะล็อกถ่าย สำหรับผมภาพที่เห็นตอนถ่าย กับ ภาพที่สำเร็จบนปรินท์จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าช่างภาพเวลาถ่ายภาพมันต้องคิดแล้วว่าตอนจบ จะจบยังไง นึกออกไหมฮะ อย่างเวลาถ่ายดิจิทัล เขาเห็นจอข้างหลังรีวิว โอเค เขาก็จะรู้ว่าไปทำต่อ เผื่ออันเดอร์ เผื่อโอเวอร์ แต่รู้ในหัวแล้วว่าระบบจะทำยังไงต่อ ฟิล์มก็เหมือนกัน ต่อให้ไม่เห็น เพราะมันดูไม่ได้เลย แต่เราก็จะรู้ว่า โอเค มันจบได้ประมาณไหน รู้ว่าความสามารถในการทำงานเป็นยังไง UNLOCKMEN: อะไรคือสิ่งที่กระบวนการดิจิทัลทดแทนฟิล์มไม่ได้แน่ ๆ ถ้าเป็นผมเอง ผมจะถ่ายฟิล์มขาวดำเยอะกว่า มันต้องจบที่การปรินท์รูปในห้องมืด ส่วนอย่างอื่นก็เป็นกระบวนการที่เข้ามาช่วย เช่น การสแกนเพื่อให้เห็นว่ารูปที่ถ่ายมาแล้วมันจะเป็นยังไง
ต่อให้โลกไม่แตกก็เหมือนโลกแตก ถ้าสาวข้างกายของคุณเกิดงอนตุ๊บป่องขึ้นมา ยิ่งถ้าเรารู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิดและเป็นต้นเหตุเบอร์ใหญ่ที่ทำให้เธองอนขึ้นมาด้วยแล้วล่ะก็ ถ้าหันหลังชิ่งหนีไปอาจจะสบายใจชั่วคราว แต่รับรองว่าผลที่ตามมาจบไม่สวยแน่ UNLOCKMEN เข้าใจหัวอกสามศอกของผู้ชายทุกคน (ยกมือปาดน้ำตา เพราะชะตากรรมเดียวกัน) วันนี้เราเลยขอนำเสนอ 7 ท่าไม้ตายง้อสาวข้างกายให้หายงอนเหมือนปลิดทิ้ง ของกินชนะทุกอย่าง ใครบ้างจะไม่ชอบของอร่อย ๆ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อเจอท่าไม้ตายเป็นของอร่อยใครก็ต้องแพ้ เราขอแนะนำให้คุณสรรหาของที่เธอชอบกินที่สุดมาวางไว้ตรงหน้า ยิ่งถ้าเป็นขนมหวานรูปร่างหน้าตาน่ารักน่ากินร้านประจำที่คุณกับเธอชอบไปกินด้วยกันแล้ว รับรองเลยว่าเธอจะต้องดีใจน้ำลายไหล เอ้ย น้ำตาไหลแล้วหายงอนเป็นแน่ แต่ถ้ากลัวว่าไม่คราฟต์พอ ก็ลงมือทำอาหารจานโปรดที่เธอชอบกินนักหนาด้วยตัวเอง คุณจะยิ่งได้คะแนนความพยายามเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ดอกไม้สักช่อเพื่อขอคืนดี ดอกไม้ที่เธอชอบสักช่อ ก็อาจทำให้เธอใจอ่อนลงได้เหมือนกัน เพราะดอกไม้แสดงถึงความใส่ใจว่าคุณอยากจะง้อเธอใจจะขาด ยิ่งถ้าเป็นดอกไม้ที่เธอชอบ หรือดอกไม้ที่มีความหมายกับคุณสองคนมากเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใจอ่อนก็ให้รู้กันไป ทริปเดินทางหนึ่งทริปเพื่อสาว ๆ สายลุย การออกเดินทางไปเที่ยวด้วยกันกับคนที่รักเป็นอะไรที่สาว ๆ ฝันใฝ่อยู่เสมอ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการชวนเธอไปพักผ่อนต่างจังหวัดสองต่อสองซะ อาจจะเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับทะเลหัวหิน ทะเลระยอง พอให้คลื่นซัดมากระทบขาแข้ง ลมทะเลได้พัดมาชะร่างกายให้ชื่นใจ รับรองว่าเธอจะต้องปลอดโปร่งพร้อมเปิดใจรับคุณกว้าง ๆ อีกครั้ง เครื่องสำอางโดนใจอะไรก็ยอม เครื่องสำอางกับผู้หญิงอย่างไรก็แยกกันไม่ขาด ไม่ว่าเธอจะเป็นสาวนิสัยแบบไหน เครื่องสำอางก็ต้องโดนใจเธอแน่ ๆ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจอ้าปากค้างเพราะกังวลว่าเครื่องสำอางต้องราคาแพงจนเกินจะรับมือไหว แต่ UNLOCKMEN บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้สาว