ทำความรู้จัก PLY แบรนด์รองเท้า “Safety Streetwear Sneaker” PLY (พลาย) แบรนด์รองเท้าสนีกเกอร์สายพันธ์ไทย ที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่ยังแข็งแรง ทนทาน รับสรีระในทุก ๆ กิจกรรมของผู้สวมใส่ โดย PLY เกิดขึ้นจากการผนึกกำลังกันของ 3 พาร์ทเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องหนัง และชิ้นส่วนรองเท้าที่แตกต่างกัน กับการผสมผสานความทนทานที่สง่างาม ด้วยเทคนิคการผลิตที่ใช้วัสดุเดียวกับรองเท้าเซฟตี้ หรือ รองเท้านิรภัยที่จะช่วยสร้างความอึด ทน ถึก ทำให้ทุกย่างก้าวของคุณปลอดภัย อีกทั้งยังออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน จนกลายมาเป็นงานรองเท้าหนัง “Safety Streetwear Sneaker” ในที่สุด นำโดยคุณหนึ่ง-ภูวสิษฏ์วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลวงษ์เจริญสิน ผู้ผลิตรองเท้าเพื่อความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม, คุณเก๋-บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์ ผู้บริหารแบรนด์ 31Thanwa แบรนด์กระเป๋าไฮเอนด์ ผู้สืบทอดกิจการทายาทรุ่นที่สามของโรงงานผลิตรองเท้าหนังและเครื่องหนัง
เชื่อว่าในตอนนี้หากจะให้พูดถึงเรือนเวลาขั้นสุดของ Seiko หลายคนคงยกให้ GS หรือ Grand Seiko ยืนหนึ่งในมวลหมู่ Seiko ทั้งหลาย แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Seiko คงรู้กันดีว่าในอดีตยังมีอีกหนึ่งรุ่นตำนานอย่าง King Seiko ที่ตีคู่ขับเคี่ยวโชว์ศักยภาพความเป็นเรือนเวลาชั้นยอดมาโดยตลอด เรื่องของเรื่องต้องย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือเป็นทองยุคแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จนได้มีการพัฒนา Grand Seiko รุ่นแรกออกมาในปี 1960 ก่อนที่จะส่ง King Seiko ตามมาในปี 1961 ซึ่งเรือนเวลาทั้ง 2 รุ่น ที่มาจาก 2 แหล่งผลิต (Grand Seiko ผลิตที่ Suwa Seikosha / King Seiko ผลิตที่ Daini Seikosha) ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเป็นสุดยอดเรือนเวลาของ Seiko แม้ตอนนี้จะเหลือเพียง GS ที่ครองตำแหน่งแบรนด์เรือนเวลาเรือธงจาก Seiko แต่เสน่ห์ความเป็นนาฬิกาจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามประณีต
หายเงียบไปพักใหญ่ สำหรับแบรนด์ Evisu จากญี่ปุ่นที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยคุณภาพของผ้ายีนส์ชั้นดี รูปทรงที่มีสไตล์แบบวินเทจ การตัดเย็บที่ประณีตแข็งแรง และโลโก้นกนางนวลที่คุ้นตาทุกคน ล่าสุด Evisu ได้กลับมาอีกครั้งใน collection ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคยกับ “2000 Baggy Fit Denim” ซึ่งเป็นดีไซน์ที่พวกเราไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปี 2000 ครั้งแรกที่ Evisu แนะนำรูปทรง baggy สไตล์ Japanese ให้โลกได้รู้จัก เสื้อและกางเกง denims ออกแบบให้มีความ looser fit สวมใส่ง่าย ใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายไม่อึดอัดรัดแน่นจนเคลื่อนไหวลำบากแม้จะเป็นผ้าดิบ ด้านหลังของกางเกงยีนส์โดดเด่นด้วยการใช้ Daicock design ขนาดใหญ่ป้ายเต็มพื้นที่ด้านหลังของขาทั้งสองข้างบนกางเกงที่ใช้โทนสี dark denim และ indigo ตามสไตล์ raw denim ไม่ใช่แค่กางเกงยีนส์ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ใน collection “2000 Baggy Fit Denim” จะเน้นทรง loose fit เล่นสนุกด้วยโลโก้
หากพูดถึง Playstation ของค่าย Sony แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงคิดถึงความสนุกและความเอนจอยกับเกมที่โปรดปราน ที่มอบความสุขให้กับเราตั้งแต่วัยเด็กจนมาถึงปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่ Playstation 1 ในยุค 90’s จนล่าสุดมันได้พัฒนาเทคโนโลยีมาเป็น Playstation 5 เป็นที่เรียบร้อย แต่ความสนุกทั้งหมดทั้งมวลมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจาก “จอยควบคุม” ที่เปรียบดั่งไม้กายสิทธิ์ทำให้เราสามารถควบคุมความบันเทิงได้ด้วยมือของเราเอง และมันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับเครื่อง Playstation แบบที่แยกออกจากกันไม่ได้ ความหลงใหลในเครื่องเล่นเกมตัวนี้มันได้กระจายไปทั่วโลก เข้าซึมแทรกทุกวัยและทุกอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ Daniel Arsham ซึ่งเป็น Contemporary Visual Artist (ศิลปินทัศนศิลป์ร่วมสมัย) ชาวอเมริกัน ผู้ฝากผลงานประติมากรรมเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะการใช้คริสตัลมารังสรรค์ผลงานศิลปะให้ออกมาเป็นกล้อง, หมวก หรือแม้กระทั่งเกมบอย และล่าสุดเขาก็ได้ทำให้เหล่าเกมเมอร์ต้องร้องว้าว กับงานปั้นจอยเกม Playstation ในแบบคริสตัลที่ทั้งสวยงามและดูทรงคุณค่า ผลงานชิ้นนี้มีชื่อเรียกว่า “Crystal Relic 004″ ที่ถูกหล่อขึ้นมาจากเรซิ่นให้ลักษณะโปร่งแสงแบบคริสตัล มีขนาดเท่าของจริงแบบไม่ผิดเพี้ยน มีความสูง 55 มม. กว้าง 95 มม. และหนัก
ยิ่งบ้านน่าอยู่มากเท่าไหร่ เรายิ่งอยากใช้เวลาอยู่บ้านนานขึ้นเท่านั้น และมากกว่าการเป็นที่อยู่อาศัย บ้านยังสะท้อนถึงตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านอีกด้วย เพื่อเติมเต็มรายละเอียดในชีวิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น Unlockmen เลยอยากแนะนำ 6 บริษัทอินทีเรียชื่อดัง เพื่อเป็นตัวเลือกให้ทุกคนที่อยากเปลี่ยนโฉมบ้านใหม่ให้พื้นที่ในฝันกลายเป็นจริง PIA Interior อยู่บ้านยาว ๆ ทั้งทีขอมุมพักผ่อนที่อลังการสักหน่อย ใครอยากมีโซนในฝันและอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองหรือชวนเพื่อน ๆ มาสังสรรค์ ดูหนัง หรือปาร์ตี้ใช้ทุกซอกทุกมุมแบบนี้ เราขอแนะนำบริการของ PIA Interior เพราะผลงานของที่นี่ทรงพลัง หรูหรา และกล้าหาญ เก๋าด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ให้บริการออกแบบมาครบทั้งที่อยู่อาศัยส่วนตัว โรงแรมและรีสอร์ทระดับไฮเอนด์ สำนักงาน ฯลฯ PIA Interior เน้นการตกแต่งที่สร้างสรรค์ ดึงเอกลักษณ์ความแตกต่างสร้างดีไซน์ไม่จำเจจากคอนเซ็ปต์ที่ผู้อยู่อาศัยต้องการถ่ายทอดลงรายละเอียดออกมาได้ครบทุกอณู หนุ่ม ๆ คนไหนที่ต้องการความเท่แบบยูนีคต้องปักหมุดไว้ Facebook: @PIAinterior Website: www.piainterior.com Hyper-Haus ถอดตัวตนของเจ้าของบ้านออกมาในทุกมุม ทำให้บ้านเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีเสน่ห์ตลอดกาล นี่คือคอนเซ็ปต์การทำงานของ Hyper-Haus ที่พร้อมดีไซน์บ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ Hyper-Haus ให้บริการระดับ Ultra-Luxury แบบ One
ณ เวลานี้ผู้ชายหลายคนคงคุ้นเคยกับ มัลเล็ต (Mullet) ทรงผมสไตล์วินเทจที่เป็นการตัดด้านบนสั้น และด้านข้างสั้นหรือเกรียน เน้นผมด้านหลังให้ยาวถึงหลังหรือท้ายทอย ผมทรงนี้มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน และได้รับความนิยมอย่างมากในยุค 80s หลังจากเหล่าศิลปินในตำนานของยุค 70s ต่างก็ทำผมทรงนี้กัน ไม่ว่าจะเป็น Tom Jones, David Bowie และ Paul McCartney จนมันเลิกฮิตในช่วงยุค 90s ตอนนี้มัลเล็ตได้กลับมาเป็นเทรนด์อีกครั้ง โดยดาราไทยและต่างประเทศล้วนทำผมทรงนี้กันทั้งนั้น UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำทรงผมมัลเล็ต 5 สไตล์ที่ตัดแล้วดูดีพร้อมควงสาวไปเที่ยวในทุกที่ Classic Mullet เริ่มกันที่ทรง Classic Mullet ทรงพื้นฐานสำหรับคนที่อยากเริ่มตัดผมสไตล์นี้ ทรงนี้จะทำให้ผมด้านหลังมีความยาวถึงระดับไหล่ ส่วนความยาวผมด้านบนและด้านหน้าจะค่อนข้างสั้นปานกลาง ส่วนผมด้านข้างจะมีความสั้นมากหรือเกรียนไปเลย เท่านี้ก็ได้ผมทรง Mullet ที่มีความย้อนยุคแบบเซอร์ ๆ แล้ว ถ้าเรารู้สึกว่าทรงนี้มันธรรมดาไป เราสามารถเอาผมทรงอื่นมาผสมด้วยได้ เช่น Mohawk, Undercut, หรือ Fade Mohawk Mullet ถ้าเรารู้สึกว่า
ในวงการแฟชั่นตอนนี้ แบรนด์ผู้นำด้านแฟชั่นหลายแบรนด์ได้ให้ความสำคัญกับปีขาล หรือ ปีเสือ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2565 พอดี และเพื่อเฉลิมฉลองปีดังกล่าว พวกเขาได้ออกคอลชั่นเสื้อผ้าลายเสือที่มีความสวยงาม เท่ และปราณีตในทุกดีเทล UNLOCKMEN เลยลองรวบรวม 5 คอลเลคชั่นปีเสือที่น่าสนใจ หวังให้ทุกคนมีแรงบันดาลใจในการแต่งตัวตอนช่วงเปิดปี Balenciaga เริ่มกันที่แบรนด์แฟชั่นเราคุ้นเคยอย่าง Balenciaga ที่เฉลิมฉลองปีเสือด้วยชุดแฟชั่น “Year of Tiger Series” ซึ่งเกิดขึ้นจากการตีความปีเสือของ Demna Gvasalia นักออกแบบคนสำคัญของ Balenciaga จนออกมาเป็นไอเทมที่มีเอเลเม้นท์ของเสือหลากหลายประเภทจำนวน 57 ชิ้น เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อแจ็คเก็ต เครื่องประดับ กางเกงขาสั้นขายาว หรือ รองเท้าผ้าใบที่ผลิตจากวัสดุเกรดสูงและใส่สบายในทุกโอกาส ไอเทมแต่ละชิ้นจะสะท้อนความโฉบเฉี่ยวและความแข็งแกร่งของสัตว์ป่าแตกต่างกันออกไป บางไอเทมมีเพียงสีสันของเสือ บางไอเทมมีทั้งสีสันและลวดลายของเสือ บางไอเทมมีโลโก้ Balenciaga หรือ โลโก้เสือ ที่โดดเด่น สามารถสั่งซื้อได้แล้วที่เว็บไซต์ของ Balenciaga Gucci อีกหนึ่งแบรนด์ไฮเอนอย่าง Gucci
การขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สามารถบ่งบอกรสนิยมความชอบและสไตล์ของแต่ละบุคคลได้ ไม่ต่างจากแฟชั่นเสื้อผ้าหรือแนวเพลงที่ชอบฟัง บางคนชอบความโมเดิร์น ตามกระแส ตามเทรนด์ ต้องทันยุคทันสมัย แต่บางคนกลับชอบว่ายน้ำทวนกระแส หันไปหลงใหลความวินเทจย้อนยุคราวกับว่าต้องการพาตัวเองย้อนเวลากลับไปหาความรุ่งเรืองในอดีต และถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนแบบนั้น แถมยังชื่นชอบการขับขี่จักรยานยนต์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาทำความรู้จักกับ “Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter” สำหรับรูปทรงดั้งเดิมของ BWW C400X Scooter ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นสุดล้ำราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ Sci-Fi แต่ด้วยไอเดียสุดบรรเจิดของทาง Nmoto บริษัทคอสตอมรถของทาง BWW จึงจัดการพลิกโฉมด้วยชุดแต่งในชื่อ Golden Age ให้มันกลายเป็นสกู๊ตเตอร์สไตล์วินเทจแบบที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้ได้นึกถึงกันเลย การออกแบบชุดแต่งตัวนี้มีความสะดุดตาเป็นอย่างแรงด้วยรูปทรงโค้งมนดูอวบอิ่ม ดูมีน้ำหนักมาก แต่นั่นมันเป็นเพียงสิ่งที่สายตาภายนอกได้ตัดสิน เพราะความจริงแล้วตัวบอดี้ถูกผลิตมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา แถมยังครอบคลุมทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งคันด้วยส่วนประกอบเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น อีกทั้งยังมีหลายเฉดสีให้ได้เลือกจับคู่ได้ตามความชอบ Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter ยังโดดเด่นด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่ระบบ LED พร้อมทั้งมีไฟเลี้ยวในตัว เติมความสมบูรณ์แบบสไตล์วินเทจด้วยเบาะหนังคู่ที่ถูกสั่งทำพิเศษ ซึ่งเหมาะกับคนรู้ใจให้ได้ซ้อนร่วมเดินทางกันไป อีกทั้งยังอุ่นใจได้กับระบบเบรกแบบ ABS ที่มาพร้อมกับระบบทรงตัวแบบอัตโนมัติ
เข้าสู่ช่วง Festive แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงได้รับหน้าที่ทั้งการเป็นผู้ให้ และเป็นผู้รับของขวัญส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันภายใต้บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุข และล่าสุดเราได้รับของขวัญที่น่าสนใจอย่าง CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET ซึ่งมัดรวมไอเทมมาให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Tote Bag, หมวก, เสื้อยืด ซึ่งมาพร้อมลวดลายสุดคลาสสิกจาก CHANG ESPRESSO เอาไว้ไปใส่เที่ยวปีใหม่ได้แบบโก้เก๋ เท่ไม่เหมือนใคร ใน CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET นี้ไม่เพียงแค่เป็นสิ่งแทนใจในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็น CELEBRATION SET สำหรับการเฉลิมฉลองความสำเร็จส่งท้ายปีที่น่าภาคภูมิใจของสินค้าสัญชาติไทย Chang Espresso Lager กับการคว้ารางวัลการันตีความคราฟต์เพิ่มเติม ทั้งทางด้านรสชาติและดีไซน์มาประดับตู้โชว์เพิ่มเติมอีกถึง 3 รางวัล จาก 2 เวทีด้วยกัน ซึ่งตลอดปีนี้ Chang Espresso Lager เครื่องดื่มของไทยที่ได้เดินสายกวาดรางวัลระดับโลกมามากมายหลายสถาบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็สามารถคว้าเหรียญเงินทางด้านรสชาติจากเวที AIBA 2021 และยังเดินหน้าคว้ารางวัลจากการประกวด World Beer Awards
อาดิดาส ออริจินอลส์ รังสรรค์คอลเลคชั่นแรกของปี 2022 กับ NEVER CHANGE YOUR STRIPES คอลเลคชั่นเสื้อผ้าและรองเท้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ร่วมกับครอบครัว ส่งมอบพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ในปีเสือที่กำลังจะมาถึง สินค้าในคอลเลคชั่นประกอบไปด้วยเสื้อฮู้ดดี้ เสื้อยืด กางเกงสเวต กระเป๋า และเครื่องประดับที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมตะวันออก ผสมผสานกับปรัชญาการออกแบบอันชาญฉลาดให้เข้ากับยุคปัจจุบัน จุดเด่นของเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้จึงมีทั้งงานปะ ลวดลาย และการปักสุดประณีต โดยมีสีแดง สีเบจ และสีดำเป็นหลัก มาพร้อมกับรองเท้า 2 รุ่นคือ Superstar และ Ozweego ที่มาในโทนสีเดียวกัน นอกจากนี้ NEVER CHANGE YOUR STRIPES ยังเปิดตัวมาพร้อมกับแคมเปญที่ดัดแปลงมาจากภาพถ่ายครอบครัวในห้องนั่งเล่นแบบโบราณของชาวจีนที่เพิ่มความโมเดิร์นด้วยสไตล์ของเสื้อผ้าและรองเท้า ในส่วนของฉากหลังเป็นรูปเสือคู่สองตัวอยู่ในวงกลม ซึ่งนอกจากจะหมายถึงปีนักษัตรใหม่ที่กำลังจะมาถึงอย่างปีเสือแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียวและความครบถ้วนบริบูรณ์ NEVER CHANGE YOUR STRIPES จึงเป็นคอลเลคชั่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคนทุกยุคทุกสมัยนั้นให้ความสำคัญกับครอบครัวเสมอ พบกับคอลเลคชั่น NEVER CHANGE YOUR STRIPES ได้แล้ววันนี้ ในราคา 550 ถึง 4,700 บาทที่อาดิดาส
ชวนทุกคนมานับถอยหลังสู่ปี 2022 ทบทวนการใช้ชีวิตในปีนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเหล่าศิลปินดังทั้ง 4 คนที่เราคุ้นเคยผลงานอย่าง P7, Benzilla, Rukkit และ Lolay พร้อมพูดคุยถึงมุมมองก้าวต่อไปของศิลปะที่กำลังสร้างความท้าทายใหม่อย่างวงการ NFT และโลก Metaverse ในสายตาของพวกเขาที่อยู่ในวงการศิลปะมายาวนาน อะไรบ้างที่ต้องรู้ ต้องปรับตัว และต้องยืนหยัด…เพราะศิลปะไม่ได้มีแค่เทคนิคแต่เชื่อมโยงไปถึงจิตใจ P7 P7 ศิลปินสตรีทอาร์ตที่มีผลงานมากมายได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ เขาเคยฝากผลงานน่าสนใจเข้าร่วมเทศกาลศิลปะดังอย่าง BAB 2020 และได้ร่วมโปรเจกต์กับหลายแบรนด์ดังนับไม่ถ้วน ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ผลิตไม่เคยซ้ำและมุมมองการสร้างสรรค์งานสุดคอนทราสต์ “จริง ๆ ช่วงโควิดไม่ได้เจออุปสรรคอะไรเลยนะ มีแค่อย่างเดียวคือการทำโครงการข้างนอกที่เขาจะจ้างเราไปทำอาร์ตดีไซน์หรืออาร์ตตกแต่ง มันอาจจะทำไม่ได้เพราะว่าเป็นช่วงโควิดเราก็เลยขอเลื่อนไปก่อน แต่ระหว่างที่เลื่อนเรามีงานส่วนตัวอยู่แล้วคือเพ้นท์ติ้งเพราะมีนักสะสมจองคิวภาพ พี่ก็วาดเพ้นท์ติ้งที่สตูดิโอตอนช่วงโควิดทุกวัน วาดแบบสไตล์พี่คือวาดไม่ซ้ำเลย แล้วก็ทำคิดแบบการทำประติมากรรมไปด้วยเพราะช่วงโควิดเราไม่ได้เข้าโรงปั้น ก็แทบจะไม่กระทบอะไรเลย” NFT คือความมันและการร่วมโปรเจกต์กับคนรู้ใจ “พี่เป็นคนชอบงานแฮนด์เมด ไม่เก่งคอมฯ และพี่ไม่คิดจะเรียนรู้คอมฯ ด้วยเพราะพี่สนุกกับการทำงานด้วยมือ พอ NFT มา มันก็เป็นอีกมีเดียนึง เรื่อง NFT แม้มันสามารถจะผลิตชิ้นเดียวที่ทำออกมาแล้วไม่ซ้ำในรูปแบบดิจิทัล แต่ว่า สำหรับพี่มันก็คืองานดิจิทัล มันก็เป็นอีกแขนงนึง เด็กก็มีโอกาสที่จะทำงานคอมพิวเตอร์ทางอาร์ตได้ มันก็เปิดกว้างดี แต่ส่วนตัวพี่ยังไม่ได้อินขนาดนั้น
ช่วงเวลาปลายปีของปีที่แล้ว Gucci และ The North Face ได้เปิดตัว collaboration collection ออกมาเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก และในปีนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มีการร่วมมือแบบ cross-category ระหว่างแบรนด์ luxury และแบรนด์ adventure ในดีไซน์การออกแบบที่นักสะสมไม่ควรพลาด การร่วมมือกันครั้งใหม่ระหว่าง Gucci x The North Face รอบนี้มีทั้งจุดเด่นด้านเทคโนโลยีในการพิมพ์และดีไซน์ที่แตกต่างในเสื้อผ้า ready-to-wear กระเป๋าเดินทาง รองเท้า และ accessories สำหรับชายและหญิง ซึ่งใน collection นี้จะเป็นการผสมผสานโลโก้ของทั้งสองแบรนด์เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ยิ่งดูยิ่งเหมือนว่าทั้งคู่จะต้องจับมือกันต่อในระยะยาวอย่างแน่นอน มุมมองความคิดสร้างสรรค์ที่เฉียบคมของ Alessandro Michele, creative director จากบ้าน Gucci ใช้แรงบันดาลใจจากดีไซน์ที่มีกลิ่นอายจากยุค ’70s และ ’90s ในการออกแบบ collection ที่เต็มไปด้วย item น่าสนใจหลายชิ้น แม้จะไม่เหมาะกับการใส่ในบ้าเราเท่าไหร่นัก แต่ก็น่าสะสมเก็บไว้ยามบินไปใส่ในเมืองหนาว หรือจะใส่เดินห้างที่เปิดแอร์หนาว ๆ ก็เท่ได้