ผู้ชายอย่างเราเติบโตมากับคำพูดที่ว่า Work Hard Play Hard ไม่ว่าจะหน้าที่การงานในออฟฟิศที่ต้องไปให้สุดในทุกทาง บอสสั่งงานวันนี้อยากได้พรุ่งนี้ ก็ต้องทำให้ได้ เพื่อนร่วมงานที่ขอให้ช่วยงานรายวัน ก็ต้องทำ หรือต่อให้พ้นอาณาเขตออฟฟิศ เป็นฟรีแลนซ์ ก็ไม่วายต้องทำงานข้ามวันข้ามคืน รับงานมือเป็นระวิง ยิ่งเป็นเจ้าของธุรกิจยิ่งแล้วใหญ่ เพราะความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นั้นวางอยู่บนบ่า จนเรียกว่าผู้ชายอย่างเรา Work Hard สมกับที่ฟังมาตั้งแต่ยังไม่เติบโตอย่างแท้จริง เรื่องเล่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ชายอย่างเราล้วนเต็มที่ไม่มีหยุด เพราะเกิดมาทั้งทีมีชีวิตเดียวต้องเอาให้ถึงขีดสุด งานที่ล้นมือก็ทำ แต่การเล่นให้เหมือนชีวิตไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป ก็ต้องไม่ทิ้ง ยิ่งเพื่อนรบเร้าให้ออกไปกินดื่มเที่ยวตลอด ยิ่งพลาดไม่ได้ เพื่อไม่ให้เสียเพื่อนฝูงไป ก็เรียกว่า Play Hard ไม่แพ้กัน แต่เดี๋ยวก่อน เราเคยหยุดพักนิ่ง ๆ แล้วถามตัวเองไหม ว่าไลฟ์สไตล์สุด ๆ เสี่ยง ๆ แบบนี้มันตอบโจทย์ชีวิตของเราจริง ๆ หรือเปล่า? เราเหนื่อยบ้างไหมกับไลฟ์สไตล์แบบนี้? เคยทำงานหนักจนไม่ได้เที่ยว หรือเที่ยวหนักจนทำงานไม่ได้หรือเปล่า? จะดีแค่ไหนถ้าเราทำงานได้ เล่นได้ โดยไม่ต้องสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ทำทั้งสองอย่างให้กลมกลืนแล้วเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้หยุดพัก ก็เพราะชีวิตมีแค่ครั้งเดียว เราถึงต้องใช้ให้ดี และเราเชื่อว่า “ชีวิตดีเรามีได้”
เป็นนักเขียนมันโตยาก Career Path ของนักเขียนมันสั้น เป็นนักเขียนแล้วไม่ได้โชว์ความสามารถเต็มที่ เป็นนักเขียนรายได้ไม่ค่อยดี ลืมภาพอารมณ์นักเขียนแบบที่ว่ามาให้หมดไป เพราะถ้าคุณกำลังอ่านถึงตรงนี้ แปลว่าคุณต้องเข้าใจสไตล์ความมันส์ของ UNLOCKMEN มาพอสมควรแล้ว และยังแปลว่าคุณต้องมีความสนใจในเรื่องราวที่ UNLOCKMEN นำเสนอเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่อย่างที่เห็นว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้พูด หรือพูดไปแล้วยังไม่ดีพอ และเรากำลังหวังว่า คุณนักเขียนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ จะสามารถช่วยเราได้ โดยการเข้ามาเป็นทีมกองบรรณาธิการกับเรา และแน่นอนว่า เรามั่นใจในข้อดีของ UNLOCKMEN ที่อยากจะชวนให้คุณลองเอาไปพิจารณาดู ถ้าคิดว่าสไตล์เราเข้ากันได้ ก็อย่ารอช้า ส่ง Resume และ Portfolio มาหาเราได้ที่ [email protected] WE HAVE COOL OFFICE อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ Open House Party เปิดตัวออฟฟิศใหม่ของเรา ที่ออกแบบให้มีอารมณ์ Industrial เต็มขั้น มีบาร์สุดเท่ในออฟฟิศสำหรับพักผ่อน พร้อม Playstation 4 ให้เล่นเพื่อให้หัวโล่ง อยู่ในตึก 208 Wireless Road ถนนวิทยุ
ขึ้นชื่อว่า “รั้วของชาติ” หน้าที่ของทหารหาญในความทรงจำตั้งแต่เรายังเด็กก็คือการออกรบเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ภาพทหารออกรบอย่างกล้าหาญจากภาพยนตร์เรื่องแล้วเรื่องเล่า ภาพความมีวินัยแบบทหารทำให้เราเคารพกับทุกการฝึก แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ชายอย่างเรากลับต้องเจอการเสียชีวิตไม่คาดฝันตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามรบ นอกจาก UNLOCKMEN ต้องขอแสดงความเสียใจกับทุกชีวิตที่เสียชีวิตในหน้าที่มา ณ ที่นี้ ก็อยากชวนผู้ชายอย่างเราร่วมพูดคุยกันแบบไม่ดราม่าอย่างที่ลูกผู้ชายเขาควรทำกันสักตั้ง! สงครามในศตวรรษที่ 21 หน้าตาเหมือนในหนังสงครามที่เคยดูหรือเปล่า? คุณเคยเกณฑ์ทหารหรือเปล่า? เคยเป็นนักศึกษาวิชาทหารหรือไม่? หรืออย่างน้อยที่สุดมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ที่บ่งบอกถึงการฝึกความอดทนสุดโหดของทหารบ้างไหม? เพราะความแข็งแกร่ง อดทนเป็นคุณสมบัติหนึ่งของทหารซึ่งถือเป็นรั้วของชาติอย่างที่เขาว่ากันมา ทหารจึงได้รับการฝึกอย่างแข็งแกร่งบึกบึนมาโดยตลอดเพื่อเข้าสู่สนามรบ เข้าสู่สงครามสุดน่าหวั่นเกรงชนิดที่เรียกได้ว่าถ้าไม่มีระเบียบวินัย ไม่แข็งแกร่ง ไม่อดทน ไม่ใจนิ่งมากพอก็คงไม่มีโอกาสรอดออกมา แต่เคยสงสัยไหมว่าสงครามและสนามรบเป็นอย่างที่เราจินตนาการ หรือดูจากภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน? ศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ผู้ศึกษาเรื่องยุทธศาสตร์ การรบ ทหาร และสงครามมาเป็นเวลานาน พูดถึงเรื่องสงครามในศตวรรษที่ 21 ไว้อย่างน่าสนใจมาก ชาว UNLOCKMEN คิดว่าสงครามในศตวรรษนี้หน้าตาเป็นอย่างไร? เพราะเรามักติดตาจากหนังสงคราม ซึ่งมันคือภาพสงครามในอดีต ไม่ว่าจะสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นสงครามแบบห้ำหั่น บู๊ล้างผลาญ ระเบิดใส่กันตู้มต้ามไม่ใช่สลิง ไม่ใช่สตั๊นท์ มีสนามรบเป็นพื้นที่กว้างขวางแล้วทุกคนก็กระโดดบวกเข้าหากันไม่ยั้ง สงครามยุคใหม่ รบได้แต่ต้องฉลาดกว่าเดิม แต่เมื่อเดินทางมาถึงศตวรรษที่ 21 ศาสตราจารย์สุรชาติระบุว่าสงครามแบบที่เรามีภาพฝังหัวมาตั้งแต่ยังเด็กนั้นมันคือสงครามขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้เมื่อเวลาหมุนผ่านไป โลกมี
ช่วงสุดสัปดาห์แบบนี้เราเชื่อว่าหลายคนคงจะมีนัดกับก๊วนเพื่อนเพื่อไปแสวงหาความบันเทิงในยามค่ำคืนตามผับ บาร์ ต่าง ๆ โดยก่อนไปเราเองก็เตรียมท้องให้พร้อม จัดหนักข้าวมือใหญ่ไปแล้ว แต่ยังงงว่าทำไมเวลาที่ออกไปดื่มสังสรรค์ทีไร ถึงต้องสั่งกับแกล้มมากินตลอด พอเวลาเช็คบิลออกมาค่าอาหารแพงกว่าค่าเครื่องดื่มเสียอีก เนื่องจากสั่งอาหารมากินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่ม ซึ่งสาเหตุทั้งหมดหารู้ไม่ว่ามาจากฤทธิ์ของ สุรา เมรัย ที่เราได้กระดกเข้าไป ดังนั้นวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะมาเปิดเผยข้อมูลว่าทำไม หนุ่ม ๆ อย่างเราเมื่อดื่มเครื่องดื่มมึนเมาแล้วจึงรู้สึกหิวชนิดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่มเสียที มันเป็นเรื่องน่าเร้นลับอย่างมาก เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบทุกประเภทจัดได้ว่าเป็นเครื่องดื่มพลังงานสูงที่มีจำนวนแคลอรี่มาก โดยเฉพาะเบียร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแทบจะเทียบเท่าอาหารจานหลักเลยทีเดียว แต่คนดื่มเข้าไปกลับรู้สึกหิวอย่างต่อเนื่อง จากผลวิจัยตัวใหม่จากวารสาร Nature Communication กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดื่ม ที่ไปส่งสัญญาณเปิดโหมดความอยากอาหาร และกระตุ้นความหิวโซในตัวของคุณ แม้ว่าคุณจะเพิ่งกินข้าวมื้อหนักไปก่อนหน้านี้ก็ตาม โดยนักวิจัยชื่อ Denis Burdakov ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Francis Crick ได้ทดลองฉีดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปให้หนูทดลอง และเฝ้าศึกษาระบบสมองของมัน ปรากฎว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญที่เข้าไปจุดประกายกระตุ้นเซลล์ประสาทสมองตัวหนึ่งที่ชื่อ Agouti-related peptides หรือ AgRP ที่มีผลทำให้หนูเกิดอาการตื่นตัว หิว และอยากกินอาหารอย่างบ้าคลั่งแบบที่ไม่รู้ว่าไปอดอยากมาจากไหน จากนั้นทีมวิจัยยังได้ทำการศึกษาต่อโดยการใส่สารบล๊อคเซลล์ AgRP ให้กับหนูทดลอง จากนั้นก็ลองฉีดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไปใหม่ ปรากฎว่าหนูตัวนั้นไม่ได้มีความอยากอาหารแต่อย่างใด จึงเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้สูงว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เป็นต้นเหตุในการกระตุ้นเซลล์ความยากอาหารนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการศึกษาของ
คุณเคยเจอปัญหายาก ๆ แบบที่นั่งคิดจนปวดหัว จดจ่อกับมันอยู่ทั้งวัน ก็ยังคิดไม่ออกไหม ถ้าเคย ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของอดีตประธานาธิบดีโอบาม่าแห่งประเทศสหรัฐอเมริกามาเล่าให้คุณฟัง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไปลุยกันเลยครับ เย็นวันหนึ่งในปี 2011 ขณะที่อเมริกากำลังอยู่ในช่วงตามล่าผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงอย่าง โอซามะ บินลาเดน อยู่นั้น ประธานาธิบดีโอมาม่าได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่า พบสถานที่พักอาศัยแปลกประหลาดแห่งหนึ่งในปากีสถานตอนใต้ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ก่อการร้ายและครอบครัวชั้นล่าง ๆ พูดง่าย ๆ ว่าพวกตัวกี้ ๆ และลูกเมียในไอ้มดแดงนั่นแหละ แต่ความประหลาดมันอยู่ที่ไอ้บ้านหลังนี้ดันมีกำแพงคอนกรีตหนาถึง 18 ฟุต แถมมีรั้วลวดหนามล้อมรอบระโยงระยางเต็มไปหมด คำถามคือ ไอ้นี่ต้องเป็นผู้ก่อการร้ายระดับล่างที่รวยขนาดไหนถึงขนาดสรรหาสิ่งป้องกันตัวเองได้อลังการขนาดนี้ ความประหลาดอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาพบคือ จากภาพสอดส่องทางอากาศระยะอย่างไกล พวกเขาพบผู้ชายหนึ่งหน่อที่ดูไม่เข้าพวกกับคนอื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวกไม่ใช่ว่า คนหนึ่งแต่งตัวปากีสถานโคตร ๆ อีกคนหนึ่งแต่งเป็นผู้ดีอังกฤษนั่งจิบชา อะไรแบบนี้ไม่ใช่ สิ่งที่ไม่เข้าพวกคือ “ความยาวเงาของชายคนนั้น” ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่สูงกว่าคนอื่นมากเกินไป พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เขาต้องไม่ใช่คนในครอบครัว ยังไงก็แล้วแต่ ก็ยังไม่มีอะไรบอกได้ว่านั่นคือ บินลาเดน เพื่อพิสูจน์สมมติฐานให้ชัดเจน ประธานาธิบดีโอบาม่าจึงเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาประชุมเพื่อหาแนวทางเข้าโจมตี ผลปรากฎว่ามีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ
แม้ไม่ได้เป็นพี่ตูน บอดี้สแลม แต่ทุกคนย่อมมีความฝัน และมีความเชื่อ มีเป้าหมายการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็อาจจะอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีชื่อเสียง มีการยอมรับว่าเป็นที่สุดในสายอาชีพที่ทำอยู่ แต่บางคนอาจไม่ได้อยากเป็น Somebody มีชื่อเสียง มีตัวตนโดดเด่นขนาดนั้น ขอแค่เป็น Nobody ที่สามารถทำสิ่งที่อยากทำได้อย่างอิสระ ไม่ต้องถูกจับจ้องจากสายตาของใคร ไม่ต้องแบกความคาดหวังใด ๆ รวมถึงอีกหลาย ๆ คน ที่ในชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรนอกจากได้ออกไปท่องเที่ยวใช้ชีวิตแบบไร้ขอบเขตยังพื้นที่ทั่วทุกมุมโลก นี่เป็นแค่การยกตัวอย่างส่วนหนึ่งจากอีกหลายล้านเป้าหมายการใช้ชีวิตที่แตกต่าง แต่ไม่ว่าความฝัน เป้าหมายปลายทางของผู้คนจะหลากหลายแค่ไหน เชื่อเถอะว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ สิ่งนั้นก็คือ “อุปสรรค” ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตแบบไหน แต่ระหว่างทางของทุกคนยังไงก็หนีไม่พ้นอุปสรรคในรูปแบบต่าง ๆ ที่คอยขัดขวางการไปสู่เป้าหมาย ก่อเกิดเป็นความเครียดที่กัดกินจิตใจ หลายรายที่จิตไม่แข็งพอก็มักจะประสบกับอาการชีวิตติดล็อคไปต่อไม่ได้ เพราะความเครียดมันทำให้เหนื่อย ท้อ จนไม่อยากต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค ล้มเลิก ล้มเหลวเพราะความเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างทางไปก็มากมาย แต่อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง บอกกับตัวเองให้ดัง ๆ ว่า “เครียดได้ ก็หายได้ดิวะ” ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหน อย่าเพิ่งด่วนถอดใจ ลองใช้ 3 วิธีปลดล็อคความเครียดแบบเร่งด่วนตามสไตล์ UNLOCKMEN ดูก่อน พอหายเครียดสมองปลอดโปร่ง สติมา ปัญญาเกิด
ความโกรธของคนเรานั้น เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่าย แถมในบางครั้งนั้นมันยังรุนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าอารมณ์โกรธของมนุษย์จะเป็นหนึ่งในสภาวะอารมณ์ที่ต้องมีตามธรรมชาติ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันสามารถทำให้เกิดปัญหาตามมาได้เยอะแยะมากมายเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะกับร่างกาย และสมองของเราที่พวกเราไม่เคยใส่ใจมาก่อน ความโกรธในแต่ละคนนั้น อาจจะมีอาการ และการแสดงออกที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงความรุนแรงของความโกรธก็ไม่เท่ากันอีกด้วย แต่ถ้าหากพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมอง และร่างกายของเราแล้วล่ะก็ กลับเป็นที่น่าประหลาดใจว่า ไม่ว่าคนเราจะเกิดความโกรธมากหรือน้อยเพียงใด ร่างกาย และสมองของเรากลับได้รับผลกระทบเท่า ๆ ทุกครั้งเมื่อเกิดอารมณ์ที่เรียกว่าความโกรธนี้ขึ้น เพราะฉะนั้น หากใครที่เป็นคนอารมณ์ร้อนหงุดหงิดง่าย หรือมีเพื่อนคนใกล้ตัวที่เอะอะอะไรนิดหน่อยก็ฟิวส์ขาดทันทีล่ะก็ เราขอแนะนำว่า ควรอ่านเรื่องที่เรากำลังจะนำมาเล่าในวันนี้กันซะเถอะ แล้วจะรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับสมอง และร่างกายของคุณบ้างหลังจากที่อาการหัวร้อนเข้าครอบงำ ประการแรกเลยที่ความโกรธจะส่งผลกระทบต่อสมอง และร่างกายของคุณก็คือ สมองส่วนที่มีชื่อว่า Amygdala ซึ่งมีหน้าควบคุมการตอบสนอง และควบคุมอารมณ์โกรธ รวมไปถึงการตัดสินใจในด้านการต่อสู้ที่ถูกผลกระทบจนทำให้เกิดความผิดปกติไป ผลกระทบนี้เอง ที่ส่งผลโดยตรงให้สัญชาติญาณการตอบสนองของคนเราเปลี่ยนไป เมื่อโดนความโกรธเข้าครอบงำเมื่อไหร่ การตอบสนองทางอารมณ์ที่ถูกแสดงออกมานั้นก็จะไวมากขึ้นเป็นพิเศษ ไวจนกระทั่งบางครั้ง คุณเองก็ยังไม่สามารถควบคุม หรือคิดก่อนที่จะทำลงมือทำอะไรบางอย่างลงไป เราจึงเห็นอยู่บ่อยครั้งว่า เมื่อหลังจากอารมณ์ความโกรธสงบลงแล้ว คนเราจะค่อย ๆ รู้สึกตัวอีกทีว่าทำอะไรลงไปในภายหลัง ดังนั้น จึงมีวิธีการป้องกันผลกระทบที่ส่งผลต่อสมองเนื่องจากความโกรธออกมา โดยต้องมีสติอยู่เสมอ คอยจับตาดูความโกรธของตัวเองอยู่เสมอว่า ความโกรธเริ่มเข้าครอบงำแล้วรึยัง ถ้าหากว่า เริ่มรู้สึกมาคุ ๆ นิด
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือคนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง ซึ่งเงินมากมายสักกี่ล้านก็ไม่สามารถซื้อความสบายใจนี้ได้ ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำตัวอย่างเรื่องราวผู้ชายที่เลือกตามใจตัวเองเพื่อแสวงความสุขในแบบฉบับ It’s My Life มาเล่าให้ฟัง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทีมงานมีโอกาสได้ไปอ่านข่าวของนักฟุตบอลคนหนึ่งชื่อ Dani Osvaldo ที่อยู่ดี ๆ ก็ประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 31 ปีเอาซะดื้อ ๆ ซึ่งถือว่าตัวเขายังอายุน้อยมากเกินกว่าที่จะตัดสินใจจบอาชีพการค้าแข้งไว้เพียงเท่านี้ เพราะทั้งชื่อเสียงและความสามารถของเขาที่มีอยู่ ยังสามารถใช้ออกไปหากินโกยเงินได้สบาย ๆ อีกหลายปี โดย Dani Osvaldo ให้เหตุผลแบบติสต์แตกถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ว่าเขาตื่นมาวันหนึ่งแล้วพบว่าฟุตบอลมันน่าเบื่อ “ผมเริ่มเกลียดในสิ่งที่รักมาตลอด ซึ่งผมคิดว่าการหันหลังให้กับฟุตบอลเป็นการให้เกียรติแล้ว ตอนนี้ผมขอเลือกบาร์บีคิวกับเบียร์มากกว่าเงินทอง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Dani Osvaldo มีพฤติกรรมห่าม ๆ เพราะเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ขณะที่เขาหมดสัญญากับทีมเก่า โค้ชได้พยายามติดต่อเพื่อดึงเขาไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่ Dani ได้ตอบกลับไปว่า พอดีมันมี Cosquin Rock Festival ผมคงพลาดมันไม่ได้จริง ๆ ทำให้ในปัจจุบัน Dain Osvaldo เลือกหันหลังให้กับวงการฟุตบอลอย่างถาวร และไปทุ่มเทตัวเองในฐานะร็อคเกอร์อย่างเต็มตัว โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเงินประทังชีวิตหรือไม่ การที่เรานำเรื่อง
ถ้าคุณกำลังเหี่ยวเฉาเป็นผักในตะกร้าที่ถูกทิ้งค้างคืนไว้สามวัน ถ้าคุณกำลังหมดหวังเหมือนชีวิตจะไม่มีการเริ่มต้นใหม่ ๆ อะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างน่าเหนื่อยหน่ายจนอยากจะนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรให้รู้แล้วรู้รอดไป คุณมาถูกทางแล้วเพราะวันนี้ UNLOCKMEN เป็นห่วงผู้ชายแห้งเหี่ยวที่ขาดแคลนแรงบันดาลใจดี ๆ เราเลยอาสาหอบเอา TED Talks ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณพร้อมจะฮึดก้าวต่อไปทำอะไรบางอย่าง รู้สึกว่ามีความหวัง รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มองตัวเองแบบใหม่ ดังนั้นอย่ารอช้ามาตะลุยฟัง ตะลุยเรียนรู้ ตะลุยหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า TED’s secret to great public speaking เราทุกคนล้วนต้องเคยพรีเซนต์งาน พูดในที่สาธารณะ หรือแสดงปาฐกถาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อหน้าคนสักกลุ่มมาแล้ว แค่ปัญหามือสั่นเป็นเจ้าเข้า ลิ้นพันกันสิบตลบจนพูดไม่รู้เรื่องก็หนักหนามากพอตัวอยู่แล้ว แล้วปัญหาสุดยิ่งใหญ่อย่างการพูดอย่างไรให้มันฟังดูแล้วทุกคนพูดตรงกันว่านี่โคตรเจ๋งเลยก็เป็นอีกเรื่องที่เราแทบจะไม่มีเวลามาคิดถึงเลย แต่ไม่ต้องห่วงไปเพราะวันนี้ Chris Anderson ผู้เป็นคิวเรเตอร์และได้นักฟังคนพูดเจ๋ง ๆ ในงาน TED Talks มากว่า 12 ปี
ท่ามกลางความวุ่นวายในกรุงเทพมหานคร ต้องยอมรับว่าที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดรูปแบบจังหวะชีวิตของคนเมืองอย่างเรา ๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตหลักของผู้คนส่วนใหญ่ ที่หลีกหนีการเดินทางเข้าเมืองได้ยาก ด้วยภารกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทำธุรกิจ หรือแม้กระทั่งวันพักผ่อน ที่ยังไงก็เลี่ยงการเข้าไปใช้ชีวิตซึ่งมี Lifestyle ผูกอยู่กับห้างสรรพสินค้า ร้านรวง รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ใจกลางเมืองไม่ได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ใครต่อใครต่างก็อยากหาที่อยู่อาศัยที่มีพิกัดอยู่ใจกลางเมือง หรือมีทำเลใกล้กับรถไฟฟ้า เพื่อให้จังหวะชีวิตที่รีบเร่งเคร่งเครียดนั้นผ่อนคลายลง กับการเดินทางในเมืองที่สะดวกสบาย สามารถประหยัดเวลาในการเดินทาง รวมถึงกำหนดเวลาวางแผนชีวิตได้ง่ายขึ้น และเมื่อมีความต้องการสูง แน่นอนว่าราคาค่างวดของพื้นที่ Prime Area ที่มีค่ายิ่งกว่าทองเหล่านั้น ต่างถูกจับจองไปพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมน้อยใหญ่ ที่มีราคาต่อตารางเมตรโหดใช่ย่อย ยิ่งในพื้นที่แถบสีลม, สาทร, พระราม 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ CBD ศักยภาพสูงยิ่งไม่ต้องพูดถึง กับราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของคอนโด Hight Rise แนวรถไฟฟ้า ที่ราคาทะลุ 1.5 แสนบาท ไปจนถึง 4 แสนบาท แล้วแต่ความหรูหราไฮโซของโครงการ ทำให้ใครที่วางแผนอยากมีคอนโดใจกลางกรุงใกล้รถไฟฟ้า อาจต้องถอดใจ ถอยไปมองหาทำเลในซอย หรือถอยไปไกลหน่อยในทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แต่จริง ๆ
เชื่อว่าในชีวิตคน ๆ หนึ่งไม่ได้มีเพียงแค่บทบาทเดียว หรือเป็นอะไรแค่อย่างเดียว เพราะชีวิตมันมีหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของหัวหน้าคนใหม่ บทบาทของคุณพ่อป้ายแดง บทบาทของนักธุรกิจเงินล้าน และอื่น ๆ อีกหลายบทบาทมากมาย แต่การจะก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ เป็นที่สุดในทุกบทบาทได้นั้น ล้วนมีที่มาจากพื้นฐานของชีวิตที่ไม่แตกต่างกัน และนี่คือ 4 Chapters สำคัญสู่การก้าวขึ้นไปอีกขั้นของความสำเร็จ Chapter I | บทจะมุ่งมั่น หลายคนเคยรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ปล่อยผ่านในสิ่งที่ตั้งใจทำไว้มั้ย? ถ้า “ใช่” นี่คือบทที่คุณต้องทำความรู้จักมันเสียก่อน “Dreams do come true” คงจะไม่มีความหมายอะไรเลย หากชีวิตขาด Passion ต่อสิ่งที่อยากทำ แต่เพื่อความฝันที่เป็นจริง! ขอแค่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วตั้งใจลงมือทำมันอย่างแน่วแน่ งัดทุก Performance ที่เต็มประสิทธิภาพในตัวเราเองออกมา เพื่อทำมันอย่างจริงจัง แค่นี้ความสำเร็จก็อาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน Chapter II | บทจะยิ้มกับปัญหา เพราะชีวิตคนเรามักเสพติดความสุขอยู่เสมอ ดังนั้น “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีความสุข ชีวิตก็คงไม่ใช่” ทุกวันนี้ใครหลายคนมักประสบเจอแต่ความเครียดตั้งแต่เช้าของการตื่นนอน แต่แทนที่จะต้องจมอยู่กับมันไปตลอดทั้งวัน ลองมองหา Entertainment
UNLOCKMEN ขอพนันได้เลยว่าผู้ชายแทบทุกคนต้องเคยเห็นรูปของ Bob marley หรือชายผิวสีท่าทางโคตรเท่แบกทรงผมขดยาวพร้อมมาดนักดนตรีผู้ทรงพลัง มากไปกว่านั้นหลายคนอาจจะรู้ว่าเขาเป็นราชาเร็กเก้ชื่อก้องโลกที่เราต่างเคยฟังเพลงของเขามาแล้วทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอพนันอีกว่ารูปที่พวกเราเคยเห็นผ่านตานั้นถ้าไม่ใช่รูปที่แปะอยู่บนพื้นหลังเขียวแดงเหลือง ก็คงเป็นรูปจับไมค์ร้องเพลงอยู่บนเวที แต่คราวนี้นิทรรศการรูปถ่ายที่ถูกจัดแสดงที่ London’s Dadiani Fine Art ประเทศอังกฤษ นำภาพถ่ายของราชาเร็กเก้ช่วงปี 1973 มาจัดแสดง โดยรูปถ่ายส่วนใหญ่เป็นอิริยาบถธรรมดาสามัญที่ทำให้เราเห็นตัวตนของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Bob Marley: A Rebel Prophet หรือนิทรรศการภาพถ่ายสุดเสรีของราชาเร็กเก้เป็นนิทรรศการที่ถูกจัดขึ้นโดย Esther Anderson ช่างภาพชาวจาไมก้า รวมถึงเป็นคนทำหนังและเป็นเพื่อนกับ Marley อีกด้วย Esther Anderson โชว์ภาพพอร์เทรตที่เขาเป็นคนถ่ายภาพ Marley กับมือก่อนที่ราชาเร็กเก้จะมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยภาพเหล่านี่ถ่ายใน Kingston ไม่ว่าจะเป็นที่ชายหาด บนถนนหนทาง หรือแม้แต่ที่บ้าน ภาพเหล่านี้สุดท้ายกลายเป็นภาพที่ Marley ใช้เสนอตัวเองกับค่ายเพลง Island Records ด้วยซ้ำ Esther Anderson ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า Bob Marley ก้าวข้ามเขตแดนของการเป็นนักดนตรีไปแล้ว แต่เขาเป็นเหมือนคนส่งสารที่สามารถสัมผัสได้ถึงผู้คนทั่วโลก เป็นบทกวีทั้งในอดีตและในอนาคต