บางคนอาจเกิดมาเป็นอัจฉริยะให้เราได้อ้าปากค้าง แอบยืนอิจฉาอยู่ห่าง ๆ แต่เชื่อเถอะว่าคนฉลาดจำนวนมากที่เราชื่นชมไม่ได้ฉลาดมาตั้งแต่เกิด แต่มาจากการฝึกฝนเรียนรู้ ดังนั้นอย่าน้อยใจในโชคชะตาว่าทำไมเราไม่เกิดมาไม่ฉลาด แต่กำหมัดลุกขึ้นสู้สักตั้งกับ 5 วิธีที่จะทำให้เราฉลาดขึ้นได้แม้ไม่ได้เป็นอัจฉริยะ อ่านหนังสือเยอะ (มาก ๆ ) เรารู้ว่ามันโคตรท้อแท้เมื่อต้องเจอคนที่มีข้อมูลความรู้อัดแน่นอยู่เต็มสมองเหมือนว่ากลืนหนังสือเล่มโต ๆ เข้าไปเป็นสิบเล่ม แต่ใจเย็น ๆ ก่อนไม่ใช่ว่าคนทุกคนทำได้แบบนั้น การอ่านสำหรับคนส่วนใหญ่ต้องฝึกฝนและทำให้เป็นนิสัย เพราะการอ่านมันคือสกิลที่ต้องอาศัยการฝึกฝนไม่ต่างจากเรื่องอื่น ๆ แต่เรามักหลงลืมมันไป การที่เราปล่อยให้สมองห่างจากการอ่านนานเกินไป เราจะรู้สึกว่าการอ่านหรือการจำเรื่องที่อ่านเป็นเรื่องยากมาก จึงไม่แปลกที่หลายครั้งเรามีข้อมูลหรือความเข้าใจเกี่ยวกับอะไรน้อยเหลือเกิน ต่างจากคนฉลาดที่อ่านเป็นประจำ พาตัวเองไปอยู่กับคนที่ฉลาดกว่า คนทั่วไปมักอยู่กับคนที่คล้าย ๆ กันกับตัวเอง ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนั่นแหละ แต่ถ้าอยากฉลาดกว่าเดิมเราต้องพาตัวเองไปอยู่กับคนที่ฉลาดกว่าเรา เพราะเมื่อเราใช้เวลากับคนที่ฉลาดกว่าเรา พวกเขาจะกระตุ้นเราทั้งความรู้ ความเข้าใจ ความตื่นตัว และยกระดับมาตรฐานความรู้แบบที่เราเคยคิดว่าพอแล้วให้ขึ้นไปอีกระดับ และมันทำให้เราเกิดคำถามว่าในเมื่อเขารู้ขนาดนั้น ทำไมเราถึงรู้อย่างเขาบ้างไม่ได้ จนอยากกระตุ้นตัวเองในที่สุด ไม่กลัวที่จะผิดพลาด ถ้าเชื่อว่าความฉลาดสร้างกันได้ ก็ต้องเชื่อว่าความผิดพลาดที่สูญเปล่าไม่มีอยู่จริง เพราะความผิดพลาดทุกครั้งคือโอกาสในการเรียนรู้ โอกาสในการแก้ไขปรับปรุง และโอกาสในการก้าวไปข้างหน้าให้ดีกว่าเดิม นั่นหมายความว่าส่วนหนึ่งของการเป็นคนฉลาดคือต้องไม่กลัวที่จะผิดพลาด เพราะนั่นคือหนทางหนึ่งของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เป็นกระบวนการหนึ่งของการเติบโต เห็นค่าของความรู้ทุกรูปแบบ “นั่นไม่เห็นต้องรู้เลย”, “อันนั้นไม่เกี่ยวกับผมซะหน่อย” การปฏิเสธที่จะเรียนรู้อะไรที่เรามองว่าไกลตัวเป็นการปิดโอกาสที่จะได้รู้อะไรใหม่
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการพยายามทำอะไรให้สำเร็จ แต่บางทีการพยายามมุ่งแต่จะเอาชนะจนลืมรายละเอียดหลาย ๆ อย่างไปอาจทำให้เราพลาดบางสิ่งที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จไปได้ วันนี้ UNLOCKMEN นำ 5 เรื่องราวดี ๆ ของการไม่พยายามเอาชะอย่างเดียวว่าจะนำพาอะไรดี ๆ มาในชีวิตบ้าง ผ่อนคลาย ไม่กดดันตัวเอง การบอกตัวเองว่าต้องชนะ ๆ แม้ทางหนึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองทำให้สำเร็จ แต่อีกทางหนึ่งคือการกดดันตัวเอง และการกดดันตัวเองหลายครั้งนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นการไม่พยายามจะเอาชนะมากเกินไป ให้เวลาตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง ทำตามหนทางที่วางไว้แบบค่อยเป็นค่อยไป หรือถ้าจะรีบก็รีบเพราะความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะกดดันตัวเองว่าต้องก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง รับรองว่าคุณจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว มีโอกาสมองหาบทเรียนระหว่างทาง บางครั้งบทเรียนในชีวิตไม่ได้มาในรูปแบบการลงคอร์สเรียน หรือการมุ่งหาที่เรียนเสมอไป เราไม่ได้บอกคุณว่า หยุดนะ! หยุดเรียนตามระบบ แต่เราแค่จะบอกว่าการพยายามเอาชนะมากเกินไปทำให้คุณละเลยที่จะมองเห็นบทเรียนต่าง ๆ ระหว่างทาง เพราะหลาย ๆ ครั้งบทเรียนหรือการเรียนรู้อะไรบางอย่างก็ไม่ในมาแค่ในห้องเรียน หรือในการทำงาน การไม่พยายามเอาชนะเพียงอย่างเดียวทำให้คุณได้บทเรียนอันล้ำค่าจากระหว่างทางที่คุณหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว คอนเนคชั่นที่ได้มาโดยไม่รู้ตัว การไม่เร่งรีบเอาชนะทำให้เรามีโอกาสได้ซึมซับระหว่างทางมากขึ้น ระหว่างทางนอกจากมีบทเรียนดี ๆ ให้คุณได้เรียนรู้อย่างล้นหลามแล้ว ยังมีคอนเนคชั่นแบบที่คุณคาดไม่ถึงอีกด้วย ไม่มีใครกำหนดซักหน่อยว่าคอนเนคชั่นจะมาแค่ในการเจรจาในวงธุรกิจเท่านั้น เพราะหลาย ๆ ครั้งคอนเนคชั่นก็มาในวงเหล้า มาจากการเดินออกไปสูบบุหรี่ชิล ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองอยากมุ่งเอาชนะรีบทำแต่อะไรในกรอบจนลืมอะไรนอกกรอบแล้วต้องพลาดคอนเนคชั่นดี ๆ
นอกจากเราจะอยากหล่อเพื่อตัวเราเองแล้ว อีกเหตุผลที่เราอยากหล่อ อยากหน้าตาดีก็เพื่อให้สาว ๆ ได้หันมาสนใจเราบ้าง แต่จะว่าอย่างไรถ้างานวิจัยชิ้นหนึ่งออกมาบอกว่าบรรดาสาว ๆ เธอรู้สึกมีความสุขมากกว่าถ้าได้คบกับคนที่พวกเธอรู้สึกว่าหน้าตาดีน้อยกว่าเธอ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าหล่อเกินหน้าเกินตาเธอมากไปเธอก็ไม่มีความสุขนั่นเอง เชื่อไม่เชื่อก็ลองมาอ่านกันดูหน่อยว่างานวิจัยครั้งนี้ว่าอย่างไรกันบ้าง นักวิจัยจาก Florida State University ได้ทำงานวิจัยโดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นคู่รักในช่วงอายุ 20 ไปยันเกือบ 30 ที่เพิ่งแต่งงานจำนวน 113 คู่ โดยประเมิณกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ว่าความหน้าตาดีของคู่รักมีผลต่อความสุขโดยรวมของพวกเขาหรือไม่ เพราะผลการวิจัยก่อนหน้านี้มักชี้ให้เห็นว่าการที่สาว ๆ สวย ๆ แต่งงานกับหนุ่มที่ไม่ต้องหน้าตาดีมากมีความสุข แล้วการวิจัยครั้งนี้ล่ะให้ผลเป็นอย่างไร? ทีมนักวิจัยทำการประเมิณเพื่อหาคำตอบด้วยการให้ทำแบบทดสอบเกี่ยวกับต้องการส่วนตัว และกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะถูกจัดลำดับตามความน่าปรารถนาโดยอ้างอิงจากรูปร่างและความดึงดูดของหน้าตา ผลปรากฏว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายที่ถูกจัดลำดับว่าหน้าตาดีจะมีแนวโน้มที่พยายามควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักเพื่อที่จะดูดียิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และคอยกังวลอยู่ตลอดเวลาว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองดูเป็นอย่างไร ซึ่งมันอาจดูไม่แย่เท่าไหร่นักที่จะใช้ชีวิตแบบดูแลสุขภาพจ๋าขนาดนั้น แต่การที่มัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและรูปร่างอยู่ตลอดเวลานั้นถือเป็นการกดดันตัวเองและนำมาซึ่งความเครียด ในทางกลับกันผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้ฮ็อตหรือเซ็กซี่ลำดับต้น ๆ จนเดินไปไหนใครก็เหลียวมอง เธอจะไม่กังวลกับการทำตัวเองให้ดูดีเพื่อแข่งขันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ (อาจ) มารุมล้อมสามีเธอ ผู้หญิงเหล่านี้จึงสามารถมีความสัมพันธ์แบบผ่อนคลาย สบาย ๆ ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองต้องดูดีให้เท่าที่สามีตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา ผลงานวิจัยจึงพอสรุปออกมาได้ว่าผู้ชายที่หน้าตาดีมาก หล่อลากจนสาว ๆ เหลียวหลังอาจจะมีผลกระทบในทางลบกับสาว ๆ ข้างกาย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ประเทศของเราจะปกคลุมด้วยความเจ็บปวดและความเศร้า แต่เศร้าได้ก็ต้องลุกขึ้นแล้วจับมือผ่านไปพร้อม ๆ กันได้ UNLOCKMEN เลยอาสานำ 5 วิธีแสนง่ายที่จะช่วยให้เราผ่านความเศร้าในช่วงเดือนนี้ไปได้ อ่านแล้วอย่าหายเศร้าลำพัง แชร์ไปให้เพื่อนหายเศร้าไปพร้อม ๆ เราด้วย พาตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการสัมผัสช่วยให้เราเอาชนะความเศร้า ความหดหู่ได้ การกอด การสัมผัสช่วยลดฮอร์โมน Cortisol ฮอร์โมนที่สร้างความเครียดให้กับมนุษย์ รวมถึงเพิ่มปริมาณฮอร์โมน oxytocin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความรู้สึกดี ๆ ดังนั้นก็กอดใครสักคน หาใครสักคนมากอดเราเพิ่มฮอร์โมนและความรู้สึกดี ๆ ต้านความเศร้ากันเถอะ อยู่ท่ามกลางแสงแดดหรืออยู่ในที่ร่มแต่ใกล้หน้าต่าง ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ที่ไหน แสงแดดมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้คุณรู้สึกไม่จ่อมจมกับความเศร้า คุณอาจจะร้อนแทน หงุดหงิดกับเหงื่อ สำหรับแดดที่ร้อนมากของบ้านเรา แต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้รู้เถอะว่ามีแดดดีกว่าไม่มีแดด ประเทศที่แดดไม่ออกมีอัตราการฆ่าตัวตายและผู้คนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้ามากกว่าประเทศที่มีแดด ดังนั้นอย่าเอาตัวเองจมไว้ในที่มืด ๆ ทึม ๆ พาตัวเองออกไปเจอแสงแดด หรือได้นั่งมองแสงแดด ความสว่าง ความสดใสดูก็ดีต่อการลดความเศร้าลงได้เยอะ ออกกำลังกาย การออกกำลังกายได้รับการพิสูจน์แล้วว่าต่อสู้กับความเศร้าได้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกอย่างหนึ่ง แถมยังช่วย Boost อารมณ์ และถ้าอยากให้ได้ผลดีที่สุดในการออกกำลังกายต้านความเศร้าก็ควรออกกลางแจ้งในช่วงที่มีแสงอาทิตย์แล้วจะได้รับแสงแดดไปอีกทาง ถ้านึกไม่ออกก็อย่างเช่นการเดินออกไปหาอะไรกินตอนกลางวัน ได้ออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แสงแดดไปด้วยในตัว
เกิดเป็นลูกผู้ชายแมน ๆ กับเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ยิ่งการสูญเสีย ความร้าวรานแหลกสลายแบบผู้ชาย ๆ ในหมู่เพื่อนที่เรารักก็เกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ วันที่เพื่อนของเราเดินมาปรับทุกข์ เล่าเรื่องสุดเศร้าในชีวิตของพวกเขาให้ฟัง เราปลอบใจเพื่อนแบบไหนกันแน่? แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าวิธีการที่เราปลอบใจเพื่อนไปมันเป็นการปลอบใจที่ถูกต้องแล้ว? ลองนึกภาพว่าเพื่อนรักของเราเพิ่งสูญเสียพ่อของเขาไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ เมื่อเพื่อนกำลังพรรณนาถึงความเจ็บปวดที่เขามี เราอาจจะตบบ่าเขาเบา ๆ แล้วเริ่มบอกว่า “เราเข้าใจดีว่านายรู้สึกยังไง” พ่อเราตายตั้งแต่เราสามขวบ เราเติบโตมาแบบไม่มีพ่อ มันเป็นการเติบโตแบบโดดเดี่ยว แถมโดนล้อจนเราไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย แต่เราก็ฝ่าฟันมาได้ถึงวันนี้ ฝ่าฟันความเจ็บปวดทั้งหมดที่มีและจากการไม่มีพ่อในชีวิต ดังนั้นเราโคตรเข้าใจเลยว่านายรู้สึกยังไง อ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติใช่ไหมล่ะ? เพราะหลายครั้งเรา คุณ คนข้าง ๆ หรือใครก็ตามก็ปลอบใจคนสูญเสียด้วยวิธีนี้ เราพยายามบอกคนที่กำลังสูญเสียและเจ็บปวดว่าเราเข้าใจเขาดี เข้าใจมาก ๆ ว่าเขารู้สึกยังไง แถมไม่ได้บอกว่าเข้าใจเปล่า ๆ เรายังยกประสบการณ์สุดเจ็บปวดของเราที่ใกล้เคียงกับของเขามาเล่าให้เขาฟังเพื่อตอกย้ำให้เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้เจ็บปวดลำพัง แถมบางทีเราสิ ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเขา ยิ่งเขาฟังเรื่องคนที่แย่กว่าก็ต้องรู้สึกดีสิ UNLOCKMEN ก็อยากบอกว่าใช่ คุณคิดถูกแล้ว การบอกว่า “เราเข้าใจดีว่านายรู้สึกยังไง” ช่วยปลอบใจคนเจ็บปวดได้จริง แต่ที่เราต้องบอกคือไม่ มันไม่จริง มันเป็นความเข้าใจผิด! เราไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกดีขึ้นได้ด้วยการบอกว่าเข้าใจเขา แล้วยกเรื่องราวโคตรเจ็บปวดของเรามาบลัฟกลับ เพื่อนเราจะยิ่งรู้สึกแย่พร้อมเกิดคำถามกึ่งหงุดหงิดว่า อ้าว ตกลงกูไม่ควรเสียใจที่พ่อกูตายหรอเนี่ย เพราะคนที่ไม่มีพ่อตั้งแต่สามขวบยังมีชีวิตอยู่ได้
ตั้งนาฬิกาปลุกก็แล้ว ตั้งสมาร์ทโฟนให้ปลุกแล้ว Snooze แล้ว Snooze อีกก็แล้ว ถึงขั้นให้แม่ให้แฟนโทรมาปลุกก็แล้ว ก็ยังนอนตื่นสายได้จนคนรอบข้างพากันเอือมระอา ใครที่ประสบปัญหาชวนโลกแตกแบบนี้ UNLOCKMEN อยากตบบ่าคุณเบา ๆ พร้อมบอกว่าเราเข้าใจคุณเพื่อน! แต่วันนี้เราจะไม่ปล่อยให้ใครต้องนอนตื่นสาย แล้วพลาดนัดหรือโอกาสดี ๆ อีกต่อไป ขอแค่ทำตาม 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ คุณก็จะตื่นเช้า(ขึ้น)อย่างมีคุณภาพแน่ ๆ รับรอง! วางสมาร์ทโฟนในมือคุณลงเถอะ สมาร์ทโฟนเต็มไปด้วยประโยชน์เป็นล้านอย่างแบบที่เราไม่ต้องมาเสียเวลาสาธยายให้ฟัง แต่หลายครั้งสมาร์ทโฟนในมือก็ดูดเวลาและพลังชีวิตบางส่วนของเราให้สูญหายไปได้อย่างง่ายดายจนเราคิดไม่ถึง แต่ใครจะรู้ว่าสมาร์ทโฟนยังดึงดูดช่วงเวลาการนอนหลับอย่างมีคุณภาพของเราไปด้วย แสงสีฟ้าและสีขาวที่สาดออกมาจากจอสมาร์ทโฟนสุดรักของเรานั้นส่งผลกระทบต่อการนอนของเราโดยตรง เนื่องจากแสงเหล่านั้นทำให้เมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องการนอนหลับ) หลั่งไม่ปกติ ดังนั้นถ้าอยากตื่นเช้าก็ต้องหลับให้มีคุณภาพ การงดการใช้สมาร์ทโฟ 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอนก็จะช่วยให้เมลาโทนินหลั่งได้ปกติขึ้นและช่วยให้คุณไม่อิดออดเวลาต้องตื่นตอนเช้า ปล่อยให้แสงตะวันปลุกคุณ เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่คนเราจะสามารถนอนหลับได้ ทั้ง ๆ ที่แสงตะวันแยงตา แยงร่างไปทั่วสรรพางค์กาย ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในห้องที่มืด ดำสนิท ป้องกันแสงอาทิตย์เข้ามาทุกทางไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม เราก็รับประกันได้เลยว่าคุณจะนอนหลับแบบไม่สนเดือนสนตะวันอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป ดังนั้นเพื่อให้ธรรมชาติปลุกเรา เราก็ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาส่องกระทบตัวคุณ ทั้งความร้อน และความเจิดจ้าก็ช่วยให้คุณตื่นได้เร็วและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เลิกกด Snooze ได้แล้ว อยากตื่น 7 โมงครึ่ง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัญชาตญานความมันส์ในตัวผู้ชายทุกคนนั้นมันพลุ่งพล่านจนเราเอาไม่ค่อยอยู่ UNLOCKMEN จึงไม่รอช้าขอชวนคุณมาปลอดปล่อยสัญชาตญานความมันส์ให้ถูกที่ถูกทางไปด้วยกันกับกีฬาโคตรเอ็กซ์ตรีมที่ วานา นาวา หัวหิน สวนน้ำสไตล์วอเตอร์จังเกิ้ลแห่งแรกของเอเชีย ร่วมมือกับ สมาคมเอเชีย โฟลว์ทัวร์ จัดการแข่งขัน เอเชีย โฟลว์ทัวร์ 2560 รอบแกรนด์ไฟนอลขึ้น UNLOCKMEN ได้รับเกียรติให้ร่วมปลุกความมันส์ในตัวเราทุกคนในครั้งนี้ บอกได้คำเดียวว่าใครที่พลาดอาจต้องมียกมือขึ้นปาดน้ำตากันคนละหลายตลบ แต่ไม่ต้องห่วงไป UNLOCKMEN อาสาเก็บบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟมาให้ เหมือนคุณได้เกาะขอบการแข่งขันโดนน้ำสาดกระเซ็นไปตาม ๆ กัน การแข่งขัน เอเชีย โฟลว์ทัวร์ 2560 รอบแกรนด์ไฟนอลครั้งนี้ไม่ได้จัดกันเล่น ๆ หาผู้ชนะชิล ๆ รับถ้วยแล้วก็จบ ๆ กันไป แต่เพิ่มความตื่นเต้นให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำไปอีกระดับเพราะการเฟ้นหาผู้ชนะครั้งนี้ ผู้ชนะ จะได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปชิงแชมป์การแข่งขัน World Flowboarding Championships 2017 เมืองแคนคูน ประเทศ เม็กซิโก บรรยากาศการแข่งขันก็เต็มไปด้วยความมันเร้าใจ จนเราละสายตาไปไม่ได้ แถมการแข่งขันครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก มร.แฟดลูลาห์ บิน โมห์ด คามาโรลาห์ ผู้แทนคณะกรรมการโฟลว์เอเชีย คุณพราวพุธ ลิปตพัลลภ
ถึงช่วงนั้นของเดือนของสาว ๆ ทีไรเหมือนโลกจะพังทลายลงตรงหน้าเพราะเธอจะเหวี่ยง วีน งอแง และสร้างความลำบากใจให้ผู้ชายอย่างเราจนทำตัวไม่ถูก เราจะว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะเอะอะอะไรเธอก็จะอ้างว่านี่วันนั้นของเดือนนะ! นอกจากทำอะไรไม่ได้เรายังต้องยอมรับชะตากรรมแบบเสียไม่ได้ แต่ UNLOCKMEN เข้าใจหัวอกลูกผู้ชายอย่างคุณ! เราเลยนำ 5 วิธีดูแลเธอในช่วงวันนั้นของเดือนมาฝาก พาสาวข้างกายคุณไปกินของอร่อย ๆ ซะ รู้กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อผู้หญิงกำลังจะถึงช่วงเวลานั้นของเดือน มักจะอยากกินนู่นนี่นั่นเยอะแยะจนถ้าเราเพิกเฉย หรือทำเมิน ๆ นิ่ง ๆ อาจเกิดปัญหาโลกแตกตามมาได้ง่าย ๆ UNLOCKMEN บอกเลยว่าถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาชวนปวดหัว ก็ตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยการพาเธอไปตระเวณกินของที่ชอบ ยิ่งถ้าคบกันมานานจนรู้แล้วว่าช่วงไหนคือช่วงหายนะ เรารีบหาของที่เธอชอบมารอเสิร์ฟไว้เลย รับรองว่านอกจากลดอาการเหวี่ยงวีน ยังดูเป็นมืออาชีพจนได้ใจเธอไปเต็ม ๆ อีกด้วย พาไปช็อปปิ้งลดความขุ่นมัว ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยล้วนแต่ช็อปปิ้งเพื่อบำบัดความไม่สบายใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะตอนปกติธรรมดาหรือตอนที่กำลังถึงช่วงสำคัญของเดือนที่หงุดหงิด ไม่สบายตัวเป็นพิเศษ UNLOCKMEN ขอเสนอให้คุณพาสาวข้างกายไปช็อปปิ้งในที่ที่เธอชอบซะ โดยอาจต้องระวังว่าระหว่างนั้นเธอจะปวดท้อง ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว เราก็เตรียมน้ำให้เธอดื่มให้ชื่นใจ หรือพาเธอแวะนั่งกินขนมอร่อย ๆ ก่อนช็อปปิ้งต่อ เท่านี้ความหงุดหงิดที่มาลงกับเราก็เปลี่ยนมาลงที่กระเป๋าเงินเราแทน แต่เพื่อความสุขของสาว ๆ และเพื่อบรรยากาศที่ดีระหว่างเรากับสาวข้างกาย ก็เป็นการใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากทีเดียว หาฮอร์โมนทดแทนให้เธอทาน ปัญหาความเหวี่ยง วีน
เราเดินทางมาสู่ยุคที่มีคนเหงาล้นเมืองเต็มไปหมด บางคนมีคนอยู่ด้วยก็ยังเหงา แต่หลายคนที่เหงา ๆ เทา ๆ หว่อง ๆ ก็เพราะอยู่คนเดียว ไม่ว่าคุณจะต้องอยู่คนเดียวชั่วคราว อยู่คนเดียวเพราะตั้งใจ หรือบังเอิญต้องอยู่คนเดียวเพราะมีเหตุเลิกรากับคนข้างกายมา วันนี้ UNLOCKMEN อาสานำ 5 วิธีอยู่คนเดียวอย่างไรไม่ให้เหงามาฝาก รับรองว่าต่อไปนี้จะอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จัดห้อง จัดบ้าน จัดการตัวเองใหม่ การอยู่คนเดียวเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้จัดห้องตัวเอง หรือถ้าระดับใหญ่กว่านั้นก็คือการจัดบ้านให้เป็นไปตามที่ใจเราหวัง การจัดบ้านไม่จำเป็นต้องรีโนเวทใหม่ ลงทุนจำนวนมาก ๆ แค่เราจัดเฟอร์นิเจอร์แบบใหม่ จัดมุมใหม่ ๆ ให้น่าอยู่ ก็มีความหมายต่อความรู้สึกของเรามากแล้ว เพราะการอยู่คนเดียวประจำ อาจสร้างความจำเจในชีวิต เพราะฉะนั้นการจัดเฟอร์นิเจอร์หรือจัดบ้านใหม่ก็จะช่วยให้เรารู้สึกว่ามีอะไรที่เราชอบอยู่เสมอ และไม่จมอยู่กับบรรยากาศเหงา ๆ เดิม ๆ ออกจากคอมฟอร์ทโซน ศัตรูสำคัญของการอยู่คนเดียวคือการทำอะไรซ้ำซากในที่ที่เคยทำแล้วเกิดความเหงานั่นแหละ เพราะหลายครั้งเราทำอะไรเดิม ๆ ทำอะไรที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่าเมื่อก่อนเราเคยทำอย่างนี้กับคนนั้น ตอนโน้นเราเคยกินข้าวกับคนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เราต้องตกอยู่กับกับดักทางความคิดที่เราขุดขึ้นเอง เราต้องพาตัวเองออกไปจากที่ที่เราเคยชิน พาตัวเองไปทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน อาจจะไปกินข้าวในร้านที่ไม่เคยคิดจะไปมาก่อน พาตัวเองไปทำกิจกรรมที่ปกติไม่คิดจะทำเลย ออกจากคอมฟอร์ทโซนเดิม ๆ ของเราซะ เป็นโอกาสดีที่ได้ทำความรู้จักตัวเองมากขึ้น การอยู่กับคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หลายครั้งที่เรารับฟังและอยู่กับความคิดเห็นของคนอื่นจนลืมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากหัวใจตัวเอง
ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ