กลับมาเป็นกระแสที่พูดถึงอีกครั้งสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “4 KINGS” ที่นำเสนอเรื่องราวของบรรดาเด็กอาชีวะในยุค 90’s ที่ประกอบไปด้วย อินทรอาชีวศึกษา , เทคนิคบุรณพนธ์ , กนกเทคโนโลยี และ เทคโนโลยีประชาชื่น (ในภาพยนตร์ปรับชื่อเป็นประชาชล) เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าหากบรรดาเด็กช่างกลต่างสถาบันเจอหน้ากันเมื่อไหร่ก็จะยกพวกซัดกันยับเกือบจะทุกที ซึ่งมันเป็นปัญหาที่คาราคาซังแก้ไขไม่หายมานานหลายสิบปี แถมยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าต้นกำเนิดแนวคิดแบบนี้มันเริ่มมาจากใครเป็นคนแรก? “4 KINGS” นำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถมากมาย เช่น เป้ อารักษ์ (ดา อินทร), ณัฏฐ์ กิจจริต (โอ๋ ประชาชล), จ๋าย ไททศมิตร (บิลลี่ อินทร), ภูมิ รังษีธนานนท์ (รูแปง อินทร), D Gerrard (ยาด เด็กบ้าน), ทู สิราษฎร์ (เอก บุรณพันธ์) และ โจ๊ก อัครินทร์ (มด ประชาชล) เป็นต้น ทั้งหมดได้มารวมตัวบนเรื่องราวที่ถูกผูกปมไว้นับตั้งแต่ต้นเรื่อง แม้ภาพยนตร์จะถูกโปรโมตด้วยการชูโรงฉากยกพวกตีกันของเหล่าบรรดานักศึกษาต่างสถาบัน แต่เอาเข้าจริง ๆ
หากเอ่ยชื่อสตูดิโอหนังอินดี้อย่าง A24 คนดูหนังรุ่นใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จักค่ายหนังที่อุดมไปด้วยผลงานสร้างสรรค์อันแสนท้าทาย เป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอุตสาหกรรมหนังนอกกระแสที่น่าจับตาแห่งทศวรรษนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณมาทำความรู้จักค่ายหนังคุณภาพค่ายนี้ ว่าเพราะอะไร เมื่อหนังถูกปะยี่ห้อด้วยโลโก้ A24 ถึงกลายเป็นหนังที่ทุกคนเชื่อมั่นว่าต้องเจ๋งอย่างแน่นอน บนทางมอเตอร์เวย์สาย A24 สู่เส้นทางสายหนังอินดี้ที่น่าจับตา A24 เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อเพื่อนซี้ทั้ง 3 Daniel Katz, David Fenkel และ John Hodges ที่รักในการดูหนังระดับฝังเข้าเส้น ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อตั้งสตูดิโออิสระโดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดงานสร้างและทำการตลาดในรูปแบบที่แปลกและแตกต่าง Daniel Katz บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของชื่อ A24 อย่างเรียบง่ายนี้ว่า “พวกผมใฝ่ฝันมาตลอดที่จะทำสตูดิโอสร้างหนังอินดี้เล็กๆ พูดตามตรงตอนที่พวกเราตัดสินใจออกจากงานประจำที่ทำอยู่ก็กลัวไม่ใช่น้อยเช่นกัน จนกระทั่งพวกเราได้ขับรถไปยังกรุงโรม ขณะที่พวกเราอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ เราเหลือบไปเห็นป้าย A24 เราก็บอกพรรคพวกว่า “เฮ้…ถึงเวลาที่เราต้องทำแล้วว่ะ” ว่าแล้วตัดสินใจลาออก และใช้ชื่อนี้ตั้งบริษัทกันเลย” หาความแตกต่างและสร้างสรรค์ให้สุดขั้ว ผู้บริหารสตูดิโอทั้ง 3 มีความรักและชอบในหนังอินดี้ยุค 90s เข้าเส้นเลือด เขาค้นพบว่าเมื่อโลกหมุนเข้าสู่ศักราชที่ 2000s ดูเหมือนพลังสร้างสรรค์และความกล้าหาญของหนังอเมริกันอินดี้ถูกลดทอนลงอย่างน่าใจหาย “มันเริ่มไม่มีหนังที่เราอยากจะดูมันแล้ว
การหลงป่า คงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับใครสักคนง่าย ๆ แต่ก็อย่างที่เรามักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวพลัดหลงเข้าไปในเขตอุทยานต่าง ๆ จนต้องมีการรวมทีมออกค้นหาอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะความประมาทหรือไม่คุ้นเคยพื้นที่ ทำให้เป็นต้นเหตุอันนำไปสู่การหลงป่า คุณเองก็คงคิดว่าชีวิตนี้ฉันคงไม่มีวันหลงป่าแน่ แล้วถ้าหากมันเกิดขึ้นกับตัวคุณละคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่มีทักษะการเอาชีวิตรอดในธรรมชาติมากแค่ไหน จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร วันนี้ UNLOCKMEN มี Survival Skills สำหรับการเอาชีวิตรอดจากป่ามาฝาก เพราะไม่แน่ว่าวันหนึ่งคุณอาจได้ติดป่าแบบหนัง Into the wild ก็เป็นได้ หรืออย่างน้อยเวลาที่คุณมีโปรแกรมออกไปตั้งแคมป์กับเพื่อน Skill ต่าง ๆ เหล่านี้ก็สามารถงัดมาใช้ได้เช่นกัน Survival Skill 1 : ค้นหาที่ตั้งแคมป์ให้เหมาะสม สิ่งแรกที่คุณต้องทำเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองหลงป่า และไม่มีทีท่าว่าจะออกไปได้ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกแน่ ๆ นั่นคือคุณจะต้องเริ่มหาสถานที่ตั้งแคมป์ให้ถูกต้อง มองหาที่สูงและแห้ง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่เป็นช่องเขาและทางน้ำไหล ร่วมไปถึงมองหาร่องรอยการผ่านของสัตว์ป่า เพราะคุณคงไม่อยากเจอช้างป่า หรือสัตว์มีพิษมาทักทายตอนหลับอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมองหาจุดที่เหมาะกับการหาน้ำดื่มและฟืนได้ง่าย เพื่อป้องกันการไปออกเดินไปหาของยังชีพในจุดอันตรายตอนกลางคืนโดยไม่จำเป็น Survival Skill 2 : สร้างที่พักชั่วคราว ถ้าหลงป่าในหน้าร้อนอาจไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะคุณจะไม่ต้องพบเจอสภาพอากาศที่เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหน้าฝนหรือหนาวละก็ที่พักคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณอยู่รอดได้ เพราะถ้าหากคุณไม่มีที่อยู่ที่สามารถกันลมและฝนได้ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงในตอนกลางคืนอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับสภาวะ Hypothermia ที่คร่าชีวิตนักเดินทางมานักต่อนัก วิธีง่าย ๆ
ความท้าทายของความรักว่ากันว่าไม่ใช่แค่ตอนคบกันใหม่ ๆ แต่มันเป็นช่วงที่ผ่านพ้นช่วงเวลาโปรโมชั่นไปต่างหาก เพราะมันจะเป็นระยะที่เราจะได้รู้จักตัวตนของกันและกัน เราจะได้เห็นข้อดีและข้อเสียแบบที่ไม่ต้องมานั่งสร้างภาพกันอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่คอยชี้วัดได้เลยว่าชีวิตคู่ของเราจะมีความสุขหรือความทุกข์ ในเคสที่คุณแฮปปี้มันก็ดีไป แต่ถ้าเจอในเคสที่แย่ คุณก็มีหน้าที่ที่ต้องแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้ความสัมพันธ์เดินต่อไปได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ ทะเลาะต้องเคลียร์ การใช้ชีวิตคู่ย่อมต้องเจอเรื่องหงุดหงิดใจมากมายที่นำไปสู่การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ และโดยมากมักจะคิดว่าสุดท้ายมันจะคลี่คลายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จึงปล่อยปัญหาเอาไว้แบบนั้นโดยไม่จัดการอะไร แต่จริง ๆ แล้วในบางครั้งมันกลับกลายเป็นความเครียดที่สะสมแอบซ่อนอยู่ข้างหลังเพราะคุณไม่ได้จัดการเคลียร์ความรู้สึกดังกล่าวให้มันชัดเจน คุณต้องลองกลับมามองเจาะลึกเข้าไปว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่เป็นปมอยู่ในใจมันทำให้เรารู้สึกห่างไกลความสัมพันธ์กับคู่รักของเราหรือไม่? คุณทนมันได้จริง ๆ หรือเปล่า? มันได้ดึงเอาความรู้สึกดี ๆ ของคุณออกไปด้วยหรือไม่? หากคุณคบกันผ่านไปหลายปี แต่มักจะมีการขุดเอาปัญหาดังกล่าววนเวียนกลับมาทะเลาะกัน และต่างคนต่างไม่มีใครเปลี่ยนตัวเองซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำให้คุณลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาคาราคาซังที่เคยเป็นปมทะเลาะกันบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่เพราะมันจะช่วยอะไรไม่ได้แน่นอน สังเกตจากคำพูด สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความสัมพันธ์ที่ไม่โอเค บางครั้งมันก็ออกมาจากคำพูดโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น “เธอแม่งทำตัวเรื่องมากจนชินแล้วล่ะ” “เดี๋ยวครั้งหน้าเธอก็คงมาสายเหมือนเดิมอีกนั่นแหละ” “คนอื่นคบกันคงไม่มีปัญหานี้เหมือนกับเราหรอกมั้ง” หากมีชุดความคิดนี้หลุดปากเราออกมาบ่อย ๆ มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณไม่ได้มีความสุขกับชีวิตคู่ เพราะมันแฝงไปด้วยความรู้สึกด้านลบที่กดทับความสุขของเราเอาไว้จนต้องระบายออกมาในบทสนทนาโดยไม่รู้ตัว หากเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ควรรีบจัดการแก้ไขโดยทันทีก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ลง อารมณ์ร้อนไม่ใช่เรื่องดี จริงอยู่ที่การทะเลาะกันของคู่รัก จากเรื่องเล็ก ๆ
ในช่วงต้นยุค 2000’s หรือยุคมิลเลเนียม ดนตรีร็อกในอเมริกามีกระแสดนตรีหลากหลายแนวที่ได้รับความนิยม แต่หลัก ๆ ต้องยกให้ นูเมทัล, ป๊อปพังก์ และโพสต์กรันจ์ แม้วงเหล่านี้จะนิยมเล่นดนตรีที่หนักหน่วงและเกรี้ยวกราด แต่พวกเขาก็มีเพลงช้าไว้ใช้สำหรับการโปรโมตเป็นอาวุธติดตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งเพลงเหล่านี้ที่ทำให้ชื่อเสียงของวงในยุคนั้นต่างโด่งดังและประสบความสำเร็จ Unlockmen Playlist จึงขอนำเสนอบเพลงร็อกจากฝั่งอเมริกาแห่งยุค 2000’s ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน มาร่วมย้อนเวลาไปหาความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้นกันครับ 1.IN THE END LINKIN PARK ผลงานจากอัลบั้มแรกนามว่า Hybrid Theory ของวง Linkin Park ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพลงที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักชื่อของพวกเขาอย่างกว้างขวางกับดนตรีสไตล์แร็ป/ร็อก นูเมทัล ที่มาพร้อมกับเมโลดี้ทั้งดนตรีและเสียงร้องสุดติดหู ชนิดที่ว่าฟังครั้งเดียวก็ติดหนึบในโสตประสาทแบบแกะไม่ออกเลยทีเดียว 2.MY SACRIFICE CREED วง Creed ถือเป็นวงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดเพลงร็อกในอเมริกากับดนตรีสไตล์โพสต์กรันจ์ที่เน้นเนื้อหาเอาใจชาวคริสเตียน แต่ถ้าจะให้พูดถึงบทเพลงที่โด่ดังที่สุดตลอดกาลคงต้องยกให้กับ “My Sacrifice” ที่นอกจากดนตรีจะตราตรึงใจ ตัว MV ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนต่างจดจำโดยเฉพาะซีนที่ Scott Stapp อยู่บนเเรือและได้ดึงตัวเองอีกคนที่จมน้ำขึ้นมา 3.WHERE EVER
ถ้าให้คุณนึกถึงรถยนต์ที่โดดเด่นด้วยความเร็ว, ความแรง อีกทั้งยังโดดเด่นไปด้วยดีไซน์ที่โคตรเท่ สิ่งที่แล่นเข้าหัวของคุณอย่างรวดเร็วจะต้องนึกถึง Nissan Skyline GT-R อย่างแน่นอน แค่ได้เห็นชื่อก็รู้สึกได้ถึงความทรงพลังแล้ว มันคือรถยนต์ในตำนานที่ถูกกล่าวขานมาโดยตลอดเสมอ ซึ่งในปัจจุบันราคาของมันโดยเฉพาะรุ่นตั้งแต่ยุค 90’s ลงไปพุ่งทะยานขึ้นไปสูงหลักหลายล้านเลยทีเดียว Nissan Skyline มีคนที่หลงใหลอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ถ้าหากพูดถึงในบ้านเราคงจะมีแค่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่อุทิศชีวิตให้รถยนต์รุ่นนี้ทุกลมหายใจ เขาเป็นคนที่สะสม Nissan Skyline GT-R ไว้มากที่สุดในประเทศไทย และเขามีนามว่า “รัฐชัย ธรรมารัตน์” หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม “Heng’s Garage” ความชอบรถยนต์ตั้งแต่วัยเยาว์ เฮงเป็นคนที่ชื่นชอบรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาให้ความสนใจทุกครั้งที่เห็นรถยนต์ในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน, ทีวี หรือนิตยสารต่าง ๆ เฮงได้เก็บความรู้สึกชอบเอาไว้จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงมัธยม เขาได้ไปเจอเพื่อน ๆ ในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลที่เริ่มมีรถยนต์ขับกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เฮงได้มีรถคันแรกเป็นของตัวเอง “ตอนช่วงมัธยมเพื่อน ๆ ก็มีรถกันแล้วแต่เรายังไม่มี จนสุดท้ายผมก็ได้ซื้อรถคันแรกเป็นของตัวเองคือ Volvo 940 ซื้อมาปุ๊ปผมก็เอามาแต่งเลย ทำเฮดเดอร์, วางเทอร์โบ สุดท้ายมาจบที่ลงเครื่อง 2J ส่วนสาเหตุที่ซื้อเพราะผมมองเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลอันย่ำแย่โดยแท้จริงสำหรับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยนักเตะซุปเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงมากมาย แต่กลับต้องหล่นจากทีมลุ้นแชมป์กลายมาเป็นทีมที่ต้องลุ้นพื้นที่ไปยูโรป้าลีกแทน ถึงแม้ว่าจะมีการปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ไปกลางฤดูกาล และได้ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีมขัดตาทัพชั่วคราว แต่ผลงานกลับไม่กระเตื้องขึ้นทำเอาแฟนบอลปีศาจแดงไม่อยากจะเสียเวลาเปิดดูแมตช์การแข่งขันกันเลยทีเดียว แน่นอนว่านอกจากแทคติกของโค้ชที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่บรรดานักเตะฟอร์มห่วยก็มีส่วนกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเช่นกัน ใครที่ได้ชมเกมการแข่งขันจะพบว่ามีนักเตะหลาย ๆ คนเล่นบอลเหมือนไม่มีแพชชั่น ขาดความกระหายในการไล่ล่าชัยชนะ มันแตกต่างจากนักเตะทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือลิเวอร์พูล โดยสิ้นเชิง เอาจริง ๆ ก็เทียบไม่ได้กับทีมที่ลุ้นพื้นที่ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, อาร์เซนอล และเชลซี เลยด้วยซ้ำ ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นสิ่งแรกที่เอริก เทน ฮาก ว่าที่กุนซือคนใหม่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะต้องจัดการเป็นอย่างแรกเพื่อปรับปรุงทีมให้เข้ารูปเข้ารอย และเป็นการคัดกรองนักเตะจากความรอยัลตี้ที่มีต่อสโมสรด้วยเช่นกัน และนี่คือเหล่าบรรดานักเตะที่ในฤดูกาลนี้สอบตกอย่างรุนแรง พอล ป๊อกบา กองกลางชาวฝรั่งเศสที่มีทรงผมโดดเด่นกว่าฝีเท้า ป๊อกบาถูกปีศาจแดงในยุคของโจเซ่ มูริญโญ่ซื้อตัวกลับมาจากยูเวนตุสด้วยค่าตัวสูงถึง 89.3 ล้านปอนด์ พร้อมกับการขายคอนเทนตด้วยคำว่า “Pogback” เขามาพร้อมกับความคาดหวังของบรรดาแฟนบอลที่อยากจะเห็นเข้าโชว์ฝีเท้าเทพ ๆ เหมือนสมัยที่วาดลวดลายกับทีมม้าลาย อย่างไรก็ตามตลอด 6 ฤดูกาลที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
เคยใช่ไหม? ที่ต้องมานั่งรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ได้ยินหรือพบเห็นคำนินทา บางครั้งก็ทำให้เรามานั่งสงสัยว่าเราไปทำอะไรให้เจ็บแค้นเคืองโกรธขนาดนั้นเลยหรอ? บางครั้งมันก็ลุกลามทำให้เราเครียด จนสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิต เพราะต้องมาคอยนั่งระแวดระวังว่าจะถูกใครด่าใครนินทาบ้าง เล่นเอาเสียความเป็นของตัวเองไปเลย หากคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้น และยังหาทางออกไม่ได้ ลองมาดูวิธีรับมือพวกปากหอยปากปูเพื่อกู้ความสุขเราให้คืนกลับมาจากทาง Unlockmen กันดีกว่าครับ ช่างแม่ง หลักการแรกพูดง่าย ๆ แต่ทำยากคือการ “ปล่อยวาง” หรือจะให้พูดแบบภาษาเข้าใจง่ายกว่านั้นคือ “ช่างแม่ง” เพราะชีวิตเรามันเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะได้พบเจอคำนินทาต่าง ๆ นานา ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เหมือนกับชาวพุทธศาสนิกชนที่ชอบพูดกันว่า “แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังโดนนินทา” ดังนั้นเราก็ไม่ควรไปให้ค่า ไม่ไปสนใจเสียงพวกนี้เลย คิดซะว่าเหมือนเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่า พอเหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดกันไปเอง หากเราสามารถใช้วิธีการปล่อยวางได้ จิตใจของเราก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น แถมมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเรื่องน่ารำคาญใจด้วยเช่นกัน ฟ้องร้อง เอาให้หนัก แม้เราจะสามารถปล่อยวางเป็น แต่เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่ควรปล่อยผ่านเพราะถ้าหากคำนินทาหรือใส่ร้ายทำให้เราเสื่อมเสียเกียรติ ชื่อเสียง หรือมีผลกระทบกับองค์กรณ์ของเรา วิธีการฟ้องโดยใช้กฏหมายเล่นงานดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หากเรามีหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ต่าง ๆ บนโซเชียลเนตเวิร์ก, ข้อความตามแชทส่วนบุคคล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถอ้างอิงเป็นข้อมูลยืนยันได้ เราก็ดำเนินการแจ้งความฟ้องหมิ่นประมาทกับทางสถานีตำรวจ ก่อนจะส่งต่อให้ทนายช่วยดูแลเคสและตามมาด้วยเข้าสู่กระบวนการของศาลในที่สุด แม้อาจจะเป็นวิธีที่เสียเวลา แต่นี่คือการฟาดกลับอย่างถูกต้อง สะใจ แถมอาจจะได้ค่าเสียหายกลับมาใช้เล่น ๆ อีกด้วย อย่าลืมให้พรบ.คอมให้คุ้มค่า
[เนื้อหามีสปอยล์เล็กน้อย] หากจะให้พูดถึงภาพยนตร์ทาง Netflix ที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้คงต้องยกให้ “Gangubai Kathiawadi” หรือที่ทุกคนต่างเรียกกันสั้น ๆ ว่า “คังคุไบ” ภาพยนตร์ของประเทศอินเดียที่ถูกสร้างมาจากการอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ เป็นการนำเสนอเรื่องราวของโสเภณีที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิให้กับเหล่าหญิงสาวที่ประกอบอาชีพเดียวกับเธอ จนกลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ “คังคุไบ” นำแสดงโดย อาเลีย บาตต์ นักแสดงสาวชาวอินเดียมากความสามารถ เธอสามารถตีทุกบทบาททุกอารมณ์ได้แตกกระเจิง ซึ่งมันถูกส่งออกมาผ่านแววตาที่ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เธอแสดงได้อย่างหมดจด รวมไปถึงบรรดานักแสดงสมทบทั้ง อชัย เทวคัน ซึ่งรับบทเป็น ราฮิม ลาลา มาเฟียผู้พลิกชีวิตคังคุไบ, จิม ซาร์บ รับบทเป็น เฟซี นักข่าวผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้คังคุไบกลายเป็นที่รู้จัก และนักแสดงอีกหลาย ๆ คนต่างก็สวมบทบาทแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนต่างมีความสำคัญในเรื่องราวที่ดำเนินไปด้วยความเข้มข้นด้วยจังหวะที่มีกราฟขึ้นลงจนไปถึงจุดไคลแมกซ์ แม้ภาพยนตร์จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่ได้ทำให้การรับชมรู้สึกน่าเบื่อแต่อย่างใด อีกสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ คือภาพและบรรยากาศภายในภาพยนตร์ที่ถ่ายทำออกมาได้สวยและงดงามทุกซีนแบบชนิดที่ว่าสามารถแคปเจอร์ออกมาเป็นภาพถ่ายสวย ๆ ได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด “คังคุไบ” ได้มอบแรงบันดาลใจให้เรามีความกล้าในหลาย ๆ เรื่องดังนี้ กล้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรม คังคุไบเธอต้องมาประกอบอาชีพโสเภณีโดยไม่ได้สมยอม ทำให้เธอต้องก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมที่เธอไม่ต้องการ แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีมุมมองถึงศักดิ์ศรีในตัวมนุษย์เช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ในเรื่องจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอถูกทำร้ายร่างกายจนทำให้ต้องสูญเสียการหารายได้ไปช่วงใหญ่ ๆ ทำให้เธอตัดสินใจรวบรวมความกล้าเพื่อนำเรื่องราวดังกล่าวไปบอกถึงบุคคลที่เธอคิดว่าจะทวงคืนความยุติธรรมในครั้งนี้ได้ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้รู้จักคนคนนั้นมาก่อน แต่ด้วยวาทะศิลป์ของคังคุไบ ทำให้เธอสามารถพิชิตความไม่ถูกต้องได้สำเร็จ กล้าต่อสู้เพื่ออำนาจที่ต้องการ คังคุไบมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
Blur คือหนึ่งในวงร็อกแห่งอาณาจักรบริตป๊อปที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงยุค 90’s พวกเขาฝากผลงานไว้ทั้งหมด 8 อัลบั้มพร้อมด้วยเพลงฮิตติดหูผู้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Girls And Boys”, “Beetlebum”, “Coffee And Tv” และอีกหนึ่งเพลงที่แม้ไม่ใช่แฟนของวง Blur ก็ต่างรู้จักกันดี มันคือเพลง “Song 2” นั่นเอง “Song 2” เป็นเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับวง ถูกปล่อยให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 1997 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา ตัวดนตรีแม้จะดูง่าย ๆ ไม่มีความซับซ้อนแต่ก็มีความโดดเด่นด้วยความมันส์กับซาวด์กีตาร์แตกสนั่น เสียงร้องยียวนกวนประสาท และมีความกระชับด้วยความยาวเพียง 2:02 นาที พร้อมด้วยการบิวด์ท่อนฮุคที่จดจำง่ายด้วยคำว่า “วู้ฮู้” เป็นตัวเลือกในการปลดปล่อยอารมณ์ความสนุกออกมาได้ดีมาก จนสุดท้ายมันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จของวง Blur แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วเราเกือบจะไม่ได้ฟังเพลง “Song 2” ในเวอร์ชั่นที่มันส์สะใจ เพราะจุดเริ่มต้นของเพลงนี้มันมาจากดนตรีที่บรรเลงด้วยอะคูสติคกีตาร์ที่มีคำร้องในท่อนคอรัสว่า “วู้ฮู้” แถมยังมาในรูปแบบเพลงช้าอีกต่างหาก แต่โชคดีที่ทาง Graham