เมื่อร่างกายเราถูกใจอะไรเข้า มันจะเรียกร้องหาสิ่งนั้นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่หลายคนกินอาหารเมนูโปรดแล้วอิ่ม แต่ก็ยังไม่อยากหยุด เช่นเดียวกับการดื่มเบียร์ เรายอมรับเลยว่าชอบดื่มเบียร์ ดื่มเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น ดื่มเบียร์ให้วันที่ดี ดื่มเบียร์ในวันที่แย่ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นข้ออ้างในการหาเรื่องดื่มของคนขี้เมา แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุดออกมาสนับสนุนว่า ส่วนประกอบในเบียร์ สามารถกระตุ้น DOPAMINE D2 RECEPTOR (D2R) ในสมองส่วน REWARD CENTER ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในงานเบียร์ ถึงมีแต่คนอารมณ์ดีทั้งงาน ทีมนักวิจัยจาก FRIEDRICH ALEXANDER UNIVERSITAT ERLANGEN-NURNBERG (FAU) ได้ทำการทดลองเพื่อหาองค์ประกอบในอาหารว่าอะไรจะสามารถกระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้เหมือนสาร DOPAMINE อีกหรือไม่ โดยแยกเก็บตัวอย่างโมเลกุลที่มักจะมีอยู่ในอาหารมากถึง 13,000 โมเลกุล ทดสอบด้วยการใช้ VIRTUAL SCREENING PROGRAM วิเคราะห์ไปทีละอย่าง เพื่อหาว่าเรากินอะไรช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ก่อนจะพบโมเลกุลที่เข้ารอบ 17 ตัว และหนึ่งในนั้นก็คือเบียร์ครับพี่น้อง DR. MONIKA PISCHETSRIEDER ทีมวิจัยพบว่า หนึ่งในโมเลกุลที่ทำหน้าที่กระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้ดีไม่แพ้
เป็นที่ฮือฮา และน่ายินดีมากกับการเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ’ หรือ MICHELIN Guide Bangkok เล่มแรก โดยมีร้านอาหารผ่านการคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 98 ร้าน คู่มือเล่มนี้สะท้อนให้เห็นภาพของกรุงเทพฯ ในแง่มุมของความเป็นเมืองแห่งอาหารนานาชาติที่ยังคงรักษารากเหง้าและอัตลักษณ์ของอาหารไทยเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนจากทั่วโลก เราเชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ประวัติเรื่องราวว่า “มิชลิน ไกด์” คืออะไร เป็นอะไรกับยางมิชลิน แล้วดาวได้มาอย่างไร มีมาตรฐานอะไรวัดในการให้ดาวในแต่ละร้าน เราจึงขอสรุปให้ฟังสั้น ๆ ง่าย ๆ ประดับความรู้ก่อนไปชิมของอร่อย ๆ กัน ยางมิชลิน VS. มิชลินไกด์ เชื่อว่าเราต้องรู้จักบริษัทยางมิชลิน ผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างดี แต่บางคนอาจสงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวอย่างไร กับมิชลินไกด์เล่มแดงนี้ ประวัติความเป็นมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1900 ด้วยไอเดียบรรเจิดของสองพี่น้อง Édouard และ André Michelin ผู้ก่อตั้งบริษัทยางมิชลิน สัญชาติฝรั่งเศส ที่อยากส่งเสริมให้ผู้คนหันมาสนใจการใช้รถยนต์ให้มากขึ้น และยังจะส่งผลดีต่อแบรนด์ของเขาด้วย จากแนวคิดนี้จึงทำให้เกิด “The Michelin Guide” (มิชลินไกด์) เล่มนี้ขึ้นมา โดยการตีพิมพ์มิชลินไกด์เล่มแรกของเขาได้ทำการตีพิมพ์ถึง 35,000
ช่วงใกล้ปลายปีแบบนี้ หลายคนน่าจะวางแผนเตรียมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันเยอะแน่นอน โดยมีจุดหมายหลักคือการไปกินอาหารประจำชาติญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น SUSHI หรือเนื้อย่าง แต่สำหรับคนที่ติดธุระจนไม่มีเวลาบินไปกินเนื้อย่างถึงญี่ปุ่น เรามีร้าน JAPANESE YAKINIKU ที่รสชาติดีสุด ๆ ไม่แพ้กัน แถมยังราคาไม่แพง เป็นร้านเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางย่านทองหล่อ 13 หลายคนน่าจะรู้จักกันแล้ว แต่สำหรับคนชอบเนื้อย่างที่ยังไม่เคยไป เราขอแนะนำ GYU MARU JAPANESE BBQ หนึ่งในร้านเนื้อย่างที่เราชอบมากที่สุดในกรุงเทพ GYU MARU ไม่ใช่ร้านใหม่อะไร เท่าที่หาข้อมูลน่าจะเปิดมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโซน NIHON-MARU ดูจากระยะเวลาที่เปิดทำการ ในขณะที่ร้านรอบด้านปิดเปลี่ยนกิจการไปหมดแล้ว GYU MARU ยังคงเดินหน้าบริการเนื้อย่างชั้นดีมาโดยตลอด ชนิดไม่หวั่นแม้วันมามาก ก็พอจะการันตีความขลังของเนื้อย่างร้านนี้ได้เป็นอย่างดี บรรยากาศร้านไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก เหมือนร้านเนื้อย่างทั่วไป ถ้าอยากได้ความหรูหรา ข้ามร้านนี้ไปได้เลย ขอผ่านไปที่เนื้อย่างและเครื่องดื่มเลยก็แล้วกัน สิ่งแรกที่แนะนำให้ทำเมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อย คือเปิดน้ำย่อยด้วยเบียร์สดเย็น ๆ สักแก้ว ความเย็นของ DRAFT BEER ร้านนี้การันตีว่าเย็นสะใจ แก้วถูกเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งที่จับจนขาวโพลนเหมือนแม่คะนิ้ง
ปีนี้ Heineken นึกสนุก จับมือกับ Greyhound ทำโปรเจค ‘Star Delivery’ ขนเบียร์สดและอาหารจานเด็ดจากร้าน Greyhound พร้อมพร๊อบสำหรับปาร์ตี้เก๋ๆ ส่งตรงถึงบ้านคุณ ย่างเข้าปลายปีแบบนี้ หากลองสังเกตดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความสุขที่อบอวลไปทั่ว ลมหนาวก็เริ่มพัดผ่านมาให้ได้แฮปปี้ กระดี๊ กระด๊ากันเป็นระลอก แถมแค่อีกเดือนนิด ๆ ก็จะเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งของปี ที่มีดีทั้งช่วงเวลา และอากาศ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะรวมตัวเพื่อนฝูง เหล่าแก๊งค์ก๊วนคนสนิทมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ดื่มกิน พูดคุย สนุกสนานกันในแมทช์กระชับมิตร และในการปาร์ตี้กับพลพรรคเพื่อนซี้ หลายคนมักจะเลือกสถานที่ที่เป็นส่วนตัว เพราะจะได้สนุกสนานเฮฮากันได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลกับพื้นอันจำกัด หรือเกรงใจว่าความมันส์จะไปทำลายบรรยากาศผู้คนรอบข้าง ทางออกที่พบเห็นเป็นส่วนใหญ่คือการชวนชาวแก๊งค์มาปาร์ตี้กันที่บ้าน ที่คอนโด หรือในบางทีประชุมงานกันเสร็จก็จัดกันที่ออฟฟิศซะเลย ซึ่งหลายคนที่เคยจัดปาร์ตี้กันเองในพื้นที่ส่วนตัว น่าจะนึกภาพออกว่าเรื่องของสถานที่ไม่น่าจะใช่ปัญหาที่สร้างความวุ่นวายให้กับการจัดปาร์ตี้ได้มากเท่ากับการเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างที่ UNLOCKMEN เอง ก็มักจะใช้พื้นที่ในออฟฟิศจัดปาร์ตี้เฉพาะกิจกับทีมอยู่เสมอ ทำให้รู้เลยว่ากว่าจะไปออกซื้อหา หอบหิ้ว ขนม อาหาร เครื่องดื่ม นั้นมันช่างเสียเวลา และเป็นการตัดกำลังไม่ใช่เล่น บั่นทอนอารมณ์คึกคักอยากปาร์ตี้เฮฮาไปพอสมควร
เครื่องดื่มมึนเมามันไม่ดี ใครก็รู้ แต่นาน ๆ ทีดื่มทีก็กรึ่ม ๆ กระชุ่มกระชวยดีเหมือนกัน แต่เป็นชาว UNLOCKMEN ทั้งที จะเอะอะ ๆ หาเรื่องหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กระแทกปากแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ดูไม่เท่ วันนี้ UNLOCKMEN เอา Theme การดื่มแบบเท่ ๆ มาให้เพื่อต้อนรับกระแสหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่กำลังทยอยเข้าโรงมาอย่างคับคั่ง เรารับรองได้ว่าเอาไปเล่าต่อในวงเหล้าสาว ๆ ต้องร้องว้าว เพื่อน ๆ ก็ต้องสนุกไปกับกิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ จนอยากไล่ตามดื่มเครื่องดื่มของซุปเปอร์ฮีโร่ให้ครบทุกตัวเลยทีเดียว Iron Man: Single malt Scotch ผสมกาแฟ สำหรับซุปเปอร์ฮีโร่จากจักรวาลมาร์เวล ภายใต้เกราะเหล็กสีแดง-เหลืองคุ้นตา กับคาแรคเตอร์สุดกวนตามประสาคนรวยระดับมหาเศรษฐีที่ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่อีกภาพที่สาวก Iron Man คงเห็นติดตาเสมอคือภาพการกระดกเหล้าเข้าปากชนิดที่ว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวยงก็รู้อยู่ดีว่าซุปเปอร์ฮีโร่ของเรารายนี้มีอาการติดเหล้าเข้าให้แล้ว Iron Man ของเราชอบกินเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ โดยเอามันเทลงผสมเข้ากับกาแฟซะเลย! การกินเหล้ากับกาแฟอาจเป็นภาพที่เราเห็นได้ตามหนังฝรั่งทั่วไป แต่กับคนไทยถ้าจะลองทำกับสภาพอากาศบ้านเราอาจมีสยองกันไปข้าง แต่นั่นคือความหนักแน่นสไตล์ Iron Man ซึ่งจริง ๆ เขาไม่เกี่ยงเท่าไหร่ว่าต้องเป็นเหล้าชนิดไหนขอแรง
“ย้อนเวลา” เป็นสิ่งหนึ่งที่ใครก็อยากทำ แต่จะมีสักกี่คนที่ย้อนวันเวลาได้ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาคุณย้อนวันเวลาไปหาตำนานเกาเหลาเนื้อไร้เทียมทานแห่งเวิ้งนาครเขษมที่มีสูตรต้นตำรับยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรารับรองได้เลยว่าการได้ลิ้มรสเกาเหลาเนื้อจาก Ten Suns ไร้เทียมทาน 十光 จะไม่ต่างการได้ย้อนเวลากลับไปยังบรรยาการเก่า ๆ ของร้าน ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน เกาเหลาเนื้อที่จะทำให้คุณล่องลอยข้ามกาลเวลาอย่างไร้เทียมทานได้จริง ในวันที่ UNLOCKMEN เดินทางไปถึงร้าน Ten Suns ไร้เทียมทาน 十光 บอล-กันต์ รุจิณรงค์ มือกีตาร์วง อพาร์ตเมนต์คุณป้า ยืนรอเราอยู่แล้ว เขาเล่าถึงเสน่ห์ของ ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน ที่ไม่อาจปล่อยให้เลือนหายไปกับกาลเวลาได้เลย วันที่ ชิ่ว เนื้อวัวไร้เทียมทาน จะต้องปิดตัวลงด้วยเหตุผลด้านสถานที่จึงเป็นสิ่งที่เขาและ เชฟโจ๊ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ แห่งร้าน Seven Spoons ปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ นี่จึงไม่ต่างจากการย้อนเวลา ไม่ต่างจากการควานคว้าร้านอาหารเจ้าประจำในดวงใจมาเก็บรักษาไว้อย่างที่ควรจะเป็น โดยเขาเล่าว่าชีวิตของเขาผูกพันกับเวิ้งนาครเขษมมาตลอด เพราะด้วยความเป็นนักดนตรีถ้าจะซื้อเครื่องดนตรี ทุกคนก็ต้องมาที่เวิ้งฯ นี่ เมื่อร้านที่เขารักกำลังจะจากไปเขาและเพื่อนจึงอยากนำร้านกลับมาเพื่อไม่ให้ลูกค้าเก่า ๆ หาร้านที่พวกเขารักไม่เจออีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาได้เจอกับเฮียบัติ-ชญาณญ์พัฒณ์ ติเวชยันต์
วันว่างที่เราไม่อยากทำอะไร แค่อยากนั่งในร้านบรรยากาศดี กาแฟหอม ๆ สักแก้ว และหนังสือเล่มโปรดอีกหนึ่งเล่ม เน้นเสพบรรยากาศรอบ ๆ ตัว ยิ่งถ้ามีเพลงเพราะผ่านการคัดสรรจนลื่นหู และมิตรภาพที่พร้อมจะเกิดขึ้นกับการแชร์ที่นั่งกับคนแปลกหน้าที่มาเพื่อเป้าหมายเดียวกัน วันนี้เราขอแนะนำคาเฟ่ดี ๆ ชื่อ INK & LION บนเอกมัยซอย 2 อยู่ในเวิ้งตรงข้ามกับ Park Lane มีที่จอดรถมากมาย เป็นร้านที่เหมาะกับการปลีกตัวไปนั่งชิลล์คนเดียว ได้อารมณ์เท่ปนขรึมในโทนขาวดําสไตล์ Modern Industrial เน้นตกแต่งด้วย ไม้ เหล็กดิบ แม้จะดูหยาบ แต่ใส่ใจรายละเอียดให้ออกมามีดีไซน์ชื่อร้านที่แสดงออกถึงความอาร์ต มาจากการนําคําว่า INK ที่เจ้าของร้านสื่อถึงหมึกต้นกําเนิดแห่งการสร้างงานลายเส้นศิลปะ อีกนัยหนึ่งก็สื่อถึงกาแฟที่มีสีดํา ส่วน LION มาจากสัญลักษณ์สิงโตบนเครื่องชงกาแฟชั้นดีประจําร้านนั่นเอง บรรยากาศของร้านเต็มไปด้วยความร่มรื่น ผู้คนที่ดูสบายตา ระหว่างที่เรานั่งพิมพ์อยู่ก็ได้ทำความรู้จักกับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยอย่างสนุกสนาน จิบกาแฟไป พร้อมอ่านหนังสือดีที่กองเก็บไว้นานแล้วสักเล่มไปด้วย เป็นอารมณ์พักผ่อนที่สามารถทําคนเดียวได้อย่างไม่เคอะเขิน กาแฟของที่นี่ใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดชั้นดีจากทั่วโลก รวมถึงกาแฟที่ผ่านวิธีการเบลนด์แบบพิเศษของทางร้าน ที่ชงแบบ Hand Drip ทําให้ได้กาแฟรสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยม จับคู่เข้ากับขนมชิ้นพอดีได้อย่างดี เหมาะแก่การปลีกตัวมาชิลล์คนเดียว หรือจะมานั่งฆ่าเวลากับสาวคนสนิทก็ให้ความรู้สึกดีไม่แพ้กัน แถมท้ายอีกนิด
Taste it all 2017 @Ratchaprasong เทศกาลอาหารนานาชาติครั้งสำคัญ ที่นำเสนอสุนทรียรสระดับเวิลด์คลาส คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดในประเทศไทยของ “โครงการหลวง” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Pheasant festival หรือ เทศกาลไก่ฟ้า พร้อมเชิญเซเลบริตี้เชฟจาก 8 ห้องอาหาร สุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ มาร่วมปรุงแต่งซิกเนเจอร์เมนู ผสานศาสตร์แห่งความพิถีพิถันจนได้ ความมหัศจรรย์แห่งรสชาติอันกลมกล่อมของ “เมนูไก่ฟ้า” พร้อมเสิร์ฟรสชาติที่เหนือจินตนาการ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ภายใต้การสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมูลนิธิโครงการหลวง คุณฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งความสำคัญในการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตด้วยอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2561 ททท. ตั้งเป้าหมายเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวร้อยละ 8 ตามที่รัฐบาลกำหนด โดยยังคงเน้นการปรับโครงสร้างตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน และจะผลักดันแนวทางการขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพด้วยการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยว ผ่านวิถีการกิน ซึ่ง ททท. ได้เล็งเห็นถึงแนวทางการกระตุ้นส่งเสริมและยกระดับบริการด้านการท่องเที่ยวไทย การนำอาหารมาพัฒนาให้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สำคัญและสร้างแรงดึงดูดต่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกระแสด้านอาหารซึ่งเป็นหมวดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดผ่านกิจกรรมหรืองานเทศกาลด้านอาหารต่างๆ ดังเช่น กิจกรรม “Taste it
วัฒนธรรมการกิน คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้ผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือการท่องเที่ยวไปในหลายประเทศ วัฒนธรรมการกินไก่ทอดคู่เครื่องดื่มเย็น ๆ เพื่อ Refreshment ที่ทั้งอร่อยและผ่อนคลายของคนหลังเลิกงาน หรือของกลุ่มเพื่อนซี้ที่รวมตัวกันพูดคุยอย่างออกรส น่าจะเป็นบรรยากาศที่หลายคนคงคุ้นหูคุ้นตาความสุนทรีแบบนี้กันมาบ้าง โดยเฉพาะในอเมริกาและในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการจับคู่อาหารเพื่อดื่มด่ำความสุขอย่างลึกซึ้งมากกว่าแค่การกินเพื่ออิ่มท้อง ที่ชวนให้น้ำลายสอทุกทีที่ได้เห็นผ่านจอ เช่นเดียวกับในประเทศไทย คนไทยกับไก่ทอดและเครื่องดื่ม เป็นสาม Combination ที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด และตอนนี้ภาพบรรยากาศความสนุกกับเพื่อนซี้ พร้อมเครื่องดื่มเย็นฉ่ำแกล้มไก่ทอดกรอบ ๆ ได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น กับการรวมเอาทั้ง 3 Perfect combination เข้าไว้ด้วยกันให้ใกล้กว่าเดิม เพราะล่าสุดเมนูเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่มาพร้อมไก่ทอดรสอร่อยได้เดินทางมาให้พวกเราชาวไทยลิ้มรสประสบการณ์ Chang @The PARQ กันถึงถิ่น เรียกได้ว่าเป็นการ Collabs ครั้งใหญ่ของวงการอาหาร และยังถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยกับเมนูเครื่องดื่มเย็น ๆ จาก Chang ที่ควงคู่มากับความกรอบฉ่ำละมุนรสเครื่องเทศของไก่ทอดสูตรผู้พันซึ่งพร้อมเสิร์ฟแล้ววันนี้ ที่ KFC Lifestyle Store สาขาพิเศษใหม่ล่าสุดที่ The PARQ ถนนพระราม 4 ขึ้นชื่อว่าเป็น KFC สาขาพิเศษทั้งที เราจึงไม่พลาดที่จะรีบมารีวิวให้รู้ว่าแตกต่างกับสาขาปกติยังไง
เราถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศลึกลับ เท่ แต่คลาสสิคของ BAR SAVOY ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปถึง แต่เสน่ห์ดึงดูดของ SAVOY ไม่ได้จบลงแค่บรรยากาศเท่านั้น เพราะซิกเนเจอร์สุดโดดเด่นอย่างการเป็น Punch Bar และ Singing Rooms ยังเผยตัวชัดแจ้งจนเราอดที่จะกระโจนเข้าไปค้นหาไม่ได้ บอกได้เลยว่าชาว UNLOCKMEN ก็ไม่ควรพลาด ถ้าอยากดื่มด่ำความลึกลับ เท่ และคลาสสิคก็ตามไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่คุณจะค้นพบเมื่อย่างกรายเข้ามาที่ SAVOY แล้วรู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่พลาดไม่ได้คือ “พันช์” ก่อนที่คุณจะทำหน้าไม่เชื่อใจในรสนิยมตัวเอง UNLOCKMEN ขอทลายความเชื่อเดิม ๆ ของคุณที่ว่าพันช์เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้หญิงลงไปก่อน จุดเริ่มต้นของพันช์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับสาว ๆ หรือผู้หญิงอย่างที่เป็นภาพจำในปัจจุบัน พันช์มีจุดเริ่มต้นไกลโพ้นอย่าง “อินเดีย” โดยคำว่าพันช์มาจากคำว่า “ปัญจ” ที่แปลว่า 5 เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้นั้นมีส่วนผสมจากวัตถุดิบ 5 อย่าง ได้แก่ แอลกอฮอลล์ น้ำตาล เลมอน เครื่องเทศ และน้ำเปล่าหรือน้ำชา SAVOY จึงไม่ได้มาเพื่อนำเสนอพันช์สีชมพูหวานแหววสำหรับสาว ๆ อย่างที่คุณคุ้นตาเท่านั้น
ชีวิตในเมืองใหญ่นั้น มีข้อดีตรงที่วิถีชีวิตของเราจะผลักดันให้ขับเคลื่อนเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา เพราะเมืองใหญ่เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ในตอนกลางวันเราต่างทำงานในเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน เร่งรีบ ล้อมรอบไปด้วยเนื้อหาต่าง ๆ รอบตัวตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากที่พักอาศัย ในตอนกลางคืนก็สนุกต่อกับแสงสียามค่ำ ที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เสน่ห์ของแสงสว่างจากหลอดไฟ ชีวิตอีกมุมที่เพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แต่บางครั้งการอยู่กับวิถีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง ชีวิตที่เชื่อมต่อกับปัจจัยมากมายตลอดทั้งวัน ก็อาจทำให้เราไม่ได้หยุดพัก จนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยได้เหมือนกัน ที่จริงแล้วในอีกมุมของเมืองใหญ่อย่างเอกมัย ที่เต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์หลากหลายรอต้อนรับอยู่ตลอดทั้งวัน ก็ยังมีมุมที่ขับเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ อนุญาตให้เราได้ปลีกตัวมาหยุดพัก ให้เวลากับตัวเอง ถามความต้องการของตัวเอง ทำสิ่งไร้สาระที่อยากทำมาตั้งแต่เช้า ซึ่งเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ชีวิตต้องการ เป็นการรีชาร์จพลังก่อนที่จะกลับไปคึกคักกับแกงค์เพื่อนสนิท หรือต่อสู้กับวิถีชีวิตตามหน้าที่ของเมืองใหญ่อีกครั้ง โดยใช้เวลาเพียงแค่ก้าวเท้าออกมาจากจุดที่วุ่นวายไม่กี่ก้าว คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์คุณแล้วล่ะว่าอยากจะปลีกตัวไปชิลล์แบบเงียบๆ ลำพัง หรืออยากจะชวนก๊วนเพื่อนมาผ่อนคลายด้วยกันเพลิน ๆ ว่าแล้วก็ลองหาเวลาว่างแวะย่านเอกมัยไปสร้างความสมดุลในชีวิตกันดีกว่า CAFE FOR ME: FEATHERSTONE CAFE สำหรับคนที่มองหาการใช้เวลาคนเดียว ร้านกาแฟในห้างที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีมากนัก ในขณะเดียวกัน ย่านเอกมัยที่ดูคึกคัก กลับมีคาเฟ่ที่เงียบสงบ ไลฟ์สไตล์ครบถ้วน ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์ยุโรป ตั้งโดดเด่นอยู่ในซอยเอกมัย 12 ซึ่งเป็นซอยที่เปรียบเสมือนโซนส่วนตัวสำหรับคนเอกมัย และทุกครั้งที่เราได้ไปนั่งอ่านหนังสือที่นี่ จิบกาแฟ เขียนบทความที่กำลังพิมพ์อยู่ตอนนี้ ก็ช่วยให้มีสมาธิที่ดี จนดูเหมือนเวลาพักผ่อนจะผ่านไปช้ากว่าปกติ การใช้เวลาจิบกาแฟ
พรายฟองนุ่ม กับรสชาติเบียร์ละมุนในปากเป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราคุ้นเคย แต่ใครจะไปเชื่อว่าการเลือกแก้วที่ใช่ให้เหมาะกับเบียร์ที่ชอบจะยิ่งทำให้รสชาติที่เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ทวีความละมุนลิ้น แถมขับรสชาติเบียร์ให้เด่นชัดขึ้นมาได้อีก ทีแรก UNLOCKMEN ก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากเชื่อทฤษฎีที่ว่ามานี้เช่นกัน จึงขอลองด้วยตัวเองและอาสาหาคำตอบมาให้ผู้ชายหลาย ๆ คนที่กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน Plisner: Wussie / ABV 5.8 % เริ่มกันด้วย Plisner ตัวนี้กลิ่นดี แค่แรกเริ่มลองจิบก็ได้กลิ่นอายอบอวลของความเป็นสมุนไพร แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่สมุนไพรแบบขิงข่าตะไคร้อย่างที่คนไทยชอบจินตนาการกัน แต่เป็นความ herbal แบบ spice เบา ๆ ไม่รุนแรงแต่ชวนให้ดื่มด่ำเหลือเกิน แค่แก้วธรรมดาก็ชวนฝันมากแล้ว แต่ยิ่งเราลองเทลงในแก้วทรงสูงโปร่งเพรียวที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อ Plisner นั้นยิ่งขับเน้นให้เรามองเห็นสีทองอำพันของเบียร์ได้อย่างมีมิติยิ่งขึ้น ช่วงปลายปากแก้วถูกออกแบบมาให้โอบเข้าเล็กน้อยเพื่อให้พรายฟองเบียร์คงตัวอ้อยอิ่งเพิ่มอรรถรสให้เรายิ่งขึ้น ที่สำคัญปากแก้วที่ใช้เลเซอร์ในการตัดทำให้บางกริบเพิ่มรสสัมผัสระหว่างปากเรากับเบียร์จนขับกลิ่นและรสให้เด่นชัดขึ้นสามระดับทุก ๆ การจิบ Hefeweizen: Schneider Weisse Tap 7 Mein Original / 5.4% ตามด้วย Hefeweizen จากเยอรมันอย่าง Schneider Weisse Tap 7