การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ดูเหมือนจะขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 114,000 คนและเสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 คน ส่วนในประเทศไทยก็มียอดสะสม 70 คนและเสียชีวิตอีก 1 คน ทั้งหมดส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งระยะสั้นและระยะยาว (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563) อีกผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดครั้งนี้คือ การเลื่อนหรือยกเลิกอีเวนต์ ซึ่งรวมคนจำนวนมากไว้ด้วยกัน ทั้งงานคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬา ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วการ”ออกกำลังในโรงยิมร่วมกับผู้อื่น”จะมีความเสี่ยงในการติดไวรัสมากน้อยแค่ไหนและจะต้องมีวิธีการจัดการตัวเองยังไง วันนี้มาทำความเข้าใจและเรียนรู้ไปพร้อมกัน ออกกำลังกายในโรงยิมเสี่ยงติดไวรัสหรือไม่ ? โรงยิมหรือฟิตเนสเป็นสถานที่เสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ ? คำตอบที่ได้จาก Aruna Subramanian ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อและศาสตราจารย์ด้านการแพทย์จากมหาลัยแสตนฟอร์ด และ John Whyte หัวหน้าทีมแพทย์จาก WebMD แสดงความคิดในเรื่องนี้ว่า โรงยิมเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงในระดับเดียวกันสถานที่สาธารณะอื่น ๆ ซึ่งทุกคนสามารถป้องกันตัวจากไวรัสได้หากทำได้อย่างถูกวิธี ขณะเดียวกันโรงยิมส่วนใหญ่มักเป็นสถานที่ปิดซึ่งเสี่ยงต่อการกักตุนของเชื้อโรคในอากาศ รวมถึงอุปกรณ์ออกกำลังต่าง ๆ ที่มีการใช้งานร่วมกัน ก่อนหน้านี้มีข้อมูลที่น่าสนใจว่าลู่วิ่งไฟฟ้ามีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากกว่าก๊อกน้ำถึง 74 เท่าและอุปกรณ์ยกน้ำหนักมีแบคทีเรียมากกว่าโถส้วมถึง 362
สำหรับผู้ชายอย่างเรา ‘นาฬิกา’ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลาเคลื่อนที่เท่านั้น หากเป็นไอเทมติดข้อมือที่สะท้อนรสนิยมและถ่ายทอดตัวตนของผู้สวมใส่ออกมาได้อย่างลึกซึ้งแทบทุกกระเบียดนิ้ว บริบทของนาฬิกาในปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปและต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง นาฬิกากลายเป็นไอเทมแฟชั่น เป็นของสะสมที่เหล่าคอลเลกเตอร์หลงใหล หรือแม้แต่เป็นสิ่งของที่บอกความภาคภูมิใจและเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ใครอาจยังไม่รู้ แล้วถ้าจะพูดถึงเรือนเวลาที่เดินเข็มบนหน้าปัดประวัติศาสตร์มาหลายช่วงอายุคน คงจะลืมชื่อของ ‘Hamilton (แฮมิลตัน)’ ไปไม่ได้เลย นอกจากได้สมญานามว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำผู้สร้างสรรค์นาฬิกานักบิน (Aviator Watch) แล้ว Hamilton ยังเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาให้กองทัพสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 1914 และได้รับเลือกจากกรมไปรษณีย์กลางสหรัฐฯ ให้ใช้บนเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังนครนิวยอร์กในปี 1919 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้คร่ำหวอดในแวดวงเรือนเวลาอย่างแท้จริง Hamilton เรือนเวลาสุดแกร่งแห่งห้วงประวัติศาสตร์ หากย้อนไปสมัยสงครามโลกที่เทคโนโลยีการทหารยังไม่ได้ก้าวหน้าล้ำสมัยเฉกเช่นปัจจุบัน บวกกับการสื่อสารผ่านวิทยุอาจสุ่มเสี่ยงเกินไป ถูกดักฟัง หรือทำให้แผนการรบรั่วไหลได้ เหล่านักบินในยุคนั้นจึงต้องการนาฬิกาข้อมือที่สามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดแม่นยำ ตั้งแต่เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเล็กลงไปถึงหน่วยเข็มวินาที นาฬิกานักบิน หรือ Aviator Watch จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด นับเป็นเรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยกลไกการเดินเข็มเที่ยงตรงแม่นยำ และเข้ามาตอบสนองทุกความต้องการของกองทัพในตอนนั้น ไม่เพียงช่วยให้ตำแหน่งเป้าหมายชัดเจน การสื่อสารไม่คลาดเคลื่อน และทำให้กลยุทธ์ต่าง ๆ สัมฤทธิ์ผล นาฬิกานักบินยังเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามและเปรียบได้กับวินาทีชี้ตายของนักบิน เพราะการบอกเวลาผิดพลาดเพียงวินาทีเดียวสามารถตัดสินได้เลยว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะหรือปราชัยในสงครามครั้งนี้ ‘Hamilton Khaki Pilot Pioneer
เราให้โอกาสคุณย้อนมองภาพ Cover คอนเทนต์นี้อีกรอบ คุณเห็นอะไร? มนุษย์ผู้หญิงหวานใสใต้ผมหน้าม้า สายตาคล้ายกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง ถ้าคุณมองเผิน ๆ คุณจะบอกว่าเธอคือ “ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง” แต่ถ้ามองลึกลงไปกว่านั้นอีกนิดคุณจะรู้ว่าเธอคือ “BINKO” หรือ “บิ๊ง–ภาพฟ้า พุทธรักษา” Illustrator สาวฝีมือเก่งกาจหาตัวจับยาก มีผลงานวาดภาพประกอบ ศิลปะ รวมถึงทำบล็อกที่ใคร ๆ หลายคนติดตามอยู่ในขณะนี้ แต่ถ้ามองลึกลงไปกว่านั้นใต้ความเป็น Illustrator หน้าหวานใส ที่บางครั้งอาจดูนิ่ง ๆ มีเรื่องราวซ่อนอยู่อีกมากมาย เพราะการประสบความสำเร็จไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะกับ BINKO ที่เคยถูกสบประมาททั้งจากคนใกล้และไกลตัวว่าคนแบบเธอไม่เก่งพอจะวาดรูปได้แน่ ๆ แต่เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะต้องแข่งกับใคร ความสามารถ ความพยายาม และความตั้งใจที่จะมีชีวิตที่เป็นสุข เธอจะแข่งแค่กับคนคนเดียว คือตัวเธอเองเท่านั้น… ทุกภาพวาดที่คนชื่นชม จุดเริ่มต้นมาจากเด็กสาวที่วาดรูปไม่เป็น บางคนเชื่อในพรสวรรค์ บางคนเชื่อในพรแสวง คุณจะเชื่อในอะไรก็ได้ แต่หลายครั้งที่เราเห็นภาพวาดเทพ ๆ จากฝีมือ BINKO เรามักคิดว่านี่แม่งพรสวรรค์ชัด ๆ แต่ไม่ใช่ น้อยคนที่จะรู้ว่า Illustrator ที่ใคร ๆ
ถ้าพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์เท่ ๆ สักคันที่เหมาะกับผู้ชายสายคลาสสิกอย่างเรา เชื่อว่าแวบแรกหนุ่ม ๆ คงจินตนาการภาพรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์ (Cruiser) ที่โดดเด่นด้วยรูปร่างบึกบึน เบาะนั่งโหลดต่ำ และแฮนด์ยกสูง มาคู่กับไบเกอร์สวมกางเกงยีนส์และแจ็คเก็ตหนังสุดเฟี้ยว แต่ในบรรดาค่ายรถมอเตอร์ไซค์หลากสัญชาติบนโลก Indian Motorcycle ถือเป็นค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์ที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ แม้จะถ่ายทอดอารมณ์ของมอเตอร์ไซค์คลาสสิกออกมาได้สุดขีดแบบไม่กั๊ก แต่ก็ไม่หลงลืมการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการขับขี่ควบคู่ไปด้วย เมื่อไม่นานมานี้ Indian Motorcycle เพิ่งเปิดตัว ‘Scout Bobber Sixty 2020’ ที่เรียกว่าได้เสียงฮือฮาจากสิงห์นักบิดทั่วโลก เพราะโมเดลรุ่นนี้ถอดแบบโครงสร้างหลักของ Scout Bobber รุ่นพี่มาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ตั้งแต่ชุดเฟรม ระบบเบรก ระบบกันสั่นสะเทือน บังโคลนท้าย หรือแม้แต่ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ V-Twin ของ Scout Bobber Sixty 2020 ลดปริมาตรความจุเครื่องยนต์จาก 1200 ให้เหลือ 999 ซีซี และลดขนาดให้เหลือเพียง 60 ลูกบาศก์นิ้วเท่านั้น มาพร้อม 5 เกียร์สปีด ขุมพลังขับเคลื่อนสูงสุด 78
เมื่อปฏิทินวนมาถึงเดือนมีนาคมที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อนบ้านเรา ถึงคราวที่พระอาทิตย์จะได้แผลงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่และสาดแสงแรงกล้าพุ่งทะยานมายังพื้นโลกแบบไม่เกรงใจใคร จริงอยู่ที่ฤดูร้อนนั้นเป็นเรื่องแสนธรรมดาที่เราต้องเจอกันอยู่ทุกปี แต่ต้องยอมรับว่าสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ มีผลต่ออารมณ์และอาจทำให้ผู้ชายหลายคนกายร้อน ใจร้อน หรือหัวร้อนจนพาลหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้อย่างง่าย ๆ หนุ่มบางคนอาจเลือกดับร้อนด้วยการกระโจนลงน้ำ บ้างปรับอุณหภูมิให้ลดต่ำและนอนตากแอร์โดยไม่ก้าวเท้าออกไปไหน แต่สำหรับเราวิธีคลายร้อนที่ง่ายที่สุดคือการหอบเรือนร่างกำยำออกไปหาไอศกรีมเย็น ๆ กินให้ชื่นใจ ยอมโดนความเย็นสุดขั้วจู่โจมจนปวดหัวจี๊ดหลับตาปี๋ ดีกว่าทนร้อนเหงื่อซ่กไปทั่วทั้งตัว จริงไหมครับ? วันร้อน ๆ แบบนี้ UNLOCKMEN เลยขอชวนคุณมาลิ้มชิมเมนูของหวานเพื่อดับกระหายคลายร้อนกันที่ร้าน ‘ถ้วยถังไอติม’ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านที่เสิร์ฟไอศกรีมแบบจีนคู่กับซาลาเปาไร้ไส้ หัวมุมถนนจุดตัดระหว่างซอยจุฬาลงกรณ์ 12 และถนนบรรทัดทอง เป็นที่ตั้งของ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านของหวานแนวใหม่ที่เสิร์ฟไอศกรีมหวานเย็นชื่นใจหลากรสชาติคู่กับหมั่นโถว ซาลาเปาไร้ไส้ของจีนที่แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเข้ากันได้ลงตัว ตัวร้านดีไซน์ออกมาแปลกตาและค่อนไปทางโบราณ ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูง ประตูกระจกขอบหนา และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน ที่ทำให้เรานึกถึงภาพโรงน้ำชาเก่าฉากหลังของภาพยนตร์จีนสมัยก่อน แปลกที่เมื่อก้าวเข้าไปในร้านกลับรับรู้ถึงความทันสมัยของโคมระย้าที่พุ่งลงมาจากเพดานคล้ายสไตล์ลอฟต์ มีตัวอักษรจีนสีนีออนติดผนังเป็นจุดนำสายตา (และอาจเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของที่นี่) ส่วนโซนที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งด้านนอกที่เป็นบาร์ไม้ทอดยาว และด้านในที่มีโต๊ะน้อยใหญ่ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เมนูของที่นี่จะแบ่งเป็นสามจานหลัก คือหมั่นโถว พุดดิ้ง และไอศกรีม โดยลูกค้าสามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ไอศกรีมรสโปรดกับท็อปปิงหรือหมั่นโถวแต่ละแบบได้ตามชอบ แถมยังมีไอศกรีมรสชาติแปลก ๆ ให้เลือกอีกมากมาย ตั้งแต่ไอศกรีมรสเกาลัด ถั่วตัด นมชมพูถั่วแดง น้ำเต้าหู้งาดำ ไมโลโรงเรียน หรือแม้แต่รสชานมไต้หวันก็ยังมี
เมื่อภาพยนตร์ James Bond ออกฉายครั้งแรกปี 1962 ตอนนั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าจักรวาลหนังสุภาพบุรุษสายลับจะเดินทางข้ามกาลเวลาและเติบโตมาถึงภาคที่ 25 ได้ แฟนหนังหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นหลานต่างเห็นยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านกับตัวเอกที่เปลี่ยนไป พอรู้ตัวอีกทีเราก็เดินทางมาถึงบทสรุปของสายลับรหัส 007 คนล่าสุดในภาค Bond 25: No Time to Die (2020) เสียแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องบอกลาสายลับคนล่าสุดของจักรวาล James Bond แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์นามว่า Swatch (สวอท์ช) จึงอยากเชิญผู้ชมทุกท่านย้อนความหลังตั้งแต่ Bond 1 จนถึง Bond 25 ผ่านคอลเลกชันเรือนเวลาที่ดึงเอกลักษณ์ของหนัง James Bond ภาคก่อน ๆ ทั้งหมด 6 ภาค พร้อมกับกล่องนาฬิกาดีไซน์เท่ถอดแบบมาจากตลับเทปชวนให้คิดถึง และไฮไลต์เด็ดของคอลเลกชันอย่างเรือนเวลานวัตกรรมล้ำสมัย Q Watch โมเดลรุ่นที่ 7 ออกแบบพิเศษมาเพื่อส่งท้าย Bond 25: No Time to Die โดยเฉพาะ เปิดตัวอย่างงดงามกับตัวอย่างภาพยนตร์ Bond
เรือนจำคือสถานที่ไม่น่าอภิรมย์ ไร้อิสรภาพ ต้องถูกจองจำอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการมีชีวิต ไม่ว่ายุคสมัยไหนคุกก็ไม่ใช่สิ่งดี คนส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากก้าวเท้าเข้าไปในสถานที่ที่มีแต่ความทุกข์และความตึงเครียด แถมเรื่องราวชีวิตของคนคุกก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งผ่านสารคดี ซีรีส์ และภาพยนตร์ แต่เราเชื่อว่าคงไม่มีใครเคยทำหนังเรือนจำแนวตั้งที่แบ่งแยกชนชั้นแบบสุดโต่งอย่างเรื่อง The Platform (2020) THE PLATFORM The Platform (2020) ภาพยนตร์สัญชาติสเปนที่จะฉายทาง Netflix เล่าเรื่องราวของคุกไม่ซ้ำใคร ผ่านชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ตื่นขึ้นมาในสถานที่ประหลาดมีแต่กำแพงสีเทา ไร้ประตู ไร้หน้าต่าง ไม่มีทางออก มีเพียงช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เป็นรูอยู่กลางห้อง และชายแปลกหน้านั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่อีกฝั่งของห้อง จนเขาได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในคุกประหลาดสูง 33 ชั้น ที่จะแบ่งนักโทษออกเป็นห้องละ 2 คน โลกของ The Platform อาจไม่เหมือนกับโลกที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน มันอาจโหดร้ายกว่า บิดเบี้ยวกว่า ดูได้จากระบบการจัดการเรือนจำที่ตัวเอกของเรื่องฟื้นขึ้นมา รูสี่เหลี่ยมตรงกลางห้องไม่ได้มีไว้เท่ ๆ หรือมีไว้ระบายอากาศเท่านั้น แต่เป็นช่องสำหรับขนส่งอาหารจำนวนมากมีทั้งคาวหวานและเหล้าชั้นเยี่ยมให้นักโทษได้ลิ้มรส แต่การกินนั้นแฝงไปด้วยความอยุติธรรม เพราะคนชั้นบน ๆ จะได้กินก่อน มีสิทธิเลือกอาหารที่ตัวเองอยากกินตามต้องการ จากนั้นไล่ระดับลงมาเรื่อย ๆ และคนอยู่ชั้นล่าง ๆ ก็ต้องกินของเหลือจากนักโทษชั้นสูงกว่า และในบางครั้งก็แทบไม่เหลืออะไรให้นักโทษชั้นล่างกินด้วยซ้ำ
ช่วงนี้คนที่กำเงินไปลงทุน หัวใจคงเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะเห็นชัดว่าเศรษฐกิจขาลงสุด ๆ พอร์ตก็แดง บิตคอยน์ก็ร่วงหลายกิจการได้รับผลกระทบเรื่องโควิด-19 จนเซกันเป็นแถวไม่ทางตรงก็ทางอ้อม UNLOCKMEN เชื่อว่าทุกคนคงเกิดคำถามและพยายามหาคำตอบว่าควรตั้งหลักอย่างไรกับเงินที่มีและการลงทุนช่วงนี้ ยิ่งวันนี้ SET ลงแตะ 1,100 จุดแล้ว เบรกแตกจนไม่รู้ว่าจะแหกโค้งไปถึงไหน! เพื่อไขข้อสงสัยด้านการลงทุน จะมีอะไรดีไปกว่าการถามกูรูการลงทุนหนุ่มเจ้าของหมวกกันน็อกที่ปิดบังหน้าตา แต่เป็นเจ้าของหนังสือและสื่อออนไลน์ที่วิเคราะห์ด้านการลงทุน “ลงทุนแมน” กับ 4 คำถามที่เราเชื่อว่าหลายคนสงสัยไม่ต่างกัน Q1: มนุษย์เงินเดือนที่อยากลงทุนตอนนี้ ควรลงทุนด้านไหนถึงจะดี หรือควรเก็บเงินสดไว้ในมือก่อน ลงทุนแมน: ทุกช่วงเวลา มีโอกาสลงทุนได้เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุนมากแค่ไหน การลงทุนที่เหมาะสมของแต่ละคนอาจต่างกัน บางคนรับความเสี่ยงได้น้อย บางคนรับความเสี่ยงได้มาก หลายคนคิดว่าลงทุนต้องให้ผลตอบแทนมากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วการลงทุนเราต้องได้ผลตอบแทนภายใต้สิ่งที่เราสบายใจด้วย ต่อให้ได้ผลตอบแทนเป็น 100% แต่ถ้านอนไม่หลับ เครียด มานั่งวิตกรายวัน ไม่แนะนำ เพราะสภาพจิตใจของเราสำคัญกว่าตัวเงินเสียอีก ความสบายใจในการลงทุนของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ขึ้นกับความเข้าใจในสิ่งที่ลงทุน ในธุรกิจเดียวกันบางคนอาจเข้าใจเป็นอย่างดี แต่บางคนอาจไม่เข้าใจเลย ดังนั้นคำตอบของเรื่องนี้ก็คือ ต้องถามกลับว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เราจะลงทุนมากแค่ไหน สินทรัพย์นั้นคืออะไร ทำธุรกิจอะไร โครงสร้างรายได้คืออะไร กรณีเลวร้ายที่สุดของธุรกิจนั้นคืออะไร ถ้าเราเข้าใจดีแล้ว
หนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในรถยนต์โดยเฉพาะโมเดลคลาสสิกที่ปล่อยออกมาระหว่างยุค 50’s-70’s คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของยนตรกรรมคันจิ๋วแต่โคตรแจ๋วอย่าง FIAT 500 (เฟียต 500) ตำนานซิตี้คาร์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและรูปแบบใช้งานรถยนต์ของผู้คนในทวีปยุโรปและทั่วโลก แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ Fiat 500 ครองความยิ่งใหญ่ได้ทั้งในยุคก่อนรวมถึงสามารถยืนระยะโมเดลตั้งแต่วันแรกมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ THE ICONIC CARS พาทุกคนไปทำความรู้จักยนตรกรรมคันจิ๋วเปลี่ยนโลกคันนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม Fiat 500 เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย Fiat Automobiles ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี เรื่องราวของมันเริ่มต้นในช่วงปลายยุค 50’s เป็นยุคสมัยที่เฟียตมีความคิดที่จะสร้างรถยนต์ขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อใช้งานในเมืองที่มีถนนแคบและมีประชากรแน่นหนาให้เป็น People Cars เหมือนกับโฟล์คสวาเกนบีทเทิลในเยอรมนี พวกเขาต้องการผลิตรถยนต์ Economy Car ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ผู้คนสำหรับการใช้งานใช้ชีวิตประจำวัน แต่อีกเหตุผลสำคัญที่สุดคือมันต้องเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงมาก มีค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยได้นำแนวคิดรถยนต์ขนาดเล็กแบบวางเครื่องหลังเหมือนในบีทเทิลมาใช้ แต่ถ่ายทอดออกมาภายใต้งานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเฟียต งานออกแบบในครั้งนั้นตกเป็นหน้าที่ของ ดานเต้ จิอาคอซา นักออกแบบรถยนต์ชาวอิตาเลียนและพัฒนาจนสามารถเปิดตัวครั้งแรกในปี 1957 โดยตั้งชื่อว่า Fiat 500 ซึ่งในเจเนอเรชันแรกประกอบไปด้วยรถรุ่นที่มีความแตกต่างกัน 6 โมเดลด้วยกัน Fiat 500 หรือ Fiat
ไม่น่าเชื่อว่าสังคมโลกในปี 2020 จะกลายเป็นสังคมที่ผู้คนต้องใส่หน้ากาก บางคนอาจใส่เพราะป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่เข้าไปทำร้ายปอด หลายคนตามหาซื้อแมสก์จำนวนมากเพราะต้องการป้องกันตัวเองจากไวรัสโควิด-19 ที่เวลานี้ยังแพร่กระจายในหลายพื้นที่ “ความต้องการซื้อ”ที่เพิ่มขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ทำให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าล้ำค่า หลายคนที่มีแมสก์ในครอบครองก็พยายามเอามาขายโก่งราคา หลายคนเก็บไว้ให้คนในครอบครัว จนหน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าควบคุมในหลายประเทศ เมื่อหน้ากากอนามัยหายาก จึงทำให้กราฟิกดีไซเนอร์นามว่า Justin Cicappara นึกสนุกลองออกแบบหน้ากากอนามัยคุณสมบัติอลังการภายใต้แบรนด์ Apple ดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร โดยได้โมเดลหน้ากากอนามัยมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ iMask, Apple Mask และ Mask Pro ที่มีคุณสมบัติต่างแตกกันโดยให้ผู้ใช้สามารถเลือกตามสถานการณ์ที่เหมาะสม และผลงานของเขาก็สร้างเสียงฮือฮาในโลกโชเชียลได้เป็นอย่างดี iMask โมเดลแรกคือหน้ากากอนามัยที่มีระบบฟิลเตอร์การกรอง 1 ชั้น ตัวหน้ากากอนามัยทำจากวัสดุ Surgical Material ที่วงการแพทย์ใช้อย่างแพร่หลาย หน้ากากมีขนาด 15 นิ้ว มี 5 สี คือสีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีชมพู เปิดอิสระการเลือกสีให้ตรงตามรสนิยม แม้ว่าแมสก์รุ่น iMask จะมีฟิลเตอร์