เวียนมาอีกครั้งสำหรับงาน Bangkok International Motor Show โดยในปีนี้เป็นการจัดครั้งที่ 39 เข้าไปแล้ว แน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะมาสัมผัสความหลากหลายของสุดยอดยนตรกรรมในงานนี้ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพคเมืองทองธานี แต่ละคนอาจจะมีบูธในดวงใจชนิดที่ต้องเดินเข้าไปหาเป็นบูธแรกต่างกันออกไป และสำหรับบูธที่เราต้องแวะไปก่อนใครเสมอ ก็คือ MINI ที่สุดของ Iconic Car จากประเทศอังกฤษ ที่ยังคงเอกลักษณ์ความโดดเด่นดั้งเดิมไว้ครบถ้วน ผสมผสานกับนวัตกรรมใหม่ตามแนวคิด “From the original to the Original” ได้อย่างเต็มที่ทั้งตัวรถและการออกแบบบูธที่ใครเดินมาต้องหลงคิดว่าอยู่ London กันเลยทีเดียว บูธของ MINI ในปีนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายเมืองผู้ดี ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบสไตล์ London Street โดยการจำลองบรรยากาศจากท้องถนนในกรุง London เมืองหลวงประเทศอังกฤษ ผู้ผลิตยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1959 ค่ายนี้ จะมาโชว์ของร้อนแรงในงาน Motor Show ทั้งที ย่อมต้องมีทีเด็ดเอาใจสาวก MINI ผู้ชื่นชอบรถขนาดกะทัดรัด ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจุดเด่นด้านความสนุกสนานในการขับขี่แบบ Go-Kart Feeling และเสน่ห์ในแบบผู้ดีแดนอังกฤษ เรียกว่า ถ้าอยากใส่สูทให้เท่กว่าใคร ต้องสูท Kingsman จากอังกฤษ ถ้าอยากขับรถที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์และสร้างความโดดเด่น ต้องขับ MINI Cooper
เคยตันบ้างมั้ย ? แม้ว่าผู้ชายอย่างเราจะรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิตและการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามชั่วโมงบินบนโลกใบนี้ แต่เชื่อสิมันต้องมีวันที่เจอ ‘ทางตัน’ กันบ้าง ทางตันในที่นี้ไม่ใช่การขับรถไปเจอกำแพงสุดซอย หรือไปเจอกับใครที่สร้างอุปสรรคให้เรา แหม่ ไอ้สองอย่างแรกคงหาทางออกได้ไม่ยาก แต่ไอ้ที่ยากที่สุดคือทางตันที่เกิดจากตัวเอง ที่มักทำให้เราสบถออกมาว่า “คิดไม่ออกโว้ย!” ไม่ว่าจะเป็นการคิดงานไม่ออก ในหัวมีแต่อะไรซ้ำซาก สมองล้าขึ้นทุกที หรือไม่ก็ไม่กล้าเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่แตกต่าง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ถึงเวลาที่ต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มาช่วยปลดล็อกความคิดแล้วหละครับ ที่จริงวิธีการสร้างแรงบันดาลใจและหามุมมองใหม่ ๆ นั้นทำได้ไม่ยาก โดยจากที่เราลองหาวิธีเอง และจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ก็พอจะสรุปได้ว่า เราควรจะอยู่ห่างจากเทคโนโลยีบ้าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ไม่ก็แหกกฎอะไรเดิม ๆ ออกไปอยู่ในสเปซที่เราไม่เคยไป หรือไปเยือนสถานที่ที่จะช่วยปลดล็อกความคิดและความกล้าที่จะแตกต่างของเราออกมา จริง ๆ แล้วก็ไม่ต้องไปไหนไกลก็ได้ครับ เพราะในกรุงเทพฯ ก็มีที่เจ๋ง ๆ แบบนี้อยู่ ทีมงาน UNLOCKMEN จะพาไปเยือนสถานที่สุด unique เหล่านี้ด้วยกัน ด้วยการขับรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมอย่าง CHEVROLET TRAILBLAZER Z71 ออกไปหาไอเดียใหม่ ๆ ด้วยการไปเยือน Lifestyle Destination
ในบรรดาหนังสายลับที่โด่งดัง ชื่อของ James Bond ต้องโผล่ติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยภาคต่อที่มีมาอย่างยาวนานตลอด 50 ปี และความสนุกตามแบบฉบับหนัง Action ล้างผลาญผสมผสานกันสาวสวยภาคละคน ทำให้ซีรีส์ James Bond ได้รับความนิยมจวบจนถึงปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าเป็นสายลับฝีมือดีก็ต้องมีรถประจำตัวสุดไฮเทคที่จะช่วยให้ทำภารกิจได้สำเร็จง่ายขึ้น ซึ่งสายลับอย่าง James Bond หรือที่เรารู้จักกันในรหัสลับ 007 นั้นใช้รถยนต์ต่างยี่ห้อต่างรุ่นมากมาย แต่รถที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวแบบขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือแบรนด์รถสปอร์ตจากเกาะอังกฤษอย่าง Aston Martin ที่สายลับหนุ่มรายนี้มักเลือกใช้มาตลอดเกือบทุกภาค วันนี้ UNLOCKMEN ได้คัดเลือก 5 สุดยอดรถ Aston Martin ที่เราชื่นชอบมากที่สุดจากทุก 007 มานำเสนอ ไม่เน้นความใหม่ เน้นแต่ความหล่อล้วน ๆ Aston Martin DB5 เริ่มต้นคันแรกอย่าง DB5 ที่เหมือนเป็นรถประจำซีรีส์ชุดนี้เลยทีเดียว เพราะตั้งแต่เจ้า DB5 คันนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในภาค Goldfinger ซึ่งรับบทโดย Sean Connery มันก็ได้ปรากฏตัวและถูกใช้อีกหลายครั้งในภาคอื่น
ระยะหลังตลาดรถยนต์ในบ้านเรามีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีค่อนข้างมาก จากเมื่อก่อนที่เราได้แต่มองรถยนต์รุ่นเทพ ๆ วางขายในต่างแดนตาปริบ ๆ ส่วนโมเดลที่วางขายในประเทศไทยมักจะเป็นรุ่นพื้นฐานที่เน้นยอดขาย เพราะส่วนใหญ่รุ่นเจ็บ ๆ มักจะราคาขายพุ่งแรงจนฐานลูกค้าเหลือไม่มาก แต่ปัจจุบันตลาดรถบ้านเราเปิดตัวแทบจะพร้อมกับตลาดโลก และมีการนำรุ่นท็อป ๆ เข้ามาวางขายเป็นทางเลือกนักเลงรถตัวจริง โดยเฉพาะแบรนด์ BMW ที่มีการวางขายรถตระกูล M มากขึ้นในระยะหลัง เรียกเสียงตื่นเต้นและสร้างยอดขายจากกลุ่ม Beemer ในประเทศไทยได้ไม่น้อย ล่าสุดในงาน Motor Show 2018 ก็เป็นอีกครั้งที่ BMW ประกาศศักดาทั้งความหรูและความแรง เปิดตัวรถยนต์โมเดลน่าสนใจหลายรุ่นพร้อมกัน แต่ที่เราจะนำมาเน้นกันวันนี้ก็คือ BMW X2, BMW M4 CS, BMW M5 และ BMW 530i Touring ล้วนเป็นรุ่นเจ็บ ๆ ที่เราไม่คาดคิดว่า BMW Thailand จะนำเข้ามา เพราะปกติใครอยากได้โมเดลพวกนี้ ต้องไปสั่งจาก Importer เท่านั้น ซึ่งจะเสียเปรียบเรื่องการซ่อมบำรุงไป ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับสาวก BMW ที่ต้องการครอบครองรถรุ่นเทพ
ในขณะที่ตลาดรถ Mid-Size Car กำลังตกที่นั่งลำบาก โดนทั้ง SUV และ Crossover แย่งกลุ่มลูกค้าไปแบบไม่หยุดยั้ง จากอดีตที่เคยเป็น Segment ที่ยิ่งใหญ่ หลายแบรนด์จึงไม่อาจทำใจปล่อยให้มันเลยตามเลยได้ ทั้ง Honda ที่เพิ่งจะปล่อย Accord ใหม่ไป แม้ผลตอบรับจะติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้าง แต่น่าจะมีวิธีรับมือในไม่ช้า รวมถึง Toyota Camry ใหม่ ที่ปรับโฉมให้เฟี้ยวเฉี่ยวล้ำ เตรียมเปิดผ้าคลุมคันจริงใกล้บ้านท่านเร็ว ๆ นี้ หลายคนที่เคยถามว่า แล้ว Nissan ล่ะหายไปไหน การขยับตัวล่าสุดเผยโฉม 2019 All-New Altima สุดยอด Mid-Size Car จาก Nissan ที่หน้าตาเท่โดนใจสไตล์สปอร์ต หล่อทั้งภายนอกภายใน Nissan ใช้เวที 2018 New York Auto Show เปิดตัว All-New
ในชีวิตลูกผู้ชายอย่างเรา มันต้องมีอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่เราคลั่งใคล้เป็นพิเศษ บางอย่างที่เราหลงใหลเป็นชีวิตจิตใจ บางอย่างที่ใครอาจไม่เข้าใจแต่เราก็ไม่หวั่นไหวในคุณค่า มันก็คงเหมือนกับความรักนะ เริ่มต้นจากความสนใจ ศึกษาเรียนรู้จนเกิดความชอบ และหลงรักในที่สุด ครั้งนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับหนึ่งใน collector ตัวจริง ชายคนนี้คือคุณ ‘เต้น – สีหบุตร ชุมสาย ณ อยุธยา’ ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดังแห่ง Triton Film เจ้าของผลงานที่หลายคนรู้จักกันดีจากแคมเปญ ‘คนหายหน้าเหมือน’ ของมูลนิธิกระจกเงา รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาดี ๆ อีกหลายตัว นอกจากนี้คุณเต้นยังเป็นบรรณาธิการบริหารของ GTPORSCHE Magazine Thailand Edition นิตยสารสำหรับคนที่หลงใหลยอดยนตรกรรมสปอร์ตสัญชาติเยอรมันอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Porsche คงไม่ต้องเดาไปทางอื่นแน่นอน คุณเต้นคือหนึ่งในคนสำคัญผู้ run วงการรถ Porsche ในบ้านเราด้วย passion ซึ่งเราสัมผัสได้ทุกวินาทีที่ได้มาเยือนอาณาจักรของเขา บ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความแรงสุดคลาสสิคสะท้อนตัวตนคน cool ที่รู้ว่าตัวเองหลงรักอะไร “คุณพ่อของผมท่านเป็นคนชอบรถ และรสนิยมการชอบรถของเขาจะค่อนข้าง eccentric คือไม่ค่อยเหมือนคนอื่น คนอื่นไม่ค่อยใช้ ที่บ้านก็จะมีรถยุโรปที่อาจไม่ได้สปอร์ตมากอย่าง Volkswagen, Saab, Volvo และ Alfa
เบื่อบ้างหรือเปล่าเวลาขับรถตามหลังรถคันใหญ่ ๆ อย่างพวกรถบรรทุก รถพ่วง ขับช้าไม่ว่า แต่โดนตู้คอนเทนเนอร์บังทัศนวิสัยซะมิด จะแซงก็ไม่ได้ แหย่หัวออกไปก็กลัวโดนโฉบไปนอนคุยกับรากมะม่วง ไม่ใช่แค่คนขับรถเท่านั้นที่มองเห็นปัญหานี้ SAMSUNG เองก็ด้วย เลยงัดไม้เด็ดออกมาแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ แต่โคตรลงทุน UNLOCKMEN จะพาไปดูว่าเป็นเทคโนโลยีอะไร มาดูไปพร้อมกัน “The Safety Truck” มันคือ “The Safety Truck” ที่ตั้งใจทำออกมาเพื่อลดอัตราอุบัติเหตุจากการแซงบนถนนสองเลน อย่างในอาร์เจนตินาเนี่ย อุบัติเหตุทางรถยนต์สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และการแซงกันบนถนนสองเลนก็เป็นสาเหตุหลักเช่นกัน SAMSUNG เลยอยากจะแก้ปัญหานี้ด้วยเจ้ารถคันนี้ โดยมันจะมีกล้องอยู่ด้านหน้าเชื่อมต่อกับจอทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังรถ หากนึกไม่ออกลองดูในคลิป มันเจ๋งตรงที่หากเราขับรถตามคันนี้ เราจะมองเห็นทั้งสองเลนด้านหน้ารถ ว่ามีรถกำลังมา รถสวน หรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นหรือไม่ เผื่อว่าเราต้องการจะแซง หรือแม้แต่ทัศนวิสัยในเวลากลางคืนก็สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้นบนจอของเจ้าคันนี้ ไม่ต้องเสี่ยงโยกหัวออกไปดูรถอีกเลนให้เสี่ยงตายเล่น ๆ อีกต่อไป เพราะมันสว่างโล่งมาก ๆ จากไฟของรถบรรทุกแล้วเราก็มองเห็นมันได้จากบนจออีกนั่นแหละ โดยจอก็ไม่ได้เป็นจอเล็กจิ๋วจอเดียวที่ต้องเพ่งตามองให้เมื่อย แต่เป็นจอใหญ่สี่จอต่อกันให้เราดูได้แบบเต็มตา หากดูคลิปจาก SAMSUNG แล้วรู้สึกว่ามันยังดูโฆษณาชวนเชื่อเกินไป ลองมาดูคลิปจากคนบนท้องถนนที่ขับตามตูดเจ้าคันนี้แล้วมารีวิวกันบ้าง โดยเจ้ารถคันนี้ยังไม่ได้ทำออกมาแบบสมบูรณ์นัก ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลองและปรับปรุง ถ้าหากสำเร็จจริง
หากคุณเป็นแฟนเพลงร็อคแล้วคงจะต้องรู้จักชื่อของ Aerosmith เป็นอย่างดีจากเพลง I Don’t Want to Miss a Thing โดยเฉพาะเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ Frontman สุดเท่ Steven Tyler ที่กลายเป็นตำนานยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ แต่ใครจะรู้ว่า Frontman คนนี้ก็เป็นนักเลงรถกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะรถคู่ใจของเขานั้นเป็นถึงไฮเปอร์คาร์ตัวแรงอย่าง Hennessy Venom GT ที่แรงติดอันดับ Top 5 ของโลก แบบเปิดประทุนรับลมปะทะบ้องหูแบบเต็ม ๆ ซึ่งรถคันนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นรถเร็วและแรงที่สุดในโลกคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ล่าสุด Steven Tyler ได้นำรถสุดรักคันนี้เข้าประมูลเพื่อการกุศลไปเสียแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับไฮเปอร์คาร์พลังแรงสูงคันนี้ให้มากขึ้นอีกนิด Venom GT ผลิตโดย Hennessey Performance Engineering สำนักปรับแต่งรถชื่อดังของอเมริกาซึ่งรองรับการปรับแต่งจูนรถหลากยี่ห้อนอกจากรถอเมริกัน ภายนอกของ Venom GT นั้นดัดแปลงโดยใช้ตัวถังของ Lotus Elise และ Exige แทบจะทั้งหมดมาทำตัวรถแม้กระทั่งภายในด้วย พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนและขยายตัวถังอีกหลายส่วนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจุดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้อยู่ที่ขุมพลังสุดโหดจนโลกต้องจารึก
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามลพิษกับรถยนต์ยังไงก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเรื่อย เรียกได้ว่าถ้ามีรถมันก็ต้องมีควันพิษมาเป็นเงาตามตัว ธุรกิจที่ต้องวนเวียนอยู่กับรถทั้งหลายเลยพากันออกมาคิดค้นนวัตกรรมกันใหญ่ บ้างก็เป็นรถไฟฟ้าไม่น้ำมัน เครื่องยนต์ที่ทำให้ระบบเผาไหม้ทำงานแบบไม่ปล่อยควันพิษ จะได้รักษ์โลกไปกับความเร็วพร้อมกัน แต่ใครมันจะไปนึกว่าบริษัทผลิตล้อที่เราดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะเปลี่ยนอะไรไปได้ตรงไหนเกิดอยากจะสนุกกับเขาด้วยคน ส่งล้อเขียว ๆ มาฟอกควันมันดื้อ ๆ เอาสิวะ ! ก็อยากให้รถมันได้วิ่งในถนน งั้นก็จะทำยางที่ใครก็ต้องร้องขอให้เอารถออกมาวิ่ง Good Year เลยพัฒนาทุบมิติเดิมจากความแม็กซ์สวย เนื้อยางดี มาใส่ไอเดียสร้าง prototype ทำล้อรุ่น Oxygen ออกมาให้แม่งฟอกอากาศได้ด้วยเลย ยางลดโลกร้อนที่เห็นไม่ได้เขียวแค่สี ไม่ได้มีเครื่องฟอกอากาศด้านในใช้เครื่องยนต์อะไร แต่ใส่พืชเขียวตระกูลมอสส์มาปลูกกันในล้อ คลอโรฟิลล์เกาะไปกับรถยังไงก็ได้แดดไว้สังเคราะห์แสงชัวร์ หลักการคือระหว่างล้อหมุนจะดูดเอาความชื้นด้านนอกเข้ามาเลี้ยงมอสส์ พร้อม ๆ ไปกับการดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้านนอกเข้าไปด้วยแล้วก็คายออกซิเจนออกมาตามระบบเดียวกับที่เราเคยเรียนเรื่องการสังเคราะห์แสงพืช แต่แค่จับต้นไม้ไปไว้ในล้ออย่างเดียวมันยังคูลพอ เขาเลยใส่ระบบเซ็นเซอร์กับ AI สร้างเทคโนโลยี V2X technology เข้าไปออกแบบร่วมเชื่อมโยงกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชดึงกระแสไฟฟ้ามาจ่ายเพิ่มระบบไฟให้ล้อเท่ส่องสว่างได้ด้วยวงไฟ LED รอบล้อยามค่ำคืนขณะเปลี่ยนเลนด้วย รถข้าง ๆ หรือคนตามทางเท้าจะได้มองเห็นเราได้ง่ายขึ้น นวัตกรรมล้อแห่งอนาคตที่หวังจะฟอกอากาศนี้ ทาง good year เขาคำนวณไว้ว่าอยากจะให้มีใช้กันในเมืองใหญ่ทั่วโลก อย่างน้อยที่สุดที่คาดการณ์ไว้คือ ถ้ารถทุกคันในปารีสมียางเหล่านี้ก็จะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงประมาณ 4,000 ตันในแต่ละปี เหมือนการทำให้รถที่เคยวิ่งหายไป 4,500
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในความเร็วและห้วงอารมณ์การขับขี่รถยนต์ที่ท้าทาย ในชีวิตที่เกิดมาเพียงครั้งเดียวคงไม่มีประสบการณ์ใดล้ำค่าไปกว่าโอกาสในการขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงบนสนามที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายที่สุดในโลก หากสนามอย่าง Nurburgring (นูร์เบอร์กริง) ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งรถทางเรียบที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายมากที่สุด ที่สามารถดึงดูดผู้ชายที่หลงใหลการหลั่งอะดรีนาลีนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกัน ทางฟากฝั่งของสนามขับรถบนผิวหิมะคงไม่มีสนามไหนที่จะท้าทายและน่าสนใจไปกว่าสนาม Arctic Driving Center, Rovaniemi สนามขับรถบนหิมะสุดแรร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเรากำลังจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปทำความรู้จักสังเวียนดริฟต์อุณหภูมิติดลบแห่งนี้ไปพร้อมกัน สนาม Arctic Driving Center, Rovaniemi เป็นสนามขับรถที่ตั้งอยู่ในเมืองโรวาเนียมิ ประเทศฟินแลนด์ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของซานตาครอส โดยสนามแห่งนี้มีช่วงเวลาพิเศษสำหรับเปิดใช้งานซึ่งต้องรอให้ถึงช่วงที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในฤดูหนาวที่หนึ่งปีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น โดยสนามหิมะแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในทิวป่าสนที่สวยงามและตั้งอยู่ห่างจากเส้นสูงสุดไม่เกิน 10 กิโลเมตร ทำให้มีอุณหภูมิในฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ 4 ถึง -8 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าสภาพอากาศหนาวเหน็บแบบนี้มันคือสิ่งที่จะมากระตุ้นให้การขับขี่ท้าทายขึ้นกว่าเดิม และในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับชาวไทยเพราะบีเอ็มดับเบิลยูได้จัดทริป JOY GO ICE DRIVING EXPERIENCE – Rovaniemi ที่จะพาผู้เข้าร่วมเดินทางทุกคนได้สัมผัสห้วงอารมณ์ของการขับขี่รถยนต์บนสนามหิมะ มาชมบรรยากาศที่น่าสนใจในทริปนี้ไปพร้อมกัน สมาชิกทริป JOY GO ICE DRIVING EXPERIENCE – Rovaniemi เป็นคนกลุ่มแรกที่เดินมาประเดิมสนาม
หนึ่งในเอกลักษณ์ของหนังแข่งรถชื่อดังอย่าง Fast & Furious นั้ นอกจากตัวเอกเช่น Dominic Toretto ที่รับบทโดย Vin Diesel แล้ว ยังมีตัวละครนำควบคู่กับ Toretto ด้วยอีกคนนั่นก็คือ Brian O’Connor ที่นำแสดงโดย Paul Walker ผู้ล่วงลับ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะจากไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าเขายังได้ทิ้งผลงานการแสดงใน Fast & Furious ไว้และปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อของเขายังเป็นอีกกำลังสำคัญที่ช่วยทำให้หนังโด่งดังได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งจุดเด่นของตัวละครอย่าง Brian O’Connor นั้นก็มีความคล้ายคลึงกับ Toretto นั่นคือตัวเขาเองชื่นชอบในพาหนะสี่ล้อเหมือนกัน โดยเฉพาะรถนำเข้าญี่ปุ่นจากค่าย Nissan อย่าง Skyline GT-R ที่เป็นรถดีไซน์โฉบเฉี่ยวและเท่บาดใจอยู่เหนือกาลเวลา แถมสมรรถนะเครื่องยนต์จากโรงงานก็เอาเรื่องพอตัวจนทำให้ชื่อของ Skyline GT-R โด่งดังในวงการยานยนต์และนักแต่งรถ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปรู้จักกับ Skyline GT-R คู่ใจทั้ง 6 คัน ของ Brian O’Connor ที่ใช้ขับแข่งมาตลอดทั้งแฟรนด์ไชส์หนัง
พูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ คนทั่วไปคงจะแบ่งรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์ง่าย ๆ เป็นรถแม่บ้าน รถออโต้ รถบิ๊กไบค์ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ายังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่หลงรักมอเตอร์ไซค์อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า “มินิไบค์” และหากพูดถึงเรื่องราวของ “มินิไบค์” ชื่อของ Honda Monkey น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่คนนึกถึง เจ้ารถคันเล็กหน้าตาน่ารักนี้มันมีอะไรน่าสนใจถึงครองใจเหล่าไบค์เกอร์และนักสะสมรถมาได้ยาวนานกว่า 50 ปี วันนี้ UNLOCKMEN จะพาย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Honda Monkey ว่าอะไรที่ทำให้คนจำนวนมากต้องหลงรักเจ้ารถไซส์มินิคันนี้ เริ่มจากเรื่องเล่น ๆ Honda Monkey นั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 แรกเริ่มเดิมทีเจ้าลิงน้อยนี้ไม่ได้เกิดมาจากความตั้งใจจะออกแบบมาเพื่อขาย แต่เกิดจากความนึกสนุกของพนักงานในบริษัทฮอนด้าที่อยากจะทดลองทำมอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ไว้ขี่เล่นเวลาว่าง! และเรื่องราวหลังจากนี้จึงเป็นตัวอย่างของคำว่า “ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์” ได้ชัดเจนที่สุด เพราะพนักงานคนนั้นได้เอาเวลาว่างไปยกเครื่องยนต์ขนาด 50 ซีซี ที่มีขายอยู่แล้ว มายัดลงตัวถังเล็ก ๆ สีขาว ๆ กับโครงรถสีแดงตัดกันสวยงามพร้อมล้อจิ๋วขนาด 5 นิ้ว แล้วก็…เปล่า! ยังไม่ได้เป็น Honda Monkey หลังจากประกอบเสร็จชื่อแรกของมันไม่ใช่ Monkey