ช่วงปี 1980 – 1990 ถือเป็นทศวรรษแห่งการก้าวกระโดดของวงการ 4 ล้อทั่วโลก ค่ายรถยนต์น้อยใหญ่มากมายต่างพากันเดินหน้าพัฒนารถในสายการผลิตของตัวเองให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านสมรรถนะและรูปลักษณ์ ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยที่ได้สร้างปรากกฎการณ์เอาไว้จนถึงขั้นเป็น Iconic Cars ประจำยุคสมัยเลยทีเดียว แน่นอนว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีรถยนต์มากมายหมุนเวียนผลัดกันออกมาโชว์ศักยภาพของตัวเองบนท้องถนน แต่วันนี้ UNLOCKMEN จะขอหยิบยก 5 คัน ที่จะทำให้เรามองเห็นภาพปีศาจ 4 ล้อเจ้าพ่อแห่งยุคสมัยนั้นได้ชัดเจนที่สุด รวมไปถึงราคาค่าครอบครองโดยประมาณในปัจจุบัน ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้างมาดูกันเลย BMW M3 (E30) รถยนต์สมรรถนะสูงที่ผลิตที่ระหว่างปี 1,986-1,990 เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบ Compact Sport Sedans ด้วยโมเดล Coupe และ Convertible พร้อมด้วยขุมกำลังสุดโหดกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาดรถยนต์ในเวลานั้น โดยเฉพาะในรุ่น Evolution II หรือที่เรียกกันว่า EVO2 มาพร้อมสมรรถนะของรถสนามในขนาดกะทัดรัด ทำให้ BMW M3 E30 กลายเป็นรถที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลกในฐานะรถบ้านสุดแรง รวมไปถึงการถูกจับมาปรับแต่งเพื่อเป็นเจ้าสนามในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งจำนวนที่ลดน้อยลงตามกาลเวลา ก็ทำให้มูลค่าของรถสภาพดีพุ่งสูงขึ้นสวนทางและเป็นที่ต้องการของนักสะสมมากขึ้นทุกวัน ค่าตัวโดยประมาณ : 800,000
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ารถยนต์คลาสสิคสามารถสร้างมูลค่าขายต่อได้อย่างมหาศาล ด้วยจำนวนที่มีเหลือน้อยในโลกใบนี้ ทำให้ผู้ที่สนใจต้องกัดฟันสู้ราคา เพราะของหายากแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อหาได้ ต้องขอบคุณสำหรับเวลา 51 ปีในคอลเลกชันสะสมส่วนตัว ที่ทำให้ BMW 1600 GT Convertible คันเดียวในโลกคันนี้ กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนจะถูกทางผู้ผลิตรถยนต์แห่งแคว้นบาวาเรียเรียกกลับมาทำการฟื้นฟู (Restoration) ให้ตัวรถที่มีอายุกว่าครึ่งศตวรรษกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนพึ่งออกจากโรงงานอีกครั้ง BMW 1600 GT หรืออีกชื่อ Glas GT ซึ่งพวกเราคงจะรู้จักกันในฐานะรถยนต์ Coupe แบบ 4 ที่นั่ง ได้รับความนิยมจากคอรถคลาสสิกไปทั่วโลก ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ทาง BMW ต้องการพัฒนาโมเดลของตัวรถให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อตีตลาดลูกค้าในสหรัฐอเมริกาด้วยรูปแบบ Convertible โดยรถต้นแบบถูกผลิตออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1967 กับฝีมือการออกแบบของดีไซน์เนอร์ชาวอิตาเลียน Pietor Frua เป็นโมเดลที่ BMW หมายมั่นปั้นมือว่าจะส่งให้มันกลาย Roadster ที่ได้รับความนิยมที่สุดในยุคนั้น แต่ทว่าเรื่องราวต่อจากนั้นกลับไม่เคยเกิดขึ้น เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ระหว่างการพัฒนา รวมไปถึงอุบัติเหตุระหว่างการทดลองขับที่ทำให้ Prototype No.1 ได้รับความเสียหายจนเป้าหมายต้องถูกหยุดเอาไว้ก่อน แต่ก่อนโครงการจะถูกพับเก็บ รถต้นแบบสภาพสมบูรณ์คันสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ถูกประมูลไปเป็นของ Herbert Quandt ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ