ดนตรีมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันเสมอ เช่นการออกกำลังกาย ที่เรามักจะเซตเพลย์ลิสต์กับบีตดนตรีให้เหมาะสมกับจังหวะการเคลื่อนที่ รวมไปถึงเวลาเข้าร้านสปาเรามักจะได้ยินเพลงที่เต็มไปด้วยเสียงธรรมชาติเมื่อไหร่ที่ได้ฟังก็มักจะรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย ล่าสุดมีผลวิจัยใหม่เกี่ยวกับเสียงและอารมณ์ครั้งใหม่ออกมา นั่นคือ “Binaural Beats” หรือคลื่นเสียงบำบัดสมอง มีผลทำให้สมองออกฤทธิ์ get high ได้คล้ายตอนเสพยาเสพติด ซึ่งกลายเป็นข้อมูลใหม่เนื่องจากเมื่อปี 2020 มีการระบุว่า Binaural Beats ไม่มีผลต่ออารมณ์แต่อย่างใด ผลการวิจัยล่าสุดเกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2022 โดยทาง RMIT University มหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียได้จัดทำหัวข้อ “Who Uses Digital Drugs? An International Survey of ‘Binaural Beat’ Consumers” ที่ได้โชว์ให้เห็นถึงข้อมูลผู้ทำแบบสอบถาม Global Drug Survey ของปี 2021 พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ Binaural Beats ในการผ่อนคลายเพื่อนอนหลับทั้งหมด 72%, ใช้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ 35% และใช้เพื่อให้เกิดอาการคล้ายยาหลอนประสาทอีก 12% โดยจังหวะและคลื่นความถี่ของเสียงมักจะมีชื่อของตัวยากำกับเอาไว้เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกฟังตามความพึงพอใจของตัวเอง
หากพูดถึงเพลง “Do I Wanna Know?” ของวง Arctic Monkeys คุณจะนึกถึงอะไรบ้าง แน่นอนว่าคงจะต้องนึกถึงริฟฟ์กีตาร์เท่ ๆ เสียงยาน ๆ สไตล์สโตนเนอร์ที่มีกลิ่นอายของดนตรีบลูส์ จะให้บอกว่าเป็นตัวชูโรงของเพลงนี้ก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด หรือจะเป็นจังหวะดนตรีที่ชวนดีดนิ้วตามก็ถือว่าเป็นสเน่ห์อีกอย่างที่ถูกสอดแทรกเข้าไป หรือจะเป็นเสียงร้องที่สะกดคนฟังได้อยู่หมัด ทั้งหมดทั้งมวลคือส่วนผสมอันลงตัวจนทำให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซของ Arctic Monkeys ในที่สุด แต่กว่าเพลงนี้จะถูกออกมาสมบูรณ์แบบ มันก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่เช่นกัน ต้นขั้วมาจากเพลง “R U MINE?” “Do I Wanna Know?” ถูกปล่อยออกมาสู่โลกภายนอกเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2013 เป็นเพลงที่ 2 ที่ถูกนำมาโปรโมตจากอัลบั้ม “AM” ความน่าสนใจของเพลงนี้นอกจากดนตรี มันคือที่มาที่ไปที่มาจากเพลง “R U Mine?” ซึ่งก็เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม AM เช่นกัน เป็นแทร็กที่ 2 ต่อจาก “Do I Wanna Know?” แล้วทั้ง
Linkin Park คือหนึ่งในวงร็อกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการดนตรี พวกเขาประสบความสำเร็จกับทั้งยอดขายของซิงเกิ้ลและอัลบั้ม รวมถึงยังได้ออกเดินทางเพื่อเล่นคอนเสิร์ตไปทั่วโลก ถึงแม้ว่าวันนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นการกลับมาของ LP อีกแล้ว แต่ผลงานที่ฝากเอาไว้มันยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง และหลาย ๆ เพลงก็มียอดวิวที่ถล่มทลายเกิน 1 พันล้านวิว เรามาดูกันดีกว่าว่า 10 เพลงที่มียอดวิวในสูงสุดในยูทูปของ Linkin Park มีเพลงอะไรกันบ้าง 1. ”NUMB” 1,749,380,980 views/ Meteora (2003) แม้จะเป็นผลงานจากอัลบั้มที่ 2 แต่ยอดวิวกลับนำโด่งขึ้นมาอยู่อันดับ 1 สำหรับเพลง “Numbs” ที่ตัวดนตรีมาพร้อมสูตรฮิตกดอัลติของวงด้วยเมโลดี้จากคีย์บอร์ดที่กดวนอยู่ไม่กี่ตัวโน๊ต การแบ่งพาร์ตการร้องในเพลงนี้ก็ถูกดีไซน์มาให้จดจำง่าย เข้าสูตรเพลงป๊อปแบบ 100% และเน้นเสียงร้องแบบปกติเป็นหลัก ปราศจากท่อนแร็ปและท่อนสครีม แต่เนื้อหายังคงแสดงความเจ็บปวดในแบบ Linkin Park ได้เป็นอย่างดี จริง ๆ แล้วจะบอกว่าเพลงนี้คือเพลงบัลลาดแห่งยุคนูเมทัลก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด 2. ”IN THE END” 1,332,958,650 views/ Hybrid Theory (2000) บทเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้
ตอนคุณอายุ 11 ปี คุณอาจจะนั่งอยู่หน้าจอคอมเพื่อเล่นเกมโปรด หรืออาจจะรอคอยตอนใหม่ของ One Piece อย่างใจจดใจจ่อ แต่ในอีกซีกโลก มีเด็กน้อยคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่หลังกลองชุด โดยมีชาวร็อคกว่าหมื่นคนเป็นสักขีพยานในความสามารถอันโดดเด่นของเขา “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับตำนานที่น่าทึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วง The Beatles บ้าง Rolling Stones บ้าง Pink Floyd บ้าง แต่สำหรับคนนี้…แม่งไม่ใช่ว่ะ” Dave Grohl แห่งวง Foo Fighters ประกาศแนะนำแขกรับเชิญคนสำคัญในคอนเสิร์ตที่ The Forum เมือง แอล.เอ. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา “ขอเสียงเฮให้กับ “มือกลองที่โคตรเจ๋งที่สุดในโลก”…Nandi Bushell!!!” ต่อจากเสียงแนะนำของ Dave Grohl คือเสียงจากการหวดกลองสุดระห่ำในเพลง Everlong เพลงฮิตของ Foo Fighters หากคุณหลับตาจินตนาการถึงเจ้าของเสียงกลองนั้น คุณอาจจะคิดไปถึงมือกลองสุดเก๋าที่ผ่านการเล่นคอนเสิร์ตมาอย่างนับไม่ถ้วน แต่เมื่อคุณเปิดตาดู คุณจะแทบไม่เชื่อสายตา เพราะเจ้าของเสียงคำรามผ่านการรัวกลองคนนั้นกลับเป็นเด็กสาวอายุเพียง 11 ปี
การออกมาส่งเสียงเรียกร้องความยุติธรรม และความถูกต้องมันเป็นสิทธิที่มนุษย์ทุกคนควรมี โดยเฉพาะในดินแดนที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยด้วยแล้ว เสียงของคนส่วนใหญ่นั้นคือสิ่งสำคัญ และเมื่อมีอะไรไม่ถูกต้องหรือข้อสงสัย ผู้คนก็ควรที่จะออกมาส่งเสียงทักถึงประเด็นที่ควรแก้ไขนั้นได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร รวยหรือจน คนก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องความถูกต้องและการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น ศิลปินคนดังระดับโลกมากมายตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันที่สามารถส่งเสียงได้ดังกว่าและไกลกว่าคนทั่วไป เมื่อต้องการเรียกร้องความถูกต้อง เราจึงเห็นการออกมาเป็นกระบอกเสียง หรือที่เราเรียก ‘Call Out’ จากคนมีชื่อเสียงกันเป็นเรื่องปกติ แต่ในยุคปัจจุบัน เรากลับได้เห็นผู้มีอำนาจสั่งให้ศิลปิน สื่อ หรือเหล่าคนดังหุบปาก ห้ามออกมาวิจารณ์ และห้ามแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ที่กระเทือนภาพลักษณ์ของรัฐบาล รวมถึงห้ามเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็น่าตลกที่เวลาหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ทำโครงการช่วยสังคมเพียงนิดหน่อย กลับจ้างศิลปินเหล่านี้มาช่วยกันตะโกนโปรโมทกันปาว ๆ มันช่างย้อนแย้งซะจริง ๆ การ Call Out ในอดีตเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ยกตัวอย่างเช่น การต่อต้านการเหยียดสีผิว ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ต่อต้านการเหยียดเพศ ต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ ต่อต้านสิ่งเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าศิลปินนักดนตรีเท่านั้น แต่นักกีฬาชื่อดัง นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ของ Hollywood ก็มักจะออกมาสนับสนุน และเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้องกันอย่างเสรีโดยไม่มีใครมาห้าม ตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงของชาวนาในประเทศอังกฤษที่มีต่อระบบศักดินา ไปจนถึงการประท้วงครั้งใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน คนมีชื่อเสียง ศิลปิน นักดนตรี
เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ทำให้หลายคนจิ้นไปตาม ๆ กัน เมื่อ John Mayer ได้ส่ง PRS Silver Sky (สี Roxy Pink) กีตาร์ซิกเนเจอร์ของเขาให้กับ Rose หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี Blackpink หลังจากที่เธอได้โชว์พลังเสียงและความสามารถด้านดนตรีในการโคเวอร์เพลง ‘Slow Dancing in a Burning Room’ กลางรายการ ‘Sea of Hope’ แม้ก่อนหน้านี้ Mayer จะเคยส่งกีตาร์ให้นักดนตรีคนอื่นอย่าง Tomo Fujita แต่เมื่อเราเห็น Rose อัพภาพของกีตาร์ที่ Mayer ส่งให้ลงเธอไอจีสตอรี่ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า ‘Life is complete’ ก็ทำให้เราแอบคิดไปไกลเหมือนกัน และอยากพาทุกคนไปรู้จักเจ้ากีตาร์ตัวนี้ให้มากขึ้น Silver Sky เป็นหนึ่งในกีตาร์ที่ทางบริษัทเครื่องดนตรีชั้นนำอย่าง Paul Reed Smith (PRS) พัฒนาร่วมกับ John Mayer เป็นเวลากว่า 2
จากดนตรีอินดี้หัวก้าวหน้าที่มาเพื่อโค่นดนตรี Punk รุ่นแรก ที่นักวิจารณ์กล่าวขานว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” เพราะอะไรดนตรีขบถของคนรุ่นก่อน ถึงย้อนเข็มนาฬิกากลับมาอินอีกครั้งในยุคนี้ มาทำความรู้จักแนวดนตรีที่เปรียบดั่งความหวังของทศวรรษใหม่ไปพร้อมๆกัน Post-Punk / New Wave Then – The Birth of Post-Punk แนวดนตรี Post-Punk นั้นเกิดขึ้นจากจากการต่อต้านดนตรี Punk ในยุคปลายทศวรรษที่ 70s เหตุจากวง Punk เหล่านั้น ที่มีหัวหอกอย่าง Sex Pistol / The Clash / The Damned นั้นมักจะหัวรุนแรง กักขฬะ และขวางโลกอย่างไร้อารยะ แถมบางวงยังใช้ความ Punk เล่นดนตรีราวกับคนเล่นดนตรีไม่เป็น เน้นทำตัวแปลกแยกสังคมก็ดังแล้ว กลุ่มนักดนตรีกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดต่อต้านสังคมเช่นกัน แต่มีความสนใจในศิลปะ และความลุ่มลึกทางดนตรีที่มากกว่า จึงตั้งใจทำดนตรีที่อาร์ต มีความใส่ใจทางดนตรีอันซับซ้อนที่วง Punk ที่เน้นแต่ความรุนแรงสั้นกระชับจนเกินไปให้ไม่ได้ แถมยังเปิดกว้างในแนวทางที่หลากหลายและกว้างขวาง แนวเพลง Post-Punk คือ Punk
สำหรับคอเพลงที่รักการสะสม โดยเฉพาะคนที่หลงไหลในความสวยงามของแผ่นเสียงนั้น น่าจะรู้จักวันแห่งการอุดหนุนแผ่นเสียงในร้านโลก หรือ Record Store Day ซึ่งครั้งนี้ก็จัดมาเป็นครั้งที่ 14 แล้ว สำหรับคอเพลงที่ยังไม่รู้จักวันนี้ดี Unlockmen ขอพาคุณสู่โลกที่คุณจะได้เป็นแฟนตัวยงของการเล่นแผ่นเสียงอีกขั้น ส่วนคอเพลงที่รู้จักวันสำคัญแห่งชาติวันนี้แล้ว ก็เตรียมกระเป๋าสตางค์ฉีกได้เลย เพราะคอลเล็คชั่นของปีนี้ เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว THE BIRTH OF RECORD STORE DAY หลายคนคงเดาไปต่าง ๆ นานาว่า วันชาติสำหรับนักฟังเพลงวันนี้ คงจะเกิดมาจาก MP3 นวัตกรรมที่มีทั้งประโยชน์ และโทษมหันต์ ได้ถือกำเนิดขึ้นและทำลายอุตสาหกรรมเพลงยุคเก่าจนย่อยยับ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม MP3 หาได้เป็นต้นตอสำคัญในการเกิดวันสำคัญวันนี้ไม่ เพราะเอาเข้าจริงนักฟังเพลงตัวยงก็ยังคงสนับสนุนผลงานของศิลปินที่เขารักอยู่ หากแต่สาเหตุหลักที่เกิดวัน RSD หรือ Record Store Day นั้นมาจากที่ร้านค้าย่อยที่มักจะถูกละเลยจากแฟนเพลง เพราะธุรกิจร้านแผ่นเสียงซีดีในยุคหนึ่งนั้นมักจะผูกขาดกับร้านค้ารายใหญ่ หรือแฟรนไชส์ที่มีกำลังทรัพย์ และสาขาที่เยอะกว่า ร้านค้าย่อย และร้านแผ่นเสียงอินดี้จึงประสบสภาวะฝืดเคือง แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่การมาของดิจิตอลมิวสิคในยุคมิลเลนเนียมนั้น ยิ่งทำให้ร้านแผ่นเสียงมากมายจำต้องปิดกิจการลง ซึ่ง Chris Brown แห่ง
ขณะนี้คงไม่มีกระแสไวรัลไหนที่ดังกระฉ่อนโลกไปกว่าการแสดงสด และบทสัมภาษณ์ความยาว 40 นาที ของสาวน้อยทั้ง 4 ในนาม ‘The Linda Lindas’ อีกแล้ว เพราะอะไรวงดนตรีวงนี้ถึงกลายเป็นกระแสกระฉ่อนโลก? เรามาทำความรู้จักวง Pop Punk ที่โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนจากบทเพลงที่เตะผ่าหมากผู้ชายเหยียดเชื้อชาติให้กองจมกับพื้น ที่ความไร้เดียงสานำพาให้รุ่นใหญ่อย่าง Tom Morello แห่งวง Rage Against the Machine ยังต้องซูฮก มาทำความรู้จักกับพวกเธอไปพร้อมๆกัน The Linda Lindas คือใคร The Linda Lindas คือ Punk Band ที่ภาพลักษณ์ดูแสนจะธรรมดา แต่สิ่งที่พวกเธอไม่ธรรมดาคือนี่คือวงหญิงล้วน…ก็ไม่แปลกใช่มั้ย งั้นถ้าพวกเธออายุน้อยล่ะ…แล้วถ้าพวกเธอคือลูกครึ่งเอเชียครึ่งละติน ที่ทำเพลงที่เป็นกระบอกเสียงให้กับคนที่ถูกเหยียดเชื้อชาติที่ตอนนี้ลุกลามใหญ่โตในอเมริกาล่ะ เริ่มจะน่าสนใจใช่มั๊ยล่ะ ใช่แล้ว พวกเธอคือ 2 ศรีพี่น้อง ที่ชวนลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทของเธอมาทำวงด้วยกัน จากความชอบในดนตรีพังค์ของสมาชิกทั้งสี่ Mila มือกลอง อายุ 10 ปี, Eloise มือเบส อายุ
ถือเป็นข่าวดีมากๆสำหรับสาวกชาวร็อคจ้องเกือกผู้เป็นตำนานหลังจากคนฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งต้องหงุดหงิดที่ไม่สามารถฟังเพลงของ My Bloody Valentine ในทุกอัลบั้มผ่านช่องทางอย่าง Spotify หรือ Apple Music ได้เลย แต่ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายแล้ว พร้อมทั้งการเซ็นสัญญาเข้าสังกัดใหม่ นั่นก็คือ Domino Records แม้ระยะเวลานับตั้งแต่ก่อตั้งวงในยุค 80s จวบจนปัจจุบัน จำนวนอัลบั้มจะน้อยมากเมื่อเทียบกับขวบปีอันยาวนานของพวกเขาและเธอ แต่ในแต่ละอัลบั้มกลับซ่อนความซับซ้อนและความยิ่งใหญ่จนสามารถพูดได้เต็มปากว่า อัลบั้มของ My Bloody Valentine นั้น คือมหากาพย์แห่งดนตรีอย่างแท้จริง เรามาทำความรู้จักอัลบั้มต่างๆพร้อมทั้งแนวคิดอันแสนอัจฉริยะของ Kevin Shields และวงดนตรีวงนี้ไปพร้อมๆกัน จุดเริ่มต้นจากการแข่งขันคาราเต้ หลายวงอาจจะมีจุดกำเนิดจากการไปดูคอนเสิร์ตร่วมกัน หรือ เจอกันโดยบังเอิญที่ร้านแผ่นเสียง แต่ My Bloody Valentine กลับเจอกันที่สนามแข่งคาราเต้ ??? โดยในปี 1978 เมื่อ Kevin Shields และ Colm Ó Cíosóig ได้เจอกันโดยบังเอิญในการแข่งคาราเต้ที่เมือง South Dublin ทั้ง 2 คลิกกันอย่างรวดเร็วจากการนิยมชมชอบในดนตรีพังค์ที่ร้อนแรงในยุคนั้น
ปี 2020 เพิ่งจะผ่านไป แม้จะเป็นปีแห่งความทุกข์ระทมของคนฟังเพลง โดยเฉพาะคนฟังเพลงสากลที่ไม่มีโอกาสได้ชมการแสดงสดจากวงดนตรีและศิลปินที่ตนรักเนื่องจากการล็อกดาวน์ ทำให้ไม่สามารถบินข้ามประเทศมาแสดงที่บ้านเราได้ (บ้านเขาเองก็แทบไม่ได้ดูเช่นกัน) แต่ในความชอกช้ำก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดี เมื่อการถูกล็อคดาวน์ทำให้เหล่าศิลปินได้มีเวลาเหลือพอที่จะเข็นอัลบั้มใหม่กันมากมาย และมั่นใจว่ามากเป็นประวัติการณ์ UNLOCKMEN จึงขอเชิญทุกท่าน เตรียมหูให้พร้อม แล้วมารอฟังกันให้หูแฉะกับอัลบั้มที่ UNLOCKMEN คัดเลือกแนวร็อคที่พร้อมให้คุณฟังในปี 2021 ถ้าพร้อมแล้วก็มาเช็คกันได้เลย 15th January: Shame – Drunk Tank Pink เริ่มที่เดือนมกราคมที่ปกติมักจะเป็นเดือนที่เงียบเหงา เพราะเหล่าศิลปินดังมักจะเลือกไม่ออกงานเดือนนี้เพราะอากาศยังหนาว แถมเพิ่งเสร็จสิ้นเทศกาลปีใหม่คงไม่มีใครจะจับจ่ายใช้สอยในช่วงเวลานี้ แต่ปีนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ อย่างน้อยๆวง Post-Punk รุ่นใหม่จากลอนดอนตอนใต้ที่เคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเราอย่าง Shame ไม่รอช้าประกาศปล่อยอัลบั้มชุดที่ 2 ที่ชื่อ Drunk Tank Pink โดยฟรอนต์แมนหัวทอง Charlie Steen ได้กล่าวถึงคนเซ็ปท์ของอัลบั้มชุดนี้ว่า “เมื่อดนตรีหยุดชะงักลง คุณจะเหลือเพียงความเงียบ และความเงียบนั้นเองมีพลังที่ซ่อนอยู่ มันคือ่ส่วนสำคัญของอัลบั้มชุดนี้” แน่นอนว่าวงเองก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดไม่ต่างกัน “มันเป็นครั้งแรกที่เราไม่สามารถทำห่าอะไรได้เลย ซึ่งตระหนักได้ว่าชีวิตเราจริงๆต้องการแค่ตื่นมา กินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ฟอกสบู่ เซย์กู๊ดไนท์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาคือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยุดยั้ง หรือสามารถกักเก็บเวลาเอาไว้กับตัวได้ และอาจเป็นเพราะสัจธรรมของเวลาที่มีแต่จะหมุนผ่านเลยไป ทำให้มนุษย์เรามักจะให้คุณค่าและเลือกที่จะเก็บสะสมกับสิ่งที่เป็นตัวแทนแห่งช่วงเวลาเก่า ๆ ยกตัวอย่างเช่นแผ่นเสียงที่แม้ว่าจะผ่านเวลามายาวนาน แม้จะเป็น Format เพลงที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพเสียงคมกริบ หรือความสะดวกสบายในการฟัง แต่สำหรับคอแผ่นเสียงทั้งหลาย น่าจะเห็นตรงกันว่าอารมณ์และเสน่ห์ที่ได้จากการเสพดนตรีผ่านแผ่นเสียงนั้นเป็นสุนทรีภาพด้านการฟังที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงใน Format อื่น ทำให้จนถึงทุกวันนี้วงการแผ่นเสียงก็ยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยผู้คนที่หลงใหลในแผ่นดำ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคุณจะเป็นคนยุคแอนะล็อก หรือยุคดิจิทัล ไม่ว่าใครก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสตกหลุมรักแผ่นเสียงไวนิลได้แทบทั้งนั้น และคอลัมน์ The Collector สัปดาห์นี้ เราขอพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของ ‘พลอย-ตวงพรรษ รัตนวาทิน’ หญิงสาวที่เติบโตมาในยุคคาบเกี่ยวของแอนะล็อก และดิจิทัล ผู้เทใจให้กับแผ่นเสียงอย่างหมดหน้าตัก ด้วยความหลงใหลในแทบทุกอณูของมัน ทั้งสุ้มเสียงที่มีเสน่ห์ อาร์ตเวิร์กที่สวยงาม ไม่เว้นแม้กระทั่งกลิ่นจากซองแผ่นเสียงเก่า แถมยังนำเอาความหลงใหลเหล่านั้น มาต่อยอดเป็นธุรกิจที่เมื่อเอ่ยชื่อออกมาหลายคนเป็นต้องร้องอ๋อ กับร้านแผ่นเสียง Trackaddict Records และ Dumbo / York BKK บาร์แจ๊สชื่อดังย่านสะพานควาย ที่ว่ากันว่าเป็นหมุดหมายซึ่งชาวยิปซีแจ๊สต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง เติบโตมากับดนตรี ด้วยความที่คุณพลอยเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักดนตรี จึงได้ซึมซับศาสตร์ด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก เพลงเมื่อสมัยนู้นก็จะประมาณ Ray Charles ที่เน้นทำนอง จังหวะน่าโยกอย่างเพลง