ยากูซ่าถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ถ้าเกิดเดินอยู่ตามถนนหนทางแล้วเห็นผู้ชายหน้าตาไม่เป็นมิตร มีแผลเป็นบนหน้า หรือเห็นขาโจ๋มีรอยสักขนาดใหญ่ตามลำตัวหรือแขนขา ไม่ต้องถามให้มากความคนทั่วไปก็จะคิดก่อนแล้วว่าเขาจะต้องเป็นยากูซ่าอย่างแน่นอน ด้วยภาพลักษณ์กับองค์ประกอบหลายอย่างทำให้คนจดจำยากูซ่าได้ รวมถึงภาพยนตร์และมังงะก็ยังขยันสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งอันธพาลครองเมืองออกมาอยู่เรื่อย ๆ และล่าสุดก็มาถึงมังงะเรื่อง Gokushufudo ที่เล่าเรื่องมาเฟียกลับใจล้างมือมาเป็นพ่อบ้านแสนดี Gokushufudo ถูกจัดให้เป็นมังงะหมวดคอมเมดี้ที่มีชื่อไทยว่า ‘วิถีพ่อบ้าน’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘พ่อบ้านสุดเก๋า’ ผลงานสร้างสรรค์จากปลายปากกาของอาจารย์ Oono Kousuke เพราะใคร ๆ ต่างก็เคยได้ยินการสร้างตำนานของยากูซ่ามาแล้วบ่อยครั้งจนเบื่อ แต่ Kousuke เลือกหยิบเรื่องยากูซ่ามาบิดให้แตกต่างน่าสนใจมากขึ้น ด้วยการเล่าถึงพระเอกของเรื่องถูกเรียกว่า ‘Immortal Tatsu’ หรือ ‘ทัตสึผู้เป็นอมตะ‘ ที่ทั้งเขาโหด โฉด เถื่อน และเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ทัตสึเป็นชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูน่ากลัว เขามีรอยสักมังกรอยู่กลางหลัง รอบต้นแขน รวมถึงแผงอก มีแผลยาวที่เดาว่าโดนดาบซามูไรฟันเข้าที่ดวงตา ทัตสึสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมาด้วยการบุกเดี่ยวไปถล่มรังแก๊งคู่อริจนกลายเป็นยากูซ่าที่คนในวงการเกรงขาม เมื่อเอ่ยชื่อของเขาใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก มีประวัติอาชญากรรมยาวเป็นหางว่าว และคนที่รู้จักต่างก็คิดว่าคงไม่มีใครสามารถหยุดปีศาจคนนี้ได้ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่ออยู่มาวันหนึ่ง เขาตัดสินใจหันหลังให้กับวงการมืดอย่างกะทันหัน ล้างมือจากการเป็นยากูซ่าออกมาแต่งงานกับดีไซเนอร์สาวผู้ขยันทำงาน จากทัตสึผู้เป็นอมตะกลายมาเป็นทัตจัง พ่อบ้านหนุ่มที่คอยจัดการงานบ้านให้กับภรรยาที่ต้องออกไปทำงาน เขาต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของตัวเองจากไล่กระทืบหันไปซื้อของเข้าบ้านที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แย่งของลดราคากับเหล่าแม่บ้านคนอื่น ฝากตัวเขากับสมาคมแม่บ้านชุมชน ทำอาหารเช้าให้แฟนสาว กวาดบ้าน
ความผิดหวังที่เป็นเหมือนหมอกหนาปกคลุมความรู้สึก ทำให้เรามองไม่เห็นทางที่จะก้าวไปข้างหน้า จนเรายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่หมอกร้ายนั้นยังปกคลุมหนาแน่น ไม่มีท่าทีจะจางหายไป เพราะเราไม่อาจจมอยู่กับความผิดหวังนั้นไปได้ตลอด ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อปัดเป่าความผิดหวังนั้นออกไป หากยังไม่มีแรงลองเลือกสักเรื่องจาก 5 หนังที่เราอยากแนะนำ ในวันที่อยากเริ่มต้นใหม่ หันหลังให้กับทุกความผิดหวังที่ผ่านมา Begin Again (2013) Director : John Carney เพลง Lost Star ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองในตอนนั้น มาจากเรื่องราวแสนปวดร้าวของ Gretta (Keira Knightley) กับแฟนหนุ่มที่เป็นศิลปินชื่อดังอย่าง Dave (Adam Levine) ที่ต้องเลิกรากันไปด้วยเรื่องมือที่สาม การพบกันในบาร์ของ Gretta และ Dan (Mark Ruffalo) ผู้บริหารค่ายเพลงที่อยากดึงตัวเธอมาร่วมงานและหวังให้เธอเป็นศิลปินที่จะมาช่วยกู้วิกฤตในอาชีพของเขา เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ที่ต่างมีเรื่องราวเจ็บปวดที่ต้องการเยียวยา ทั้งคู่ต่างใช้บทเพลงเพื่อให้ตัวเองได้สมหวังกับเรื่องราวในชีวิต แต่ละตัวละครต่างมีปมที่ขมวดแน่น เฝ้ารอการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากปมเหล่านั้นที่รั้งเอาไว้มาตลอด ถือว่าดูง่ายกว่าเรื่อง Once เยอะอยู่เหมือนกัน เป็น Story และการถ่ายทอดที่เข้าถึงง่าย มีเพลงเพราะ ๆ ไม่แพ้กันได้ฟังตลอดทั้งเรื่อง แม้ฟังดูดราม่าจะเข้มข้น แต่พอได้ดูจริง ๆ มันจะ Flow ของมันไปเรื่อย ๆ แบบที่ไม่ชวนให้อึดอัดเลยแม้แต่น้อย (แถม
ในยุคที่มีช่องทางเผยแพร่ผลงานเยอะยิ่งกว่าเยอะ ผลงานที่ผู้คนสร้างสรรค์จึงผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด เราอยู่ในยุคสมัยที่ใครก็มีเพลงเป็นของตัวเองได้ ใคร ๆ ก็แสดงผลงานศิลปะของตัวเองได้ ใคร ๆ ก็มีงานเขียนเผยแพร่ได้เช่นกัน ปี 2019 จึงไม่ได้วัดกันแค่ “ผลงาน” อีกต่อไป “ตัวตน ทัศนคติ การเรียนรู้ไม่รู้จบ และกาลเวลา” กลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าคุณคือ “Legend” ไหม? คุณเป็น “ระดับตำนาน” ได้หรือยัง? ไม่เพียงเท่านั้นสถานะ Legend ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะนิยามตัวเอง หรือเที่ยวประกาศบอกใคร ๆ ได้ คล้ายเป็นถ้วยเกียรติยศที่ผู้คนจะมอบให้คุณเอง ตลอดปี 2019 UNLOCMEN ได้พบปะและสนทนากับบุคคลสำคัญจำนวนมาก ทุกคนมีความงดงาม เก่งกาจ และโดดเด่นหาตัวจับยากในทางทางของตัวเอง แต่ถ้าจะให้นิยามคำว่า “Legend” มอบความหมายของตัวตน ผลงานที่ท้าทายเหนือกาลเวลา เราเชื่อว่านี่คือ “LEGEND OF THE YEAR: 5 LEGENDS แห่งปี 2019 ที่ไม่ได้มีแค่ผลงาน แต่คือความเป็นตำนานที่เราชื่นชม พงษ์สิทธ์
ช่วงเวลาส่งท้ายปี 2019 กำลังจะผ่านพ้นไปและ UNLOCKMEN ก็พร้อมสำหรับการเริ่มต้นปี 2020 ที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นธรรมเนียมส่งท้ายปีที่เราจะเลือกบุคคลที่เป็นที่สุดแห่งปี จากผู้คนจำนวนมากที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักและพูดคุย คราวนี้ถึงคิวของ “COOL BUSINESS OF THE YEAR” ปี 2019 ที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกับเจ้าของธุรกิจหลากหลายรูปแบบที่เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองหลงใหลให้กลายเป็นธุรกิจ เราได้รับฟังมุมมองของคนที่รักการพัฒนาผลงานและคิดค้นสิ่งใหม่ รวมไปถึงได้รับรู้อุปสรรคต่าง ๆ ที่แต่ละคนพบเจอมา และนี่คือ 5 เจ้าของธุรกิจสุดคูลที่มอบแรงบันดาลใจให้เรามากที่สุดประจำปีนี้ VOLK STORY BKK ผู้คนมากมายต่างหลงใหลรถยนต์คลาสสิกของโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) แต่จะมีสักกี่คนที่นำความหลงใหลมาต่อยอดสู่ธุรกิจ ขายอะไหล่และคืนชีพโฟล์คสวาเกนคลาสสิกเหมือนกับ จุ-จุรีพร กมลธรรมกุล เจ-ธเนส กมลธรรมกุล และรัตน์-จุรีรัตน์ กมลธรรมกุล 3 พี่น้องที่หลงใหลในเรื่องราวของ VW การที่เราหาอะไหล่ดี ๆ ให้กับลูกค้าได้แล้วเขามีความสุข ตัวเราเองก็มีความสุขไปด้วย VOLK STORY BKK คือสถานที่ที่เกิดจากความรักในรถยนต์คลาสสิกของโฟล์คสวาเกน ที่ไม่เพียงให้บริการด้านอะไหล่ ซ่อมบำรุงและคืนชีพ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทั้ง 3 คนได้ทำคอนเทนต์บอกเล่าเรื่องราวของรถยนต์ที่พวกเขาหลงใหล รวมถึงเรื่องราวของรถยนต์และเจ้าของที่มาใช้บริการ
อาจเพราะช่วงนี้ได้ยินชื่อของ “โชค บูลกุล” บ่อยในโซเชียล ไม่ว่าด้วยความบังเอิญ หรือ AI จัดสรร ทำให้พอวันนี้จะเขียนเรื่อง Unlock Corp เราก็คิดถึงธุรกิจของเขาขึ้นมาทันที เพราะเรื่องราวการบริหารกับเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอจัดว่าเป็นวิกฤตที่หลายคนยังคงจดจำได้และฮาร์ดคอร์ทีเดียว ธุรกิจของฟาร์มโชคชัยเป็น Case Study ที่น่าสนใจ ยิ่งวันที่อยู่ในมือของ “โชค บูลกุล” ด้วยแล้ว ยิ่งต้องยอมรับว่าหลายเรื่องน่าทึ่งและไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบเดียวกับเขา ใช้วิธีปลดหนี้ 500 ล้านจากการแบ่งขายธุรกิจบางส่วนที่เป็นหน้าเป็นตาในวันนั้น กรีดหัวใจและความเชื่อมั่นจากคนในและคนนอกที่มองมา เวลานั้นคงไม่มีใครคิดว่าฟาร์มโชคชัยที่กำลังดิ่ง ๆ จะฟื้นกลับมาหน้าตาหล่อเหลา มีเงินสดไหลเวียนธุรกิจได้ในระดับพันล้านเหมือนวันนี้ 2537 ฟาร์มโชคชัยไม่ใช่เจ้าของแบรนด์นมสดที่ชื่อฟาร์มโชคชัย ดร. โชคชัย บูลกุล คือผู้บุกเบิกฟาร์มโชคชัย เขาเครซี่คาวบอยและฝันอยากเป็นสัตวบาลมาแต่ไหนแต่ไรจนวันหนึ่งลุกมาทำฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ทำเกษตรผสมผสานในโคราชบนเนื้อที่ขนาด 250 ไร่ จากอดีตจนถึงตอนนี้ถ้าถามหาเรื่อง “ตำนานคาวบอย” ในประเทศไทย ชื่อของเขายังคงเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง ส่วน “โชค บูลกุล” ผู้บริหารคนปัจจุบันเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา สายเลือดของการเป็นสัตวบาลที่ยังเข้มข้นทำให้เขาเลือกเรียนด้านปศุสัตว์ ไม่ได้เรียนด้านการบริหารธุรกิจ แต่เพราะความแตกต่างนี้นี่แหละที่ทำให้มุมมองการทำธุรกิจและแก้ปัญหาของเขาแตกต่างจากคนอื่น รวมทั้งเทคนิคที่เรามองว่ามันคือหัวใจสำคัญของการทำงานสไตล์เขาที่มักให้สัมภาษณ์ทุกสื่อจนเป็นคำติดปากว่า “ผมเรียนไม่เก่ง”
เพลงบางเพลงสามารถสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับผู้คนมากมายได้ด้วยทำนองชวนแดนซ์ เปิดเมื่อไหร่ก็มันส์ ฟังสนุก แต่ใครจะรู้ว่าบางครั้ง บทเพลงเหล่านั้นก็เป็นดั่ง ‘มีดอาบน้ำผึ้ง’ ที่ซ่อนเนื้อหาดาร์ก ๆ เอาไว้บนเมโลดี้สดใส จนหลายคนไม่ได้สังเกตมาก่อนว่าความหมายในเพลงมันโหดร้ายแค่ไหน วันนี้ UNLOCKMEN จะหยิบยก 5 เพลงฮิตติดหูที่ฟังแล้วอารมณ์ดี มาตีแผ่เนื้อหาขม ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เปิดเพลงนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณอาจรู้สึกกับมันไม่เหมือนเดิม! Pumped Up Kicks – Foster The People เพลงนี้จัดว่าเป็นที่นิยมสำหรับงานรื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นสาวกของวงก็คงจะรู้ที่มาที่ไปของเนื้อหากันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ฟังแบบไม่ได้คิดอะไร รู้ไหมครับว่าในเนื้อเพลงที่ร้องว่า “All the other kids with the pumped up kicks You’d better run, better run, out run my gun” (พวกเด็กทั้งหลายที่ใส่รองเท้า Pumped up kicks เธอควรจะวิ่งหนีไป
“ปี 2020 จะเป็นอีกปีที่หนักหน่วง” สำนักข่าวและผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงพูดถึงสภาวะเศรษฐกิจของปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงไว้แบบนั้น คนทำงานอย่างเรา ๆ นอกจากหาหนทางประหยัดหัวแทบแตก เสาะค้นวิธีหาเงินให้เพิ่มพูนจนแทบคลั่ง อีกวิธีที่เหมือนจะทำได้ง่ายที่สุดคือ “การเก็บเงิน” เพราะการมีเงินเก็บสำรองไว้ในช่วงที่อะไร ๆ ฝืดเคืองก็ย่อมอุ่นใจกว่า รวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างความป่วยไข้ อุบัติเหตุ ฯลฯ ที่ทำให้เราต้องใช้เงิน ถ้ามีเงินเก็บสักก้อนติดตัวไว้ก็ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้สะดวกกว่าไม่มีเงินเลยแน่นอน แค่ตั้งใจยังไม่พอ ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปัญหาคือเราทุกคนล้วนอยากมีเงินเก็บกันทั้งนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เรามักไม่ค่อยเจียดเงินมาเก็บกันสักเท่าไร เอาแต่บอกว่าเดือนหน้าแล้วกัน ผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ จนสิ้นปีทีไร นอกจากเงินเก็บไม่มีแล้ว อาจกระเป๋าเงินแห้งกรอบจนฉลองปีใหม่ไม่สนุกอีกด้วย Wendy De La Rosa ผู้เชี่ยวชาญด้าน Behavioural sciences บอกว่าใคร ๆ ก็ตั้งใจเก็บเงินกันทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็มักล้มเหลว ไม่ใช่เพราะว่าเราตั้งใจไม่พอ แต่เป็นเพราะว่าหลาย ๆ ครั้งสภาพแวดล้อมก็พาเราไปสู่นิสัยทางการเงินที่เราเคยชิน ดังนั้นการเก็บเงินจึงไม่ใช่แค่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินเท่านั้น แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาเพื่อล่อลวงให้ตัวเองนั้นเก็บเงินได้ด้วย “ไม่ใช่แค่ตั้งใจจะเก็บเงินเท่านั้น แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาเพื่อเก็บเงิน” งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เธอศึกษา เธอแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม
ตราบเท่าที่ความขมปนอร่อยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นรสชาติที่ถูกปากและถูกใจผู้ชาย UNLOCKMEN ก็ไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะเสาะหาบาร์เหล้าเจ๋ง ๆ และค็อกเทลแก้วพิเศษจากทั่วกรุงเทพฯ มาแนะนำให้หนุ่มนักดื่มทุกคนได้รู้จัก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านนี้ต้องยอมรับว่ามีบาร์เหล้าเท่ ๆ เปิดใหม่หลายแห่ง แต่ไม่ใช่ทุกบาร์จะออกแบบร้าน เสิร์ฟเครื่องดื่ม หรือบรรเลงบทเพลงได้ถูกจริตกับไลฟ์สไตล์แมน ๆ ของผู้ชายเรา ก่อนหมดปี 2019 นี้ UNLOCKMEN เลยอยากชวนหนุ่ม ๆ มาฉลองส่งท้ายปีกับ 5 บาร์เหล้าสุดเจ๋งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ชาย และเรายกย่องให้เป็น Mancave of the Year เชื่อว่าหนึ่งในร้านเหล่านี้ต้องถูกใจพวกคุณแน่นอน Lennon’s เริ่มต้นที่ Lennon’s บาร์ลับยุค 70s ใจกลางเพลินจิตที่รวบรวมตลับเทปและแผ่นไวนิลไว้กว่า 6,000 แผ่น บรรยากาศของร้านตกแต่งให้ดูย้อนยุคและสะท้อนความเป็น Art Deco ความพิเศษของที่นี่คือทุกวันอังคารถึงวันเสาร์จะมีดีเจมาสปินแผ่นไวนิล เพื่อคงความเป็นแอนะล็อกเอาไว้ โดยปราศจากการเล่นเพลงดิจิทัล พร้อมใช้เครื่องเล่นเพลงเกรดพรีเมียมช่วยดึงผู้ฟังให้ดำดิ่งลงไปในท่วงทำนองดนตรีมากยิ่งขึ้น นอกจากโซนบาร์เหล้าที่ประดับด้วยโคมระย้าและโซนชมวิวตึกระฟ้า อีกจุดเด่นของร้านนี้คือเลานจ์สูบซิการ์ที่อบอวลไปด้วยแสงสลัวและม่านควัน แถมยังมีซิการ์หายากจากประเทศคิวบาอย่าง pre-embargo Cigars อีกด้วย ค็อกเทลของ Lennon’s ได้แรงบันดาลใจมาจากบทเพลงและตัวศิลปิน จึงตั้งชื่อเมนูที่บ่งบอกรสชาติของค็อกเทลและรสชาติดนตรีในเวลาเดียวกัน
หากพูดถึงวัฒนธรรมดนตรีจากเกาะอังกฤษ เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึง ‘Britpop’ มูฟเมนต์ครั้งสำคัญที่ทำให้ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอังกฤษส่งอิทธิพลต่อวงการเพลงไปทั่วโลก นำทีมโดย 4 จอมทัพที่ผู้คนต่างเรียกกันว่า ‘Big Four’ ประกอบไปด้วย Oasis, Blur, Suede และ Pulp (ในบ้านเรา Oasis จะได้รับความนิยมที่สุด แต่อันที่จริง Suede ถือว่ามาเป็นวงแรกของมูฟเมนต์นี้นะครับ) และกระแสในครั้งนั้นก็ได้เข้ามาฟาดฟันกับดนตรีกรันจ์ร็อกอันเป็นที่นิยมในฝรั่งอเมริกา เรียกว่าเป็นยุคที่ดนตรีร็อกเฟื่องฟูและยึดครองพื้นที่สื่ออย่างแท้จริง แต่หากย้อนไปอีกนิด ก่อนจะมี Oasis เป็นดาวเด่น ณ เมืองตอนเหนือของเกาะอังกฤษที่เรียกว่าแมนเชสเตอร์ เคยเกิดมูฟเมนต์สำคัญที่กลายเป็นจุดกำเนิดของอะไรหลาย ๆ อย่างมาก่อน คือความเคลื่อนไหวทางดนตรีที่เรียกว่า Madchester สิ่งนี้เกิดขึ้นและเฟื่องฟูช่วงปลาย 1980 ถึงต้น 1990 และกลายเป็นรากฐานให้กับวง Britpop หลากหลายวงในเวลาต่อมา รวมทั้งส่งอิทธิพลสำคัญต่อดนตรีแนว House ที่ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็น EDM ในปัจจุบันอีกด้วย กำเนิด Madchester หากย้อนกลับไปอังกฤษในยุค 1980 เศรษฐกิจในประเทศตกต่ำอย่างรวดเร็ว อัตราว่างงานสูงจนน่าตกใจ แถมบรรยากาศบ้านเมืองก็เต็มด้วยความอึดอัดตึงเครียด (แม้เราจะเกิดไม่ทัน แต่ศิลปินยุคนั้นเขามักจะพูดถึงในลักษณะนี้เป็นทำนองเดียวกันนะครับ) ผู้คนยุคนั้นจึงเริ่มเสาะแสวงหาความบันเทิงราคาถูก
“คนเก่ง” คือประเภทคนที่ทุกองค์กรล้วนต้องการตัว เพราะเชื่อว่าคนเก่งนั้นจะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เมื่อได้คนเก่งระดับพระกาฬมาร่วมงานกับองค์กรแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่หวังเสมอไป เพราะคนเก่งนั้นอาจหาหาได้ แต่เพราะเก่งอยู่คนเดียวอาจยังไม่พอ แล้วเก่งแบบไหนถึงจะเรียกว่าเก่งแบบมีประสิทธิภาพ? เก่งแบบไหนถึงจะไม่เก่งอยู่ลำพัง แต่เก่งแล้วเติบโตไปพร้อมกับทีมและองค์กรได้? มาสำรวจคุณสมบัติคนเก่งในทีมของเรา หรือสำตัวเอง (หากเราคิดว่าเราเก่ง) ว่าเก่งอย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่? ในวันที่สมรภูมิการทำงานและการแข่งขันทางธุรกิจดุเดือดแบบนี้ แค่เก่งคงไม่พอ และเก่งอยู่คนเดียวก็คงไม่รอด เก่งแล้วต้องสื่อสารรู้เรื่อง การสื่อสารถือเป็นสกิลสำคัญที่เชื่อมโยงคนทำงานไว้ด้วยกัน เพียงเสี้ยวเดียวที่สื่อสารผิดพลาดไป อาจทำให้อะไร ๆ ผิดแผนไปไกลโข ดังนั้นการได้คนเก่งมาทำงานกับองค์กรถือเป็นโอกาสอันดีไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ถ้าผสมสกิลการสื่อสารเข้าไปจะยิ่งเก่งอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าคนเก่งนั้นสามารถทำงานตัวได้เก่งกาจ แต่ไม่อาจอธิบายหรือสื่อสาร ส่งต่อให้กับทุกคนในองค์กรได้ โดยเฉพาะคนเก่งเฉพาะด้าน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องที่อาจมีคำศัพท์หรือความรู้เฉพาะแบบ ยิ่งต้องสื่อสารให้เข้าใจง่าย และอธิบายให้คนอื่นสามารถไปทำงานต่อหรือทำงานร่วมกันได้จริง สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน ลองศึกษาวิธีง่าย ๆ ได้ที่ เก่งและพูดรู้เรื่อง “5 วิธีพูดเรื่องยากให้คนอื่นเข้าใจง่าย”ไม่ใช่อธิบายเข้าใจอยู่คนเดียว เก่งแล้วต้องบริหารจัดการเวลาให้อยู่หมัด เพราะโลกทุนนิยมนั้นโหดร้าย ปริมาณงานไม่เพียงแต่ต้องมีคุณภาพดีเท่านั้น แต่ต้องแข่งขันกับเวลาอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะในยุคที่อินเทอร์เน็ตคือส่วนหนึ่งของชีวิต อะไร ๆ ก็ดูจะไหลไปเร็วเสมอ ทั้งในแง่การทำงาน และในแง่การปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปกับความบันเทิงผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ดังนั้น Time Management ถือเป็นอีกสกิลสำคัญแห่งทศวรรษ ที่ใครเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการตัวเองได้มีประสิทธิภาพกว่าก็สามารถเก่งได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าด้วยเช่นกัน