ไม่กักตุนก็มีข้าวกิน ไม่ออกข้างนอก ไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ได้ ไม่เข้าออฟฟิศ ก็ทำงาน Work from Home ไปดิ ถึงภาวะนี้เราจะอยู่ได้ เรื่องเงินทอง ปากท้องจะสำคัญขนาดไหน แต่อีกมุมที่อยู่นอก target ของคนทำงานที่ทุกสื่อกำลังประโคมข่าว เรายังไม่ค่อยเห็นคนพูดถึงเยาวชนที่กำลังจะข้ามชั้นวัยหัวเลี้ยวเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่พวกเขากำลังจะเรียนจบและรอคอยเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของความพากเพียรอย่างการรับปริญญา แม้การเรียนจบ รับปริญญา มีรูปสักใบที่ถ่ายกับเพื่อและคนใกล้ชิดในชุดที่เช่ามาไว้เป็นที่ระลึก เพื่อเป็นของขวัญให้พ่อแม่และตัวเองจะไม่ใช่ฝันสำหรับคนทุกคน แต่สำหรับคนที่อยากมีมันไว้นี่คือความคับข้องใจที่เกิดขึ้น และเมื่อมีปัญหา GEN Z ก็ถึงเวลาระดมไอเดียรอรับปริญญาตอนอยู่บ้านกันหน่อยว่ารู้สึกยังไงหรือจะทำอย่างไรต่อ เด็กประถมญี่ปุ่นที่อยากรับประกาศนียบัตร เรื่องนี้มันเริ่มจากเราเห็นข่าวของเด็กชายวัยประถมชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ทวีตผ่านโซเชียลว่าตัวเองกำลังจัดพิธีจบการศึกษาในช่วงโควิด-19 วันที่ผู้คนยังไม่ได้ออกไปนอกบ้าน ด้วยการสร้างโถงการจบการศึกษาเองในเกม Minecraft จากนั้นก็เชิญชวนเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้โดนกักตัวอยู่เหมือนกันมารับการศึกษาในห้องนั้น 一日中オンラインで集まってゲームをやって笑い転げている。楽しそうで良いねぇ。 pic.twitter.com/sYqoJ1zYaj — 柏原周平 (@backyennew) March 14, 2020 สีสันของการรับปริญญาในเกม เสียงหัวเราะ ไอเดียแบบเด็ก ๆ ที่เขาสร้างขึ้นช่วยคลายเครียดในสภาวะนี้แล้วทำให้เราได้มาพบปะกันอย่างปลอดภัย ใครอยากตั้งอวตารสวยหล่อแต่งตัวอย่างไรก็ทำได้ อยากคุยกันนานแค่ไหน หรือเล่นกันด้วยไอเทมที่มีก็เป็นอีกฟีลของการมีตติ้งที่ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด แล้วนอกจากเด็กญี่ปุ่นล่ะ? จะมีคนสนใจเรื่องนี้กันแค่ไหน…หลังจากเราลองไปสำรวจดูก็พบว่า บัณฑิตฟากตะวันตกเขาก็สนใจเรื่องนี้ไม่ต่างกัน หลายคนแห่แชร์กันในทวีต
ใครหลายคนเคยเบื่อฤดูร้อนของเมืองไทยเราแทบแย่ เพราะเดินไปไหนเหงื่อก็ไหลโชก แต่ในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วงและเราทุกคนต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านคราวละนาน ๆ ก็อดคิดถึงแดดจัดจ้า ฟ้าสีสด ๆ ของกรุงเทพมหานครไม่ได้ นับถึงวันนี้คุณอยู่บ้านมากี่วันแล้วนะ? เหงาบ้างไหม? ยังไหวกันอยู่หรือเปล่า? UNLOCKMEN อาสาพาทอดน่องไปทั่วย่านพระนคร มองแดดยามบ่าย ละเลียดท้องฟ้าครามแห่งฤดูร้อน ชื่นชมแลนด์มาร์กสำคัญให้หนำใจผ่านหน้าจอคุณ ไม่ใช่แค่เราที่เหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวกับหลายเรื่องที่รุมเร้า กรุงเทพฯ ของเราก็ดูเหงาไปถนัดตา แต่สัญญาได้ไหมว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน ผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ออกมาเดินเล่น ใช้ชีวิต กรุงเทพฯ ยังมีอะไรรอให้เราไปชื่นชมอีกมาก ชีวิตเราก็เช่นกัน เราจะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกัน เพื่อรอเจอสิ่งสวยงามอีกมากมายนับจากนี้ไป เสาสีแดงชะลูดขึ้นไปในอากาศ ตัดกับฟ้าสีสดปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เรานัดกันที่ “เสาชิงช้า” แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานครที่เป็นภาพจำในโฆษณาการท่องเที่ยวอยู่บ่อย ๆ แต่กับเราคนไทยเอง เสาชิงช้าอาจไม่ใช่สถานที่ท็อปฮิตนัก อย่างมากก็ขับรถผ่านมาในวันที่มีนัดจิบเบียร์กับใครบางคนที่ถนนข้าวสาร เสาชิงช้าในวันที่รถราไม่ขวักไขว่อย่างที่เคย เสาชิงช้าในวันนักท่องเที่ยวร้างไร้กว่าห้วงเวลาปกติดูเหงาไปถนัดตา แต่ที่เหงาปนเศร้ายิ่งกว่าคือคนทำมาหากิน “ตุ๊กตุ๊ก” ที่เคยรับหน้าที่ไม่ต่างจากทูตสันถวไมตรี นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะบินมาจากมุมไหนของโลก พี่คนขับและตุ๊กตุ๊กคู่ใจล้วนเป็นทัพหน้าแข็งขัน พาตระเวนทั่วย่านเมืองเก่า พร้อม ๆ กับเป็นภาพจำความเป็นไทยด้วยตัวรถเอง วันนี้รถตุ๊กตุ๊กน้อยลงถนัดตา ที่ยังเหลืออยู่ก็จอดนิ่งสนิท รอใครสักคนเรียกใช้บริการอย่างมีความหวัง แหงนหน้าฝ่าแดดมองเสาชิงช้าจนหนำใจ ลัดเลาะไปตามกำแพง
ทั่วโลกต่างตื่นตระหนกกับไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วและยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ หลายประเทศออกมาตรการฉุกเฉิน ยกเลิกเที่ยวบิน ปิดห้างสรรพสินค้า ปิดประเทศ ห้ามผู้คนสัญจรไปมาเพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงประเทศในอเมริกาใต้อย่างบราซิลที่เริ่มปิดบางย่านในเมืองหลวงแล้วเช่นกัน แต่การปิดเมืองของพวกเขาแปลกกว่าที่อื่นเพราะคนสั่งปิดไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นแก๊งมาเฟีย การปิดบางย่านในเมืองหลวงริโอ เดอ จาเนโร (Rio De Janeiro) ถูกตีข่าวโดยสำนักข่าวใหญ่ชื่อดังของโลก reuter (รอยเตอร์) เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อแก๊งพ่อค้ายาเสพติดผู้มีอำนาจใน Favela (ย่านสลัมที่กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงริโอฯ) นำกองกำลังติดอาวุธลงพื้นที่ บังคับไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านในยามวิกาล ปิดตลาดสดชั่วคราว สั่งใช้เคอร์ฟิวกับคนในชุมชนอย่างเข้มงวดเพราะกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่แคร์รัฐบาลที่ยังไม่ยอมออกมาตรการใด ๆ เพื่อประชาชน ความกังวลต่อไวรัสของแก๊งมาเฟียคุมย่านสลัมของเมืองริโอฯ ถึงจุดแตกหัก เมื่อกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่าพบผู้เชื้อไวรัสในย่านเสื่อมโทรมมากขึ้นทำให้พวกเขาทนไม่ไหวตัดสินใจออกโรงเอง การเคลื่อนไหวของมาเฟียพวกนี้แสดงให้เห็นว่าไวรัสสามารถเข้าถึงทุกคนโดยไม่สนว่าจะรวยหรือจน หรือมีอำนาจล้นมือมากแค่ไหน แถมไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศบราซิลไม่ได้เริ่มมาจากคนจนในชุมชนแออัด แต่ติดมากับพวกผู้ดีมีอันจะกินที่เดินทางกลับจากยุโรปและนำเชื้อไวรัสมาแพร่ให้คนอื่น ๆ ในประเทศ ไวรัสแพร่จากคนรวยสู่ผู้คนทุกชนชั้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งในชุมชนสลัมแออัดมีคนอยู่รวมกันเยอะ ๆ พวกเขาคือคนโชคร้ายรับภาระหนักกว่าคนอื่น จนทำให้คนบราซิลพากันเรียกชื่อไวรัสโควิด-19 กันว่า “The disease of the rich” หรือ “โรคของคนรวย” Thamiris Deveza แพทย์ผู้ทำงานอยู่ในย่าน Favela
เหนื่อยหรือเปล่า? ท้อบ้างไหม? ชีวิตตอนนี้ไม่ง่ายเลย เรารู้ คุณรู้ หลายบริษัทเล็กใหญ่ ไปจนถึงคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยทั่วทุกภาคส่วนต่างเผชิญความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ ผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามอย่างน่าเป็นห่วงไปทั่วโลก หลายคนเหนื่อยแต่ยังไม่ท้อ หลายคนท้อแต่ยังไม่หยุด หลายคนหยุดแต่ยังพยายามมองหาหนทาง แม้มันจะล้าแสนล้า แต่ในหัวก็วนเวียนว่า “ถ้ายอมแพ้วันนี้ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน? ” เราเชื่อว่าหลายคนไม่เพียงแต่ต้องดูแลตัวเอง แต่ยังมีความรับผิดชอบในหลายรูปแบบให้ต้องจัดการ “พลังแห่งการไม่ยอมแพ้” จากมนุษย์หนึ่งคนจึงยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด แม้ในสภาวการณ์ที่เป็นอยู่นี้เราจะมองไม่เห็นหนทางว่าการไม่ยอมแพ้ของเราจะได้ผลอะไรกลับมา? เราจึงอยากแบ่งกำลังใจจาก UNLOCKMEN ด้วย ZERO TO HERO PODCAST ทั้ง 5 Ep ที่ว่าด้วยการไม่ยอมแพ้ของมนุษย์ Zero To Hero – อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร “ถ้าเราได้ทุ่มเททุกอย่าง แม้มันจะเกิดผลช้ามาก หรือไม่เกิดผลเลย อย่างน้อยเมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถตอบได้เต็มปาก ในหัวใจหนึ่งกำปั้นมือว่า มึงได้ลองแล้ว“ ในวันที่ชีวิตหม่น ๆ เราเชื่อว่าบทเพลงของ Greasy Cafe เคยอยู่เป็นเพื่อนใครหลายคน แต่เบื้องหลังบทเพลงที่ดูเข้าอกเข้าใจความหม่นเศร้า หรือเบื้องหน้าที่ใคร ๆ
ช่วงนี้ขายของไม่ดี ตอนนี้ทุกแบรนด์เลยงัดทุกกลยุทธ์ที่มีมาใช้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่อ่อนไหวแบบนี้ ใช่ว่าการตลาดที่คิดไว้จะได้ผลและที่สำคัญถ้าหวังจะโหนกระแสแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ แคมเปญหรือสิ่งที่คิดที่เผยแพร่ช่วงนี้อาจจะพาแบรนด์ร่วงได้ไม่รู้ตัว ทุกวงการต้องมีกฎ ทุกสถานการณ์ก็มีเส้นของมันที่ห้ามข้าม และนี่คือ 6 เทคนิคต้องรู้ก่อนวางกลยุทธ์ธุรกิจช่วงนี้ หลักการหลายข้อในนี้แม้สิ้นสุดสถานการณ์นี้ไปยังไงก็ยังเก็บมาใช้ได้ ถามตัวเองว่าทำไมคนจะต้องซื้อของ ๆ เรา สถานการณ์วิกฤตที่จิตใจคนกำลังอ่อนไหว จำไว้เสมอทุกแบรนด์กำลังทำสงครามความเชื่อมั่นอยู่ ของที่คุณขายไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม จะต้องเน้นคุณภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิต และชักจูงอารมณ์ให้คนรู้สึกว่า “ควรซื้อ” สินค้า ลองพิจารณาสินค้าที่มีในมือ หาเอกลักษณ์ที่สามารถตอบโจทย์อินไซต์คนตอนนี้ ต่อให้ไม่สามารถช่วยเรื่องการป้องกันโรคโดยตรง แต่มันอาจจะมีข้อดีอื่น ๆ ที่สร้างความบันเทิง สร้างแรงบันดาลใจ หรือไวรัลกับฝูงชนที่เบื่อ ๆ อยู่บ้านได้ อย่าห้าวหิวเงิน เป็นฝ่ายให้และแบ่งปันก่อนเพื่อจดจำ ถึงจะต้องคิดถึงปากท้อง ต้องกินต้องใช้ แต่นาทีวิกฤตคนโลภจะอยู่ไม่ยืดอย่างที่คิด ดังนั้น ไม่ว่าสิ่งที่เราขายจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ การตลาดที่ดียังคงเป็นการจัดแคมเปญ CSR หรือสร้างคอนเทนต์ให้คุณค่ากับสังคม จำไว้ว่าเมื่อไรที่คนเครียด คนเศร้า ถ้าเราป้อนความบันเทิงหรือสิ่งอื่นที่เขาจะได้ประโยชน์จากมัน ความรู้สึกบวกกับแบรนด์และการจัดอันดับในใจอาจนำเขากลับมาสนับสนุนเราได้ ตัวอย่างของสิ่งที่ควรทำ กรองคำ ระวังการใช้ภาษาเกินจริง อย่าโม้เก่ง ยกข้อดีเกินงาม เพราะหลายคนไม่มีงานทำในสถานการณ์นี้ ดังนั้น ควรแสดงความเอาใจใส่ เห็นอกเห็นใจกันและกัน
ต้องยอมรับว่าจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมที่เป็นปัจเจกบุคคลอาจยังไม่พอทุเลาสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 การกระตุ้นและรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์จึงเป็นอีกเครื่องมือช่วยเปลี่ยนปรับพฤติกรรมที่ใช้ได้ผล ทว่าบางครั้งข้อมูลที่ประชาชนได้รับเป็นทางการมากเกินไป ใช้ศัพท์วิชาการที่เข้าใจได้เฉพาะกลุ่ม หรืออัดแน่นเบียดเสียดไปด้วยตัวอักษรที่มักจะทำให้ใครหลายคนไม่อยากคลิกเข้าไปอ่าน งานดีไซน์เจ๋ง ๆ ที่ทำให้คนเข้าใจไวรัสง่ายกว่าเดิม ต่อให้ใช้ข้อมูลเดียวกันและส่งไปยังกลุ่มผู้อ่านที่ต่างกัน ก็ไม่อาจรับประกันว่าผู้รับสารที่เป็นทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดในทิศทางเดียวกันได้ เหล่าศิลปินและนักออกแบบจึงผลิตผลงานสุดสร้างสรรค์เพื่อรณรงค์และแนะนำวิธีการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาด พวกเขานำความคิดสร้างสรรค์ผนวกเข้ากับสัญลักษณ์ รูปภาพ ตัวอักษร และการจัดองค์ประกอบเพื่อสื่อความหมายเชิงทัศนศิลป์ และช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหาสาระทั้งหมดที่ต้องการสื่อได้ง่าย ๆ เพียงตาเห็น ภาพเคลื่อนไหวจำลองพลังของเชื้อไวรัส Harry Stevens จากหนังสือพิมพ์ The Washington Post จำลองภาพโมชั่นกราฟิกให้เห็นถึงพลังของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งประชาชนอยู่ใกล้ชิดกันในพื้นที่สาธารณะมากเท่าไร ยิ่งทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายง่ายขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตามมาได้ นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานดีไซน์ที่ตอกย้ำว่า Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างจากสังคม ยังเป็นเรื่องสำคัญเสมอตราบเท่าที่เราไม่อาจมองเห็นเชื้อไวรัสด้วยตาเปล่า หรือยังไม่มีวัคซีนจำนวนมากพอจะยับยั้งไวรัสได้อย่างขาดรอย ภาพประกอบสุดกวนที่เล่าอาการของผู้ติดเชื้อ ผู้สื่อข่าวสายข้อมูลชาวอังกฤษ Mona Chalabi โพสต์ภาพวาดประกอบของเธอลงใน Instagram ส่วนตัวเพื่ออธิบายอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 แบบเข้าใจง่าย เธอใช้ภาพวาดสุดกวนที่ดูตลกและสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกันสื่อความหมายว่าอาการผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ต่างจากผู้ป่วยโรคไข้หวัดอย่างไร แถมสีสัน สายเส้น และฟอนต์ตัวอักษรที่เธอเลือกใช้ก็ไม่ได้ดูหดหู่หรือเคร่งเครียดเกินไปด้วย ไม้ขีดไฟที่ไม่ถูกเผาไหม้
“สถานการณ์แบบนี้ใครเขาจะยังมานั่งคิดเรื่องแฟชั่น ?” ครับ พวกเราชาว UNLOCKMEN ก็ยังคงคิดถึงแฟชั่นและการแต่งกายอยู่เสมอไม่ว่าจะเจอกับเรื่องราวแบบไหน ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจสิ่งรอบตัวแต่การตระหนักถึงเครื่องแต่งกายมีส่วนช่วยเราได้มากกว่าที่คิด บางคนอยู่บ้านแล้วเศร้าจนแทบหมดอาลัยตายอยาก หรือบางคนยังต้องออกไปเผชิญกับไวรัสโควิด-19 นอกบ้าน การแต่งตัวเหมาะสมตามสถานการณ์คือสิ่งที่จะช่วยปกป้องเราได้ ในวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำสไตล์การแต่งตัวสองแบบด้วยกันทั้ง ‘คนต้องอยู่ติดบ้าน’ กับ ‘คนยังมีเหตุจำเป็นต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก’ เพราะการใส่ใจกับการแต่งตัวสามารถช่วยเราได้ไม่น้อย คนที่ต้องอยู่ติดบ้าน แฟชั่นสำหรับคนอยู่บ้านอาจดูไม่มีอะไรมาก เพียงแค่เดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามหรือเสื้อยืดหนึ่งตัวก็เป็นอันเสร็จ บางคนตื่นมาพร้อมชุดนอนก็ลุยงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อยาว ๆ พลางคิดว่าดีด้วยซ้ำเพราะไม่ต้องมานั่งรีดชุดทำงาน แต่ความรู้สึกแสนชิลมันจะมาแค่ช่วงแรกเท่านั้นครับ มีหลายคนต้อง work from home มาแล้วกว่าสองอาทิตย์ นั่ง ๆ นอน ๆ เดินวนไปวนมาอยู่ในพื้นที่จำกัด ออกไปเจอคนแปลกหน้าเพียงไม่กี่วินาทีเพราะรับอาหารจากการสั่งเดลิเวอรี่ นานวันเข้าความรู้สึกแสนสบายที่ใส่เสื้อผ้าง่าย ๆ เริ่มจางลง ความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่ มีชาว UNLOCKMEN คนหนึ่ง บ่นว่ารู้สึกเศร้าเพราะไม่ได้เจอกับใครเลย ส่วนอีกคนบอกว่าเห็นตัวเองแบบเซอร์ ๆ ทุกวันก็รู้สึกเบื่อ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องน่าเป็นห่วงที่ไม่ควรมองข้าม การแต่งตัวสามารถช่วยปรับสภาพอารมณ์ของคนต้องอยู่แต่บ้านออกไปไหนไม่ได้จนรู้สึกซึม เพราะสีสันบนเครื่องแต่งกายส่งผลต่อความรู้สึกมากกว่าที่คิด ถ้าใครรู้สึกอึดอัดกดดัน ไอเทมสีเขียวจะช่วยให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งรอบตัว สร้างความผ่อนคลาย
เมื่อสถานการณ์รอบตัวเปลี่ยนไป มีสารพัดสิ่งละอันพันละน้อยที่ผู้ชายอย่างเราต้องปรับตัวตาม ตั้งแต่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบอย่างหน้าที่การงาน วิถีชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ความรัก” และ “ความสัมพันธ์” เมื่อวิกฤตไวรัสฯ ส่งผลกระทบต่อชีวิตเราเพื่อความปลอดภัยที่สุดของทั้งเราและคนสำคัญของเราจึงทำให้ต้องห่างกันสักพัก การกุมมือกันดูหนังเรื่องโปรดก็ต้องยกเลิกไปโดยปริยาย อาหารร้านอร่อยที่ชวนกันไปกินบ่อย ๆ ก็ต้องงดไปอีกระยะ รวมถึงกิจกรรมเดินเล่นผ่อนคลาย ไปจนถึงทริปทะเลที่ได้นอนเล่นรับแดดอุ่น ๆ เคียงข้างกัน แม้ความรักและความรู้สึกคล้ายจะเป็นแกนหลักของความสัมพันธ์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้เจอกัน มีกิจกรรมดี ๆ สานบทสนทนาราบรื่นต่อหน้า และการสร้างประสบการณ์ร่วมกันก็มีส่วนหล่อเลี้ยงให้ความสัมพันธ์คงอยู่ต่อไปได้ แต่เมื่อสถานการณ์ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดทำให้เราต้องห่างกันสักพัก จะมีวิธีไหนที่ยังประคับประคองความสัมพันธ์นี้ให้ราบรื่นต่อไปได้บ้าง? “โกรธ เศร้า หึง น้อยใจ” จงใช้เวลามากขึ้นก่อนรู้สึก ยิ่งตัวอยู่ไกลกันมากเท่าไร ระยะเวลาที่ยืดยาวออกไปไม่ได้เจอกันขึ้นมากเท่าไหน เราก็ยิ่งโหยหาคิดถึงอยากเจอคนที่เรารักมากขึ้นเท่านั้น ระยะห่างจึงมีข้อดีของมัน แต่ระยะห่างก็เป็นดาบ 2 คม เมื่อเราไม่ได้เจอกันต่อหน้า สภาวะการณ์รอบกายมีเรื่องให้ตึงเครียดจนอารมณ์ขุ่นมัว เราก็ยิ่งมีเรื่องให้เข้าใจกันผิดได้มากยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ประคองระยะความสัมพันธ์ให้ราบรื่นต่อไปได้คือ “การใช้เวลาทบทวนสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมากขึ้น” จากปกติเราเห็นหนุ่ม ๆ มาคอมเมนต์แฟนเราแบบสนิทสนมแล้วเราอาจจะโกรธทันที โทรหาเธอเพื่อโวยวาย ณ ตอนนั้น แต่ในสถานการณ์ที่ต้องห่างกันนาน ๆ ลองปรับระยะเวลาการแสดงออกให้ยืดยาวออกไป เพื่อให้อารมณ์เจือจางลงก่อน การให้อารมณ์เจือจางแล้วถึงแสดงออกจะช่วยลดระดับความรุนแรงทางอารมณ์ที่เราส่งไป หรือบางครั้งเมื่อเราให้เวลาได้ทบทวนดี
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดส่งผลกระทบอีเวนต์กีฬาทั่วโลกให้ต้องเลื่อนหรือยกเลิกการแข่งขันจำนวนมาก ทำให้หนุ่มที่เป็นคอกีฬาในช่วงนี้จิตใจห่อเหี่ยวเป็นบางครั้งเพราะไม่มีการแข่งขันที่ชื่นชอบมาถ่ายทอดสดให้ชมด้วยอารมณ์เกาะติดขอบสนามมากนัก และการแข่งขันรถสูตร1 หรือ Formula 1 เป็นอีกการแข่งขันที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ เพราะการแข่งขันรถสูตร 1 ในปี 2020 มีการแข่งขันมากถึง 22 Grand Prix กระจายแข่งตามประเทศต่าง ๆ หลากหลายทวีปทั่วโลก และการระบาดก็ส่งผลให้การแข่งขันหลายสนามของปีนี้ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป แต่เพื่อแฟน ๆ หลักล้านที่ตั้งตารอเสียงฟังพากย์ “ITS LIGHTS OUT AND AWAY WE GO” ทางนักกีฬาและผู้จัดได้สร้างโปรเจกต์การแข่งขันออนไลน์แบบไม่เป็นทางขึ้น เพื่อเอาใจคนที่รอคอยไปก่อน อย่างที่บอกไปว่า Formula 1 ฤดูกาล 2020 ได้รับผลกระทบหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการแข่งขันทั้งหมด 22 สนามในปีนี้ถูกยกเลิกตั้งแต่สนามแรกที่ Australian Grand Prix ล่าสุด Monaco คือสนามล่าสุดที่ขอยกเลิก รวมถึงอีก 6 สนามที่ถูกเลื่อนโปรแกรมออกไปเป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากการแข่งขันในสนามที่ 2 คือ Bahrain Grand
ไม่ใช่ว่าไม่อยากใส่นะ แต่ไม่มีให้ใส่ ขณะที่หน้ากากอนามัยหายไปจากสารระบบร้านขายยาและห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ถ้าคุณเคยเดินไปหลายกิโลฯ เพื่อตามหาซื้อแต่เจอแต่ร้านปิดป้ายว่า “ไม่มีหน้ากากอนามัย” พวกเราคือเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันในช่วงหนึ่งของชีวิต เชื่อแล้วแหละว่า “เงิน” มันซื้อไม่ได้ทุกอย่างจริง ๆ กระทั่งไม่นานมานี้มีเว็บไซต์หนึ่งเปิดตัวในโลกออนไลน์และใช้ชื่อว่า “Mask Map Thai” เจาะพิกัดหน้ากากอนามัยที่อยู่ใกล้ตัวเรา บอกราคาและเส้นทางเสร็จสรรพ เข้าใช้ง่าย แถมยังระบุรายละเอียดครบถ้วนว่าราคาเท่าไหร่ให้ตัดสินใจ ชีวิตหลายคนวันนี้ก็เลยพอมีทางออกมากขึ้น เมื่อติดตามรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ยังได้รู้ว่าคนพัฒนาเว็บฯ คือ “คนไทย” ด้วยกัน UNLOCKMEN จึงถือโอกาสขอพูดคุยกับเขาด้วยตัวเองผ่าน Call Conference เพราะช่วงนี้เราทุกคนควรงดเดินทางเพื่อเป็นอีกวิธีรับผิดชอบทางสังคมทั้งกับตัวเราและกับผู้ที่ปฏิสัมพันธ์ด้วย (ภาพประกอบที่เห็นจึงเห็นเขาอยู่ภายในรถส่วนตัวแบบนี้) “เอฟ” หรือ เอกโยธิน พิลา หนุ่มไทยที่มีอาชีพเป็นอาจารย์สอนเขียนโปรแกรมของสถาบันแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเขาอยู่ที่จังหวัดนครนายก ชายคนนี้คือนักพัฒนาเว็บไซต์ Mask Map Thai แพลตฟอร์มฟรี ชี้พิกัดหน้ากากอนามัยพร้อมจำนวนสต๊อกสินค้าที่มีในไทยขณะนี้ “ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นของจังหวัดใดจังหวัดนึงครับ คือทำปุ๊บเราตั้งใจให้เป็น Open Project เลย โปรเจกต์นี้เราเป็นแค่คนพัฒนาแต่เจ้าของจริง ๆ ก็คือคนทั้งประเทศ เหมือนเป็น Open Data