ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม เวลาทำอะไร หรือ ไปเที่ยวที่ไหนก็ทำและไปกันเป็นกลุ่มอยู่เสมอ ทุกคนล้วนอยากมี ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง (sense of belonging) ของกลุ่ม ของสังคม หรือ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความรู้สึกนั้นจะเริ่มเข้าถึงยากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะโรคระบาดทำให้เราต้องอยู่บ้านกันนานขึ้น ใช้ชีวิตคนเดียวบ่อยขึ้น และสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือ คนรอบตัว น้อยลง ปรากฎการณ์นี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกใกล้ชิดหรือเป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มเพื่อนน้อยลงตามมาด้วย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อชีวิตเราได้อย่างใหญ่หลวงทีเดียว ตามทฤษฎีของนักจิตวิทยา อับราฮัม มาสโลว์ มนุษย์ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (belongingness) กล่าวคือ ทุกคนต่างมองหาการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนอื่น และอยากให้ความสัมพันธ์ดังกล่าวคงอยู่ในระยะยาว ถ้าเกิดว่าเราใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว โดยไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับอะไรเลย ผลเสียที่จะเกิดขึ้นนั้นอาจมากกว่าแค่ความรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว งานวิจัยจาก Harvard study ที่ใช้เวลาในการศึกษานานกว่า 80 ปี พบว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิด (close relationships) เป็นสิ่งสำคัญต่อความสุขของคน และการรักษาความสัมพันธ์ประเภทนี้กับ ครอบครัว เพื่อน หรือ กลุ่มสังคม จะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของสุขภาพจิต และร่างกายของเราได้ด้วย สอดคล้องกับ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง (2020)
ผู้ชายที่ชอบกรนเสียงดัง มักสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้าง เพราะเสียงกรนที่แสนดังและถี่มักทำให้เพื่อนร่วมห้องหนวกหูอยู่เสมอ บางคนอาจจะทนเสียงกรนได้ในช่วงแรก แต่ความอดทนขอคนก็มีจำกัด พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง การกรนอย่างต่อเนื่องจะสร้างปัญหาการอยู่ร่วมห้องกับคนอื่นได้ หากเราต้องการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข การหยุดกรนจึงเป็นเรื่องที่เราควรทำกันโดยเร่งด่วน นอกจากนี้การกรนยังสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ อาทิ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) เราเลยอยากมาแนะนำวิธีการป้องกันการกรนเวลานอน เพื่อให้ทุกคนสามารถนอนหลับสนิทอย่างฟินตลอดคืนได้ ทำไมคนเราถึง ‘กรน’ ก่อนจะเข้าช่วงแนะนำวิธีการป้องกัน เราอยากพาทุกคนไปทำความเข้าใจกลไกที่ทำให้เกิดการกรนก่อน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของเราล้วน ๆ เริ่มจากเวลาเราหลับ และกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากการหลับตื้น (light sleep) ไปยัง การหลับลึก (deep sleep) ส่วนของกล้ามเนื้อเพดานปากที่ชื่อว่า เพดานอ่อน (soft palate) ลิ้น และคอ จะอยู่ในภาวะผ่อนคลายมากกว่าปกติ เมื่อเนื้อเยื่อที่อยู่ในช่องปาก และลำคออยู่ในภาวะผ่อนคลายมาก มันจะไปปิดกั้นทางเดินของอากาศหายใจที่อยู่ในลำคอ ส่งผลให้อากาศเดินทางผ่านช่องทางนั้นได้ยากขึ้น และทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่ในลำคอเกิดการสั่นไหวด้วย และพอทางเดินอากาศในช่องคอแคบลงมากเท่าไหร่ การไหลผ่านของอากาศก็จะยิ่งยากขึ้น และทำให้เนื้อเยื่อเกิดการสั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการสั่นไหวของเนื้อเยื่อในช่องคอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดเสียงกรนที่ดังหรือเบา ปัญหาที่ทำให้ช่องอากาศของเรเวลานอนมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของ soft palate ที่ต่ำและหนาเกินไป จนทำให้ทางเดินอากาศแคบ
เมื่อเราพัฒนาความสัมพันธ์กับคนคุยของเราจนถึงขั้นเป็นแฟนกันแล้ว สิ่งที่ผู้ชายหลายคนน่าจะอยากทำเป็นอย่างแรก คือ การมีเซ็กส์อันเร่าร้อนกับแฟนสาวของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง การมีเซ็กส์ถี่บ่อย รวมไปถึงการมีเซ็กส์ก่อนเวลาอันควร อาจทำให้เรามีความสุขกับมันน้อยลง และมีความสุขกับความสัมพันธ์ที่มีอยู่น้อยลงอีกด้วย ทำไมเราถึงไม่ควรรีบมีเซ็กส์กับคู่รักของตัวเอง ? การให้ความสำคัญกับ “เซ็กส์” มาก ๆ อาจเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของเราได้ เพราะเราอาจจะยังไม่รู้จักคู่รักของเราดีมากพอ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Family Psychology (2010) ได้ทำการศึกษาคนที่แต่งงานแล้วกว่า 2,000 คน ผ่านการทำแบบประเมินออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานชื่อว่า “RELATE.” และพบว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคนที่มีเซ็กส์หลังแต่งงาน และคนที่มีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน คนที่มีเซ็กส์หลังแต่งงาน รายงานมีเซกส์ที่มีคุณภาพมากกว่าถึง 15% มีความมั่นคงทางความสัมพันธ์มากกว่าถึง 22% สามารถสื่อสารกันได้ดีกว่า 12% และมีความพึงพอใจในความสัมพันธ์มากกว่าถึง 20% สาเหตุที่ทำให้คู่รักที่รู้จักรอคอยการมีเซ็กส์ มีความสุขกับความสัมพันธ์มากกว่า และรู้สึกมีคุณภาพเซ็กส์ที่ดีกว่า คาดว่าเกิดจาก พวกเขามีเวลาในการเรียนรู้คู่รักของตัวเอง จนสามารถพัฒนาทักษะที่ช่วยส่งเสริมการมีความสัมพันธ์ที่ดี หรือ สามารถสร้างกระบวนการสื่อสารที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยพัฒนาความมั่นคง และความพึงพอใจในความสัมพันธ์ให้สูงขึ้น ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจาก Cornell University (2012) ที่ได้ทำการสำรวจคู่รักในเรื่องความสุข
อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย มักสร้างความรำคาญและทำให้หลายคนรู้สึกท้อแท้ในการออกกำลังกายฟิตหุ่น UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำวิธีการป้องกันและฟื้นฟูจากความเจ็บปวดให้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนสามารถแฮปปี้กับการฟิตหุ่นได้ยาวนานกว่าเดิม อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อเกิดขึ้นได้อย่างไร ? โดยปกติแล้ว เราสามารถแบ่งอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ acute muscle soreness (AMS) และ delayed onset muscle soreness (DOMS) acute muscle soreness (AMS) คือ อาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นโดยทันที ในระหว่างหรือหลังจากการออกกำลังกาย ซึ่งอาการปวดประเภทนี้มักเกิดขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหนักจนทำให้หน่วยปฏิบัติการย่อยของเส้นใยกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า ‘sarcomere’ หดและขยายตัวผิดปกติ จนเกิดการเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการอักเสบ และกระตุ้นความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อตามมา AMS เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การผลิตสารเคมีในเซลล์กล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย เช่น กรดแลคติด การล้าของกล้ามเนื้อ รวมถึง ภาวะขาดน้ำจนทำให้กล้ามเนื้อหดตัวแบบผิดปกติ แต่อาการนี้มักหายไปภายใน 2 – 3 นาที หรือ หลังจากที่เราผ่อนคลายตัวเองจนกล้ามเนื้อฟื้นฟูเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราเลยไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลกับมันมากนัก delayed onset muscle
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และคนไทยเองก็รู้จักหลายอย่างของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ดนตรี หรือ แม้แต่นักรบยุคคลาสสิกอย่าง ‘ซามูไร’ ก็ยังแสดงความเท่ให้พวกเราเห็นผ่านภาพยนตร์ หรือ มังงะ อยู่เสมอ UNLOCKMEN จึงอยากจะมาแนะนำหนังซามูไร 5 เรื่องที่มีเนื้อหาน่าสนใจ และมีความสนุกสนานมากพอที่จะทำให้เราอินกับวิถีแห่งดาบมากขึ้นหลายเท่า ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง Twilight Samurai (2002) หนังซามูไรเรื่องแรกที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก คือ Twilight Samurai ผลงานชิ้นโบว์แดงของ โยจิ ยามาดะ ผู้กำกับหนังซามูไรที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยหนังเรื่องนี้จะเล่าถึงญี่ปุ่นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 (ก่อนหน้ายุคฟื้นฟูเมจิ) ผ่านตัวละครหลักที่ชื่อว่า อิงุจิ เซเบย์ ซามูไรยศต่ำต้อย ผู้มีฝีไม้ลายมือในการฟันดาบที่ยอดเยี่ยม และมีความจงรักภัคดีต่อโชกุนอย่างมากคนหนึ่ง Twilight Samurai ถือเป็นหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพการันตีจากการกวาดรางวัลงาน Japanese Academy Awards ได้มากถึง 12 รางวัล ควรค่าแก่การดูสักครั้งในชีวิต The Blind Swordsman: Zatoichi (2003) เรื่องต่อมา
ผู้ชายมักต้องแบกรับภาระมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่าบ้าน ค่าเลี้ยงดูครอบครัว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ฯลฯ ถ้าวันใดซวยป่วยไข้แล้วต้องเจอกับค่ารักษาพยาบาลอีก เราคงจะเหนื่อยกันมากเกินไป UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำวิธีการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่มักเจอบ่อยในหมู่ผู้ชาย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้ยาวนานกันร่างกายและการเงิน โรคหลอดเลือดและหัวใจ (Cardiovascular Disease) โรคหลอดเลือดและหัวใจ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปเป็นจำนวนมาก องค์การอนามัยโลกพบว่าในปี 2019 คนจำนวนกว่า 17.9 ล้านคน เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดและหัวใจ (CVDs) เช่น โรคหัวใจวาย หรือ โรคหลอดเลือดสมอง คิดเป็น 32% ของการตายทั่วโลกเลยทีเดียว โรคนี้มักถูกเรียกว่าเป็นนักฆ่าเงียบ (Silent Killer) อีกด้วย เพราะผู้ป่วยที่คอเลสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือด มักไม่แสดงอาการในช่วงแรก แถมยังมีการศึกษาและพบว่าผู้ชายเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงอีกด้วย มันจึงเป็นโรคที่อันตรายสำหรับชาวเรามาก และจะดีที่สุดถ้ารู้จักป้องกันมันตั้งแต่ต้น วิธีป้องกันโรค: ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายให้เพียงพอ (2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายปานกลาง หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์สำหรับการออกกำลังกายหนัก) และถ้าคุณเป็นสิงห์อมควันหรือผู้ชื่นชอบแอลกอฮอล์ตัวยง ควรลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง หรือถ้าเลิกได้จะดีมาก โรคเบาหวาน (Diabetes)
นิสัยแย่ ๆ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กจนโต ถือเป็นอุปสรรคที่ทำให้ชีวิตของใครหน้าไหนก็ตามพังอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาชนะหรือเปลี่ยนแปลงกันได้ง่าย ๆ เรามักต้องใช้พลังงาน ความอดทนอดกลั้น หรือ ความพยายามอย่างแสนสาหัสในการเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านี้ ส่งผลให้หลายคนเริ่มท้อใจทุกครั้งที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง UNLOCKMEN เลยจะมาแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนสร้างนิสัยใหม่ได้สำเร็จตลอดรอดฝั่ง ซึ่งวิธีเหล่านี้มีหลักวิทยาศาสตร์มารองรับด้วย บอกเลยว่ามีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยทุกคนสร้างนิสัยใหม่แน่นอน คนเราใช้เวลาเท่าไหร่ในการเปลี่ยนนิสัยตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนิสัยที่เราคุ้นชินมานาน ต้องใช้ความพยายามหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเอง ความคิดริเริ่มในการทำพฤติกรรมใหม่ และการทำพฤติกรรมใหม่ซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลานานจนกลายเป็นนิสัย มันจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่อาจต้องสูญเสียเวลาหลายอาทิตย์หรือหลายเดือน กว่ามันจะกลายเป็นนิสัยใหม่ งานวิจัยบางชิ้นบอกว่า คนเราอาจใช้เวลาตั้งแต่ 18 ถึง 254 วัน ในการทำให้พฤติกรรมใหม่กลายเป็นสิ่งที่เราทำโดยอัตโนมัติ และอาจใช้เวลาโดยเฉลี่ย 66 วันในการทำให้พฤติกรรมใหม่กลายเป็นนิสัยที่เราทำมันแบบไม่รู้สึกฝืนใจ นอกจากนี้ ยิ่งพฤติกรรมใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ยากหรือมีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงนานขึ้นเท่านั้น เทคนิคที่จะช่วยให้เราเปลี่ยนตัวเองง่ายขึ้น เมื่อการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม พลังงาน และเวลา เราเลยอยากมาแนะนำเทคนิคที่จะช่วยให้ทุกคนมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น จนสามารถเลิกทำนิสัยเดิม ๆ และกลายเป็นคนใหม่ในที่สุด ซึ่งมีทั้งหมด 5 วิธีดังนี้ ทำซ้ำไปซ้ำมา การทำพฤติกรรมใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราเกิดการสร้างนิสัยใหม่ (Habit
ในช่วงนี้ เรื่อง เศรษฐกิจ หรือ สังคม น่าจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่สบายใจ และเครียดไม่มากก็น้อย ซึ่งเรามองว่า ความเครียดเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับมนุษย์ เพราะมันสามารถทำร้ายเราได้ทั้งกายและใจ UNLOCKMEN อยากให้ทุกคนออกจากความเครียดให้ได้โดยเร็ว จึงอยากแนะนำวิธีการผ่อนคลายจากความเครียดที่ทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน แต่ก่อนอื่นเลย เราอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจในเรื่องของ ‘ความเครียด’ ก่อน เพราะพอได้ยินคำนี้แล้ว หลายคนอาจเริ่มทำหน้าบูดบึ้ง หวนนึกถึงประสบการณ์แย่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ชีวิตการทำงานที่มีความกดดันสูง หรือ ชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุขสมหวัง แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงความเครียดประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ความเครียดเรื้อรัง (chronic stress) เท่านั้น ซึ่งสาเหตุหลักของความเครียดประเภทนี้ เกิดจากการอยู่ในสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดเป็นประจำ บางเคสรู้สึกอยากหนีก็หนีไม่ได้ ต้องทนอยู่ต่อไป ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจได้รับความเสียหายอย่างหนัก เราจึงเรียกความเครียดประเภทนี้ว่าเป็น ‘ความเครียดเลว’ และบทความนี้จะโฟกัสไปที่การเอาชนะความเครียดประเภทนี้เป็นหลัก นอกจากความเครียดเรื้อรังแล้ว ยังมีความเครียดประเภทอื่นอีก 2 ประเภท ได้แก่ ยูสเตรส (eustress) ซึ่งเป็นความเครียดประเภทที่เราเรียกกันว่า ‘ความเครียดดี ’ มันช่วยให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา และรู้สึกตื่นเต้นในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต เราจะมียูสเตรสกันก็ตอนที่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น เช่น ตอนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ หรือ ตอนแข่งขันกับเพื่อนร่วมงาน
“ความเหนื่อยแม่งเหมือนผี มึงไม่โดนของเข้าสักครั้งก็คงไม่รู้” ช่วงนี้คนบ่น “เหนื่อย” กันเยอะ และวลี “I hate Monday.” กับ “ Thanks god. It’s Friday” ก็มีให้เห็นบนหน้าสเตตัสบ่อย ๆ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรามักจะเจอเพื่อนบางคนที่น้ำเสียงเนือย ๆ พูดกับเราแม้จะเป็นคืนศุกร์ที่สังสรรค์กัน เติมทั้งเบียร์ เชียร์ทั้งสาว ๆ ให้แล้วก็ยังคอตก แล้วก็พูดว่า “กูเหนื่อยว่ะมึง” แต่พอถามว่าเหนื่อยอะไร ช่วงนี้ทำอะไรอยู่ มันดันบอกว่า “กูไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กูเหนื่อย” เผลอ ๆ ก็หนักถึงขั้นว่า “กูไม่อยากลืมตาแล้ว” ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหนึ่งที่พูดประโยคนั้นเสียเองหรือว่าเป็นคนที่ได้ยินมา ถึงเวลาแล้วที่ UNLOCKMEN จะพาคุณไปหาความจริงว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่บอกได้เลยว่าสิ่งที่คุณได้ยินมันอาจจะไม่ใช่ความขี้เกียจและไม่ใช่สิ่งที่แก้ได้ด้วยคำว่า “นอนแล้วเดี๋ยวก็หาย” อย่างแน่นอน เหนื่อยแบบไร้สาเหตุ ว่ากันด้วยคนที่สงสัยว่า กูเหนื่อยอะไรก็ไม่รู้ หรือเพื่อนกูเหนื่อยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ก่อน ทั้งที่มันก็ชีวิตดี มีเวลาว่างแท้ ๆ นอนเยอะกว่ากูอีก ฯลฯ บางทีถ้าปัญหามันเกิดจากสิ่งที่ไม่มีปัญหาอะไรอย่างนี้ หรือตรวจร่างกายหมดแล้วแต่ปรากฏว่าผลมันคลีนสุด ๆ
รู้วิธีปล่อยหมัดให้รุนแรงไปแล้ว มาดูจุดอ่อนบนร่างกายที่ต่อยโดนยังไงก็สามารถร่วงได้ทันทีกันดีกว่า