รอยสักที่ดูเท่ ความหมายอาจจะไม่เท่อย่างที่คิด
จริงหรือ? ผู้ที่มีรอยสักคือผู้ที่น่ากลัว หรือปัญหามันอยู่ที่จิตใจคนด่า ไม่ใช่คนที่มีรอยสัก
นอกจากเป็นงานศิลปะแล้ว “รอยสัก” ยังมีที่มา และความหมายซุกซ่อนไว้ วันนี้เราจะมาบอกความหมายของรอยสักที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ถึงจะเป็นบริการสุดแปลก แต่ไอเดียก็แจ่มไม่ใช่เล่น
ใครที่ชื่นชอบ และหลงใหลในศิลปะบนเรือนร่างอย่างรอยสัก เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับรอยสักที่ดูน้อย แต่ก็ดึงดูดสายตาได้มาก แบบ Less Is More
จุดกำเนิดก่อนที่จะมาเป็นรอยสักที่เรารู้จักในนาม Old school ในยุคต้นๆ รอยสักแนวนี้ได้ถูกรู้จักในนาม Sailor tattoos จนกระทั่งในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้หญิงในสายตาเราไม่ว่าจะเป็น คนผอม คนอ้วน สูง ต่ำ ผิวขาว หรือผิวคล้ำ ต่างก็มีความสวยด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อพูดถึงช่วงกลางของยุค 2000s ช่วงเวลาที่ซีนดนตรีอันเดอร์กราวด์ Emo / Screamo / Metal เบ่งบานในไทย มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากคุณถามผู้คนที่ทันใช้ชีวิตอยู่ในตอนนั้น แล้วไม่มีใครพูดชื่อ Sweet Mullet ออกมา และการไม่พูดถึงเพลงตอบ / หลับข้ามวัน / เพลงของคนโง่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ตั้งแต่ที่อัลบั้มแรก Light Heavyweight (2007) ของ Sweet Mullet ปล่อยออกมา เวลาก็เลยผ่านมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ผ่านการสร้างความทรงจำต่อวงและแฟนคลับ จนมาถึงปี 2023 คงไม่มีเรื่องไหนสำคัญต่อแฟนคลับและวงเองได้เท่ากับการที่พวกเขาตัดสินใจว่าจะประกาศยุบวงผ่านการหายไปเงียบ ๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโชคดีหรือว่าอะไรก็ตาม การที่เราได้นั่งคุยกับพวกเขาเพื่อเขียนเป็นบทความนี้อยู่ นั่นแสดงว่ามันไม่เกิดขึ้นจริง และพวกเขาไม่ได้หายไป หนำซ้ำเรายังสามารถใช้คำว่า “Sweet Mullet กลับมาแล้ว” ได้อีกด้วย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับการกลับมาของ Sweet Mullet เท่าที่เด็กซึ่งโตในยุค
“ถ้าพูดถึง Content Creator ที่เป็นสาย Prank ของเมืองไทยแบบจริงจัง คุณจะนึกถึงใครเป็นอันดับแรก ?” ย้อนกลับไปเกิน 10 ปีก่อนหน้านี้ ชื่อของ สาระแนโชว์ คงถูกยกขึ้นมาพูดเป็นอันดับต้น ๆ แต่ถ้าช่วงเวลานี้ถ้าไม่พูดถึง ‘โคจอน’ นั้นถือว่าผิด ผู้ชายที่เป็นหนึ่งใน Master Of Prank ที่ทำสายนี้มาเกินกว่า 10 ปีแล้ว เป็นตำนานที่ถึงขนาดถูกเรียกด้วยฉายาว่า ‘ตำนานที่ไม่น่ามีลมหายใจ’ คิดดูว่าถ้าไม่พิเศษจริง ๆ คงไม่ได้ชื่อนี้มาอย่างแน่นอน อีกหนึ่งชื่อเสียงของโคจอนมาจากการเป็นพิธีกรรายการชื่อ The Very Show แต่นั่นก็เป็นอดีตเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ปัจจุบันคุณจะเห็นหน้าของโคจอนปรากฎตัวเป็นคลิปปั่น ๆ โลดแล่นอยู่ทั่วอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะ TikTok หรือ FACEBOOK แถมเขายังได้ไปร่วมงานทำรายการกับ Content Creator สายอาหารเบอร์ต้นของไทยอย่าง Wongnai อีกด้วย แต่คำถามคือ “แล้วโคจอนคือใครล่ะ ?” ตัวตนของโคจอนเป็นปริศนามาเสมอ ไปเสิร์ชดูได้เลยแล้วคุณจะตกใจที่ไม่พบว่าเขาเคยให้สัมภาษณ์เรื่องของตัวเองเท่าไหร่
บางสิ่งที่ดูเหมือนน่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่กลับกลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดที่จะลงมือทำมัน ก็คือการเข้าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าในโอกาสต่าง ๆ นั่นเอง โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันยุคปัจจุบันที่เราใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอของ smartphone หรือแม้กระทั่งใส่หูฟังปิดกั้นโลกภายนอกได้ง่ายขึ้น นั่นยิ่งทำให้การสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ดูจะน้อยถดถอยลงไปทุกที จะว่าไปเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะการที่เดินเข้าไปคุยกับใครสักคนที่ไม่รู้จัก เราจะรู้สึกกังวลว่าอาจจะไม่ได้ผลตอบรับที่ดีกลับมาก็ได้ ซึ่งภาพในหัวของเรามันก็สร้างกำแพงในใจให้เราได้ไม่มากก็น้อย จนเรามักจะตัดปัญหาโดยการไม่ต้องเข้าไปคุยมันซะก็จบเรื่องแล้ว แต่จากการวิจัยล่าสุดที่ปรากฏในเวบไซต์ psychologytoday พบว่ามีไอเดียที่ดีกว่าในการเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าให้มีประสิทธิภาพ ทีมวิจัยได้เชิญอาสาสมัครมาทดลองด้วยการให้เล่นเกมประเภทไล่ล่าทำภารกิจให้สำเร็จเป็นเวลา 2 สัปดาห์ด้วยกัน โดยก่อนการทดลองทีมวิจัยให้บรรดาอาสาสมัครได้ลองทำแบบทดสอบ เช่น พวกเขาจะมีเปอร์เซ็นต์ถูกปฏิเสธจากการสนทนากับคนแปลกหน้ามากน้อยเพียงใด, มีความสามารถในการเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าขนาดไหน, การสนทนากับคนแปลกหน้าสร้างความอึดอัดหรือไม่, จะสนุกกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร เป็นต้น หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการทำแบบทดสอบ นักวิจัยก็ส่งพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจต่าว ๆ ด้วยกัน เพื่อสร้างโอกาสการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสักเล็กน้อย ผลปรากฏว่าผู้ทดลองสามารถทำภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี แถมยังสนุกกับมันอีกด้วย ในช่วงท้ายสัปดาห์ของการทดลอง ทีมวิจัยให้อาสาสมัครทำแบบสอบถามอีกครั้ง เพื่อดูว่าความคิดต่อการสนทนากับคนแปลกหน้าเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพอใจเอามาก ๆ เพราะเหล่าอาสาสมัครพบว่าโอกาสที่จะถูกปฎิเสธจากคนแปลกหน้าที่เข้าไปพูดคุยน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะทีเดียว รู้สึกอึดอัดน้อยลง ซึ่งมันได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขาได้มากยิ่งขึ้น และยังเชื่อว่าสามารถสร้างความประทับใจในเชิงบวกให้กับคู่สนทนาได้ด้วย จากการวิเคราะห์ภารกิจที่ทีมวิจัยได้นำมาใช้ พบว่าเคล็ดลับมาจากการชวนคนอื่นคุยในสิ่งที่เขาสนใจนั่นเอง อย่างเช่นคนที่มีรอยสักนอกร่มผ้า ลึก ๆ แปลว่าคนนั้นมักจะมีความภูมิใจและอยากอวดรอยสักให้คนอื่นได้เห็นอยู่แล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่เข้าไปทักทายเกี่ยวกับเรื่องรอยสัก ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเปิดใจมาพูดคุยกับคุณได้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเจ้าของรองเท้าที่โดดเด่นสวยเตะตา