ผู้ชายหลายคนที่อยู่บ้านกันนานจนเหงาหงอย ช่วงนี้คงมองหาสาวคู่ใจไว้เติมเต็มช่องว่างในชีวิต แต่การเดทสำหรับมือใหม่ถือเป็นเรื่องที่ challenging พอสมควร ไหนจะต้องคิดถึงการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม บทสนทนา ไปจนถึงเรื่องสถานที่เดท UNLOCKMEN อยากมาแนะนำ 5 สิ่งที่ผู้ชายยุคใหม่ควรทำเมื่อไปเดทกับสาว ๆ บอกเลยว่าเมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว คุณจะมีประสบการณ์การเดทที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นอย่างแน่นอน มูฟออนให้ได้ก่อน ถ้าคุณเพิ่งอกหักมา หรือ จมอยู่กับอดีตที่เลวร้าย และยังมูฟออนไม่ได้ เราขอแนะนำให้คุณอย่าเพิ่งเริ่มเดทกับใครจะดีกว่า เพราะอารมณ์ร้าย ไม่ว่าจะเป็น ความเศร้า ความโกรธ หรือ ความแค้น จะทำให้เรายิ่งเจ็บปวดจากการเดทครั้งใหม่ได้ เราควรหาทางเยียวยาจากมันก่อน ไม่ว่าจะเป็น การไปเที่ยวกับเพื่อน หรือ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่จะช่วยให้เรามีเดทที่เพอร์เฟคมากกว่า อย่าถามเกี่ยวกับเรื่องโปรไฟล์คู่เดท (Dating Profile) สมัยนี้การเดทง่ายกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เพราะเรามีแอปหรือเว็ปไซต์หาคู่หลายเจ้า เช่น Tinder, Coffee Meets Bagel หรือ Bumble เป็นต้น เพียงเรากรอกข้อมูล Dating Profile ในแอปเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ความสนใจ
แต่ละคนมีช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทำงานไม่เหมือนกัน บางคนอาจรมีสมาธิทำงานในตอนเย็น ส่วนบางคนอาจมีสมาธิในตอนเช้า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนาฬิกาชีวิตของแต่ละคน ถ้าทุกคนสามารถเข้าใจกลไกนี้ของร่างกายได้ เราจะทำงานได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน ในบทความนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Biological Prime Time (BPT) ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถวางแผนเวลาในการทำงานได้ดีขึ้น Biological Prime Time (BPT) คืออะไร Biological Prime Time (BPT) ถูกพูดถึงครั้งแรกโดย Sam Carpenter นักธุรกิจและเจ้าของหนังสือชื่อว่า ‘Work the System’ คำนี้มีความหมายว่า “ช่วงเวลาที่เราโปรดักทีฟและมีสมาธิมากที่สุด” โดยแต่ละคนจะมี BPT ที่แตกต่างกันไปออกไป ขึ้นอยู่กับร่างกายและการทำงานของนาฬิกาชีวิตที่เรียกว่า ‘Ultradian Rhythm’ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความขยันและความขี้เกียจของเรา และจะทำงานอย่างเป็นวงจรทุก 90 ถึง 120 นาที ถ้าเราเข้าใจการทำงานของวงจรนี้ เราจะเข้าใจว่าช่วงไหน คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน และช่วงไหนทำงานได้แย่ที่สุด และจะกำหนดเวลาในการทำงานหรือภารกิจแต่ละอย่างได้ง่ายขึ้น เราจะคำนวณ BPT ได้อย่างไร การคำนวณหา BPT
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสที่ทำลายทุกวงการ โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ที่ต่างต้องหยุดฉายเลื่อนวันกันจนเสียขบวน จากสถานการณ์ที่ส่งผลให้โรงหนังในประเทศไทยถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด แต่วิกฤตที่ว่าหนักหน่วงนี้ ก็ไม่อาจปิดกั้นประกายแห่งความสำเร็จและความยอดเยี่ยมของผู้กำกับสายเลือดไทย ที่ได้ออกไปสร้างชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ในต่างแดน ในฐานะผู้นำพาความภาคภูมิใจ และประจักษ์แก่ฝีมือว่าฟิล์มเมคเกอร์ไทยนั้นมีฝีมือไม่แพ้ขาติใดในโลก UNLOCKMEN ขอนำคุณไปรู้จักกับผู้กำกับสุดยอดฝีมือทั้ง 3 ท่าน ที่มีผลงานคว้ารางวัลระดับโลก และขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินอย่างสมภาคภูมิ และมาดูกันว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้นำไปปรับใช้ได้สำหรับทุกคน เริ่มจากผู้กำกับที่หลักไมล์ในวงการหนังไทยอาจดูน้อยเมื่อเทียบกับผู้กำกับท่านอื่น ๆ เนื่องจากมีผลงานที่ผ่านตากับหนังเรื่องยาวเพียง 2 เรื่องเท่านั้น นั่นคือ Countdown (2012) และ ฉลาดเกมส์โกง (2017) แต่เพราะผลงานหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง ได้สร้างรูปแบบเฉพาะตัว จนกลายเป็นงานเปี่ยมล้นด้วยสไตล์ที่ล้ำสมัยและสื่อสารทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้อยู่หมัด ทำให้ชื่อของ “บาส นัฐวุฒิ” กลายเป็นฟิล์มเมคเกอร์รุ่นใหม่ที่ฝีไม้ลายมือเป็นที่กล่าวขานในระดับสากล โดยที่หนัง ฉลาดเกมส์โกง หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Bad Genius ได้สร้างชื่อเสียงในระดับอินเตอร์โดยเฉพาะประเทศจีนที่สามารถทำรายได้ระดับปรากฏการณ์ ทำให้ชื่อของบาส ทำลายกำแพงภาษา เป็นที่เตะตาของผู้สร้างระดับโลกที่อยากจะชวนเขามาร่วมงานด้วย และผู้โชคดีที่ได้ร่วมโปรเจกต์หนังเรื่องต่อมาของบาสก็คือ ผู้กำกับผู้ทรงอิทธิพลของคนยุคใหม่อย่าง หว่องการ์ไว (Wong Kar-wai) นั่นเอง ใน One for the
คงไม่มีอะไรต้านทานกระแสรถ 90 ได้ ใคร ๆ ก็คงจะเห็นด้วยกับประโยคนี้ เว้นแต่ว่าเขาจะได้เห็นภาพ Render ของรถที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ มันคือ ตัวแทนหนึ่งในรถ Iconic ยุค 70 จากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ครั้งนึงเคยครองใจวัยรุ่นน้อยใหญ่ทั่วทวีปเอเซีย โดยรถที่ว่านี้มาจากค่าย Mitsubishi นั่นเอง ใช่แล้วครับฟังไม่ผิด Mitsubishi ที่หายไปนานนับสิบปี แต่ล่าสุดได้มีสำนักข่าวรถยนตร์ชื่อดังจากต่างประเทศทำภาพ Render รถ Concept ที่บอกเลยว่าถ้าทำออกมาจริง เหมือนกันการทิ้งบอมตูมเดียวสั่นสะท้านไปทั้งวงการยานยนต์แน่นอน กับการนำ Lancer A70 ซึ่งเป็น Lancer Gen บุกเบิกที่คนทั่วไปมักจะเรียกมันง่ายว่า รุ่น ‘ไฟท้ายตัว L’ มาปัดฝุ่นใหม่ พัฒนาให้ไฉไลเป็นโปรเจ็คแห่งอานาคตต้อนรับปี 2022 ว่ากันว่าคนที่ชอบรถในยุคนั้นต่างใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของ Mitsubishi Lancer กันทั้งนั้น โดยเฉพาะ ตัว 1600 GSR ที่มาพร้อมเกียร์ 5 สปีด ซึ่งเป็นรถ Lancer ในเวอร์ชั่นรถ Rally
แม้ในช่วงล็อคดาวน์ช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่ซบเซาของฟากฝั่งหนังโรง อย่างงานประกาศผลออสการ์ปีล่าสุดคอหนังในไทยจะได้ดูหนังน้อยลงจนน่าใจหาย แต่สำหรับคอซีรีส์แล้ว ปีนี้นับเป็นปีทองและคึกคักเป็นที่สุด เพราะซีรีส์เรื่องเยี่ยมที่เข้ารอบสุดท้ายในการชิงรางวัล Emmy Awards รางวัลออสการ์ฝั่งซีรีส์ที่จัดมาเป็นครั้งที่ 73 แล้วในครั้งนี้ คอซีรีส์ชาวไทยได้ลุ้นกันอย่างเต็มเหนี่ยวเนื่องจากซีรีส์ที่เข้ารอบชิงในส่วนของ Drama มีฉายในสตรีมมิ่งครบทั้งหมด เราจึงขอเสนอซีรีส์ที่ได้เข้ารอบชิงชัยในสาขาใหญ่ นั่นก็คือสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม เป็นไกด์ในการตัดสินใจดู มาเช็คกันว่าเรื่องไหนจะตรงใจ และเชียร์ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายกำลังเชียร์เรื่องไหนกันบ้าง The Boys 2 (Season 2) เริ่มกันที่ซีรีส์ Anti-Heroes ที่เราเคยเสนอกันไปแล้วในฐานะซีรีส์สุดแหวก ที่ในที่สุดความดีงามก็เปล่งประกายให้เห็นในฐานะซีรีส์ที่ได้เข้าชิงในหมวดซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม เรื่องราวในยุคที่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ครองโลก ซึ่งแฝงด้วยด้านมืดและต้องการครอบงำโลกมนุษย์ด้วยการทำดีฉากหน้าแต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความฟอนเฟะและความอำมหิตจนยากเกินต้าน จนเหล่ามนุษย์ธรรมดาที่มีปมหลังกับเหล่าฮีโร่ต้องรวมพลเพื่อที่จะต่อต้านและกำจัดให้หมดไป แต่การกำจัดยอดมนุษย์เหล่านี้ก็เหมือนเอาไม้ซี่ไปงัดไม้ซุง มันสมองและความบ้าเลือดเท่านั้นที่จะกำกัดเหล่าวีรุบุรษสุดโฉดเหล่านี้ได้ ซีรีส์เข้มข้นที่นับเป็นความกล้าหาญที่ฉีกกระชากหน้ากากวีรบุรุษ เพื่อเผยให้เห็นด้านอันชั่วร้ายเรื่องนี้ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมา 2 ซีซั่น จนได้ไปต่อในซีซั่นที่ 3 นี้ ค่อย ๆ เผยความชั่วร้ายและความลับของการครองโลกของเหล่าฮีโร่อย่างดุเดือด ขณะเดียวกันก็แทรกมุกตลกร้ายและเลือดที่นองจอ พร้อมจิกกัดคนบ้าอำนาจที่ใช้อำนาจผิดได้อย่างเหนือชั้น นับเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ทั้งสนุก เข้มข้น และเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งที่น่าติดตามอย่างมาก สาขาที่ได้เข้าชิง Outstanding Drama Series
เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ทำให้หลายคนจิ้นไปตาม ๆ กัน เมื่อ John Mayer ได้ส่ง PRS Silver Sky (สี Roxy Pink) กีตาร์ซิกเนเจอร์ของเขาให้กับ Rose หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี Blackpink หลังจากที่เธอได้โชว์พลังเสียงและความสามารถด้านดนตรีในการโคเวอร์เพลง ‘Slow Dancing in a Burning Room’ กลางรายการ ‘Sea of Hope’ แม้ก่อนหน้านี้ Mayer จะเคยส่งกีตาร์ให้นักดนตรีคนอื่นอย่าง Tomo Fujita แต่เมื่อเราเห็น Rose อัพภาพของกีตาร์ที่ Mayer ส่งให้ลงเธอไอจีสตอรี่ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า ‘Life is complete’ ก็ทำให้เราแอบคิดไปไกลเหมือนกัน และอยากพาทุกคนไปรู้จักเจ้ากีตาร์ตัวนี้ให้มากขึ้น Silver Sky เป็นหนึ่งในกีตาร์ที่ทางบริษัทเครื่องดนตรีชั้นนำอย่าง Paul Reed Smith (PRS) พัฒนาร่วมกับ John Mayer เป็นเวลากว่า 2
ช่วงนี้ผู้ชายหลายคนคงรู้สึกเหงากันอย่างหนักหน่วง เพราะ COVID-19 ทำให้เจอเพื่อนน้อยลง และออกไปเที่ยวสังสรรค์ได้ยากลำบากมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่เราจะหาสัตว์เลี้ยงคู่ใจสักตัวมาเป็นเพื่อนร่วมบ้าน เพราะนอกจากจะช่วยคลายความเหงาแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังอุดมไปด้วยประโยชน์อื่น ๆ อีกมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง ! ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง ช่วยลดความเครียด สัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ในช่วงที่เจอกับความเครียดอย่างหนัก งานวิจัยชิ้นหนึ่ง (2017) ได้ทำการศึกษาผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV) ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 252 คน และพบว่า เมื่อพวกเขาเลี้ยงสัตว์ โอกาสเป็นโรคซึมเศร้าจะน้อยลง นอกจากนี้การเลี้ยงสัตว์สี่ขาอย่างหมา จำเป็นต้องพามันออกไปเดินหรือเล่นนอกบ้าน ซึ่งกระตุ้นให้เราได้ออกกำลังกายนอกบ้านมากขึ้น และมีภูมิคุ้มกันปัญหาทางจิตมากขึ้นเช่นกัน หาเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว การพาหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน อาจทำให้เราดูเข้าถึงง่ายขึ้น และเข้าสังคมได้เก่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่ง (2015) ได้ทำการสำรวจชาวออสเตรเลียและอเมริการาว 2,692 คน เพื่อศึกษาว่าสัตว์เลี้ยงส่งผลอย่างไร ต่อการรู้จักคนหน้าใหม่ การสร้างเพื่อน และเครือข่ายทางสังคม ซึ่งนักวิจัยพบว่าคนเลี้ยงหมาราว 40% สามารถสร้างเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น เพราะสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ช่วยให้ชีวิตของเราสนุกสนานมากขึ้น หมาอาจช่วยให้ชีวิตของเรามีสีสัน และความสนุกสนานมากขึ้นกดว่าเดิม งานวิจัยชิ้นหนึ่ง
เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์บางอย่าง เช่น ตกใจ โกรธ หรือ กลัว หลายคนคงอยากระบายอารมณ์เหล่านั้นออกมาด้วยการพูดคำหยาบ หรือ สบถ แต่บางครั้งก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะค่านิยมของสังคมทำให้การสบถกลายเป็นเรื่องต้องห้าม ใครที่ทำแล้วจะดูเป็นคนป่าเถื่อน ไม่มีความน่าเชื่อถือ และอยู่ในสังคมได้ยากลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การสบถอาจส่งผลดีต่อเรามากกว่าที่หลายคิด UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูว่าประโยชน์ของการสบถมีอะไรบ้าง ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพูดคำหยาบคายถือเป็นวิธีการแสดงอารมณ์อย่างหนึ่ง หากเราใช้คำหยาบคายเวลาพูด มันช่วยจึงทำให้ประโยคคำพูดของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากขึ้น และทำให้คนอื่นสนใจคำพูดของเรามากขึ้นเช่นกัน งานวิจัยจาก Communication Studies, Ithaca College (2012) ได้ทำการศึกษาวิธีการรับรู้คำสบถของคน และพบว่า การสบถสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร และทำให้สิ่งที่เราพูดสามารถโน้มน้าวจิตใจคนฟังได้มากขึ้น เมื่อมันทำให้เกิดความรู้สึกด้านบวกแบบ positive surprise นอกจากนี้งานวิจัยทำให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้มองการสบถแย่เสมอไป ช่วยให้เราทนทานต่อความเจ็บปวดมากขึ้น นอกจากจะช่วยให้เราคุยกับคนอื่นได้ดีขึ้นแล้ว การสบถคำหยาบยังช่วยเราอึดทนทานต่อความเจ็บปวดได้มากขึ้นด้วย งานวิจัยจาก Keele University (2009) ได้ทดลองให้นักศึกษาจุ่มมือข้างหนึ่งลงไปในน้ำเย็น พร้อมพูดคำหยาบ หรือ คำปกติ และพบว่า เมื่อผู้เข้าร่วมการทดลองพูดคำหยาบคายดัง ๆ ซ้ำ ๆ พวกเขาสามารถแช่นิ้วในน้ำได้นานขึ้น
บางครั้งการออกนโยบายกระตุ้นการทำงาน อาทิ การเพิ่มเงินเดือนให้คนที่ตั้งใจทำงาน ก็อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ได้เหมือนกัน เช่น อาจทำให้พนักงานขี้เกียจมากขึ้น หรือ ทำตัวสร้างปัญหาให้บริษัทมากกว่าเดิม เป็นต้น ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า ‘Cobra Effect’ ซึ่งเราอยากให้ทุกคนรู้จักวิธีป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น ที่มาที่ไปของ Cobra Effect คำว่า ‘Cobra Effect’ ได้รับการพูดถึงครั้งแรกในหนังสือของ Horst Siebert นักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน ที่มีชื่อว่า ‘Der Kobra-Effekt. Wie man Irrwege der Wirtschaftspolitik vermeidet’ ซึ่งคำนี้มีที่มาจากเรื่องราวในสมัยที่อินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร เมืองเดลฮีต้องเจอกับปัญหสเรื่องการรุกรานของงูเห่าที่ทำให้เมืองทั้งเมืองต้องโกลาหล จนผูัปกครองเมือง (รัฐบาลอังกฤษ) ได้ตัดสินใจออกนโยบายเพื่อแก้ปัญหานี้ นั่น คือ การให้เงินรางวัลแก่คนที่ถลกหนังงูเห่าได้ นโยบายนี้เหมือนจะทำให้คนมีแรงจูงใจในการกำจัดงูเห่ามากขึ้น และช่วยให้ปัญหาบรรเทาลง แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะนโยบายนี้ทำให้คนแห่ไปทำฟาร์มงูเห่ากัน เพื่อเก็บเกี่ยวผิวหนังของมันไปแลกเงินรางวัล แถมพอรัฐบาลรู้เรื่องนี้ และยกเลิกการให้เงินรางวัล ผู้คนก็ต่างปล่อยงูเห่าลงบนท้องถนนทำให้ปัญหาเรื่องงูเห่าในเมืองเดลฮียิ่งบานปลายกว่าเดิม Cobra Effect จึงเป็นคำที่ใช้เรียกเหตุการณ์ที่ผู้นำใช้วิธีการแก้ปัญหา ที่ไม่ทำให้ปัญหาถูกแก้ไข กลับกันมันอาจจะยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายลงกว่าเดิม เราสามารถพบเหตุการณ์ Cobra
ในช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 กำลังรุนแรง โรงพยาบาลหลายแห่งต่างประสบปัญหาเรื่องการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายพันคนทุกวัน เครื่องมือตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น จึงได้รับความสนใจมากขึ้น และตอนนี้รัฐบาลได้อนุญาตให้อุปกรณ์ตรวจที่น่าสนใจตัวหนึ่งชื่อว่า ‘Rapid Antigen Test’ เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในการตรวจหาเชื้อไวรัสแล้ว UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักเจ้าอุปกรณ์ตรวจนี้ให้มากขึ้น Rapid Antigen Test คือ อะไร ? ‘Rapid Antigen Test’ เป็นหนึ่งในวิธีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อย่างรวดเร็ว (Rapid Test) ที่มีลักษณะเป็น swab test หรือ การตรวจหาสารพันธุกรรรมของเชื้อในระบบทางเดินทางหายใจ โดย Rapid Test ประกอบไปด้วย 2 ประเภท ได้แก่ ‘Rapid Antigen Test’ และ ‘Rapid Antibody Test’ โดยทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกัน Rapid Antigen Test จะตรวจโดยการค้นหาโปรตีนของไวรัส