โลโก้กว่าจะดังติดตาต้องสั่งสมบารมีไว้หลายปีดีดัก ดังนั้นบางอย่างที่แม้เป็นของธรรมดา ถ้าปะสิ่งที่เรียกว่าโลโก้เข้าไป มันจะกลายเป็นของมีค่ามีราคาขึ้นมาทันที อาจจะโดดไปแตะหมื่นแตะแสน แตะความเป็นลิมิเต็ดที่คนทั้งโลกคลั่งไคล้ชั่วพริบตา แต่ใครจะจินตนาการออกว่าถ้าเอาโลโก้มาสร้างบ้านจะเป็นอย่างไร ? UNLOCKMEN นำผลงานการออกแบบทางสถาปัตยกรรมสุดน่าทึ่งของ Karina Wiciak จาก Warehouse Studio ที่เนรมิตโลโก้ที่เราคุ้นเคย เปลี่ยนเป็นอาคารสไตล์ Luxury น่าปักหลัก จนเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก Dream Shoes หรือ Dream Cars กลายเป็น Dream Houses ได้ง่าย ๆ เริ่มที่ตัวแรก พอเดาออกไหมว่านี่คือแบรนด์อะไร ? Trihouse : Adidas บอกเลยตอนแรกเรามองไม่ออก แต่พอข้ามกระจกไป เพ่งไปที่วัสดุอย่างหิน ภาพสามขีดที่คุ้นเคยจาก Adidas ก็ชัดกระแทกเข้าเบ้าตาทันที อาคารหลังนี้ชื่อว่า Trihouse ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากแบรนด์ Adidas จุดที่น่าสนใจอยู่ที่การสร้างสเปซลวงตา ถ้ามองปกติตามแนวเส้นทแยงของอาคารเราจะรู้สึกว่าอาคารเอียง แต่กระจกที่โชว์พื้นที่ใช้สอยด้านในทำให้เห็นระนาบขนานพื้นดิน ทำให้อาคารหลังนี้มีเสน่ห์มากขึ้น สอดรับกับบริบทแวดล้อมรอบข้างอย่างลงตัว The Ringshouse :
“จะดีแค่ไหน หากเรามี SPACE ที่สามารถออกแบบการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ?” ความต้องการข้อนี้ ถือเป็นความท้าทายของเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับหน้าที่สำคัญในการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างของพื้นที่ใช้สอยให้สอดรับกับ Pain Points ของกลุ่มผู้อยู่อาศัย จากโจทย์ข้อนี้ จึงเป็นที่มาในการพัฒนาห้อง Duo Space นิยามเฉพาะของห้องเพดานสูงจากโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 โดย Park Luxury ภายใต้แบรนด์ Origin ซึ่งโดดเด่นด้วยนวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เน้น Volume of Vertical Space ขยายพื้นที่ใช้สอยแนวสูงภายในห้องให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่ง และมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มากกว่า จนสามารถออกแบบปรับเปลี่ยน SPACE ให้เป็นพื้นที่ชีวิตที่ต้องการได้สุดแล้วแต่จินตนาการจะพาไป และถ้าจะหาใครสักคนมารับหน้าที่ถ่ายทอดคอนเซปต์ของโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 ออกมาได้อย่างชัดเจน คงไม่มีใครสามารถส่งต่อแนวคิด SPACE สำหรับคนรุ่นใหม่ฉลาดเลือก ซึ่งพร้อมให้ออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ได้ดีไปกว่า ‘ออกแบบ – ชุติมณฑน์
ช่วงที่วิกฤตไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดในวงกว้างเฉกเช่นตอนนี้ บอกเลยว่าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลาย ๆ บริษัทจึงนำมาตรการ Work Form Home มาปรับใช้ ให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้าน เลี่ยงการเดินทางและพบปะกับผู้คน เพื่อลดโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายมากกว่าเดิม ต่อให้หนุ่ม ๆ หลายคนจะนิยมแก้ผ้านอนหรือใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินอยู่ในบ้านแบบไม่สนอะไร แต่เมื่อคุณต้องทำงานที่บ้าน ชุดล่อนจ้อนที่ว่านี้อาจไม่เหมาะนัก ยิ่งถ้าต้องประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับหัวหน้า มันคงไม่สุภาพเท่าไร แต่ถ้าจะให้ใส่สูทผูกเนกไทก็คงเป็นทางการเกินไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยขอแนะนำไอเทมแฟชั่นใส่สบาย เหมาะแก่การนั่งทำงานที่บ้าน และไอเทมพวกนี้อาจช่วยให้วันทำงานที่อุดอู้น่าเบื่อของคุณสนุกขึ้นกว่าเดิมก็ได้ Les Girls Les Boys อาจมีบางวันที่คุณต้องรีบขุดตัวเองออกจากที่นอนและสลัดความง่วงทิ้งไป เพื่อวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานคนอื่น แต่คุณดันสวมเสื้อนอนเก่า ๆ ที่ไม่สุภาพเท่าไรนัก เราอยากเสนอชุดนอนลายขวาง Les Girls Les Boys ให้เป็นอีกทางเลือก เพราะเชื่อว่าชุดใส่นอนที่ดูดีและเป็นทางการที่สุดคงจะเป็นชุดนอน ชุดนอนชุดนี้ตัดเย็บด้วยผ้า Cotton Satin ทอลายขวางที่มีเนื้อเรียบลื่นมันเงาและมีน้ำหนักเบา นอกจากแถบสีขาวดำเข้มจะช่วยเสริมรูปร่างผู้สวมใส่ ยังมอบความน่าเชื่อถือและเหมาะกับการประชุมมากกว่าเสื้อยืดมอซอตัวโปรดของคุณอย่างแน่นอน Casablanca Sweatpants ชุดที่เหมาะกับการทำงานที่บ้านนอกจากต้องสวมใส่สบายและช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัวแล้ว คงจะดีไม่น้อยถ้าไอเทมแฟชั่นที่คุณเลือกช่วยเสริมสไตล์และทำให้คุณโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น กางเกงขายาวผ้าฝ้าย Casablanca Sweatpants
เสื้อผ้าสำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นอุตสาหกรรมใส่แล้วทิ้ง สร้างขยะ แต่สำหรับผู้ชายเราที่ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนบ่อยและไม่ได้ตามเก็บทุกคอลเลกชันของแบรนด์โปรดขนาดนั้น เรารู้ดีว่าเราจะเลือกเสื้อทน ๆ อยู่กันยาว ๆ มากกว่าเสื้อสวย ๆ ส่วนเงินที่เหลือก็เก็บไว้ซื้อ gadgets ล้ำ ๆ หรือ Toy boy ที่ชอบแทน แต่ถ้ามีเสื้อที่ผลิตมาโดยเคลมว่า “มันทนทานอยู่ได้เป็น 100 ปี” ล่ะ เราจะยังกล้าซื้อมาใส่อยู่ไหม เพราะไม่รู้ว่าระหว่างเรากับเสื้ออะไรจะตายจากกันไปก่อน หรือเราจะเบื่อมันก่อนไหม เพราะยังไงเสีย มันก็ไม่มีทางพังในชั่วอายุขัยของเราแน่นอน VOLLEBAK ผู้เชี่ยวชาญการผลิตเสื้อผ้าได้ผลิตเสื้อ “100 Year Hoodie” โดยเริ่มรุ่นแรกตั้งแต่ปี 2017 และรุ่นล่าสุด (รุ่นที่ 3) ใช้เวลาวิจัยกว่า 2 ปี และผลิตชุดอย่างประณีตอีก 40 สัปดาห์ ในที่สุดผลงานเสื้อฮู้ดพันธุ์แกร่งรุ่นที่ 3 ก็ออกมาให้ยลโฉม พร้อมสั่งซื้อไปใช้งาน โดยการันตีความทนทานว่ามันจะอยู่ได้นานเป็น 100 ปีและทดสอบให้เห็นจะจะ ชนิดคนรักเสื้อเห็นแล้วรู้สึกสงสารแทน คุณสมบัติกว่าจะเป็นรุ่นที่ 3 100 Year
ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องพบเจอความวุ่นวายนับไม่ถ้วน เวลาจำนวนจำกัดที่แกมบังคับให้ต้องใช้ชีวิตรีบเร่ง สุขภาพย่ำแย่จากการสูดดมฝุ่นควันบนท้องถนน และความยากลำบากเมื่อต้องแทรกตัวเข้าไปยังรถไฟฟ้าที่มีคนแน่นขนัด ทั้งหมดนี้ทำให้เราเผลอคิดว่า “ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว” วลีนี้ยังคงใช้สื่อความหมายได้อยู่หรือเปล่า เพราะต่อให้คนเมืองจะได้ใช้ประโยชน์จากโครงข่ายการคมนาคมที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ถ้ายังต้องติดแหง็กบนถนนกับระบบจราจรป่วย ๆ หรือไม่อาจแก้ปัญหาอื่น ๆ ที่คนเมืองเผชิญได้อย่างจริงจัง เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ก็คงไม่ได้น่าอยู่สักเท่าไร ถ้าการใช้ชีวิตในเมืองมันวุ่นวายนัก เราแนะนำให้คุณผละตัวออกมาสักนิดและเขยิบเข้าใกล้ชนบทอีกสักหน่อย ละสายตาจากความแออัดยัดเยียดของป่าคอนกรีต หันไปมองทัศนียภาพหนาทึบของแมกไม้และสัมผัสความสงบสบายที่เมืองใหญ่อาจให้คุณไม่ได้ ‘Woodwork Enthusiast’ เป็นผลงานการออกแบบของสตูดิโอ ZMY Design ที่เปลี่ยนโรงงานปูนซีเมนต์เก่าในตะวันออกเฉียงใต้ของจีนให้กลายเป็นบ้านไม้แสนสงบที่มีดีไซน์เฉพาะตัว บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเมืองเซี่ยเหมิน (Xiamen) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของมณฑลฝูเจี้ยน (Fujian) และสร้างขึ้นเพื่อให้เป็น “Physically Static Place” สถานที่ที่มอบความรู้สึกสงบ คงที่ และเป็นสเปซของธรรมชาติที่ออกแบบแก่ผู้พักอาศัยอย่างแท้จริง จากอาคารทรงกระบอกที่ถูกทิ้งร้างไว้หลายปีและเต็มไปด้วยชิ้นส่วนสึกหรอ ตอนนี้ถูกรีโนเวตให้เป็นพื้นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ชีวิตครบครัน ภายในดีไซน์แบบ open plan ไม่ปิดกั้นและเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของบ้านเข้าด้วยกัน มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ ระเบียง และดาดฟ้าชมวิวที่ชั้นบน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากสร้างบ้านให้สงบและสบาย ทีมนักออกแบบจึงเว้นระยะห่างจากการเชื่อมต่อของโลกภายนอก เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเพื่อชูความโดดเด่นภายใน เปิดพื้นที่บางส่วนให้แสงและลมลอดผ่านเข้ามา และใช้ประโยชน์จากธรรมชาติทั้งหมดภายในบ้านสร้างความผ่อนคลายแก่ผู้พักอาศัย เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นโรงงานปูนซีเมนต์เก่าและมีความสูงเพียงสองชั้นเท่านั้น
เดินทางเดือนเข้าสู่เดือนที่ 3 ของปีนี้หนุ่ม ๆ ผู้รักรองเท้าหลายคนคงเพลิดเพลินกันตั้งแต่ต้นปีกับโมเดลรองเท้าจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมา ทั้งรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นเก๋าที่หยิบเอามาทำใหม่ปะปนกันไป และคงเห็นกันว่ารองเท้าหลายคู่มาพร้อมสีสันสดใสประจำเทศกาลที่โดดเด่นเตะตา แต่เราเชื่อว่ายังมีผู้ชายหลายคนที่ชอบในการสวมใส่รองเท้าโทนสีดำหรือขาว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเข้ากันกับสไตล์การแต่งตัว วิธีการดูแลรักษาหรืออาจเป็นรสนิยมส่วนตัว แต่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะมีรองเท้าโทนขาว-ดำจากแบรนด์ไหน รุ่นอะไรกำลังจะถูกปล่อยออกสู่ตลาดบ้าง วันนี้ SNEAKER OF THE MONTH มี 8 คู่ที่อยากแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกคนได้รู้จัก มาชมกันเลยว่าแต่ละคู่จะมีทีเด็ดงานยังไงบ้าง Nike Air Max 2090 “Black/White” เริ่มกันที่สมาชิกล่าสุดของรองเท้าตระกูล Air Max กับ Air Max 2090 โมเดลนี้ทำขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของ Air Max 90 และใช้แรงบันดาลใจงานดีไซน์ของโมเดลเก๋ามาถ่ายทอดลงในรูปแบบรองเท้าที่เรียกว่า FlyEase ซึ่งสวมใส่ง่ายและเหมาะกับรูปทรงและขนาดเท้าที่มีความแตกต่างกัน Nike Air Max 2090 “Black/White” มาในสีหลักมีทั้งขาวและดำ โดยขึ้นรูปอัปเปอร์ด้วยวัสดุสังเคราะห์ ก่อนจะปกป้องด้วยชั้น Mudguards
ถ้าพูดถึง ‘เมืองแห่งการออกแบบ’ เชื่อว่านิยามของแต่ละคนคงต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนนึกถึงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนีที่เต็มไปด้วยสถาบันออกแบบชื่อก้องโลก บ้างว่ามอนทรีออลของแคนาดานี่แหละที่เป็นตัวเต็ง เพราะนอกจากจะพัฒนาเมืองด้านการออกแบบอย่างจริงจัง ยังมีผลงานเจ๋ง ๆ ซ่อนอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเมืองนับไม่ถ้วน แต่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ‘เซินเจิ้น’ เมืองชาวประมงเก่าแก่ของประเทศแดนมังกร เปลี่ยนแปลงและพัฒนาข้ามขั้นจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการออกแบบและนวัตกรรมที่ถูกยอมรับในระดับสากลไปเรียบร้อยแล้ว จากเมืองประมงริมชายฝั่งสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ย้อนไปในอดีตเซินเจิ้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเก่าที่อยู่ตรงข้ามกับฮ่องกงเท่านั้น แต่ในช่วงปี 1980 เมืองนี้กลับถูกเลือกให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของประเทศจีน จากนโยบายเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจในปี 1978 หลังจากนั้นเซินเจิ้นก็ถูกพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า ทันสมัย และกลายเป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญของจีน นอกจากความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งแล้ว ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจก็มีอิทธิพลต่อการพัฒนาเมืองนี้ไม่แพ้กัน เมื่อ สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประกาศมอบสถานะพิเศษให้เซินเจิ้นเป็นพื้นที่ทดลองปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นับแต่นั้นเซินเจิ้นก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองกลุ่ม Greater Bay Area อันเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุก เช่นเดียวกับ ฮ่องกง, มาเก๊า, กวางโจว, จูไห่ และอีกหลายเมืองสำคัญ รากฐานความสร้างสรรค์ของเจ้าแห่งการจำลอง ดูเผิน ๆ แล้วเซินเจิ้นแทบไม่มีรากฐานด้านศิลปะหรือการออกแบบเฉกเช่นปารีส มิลาน หรือฟลอเรนซ์ แต่เราเชื่อว่าเซินเจิ้นเองก็คงมีบางสิ่งเป็นเบ้าหลอมให้มุ่งมั่นพัฒนาเมืองไปในทิศทางการออกแบบอย่างแน่วแน่เช่นนี้ ถ้าเปรียบเทียบเรื่องราวของเซินเจิ้นให้เป็นเรื่องใกล้ตัวยิ่งขึ้น คงคล้ายกับเมืองโบราณในจังหวัดสมุทรปราการของบ้านเรา ที่รวบรวมสถานที่สำคัญต่าง
ในยุคที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังจะแตกสลาย กับความวุ่นวายจากโรคร้าย และภัยธรรมชาติต่าง ๆ นา ๆ ที่รุมกระหน่ำ ทำเอาหลายคนเริ่มวางแผนรับมือการใช้ชีวิตช่วงภาวะฉุกเฉินในหลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับหนุ่ม ๆ ขาลุยทั้งหลาย เชื่อว่าน่าจะเทความสนใจไปที่อุปกรณ์ยังชีพที่ช่วยให้สามารถใช้ชีวิตยืนระยะในภาวะคับขันไปได้อีกหลายวัน ที่สำคัญคือถึงแม้จะไม่ได้งัดมาใช้ยามเกิดวิกฤติหนัก แต่สุดท้ายผู้ชายอย่างเรา ๆ ก็ยังสามารถหยิบมาใช้ในทริปท่องเที่ยวผจญภัยได้ไม่เสียของอย่างแน่นอน และในวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่บอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่จะเก็บไว้ใน Survival Collection รับรองว่าจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากมันแน่ ๆ VSSL CAMP SUPPLIES SUUNTO EDITION และนี่คืออุปกรณ์ที่เราพูดถึง กับ VSSL Camp Supplies SUUNTO Edition ที่นักผจญภัยทั้งหลายอาจคุ้นเคยกันในผลิตภัณฑ์ซีรีส์ก่อนหน้า แต่สำหรับเวอร์ชันล่าสุดนี้ทาง VSSL ผู้ผลิตอุปกรณ์ออกแคมป์เจ้าดังจากแคนาดา เขาเคลมว่าได้ไปปรึกษาหารือกับทหารผู้เชี่ยวชาญการเดินป่า ว่ามีอุปกรณ์ช่วยเหลือใด ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพบ้าง จนสุดท้ายได้มาเป็นสิ่งนี้ ที่มัดรวมเอาตัวช่วยยังชีพมาให้ใช้งานกันแบบรอบด้าน นับไอเทมทั้งหมดสิริรวมแล้วมากกว่า 70 ชิ้น บรรจุอยู่ในแท่งอลูมิเนียมรูปทรงกระบอกขนาด 9 x 2 นิ้ว มีน้ำหนักพร้อมพกพาอยู่ที่ 15.6
สำหรับผู้ชายอย่างเรา ‘นาฬิกา’ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลาเคลื่อนที่เท่านั้น หากเป็นไอเทมติดข้อมือที่สะท้อนรสนิยมและถ่ายทอดตัวตนของผู้สวมใส่ออกมาได้อย่างลึกซึ้งแทบทุกกระเบียดนิ้ว บริบทของนาฬิกาในปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปและต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง นาฬิกากลายเป็นไอเทมแฟชั่น เป็นของสะสมที่เหล่าคอลเลกเตอร์หลงใหล หรือแม้แต่เป็นสิ่งของที่บอกความภาคภูมิใจและเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ใครอาจยังไม่รู้ แล้วถ้าจะพูดถึงเรือนเวลาที่เดินเข็มบนหน้าปัดประวัติศาสตร์มาหลายช่วงอายุคน คงจะลืมชื่อของ ‘Hamilton (แฮมิลตัน)’ ไปไม่ได้เลย นอกจากได้สมญานามว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำผู้สร้างสรรค์นาฬิกานักบิน (Aviator Watch) แล้ว Hamilton ยังเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาให้กองทัพสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 1914 และได้รับเลือกจากกรมไปรษณีย์กลางสหรัฐฯ ให้ใช้บนเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังนครนิวยอร์กในปี 1919 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้คร่ำหวอดในแวดวงเรือนเวลาอย่างแท้จริง Hamilton เรือนเวลาสุดแกร่งแห่งห้วงประวัติศาสตร์ หากย้อนไปสมัยสงครามโลกที่เทคโนโลยีการทหารยังไม่ได้ก้าวหน้าล้ำสมัยเฉกเช่นปัจจุบัน บวกกับการสื่อสารผ่านวิทยุอาจสุ่มเสี่ยงเกินไป ถูกดักฟัง หรือทำให้แผนการรบรั่วไหลได้ เหล่านักบินในยุคนั้นจึงต้องการนาฬิกาข้อมือที่สามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดแม่นยำ ตั้งแต่เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเล็กลงไปถึงหน่วยเข็มวินาที นาฬิกานักบิน หรือ Aviator Watch จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด นับเป็นเรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยกลไกการเดินเข็มเที่ยงตรงแม่นยำ และเข้ามาตอบสนองทุกความต้องการของกองทัพในตอนนั้น ไม่เพียงช่วยให้ตำแหน่งเป้าหมายชัดเจน การสื่อสารไม่คลาดเคลื่อน และทำให้กลยุทธ์ต่าง ๆ สัมฤทธิ์ผล นาฬิกานักบินยังเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามและเปรียบได้กับวินาทีชี้ตายของนักบิน เพราะการบอกเวลาผิดพลาดเพียงวินาทีเดียวสามารถตัดสินได้เลยว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะหรือปราชัยในสงครามครั้งนี้ ‘Hamilton Khaki Pilot Pioneer
เมื่อภาพยนตร์ James Bond ออกฉายครั้งแรกปี 1962 ตอนนั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าจักรวาลหนังสุภาพบุรุษสายลับจะเดินทางข้ามกาลเวลาและเติบโตมาถึงภาคที่ 25 ได้ แฟนหนังหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นหลานต่างเห็นยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านกับตัวเอกที่เปลี่ยนไป พอรู้ตัวอีกทีเราก็เดินทางมาถึงบทสรุปของสายลับรหัส 007 คนล่าสุดในภาค Bond 25: No Time to Die (2020) เสียแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องบอกลาสายลับคนล่าสุดของจักรวาล James Bond แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์นามว่า Swatch (สวอท์ช) จึงอยากเชิญผู้ชมทุกท่านย้อนความหลังตั้งแต่ Bond 1 จนถึง Bond 25 ผ่านคอลเลกชันเรือนเวลาที่ดึงเอกลักษณ์ของหนัง James Bond ภาคก่อน ๆ ทั้งหมด 6 ภาค พร้อมกับกล่องนาฬิกาดีไซน์เท่ถอดแบบมาจากตลับเทปชวนให้คิดถึง และไฮไลต์เด็ดของคอลเลกชันอย่างเรือนเวลานวัตกรรมล้ำสมัย Q Watch โมเดลรุ่นที่ 7 ออกแบบพิเศษมาเพื่อส่งท้าย Bond 25: No Time to Die โดยเฉพาะ เปิดตัวอย่างงดงามกับตัวอย่างภาพยนตร์ Bond
ไม่น่าเชื่อว่าสังคมโลกในปี 2020 จะกลายเป็นสังคมที่ผู้คนต้องใส่หน้ากาก บางคนอาจใส่เพราะป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่เข้าไปทำร้ายปอด หลายคนตามหาซื้อแมสก์จำนวนมากเพราะต้องการป้องกันตัวเองจากไวรัสโควิด-19 ที่เวลานี้ยังแพร่กระจายในหลายพื้นที่ “ความต้องการซื้อ”ที่เพิ่มขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ทำให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าล้ำค่า หลายคนที่มีแมสก์ในครอบครองก็พยายามเอามาขายโก่งราคา หลายคนเก็บไว้ให้คนในครอบครัว จนหน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าควบคุมในหลายประเทศ เมื่อหน้ากากอนามัยหายาก จึงทำให้กราฟิกดีไซเนอร์นามว่า Justin Cicappara นึกสนุกลองออกแบบหน้ากากอนามัยคุณสมบัติอลังการภายใต้แบรนด์ Apple ดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร โดยได้โมเดลหน้ากากอนามัยมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ iMask, Apple Mask และ Mask Pro ที่มีคุณสมบัติต่างแตกกันโดยให้ผู้ใช้สามารถเลือกตามสถานการณ์ที่เหมาะสม และผลงานของเขาก็สร้างเสียงฮือฮาในโลกโชเชียลได้เป็นอย่างดี iMask โมเดลแรกคือหน้ากากอนามัยที่มีระบบฟิลเตอร์การกรอง 1 ชั้น ตัวหน้ากากอนามัยทำจากวัสดุ Surgical Material ที่วงการแพทย์ใช้อย่างแพร่หลาย หน้ากากมีขนาด 15 นิ้ว มี 5 สี คือสีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีชมพู เปิดอิสระการเลือกสีให้ตรงตามรสนิยม แม้ว่าแมสก์รุ่น iMask จะมีฟิลเตอร์
แทค ฮอยเออร์ (Tag Heuer) รุ่นออเทเวีย (Autavia) นาฬิกาสุดเก๋าที่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในปี ค.ศ. 2017 และในปี ค.ศ.2019 นาฬิการุ่นนี้ได้อวดโฉมอีกครั้งในคอลเลกชั่นเดี่ยว ที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของนาฬิกาต้นแบบซึ่งผลิตในช่วงปี ค.ศ. 1960 ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่ดูเท่ขรึม และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน แรงบันดาลใจจากนาฬิกาต้นแบบซึ่งมีความสำคัญต่อของนักแข่งรถและนักบินในอดีตเป็นอย่างมาก สร้างให้นาฬิกาออเทเวียรุ่นใหม่เป็นเรือนเวลาที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติการบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและแม่นยำ มาพร้อมสไตล์อันคลาสสิกไร้กาลเวลา นาฬิกาออเทเวียใน 7 โมเดลใหม่นี้นำเสนอในรูปแบบสปอร์ต โดยประกอบไปด้วยตัวเรือนสตีล 5 โมเดล และโนเบิลบรอนซ์ 2 โมเดล มาพร้อมสายนาฬิกาที่ผู้สวมใส่สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยกลไกที่ใช้ง่าย โดยสามารถเปลี่ยนจากสายหนังเป็นสายโลหะหรือสายผ้าได้อย่างง่ายดาย นาฬิกาออเทเวียแต่ละเรือนทำงานด้วยกลไกออโตเมติกคาลิเบอร์ 5 ซึ่งได้รับการการันตีจาก COSC (Contrôle Official Suisse des Chronomètres) BRIDGING THE GAP BETWEEN PAST AND FUTURE ออเทเวียถือเป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ในปี ค.ศ.1933-1957 ที่แผงควบคุมการจับเวลา (dashboard) ติดตั้งในห้องควบคุมการบินและรถแข่ง โดยที่มาของชื่อนั้นมาจากคำว่า