เราเคยขอบคุณที่โลกให้กำเนิด Air Pod ขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าตอนม้วนเก็บสายหูฟังแล้วพันกัน หรือตอนใช้งานแล้วลุกไปไหนโดยไม่ได้หยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้นทางไปด้วย สายที่เกี่ยวดึงเราไว้ มันน่าหงุดหงิดขนาดไหน ทว่าเอาเข้าจริงพอมาใช้งาน Air Pod ก็ดันมาเจอปัญหาอีกอย่างคือเรื่องแพ็กเกจที่หน้าตาเหมือนที่เก็บไหมขัดฟัน เพราะนอกจากมันจะไม่เท่แล้ว ยังเทอะทะเวลาหยิบเข้า-ออก แต่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้เพราะมันเป็นทั้งที่ชาร์จและที่เก็บเพื่อกัน Air Pod ข้างใดข้างหนึ่งหล่นหาย ปัญหานี้ Apple ไม่ได้แก้! แต่มี AXS บริษัทเทคโนโลยีจากบรุกลินลุกมาพัฒนา “Power1” เคสแบตเตอรี่อัจฉริยะดีไซน์สวยงามที่เก็บ Air Pod ได้อย่างประหยัดพื้นที่ น่าใช้ และที่สำคัญฟังก์ชันการชาร์จก็ยังอยู่ครบครัน เลือกชาร์จได้ระหว่างหูฟังกับสมาร์ทโฟน หรือชาร์จพร้อมกันก็ได้! ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ไก่กาเลยจริง ๆ ดังต่อไปนี้ ดีไซน์ ที่เก็บ Air pod ตามปกติจะแยกชิ้นกับมือถือชัดเจน โอกาสที่จะทำหายจึงสูง แถมค่อนข้างเกะกะ ใช้งานจริงไม่สะดวก แต่เคสชิ้นนี้สร้างที่เก็บสำหรับเสียบไว้ที่มุมเคสทำให้ไม่สะดุดเวลาหยิบใช้งาน ที่สำคัญยังมีระบบแม่เหล็กและที่ปิดล็อกใส จึงมองเห็นได้ทันทีจากด้านนอก ไม่มีลืม ไม่มีหล่น ซึ่งช่องที่เราใช้เก็บ Air Pod นี้ยังทำหน้าที่แท่นชาร์จหูฟังให้เราได้อีกด้วย แบตเตอรี่
หลายคนกล่าวถึงความเลวทรามของโลกอาชญากรรมว่าเป็นสิ่งที่ต่ำตมไร้เกียรติ แต่บางคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกันและคิดว่าอาชญากรรมที่ฉาวโฉ่ก็ซ่อนสิ่งสวยงามที่โรแมนติกเอาไว้ด้วยเช่นกัน รวมถึงโลกสีดำของประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยมาเฟียที่เรียกว่า ยากูซ่า ในครั้งนี้ UNLOCKMEN จะพูดถึงวงโคจรที่ไม่อาจก้าวออกมาได้ของหญิงสาวในโลกสีดำที่เหล่าผู้ชายไม่เคยเห็นหรือเคยนึกถึงมาก่อน โดยเล่าผ่านมุมมองและภาพถ่ายของ Chloe Jafe ช่างภาพสาวผู้สร้างคอลเลกชันรูปถ่ายชื่อว่า “命預けます” หรือ “I Give You My Life” ตามคำนิยามที่เธอเขียน ผู้หญิงไม่สามารถเป็นยากูซ่าได้ ดังนั้นโลกของมาเฟียญี่ปุ่นจึงเต็มไปด้วยผู้ชายเสียส่วนใหญ่ แม้กระนั้นบทบาทหน้าที่ที่ไม่ชัดเจนของเหล่าสตรีในโลกสีดำกลับเต็มไปด้วยความน่าสนใจ บางครั้งผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่เป็นสาวธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นแฟนของยากูซ่าแต่ทำงานอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “Grey Area” หรือพื้นที่สีเทา จำพวกบาร์ ร้านเหล้า โรงแรมที่ต้อนรับกลุ่มยากูซ่า ก็จะได้คลุกคลีและพบเจอกับโลกสีดำอยู่บ่อย ๆ และยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ก้าวผ่านเขตสีเทาไปยังสีดำอย่างเป็นภรรยาของยากูซ่า และสำหรับบางแก๊ง ผู้หญิงเก่งก็ถือเป็นนายหรือสุดยอดปรมาจารย์ที่ชายผู้มีรอยสักให้การยกย่องถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกเรียกว่ายากูซ่าอย่างเป็นทางการก็ตาม เรื่องราวของพวกเธอหลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบ ทำให้ Chloe Jafe ตระหนักว่าหากต้องการรูปถ่ายของพวกผู้หญิงก็จะต้องพบกับหัวหน้าของยากูซ่า เพราะในตามหลักแล้วผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เธอเลือกไม่ได้ว่าเธออยากถูกถ่ายภาพไหม และคนที่ตัดสินใจทุกอย่างคือผู้เป็นสามี แต่มันไม่ง่ายนักที่จะเข้าพบกับบอสใหญ่ ความยากนี้ทำให้เธอเกือบถอดใจเตรียมล้มคอลเลกชันภาพที่อยากทำ แต่แล้ววันหนึ่งในงานเทศกาลมีผู้ชายเดินเข้ามาหาและชวนเธอดื่ม ซึ่งชายคนนั้นคือคนที่ทำให้โปรเจกต์ภาพของเธอขยับเข้าสู่ความสำเร็จอีกขั้น เพราะเขาเป็นทายาทที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของตระกูลยากูซ่าที่ทรงอิทธิพล ชายคนดังกล่าวแนะนำให้ Chloe Jafe รู้จักกับภรรยาของเขา การพบกันในครั้งนี้ทำให้ช่างภาพสาวเริ่มเข้าสู่วงสังคมยากูซ่า เธอพบว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคนลำดับสูงของกลุ่มจะมีบอดี้การ์ดหญิงส่วนตัว และเธอก็ยังได้พูดคุยกับบอดี้การ์ดสาวนามว่า
เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งจะได้เห็นคอลเลกชันพิเศษร่วมกันของแบรนด์เสื้อผ้าดาวรุ่งสัญชาติญี่ปุ่น FACETASM ที่ก่อตั้งโดย Hiromichi Ochiai กับแบรนด์น้ำอัดลมชื่อดังอย่าง Coca-Cola และตอนนี้เราก็เห็นทั้งสองจับมือปล่อยไอเทมเด็ดอีกครั้งทั้งหมด 5 ชิ้นด้วยกัน ไม่ใช่แค่ FACETASM กับ Coca-Cola เท่านั้น แต่การร่วมมือกันในครั้งนี้ยังมี THE CONVENI ที่เรามักจะเห็นแบรนด์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อสตรีตแวร์อย่าง Hiroshi Fujiwara อยู่บ่อยครั้ง ทำให้คาดเดาได้ง่ายขึ้นว่าไอเทมในคอลเลกชันนี้จะมีสไตล์สตรีตปนอยู่ด้วยแน่นอน ไอเทมชิ้นแรกกับเสื้อยืดสีดำที่มาพร้อมกับลายสกรีนสีแดงที่คุ้นเคยของแบรนด์น้ำอัดลม โลโก้ของโค้กอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเสื้อ ด้านบนประทับชื่อแบรนด์ FACETASM ส่วนด้านล่างเป็นของ THE CONVENI ชื่อแบรนด์ที่ประกบทั้ง 2 ด้านคล้ายการล้อมกรอบของ Coca-Cola ประกอบกับการเลือกสีสีแดงและขาวบนพื้นสีดำก็ยิ่งส่งให้ลายสกรีนโดดเด่น น่าสนใจมากขึ้น ชิ้นต่อไปคือรองเท้าแตะยางสีแดงสดแบบเดียวกับกระป๋องน้ำอัดลม ที่ไม่ลืมประทับอักษรสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์อันใหญ่ว่า Coca-Cala ไว้บนแถบคาดหน้ารองเท้าทั้งสองข้าง ส่วนบริเวณพื้นรองเท้าข้างซ้ายและขวาก็น่าสนใจและสะดุดตา เพราะปกติเราเคยชินกับการเห็นอักษรและคำเหมือน ๆ กันทั้งสองข้าง แต่รองเท้าแตะคอลเลกชันนี้ต่างออกไปเนื่องจากดีไซน์ชื่อของแบรนด์เสื้อผ้าทั้งสองที่ต่างรูปแบบกันมาวางไว้บนรองเท้าสุดเท่คู่นี้ ถัดจากรองเท้าก็คงจะหนีไม่พ้นถุงเท้า เพราะทั้งสองคือไอเทมที่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ ก็จะต้องมาคู่กันเสมอ สิ่งที่ทำให้ถุงเท้าคู่นี้แตกต่างจากไอเทมชิ้นอื่น ๆ ในคอลเลกชันพิเศษนี้คือสี เพราะไอเทมชิ้นอื่นมักจะมีสีแดงแซมอยู่แต่สำหรับถุงเท้าจะไม่ใช้สีแดง และมีสีเพียงแค่ขาวกับดำเท่านั้น เพื่อคงสไตล์เรียบง่าย
G-SHOCK แบรนด์นาฬิกาเลื่องชื่อแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยยังคงพยายามเสาะหาสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และนำมันมาปรุงรส เหยาะแรงบันดาลใจ ใส่ความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นนาฬิกาเรือนเด็ดที่ได้ใจผู้ชายหลาย ๆ คน แล้วหนึ่งในรุ่นล่าสุดอย่าง ‘G-SHOCK GA700SK’ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดีไซน์ของตัวเรือนผูกโยงความคลาสสิกและโมเดิร์นเข้าด้วยกัน ออกแบบหน้าปัดเป็นทรงกลมตามรุ่นพิมพ์นิยมของตัวแบรนด์ รอบนอกและสายนาฬิกาห่อหุ้มด้วยเรซินกึ่งโปร่งใสและสีเมทัลลิกทูโทน สะท้อนความอาวองกาค์ (avant-garde) ของโลกอนาคตและกลิ่นอายแอนทีคแห่งยุค 80s ในเวลาเดียวกัน ย้อนไปในปี 1980 เป็นช่วงที่หลากหลายอุตสาหกรรมเริ่มหันมารังสรรค์ผลิตภัณฑ์โปร่งใสเป็นยุคแรก ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา โทรศัพท์ หรือแม้แต่เรือนเวลา เคสด้านนอกที่ขาวโปร่งนั้นทำให้เรามองเห็นเนื้อในของวัสดุได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน G-SHOCK จึงหยิบเรซินกึ่งโปร่งใสที่เคยนิยมในยุคก่อนมาใช้เป็นวัสดุหลักในงานดีไซน์ของเรือนนี้ แถม G-SHOCK GA700SK ยังถอดแบบความแข็งแกร่งมาจากรุ่นพี่ G-SHOCK GA-700 ทำให้มันทนทานและสมบุกสมบันเป็นพิเศษ ด้วย mineral glass วัสดุปกป้องนาฬิกาประจำค่าย G-SHOCK ที่มีศักยภาพเหนือกว่าและใสกว่าวัสดุ acrylic ทำให้ G-SHOCK GA700SK เรือนนี้ทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกระแทก และกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร หน้าปัดขนาด 52.68 มิลลิเมตร ถูกดีไซน์มาให้แสดงเลขเวลาทั้งแบบดิจิทัลและแอนะล็อก
เรื่องการทำความสะอาดบ้านก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้ชายโดนสาว ๆ ก่นด่าเป็นประจำ แม้ปากเธอจะยังไม่ฉีกถึงรูหูดีแต่แค่นี้ก็เพียงพอจะทำลายโสตประสาทและสร้างความรำคาญใจให้เราได้ไม่น้อยเลย จริงไหม? แต่ก็นะ กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ไม่ว่าใครก็อยากพักผ่อนกันทั้งนั้น เกมก็ต้องเล่น บอลก็ต้องเชียร์ ซีรีส์ก็ต้องดู จะให้พวกผมไปเอาเวลาจากไหนมาทำความสะอาดห้องล่ะครับคุณผู้หญิง แม้ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะขี้บ่นจุกจิก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะรักษาความสะอาดมากพอจนทำให้พวกเธอพอใจ ทำให้ในบางครั้งหลายคนมักคิดว่าผู้ชายชาตรีอย่างเราไม่รอบคอบและปราศจากความละเอียดอ่อนจนมองไม่เห็นร่องรอยของสิ่งสกปรก แต่จริง ๆ แล้วศักยภาพในการสังเกตสิ่งปฏิกูลของผู้ชายก็ทำได้ดีไม่แพ้ผู้หญิงเลย ความสามารถในการมองเห็นที่เท่ากัน มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sociological Methods & Research โดยนำผู้ชาย 327 คน และผู้หญิง 295 คน มาประเมินภาพห้องครัวและห้องนั่งเล่นว่าสะอาดหรือสกปรกในระดับใด ผลการสำรวจเผยว่าทั้งสองเพศต่างประเมินระดับความสะอาดและสกปรกได้ในระดับเดียวกัน นั่นแปลว่าผู้ชายเราก็มีดวงตาเฉียบคมทัดเทียมนกเหยี่ยวและทำเรื่องนี้ได้ดีไม่แพ้ผู้หญิง เพราะฉะนั้นที่บอกว่าผู้ชาย ‘ตาบอดต่อสิ่งสกปรก’ คงไม่ใช่เรื่องจริงนัก แต่ความขยันกลับมีไม่เท่ากัน ผลการสำรวจยังระบุว่าผู้หญิงนั้นทำงานบ้านหนักกว่าผู้ชายเสมอ เพราะผู้หญิงจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีต่อวัน ซึ่งครอบคลุมทั้งการปรุงอาหาร ทำความสะอาด และซักรีด ในขณะที่ผู้ชายกลับใช้เวลาในฐานะพ่อบ้านเพียงครึ่งชั่วโมงต่อวันเท่า แม้ในสวีเดนจะมีการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศอย่างหนัก แต่สาวสวีเดนก็ยังทำงานบ้านหนักกว่าผู้ชายถึงสองเท่าอยู่ดี ถูกสังคมตัดสินทั้งคู่แต่ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน จริงอยู่ที่คนในสังคมติดภาพจำของ ‘ผู้ชายสกปรก’ มากกว่า ‘ผู้หญิงสกปรก’
Chevrolet Corvette Stingray 2020 คือบทสรุปของการทดลองใช้เครื่องยนต์วางกลางที่ยาวนานมากว่า 60 ปี คอร์เวทท์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ไม่เพียงสะท้อนความยิ่งใหญ่ด้านสมรรถนะที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาจากเจนเนอเรชั่นที่ 7 เท่านั้น แต่ยังรวมกับบทเรียนที่ได้จากโครงการพัฒนาระบบวิศวกรรมในอดีต อาทิ รถยนต์เพื่อการวิจัยของเชฟโรเลตหรือ CERV ทั้งสามรุ่น (Chevrolet Experimental Research Vehicles) แอโรเวทท์ (Aerovette) และรถต้นแบบรุ่นอื่น ๆ โซรา อาร์คัส-ดันตอฟ ผู้ซึ่งได้รับการขนามนามว่าเป็นบิดาของคอร์เวทท์ ได้พบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางครั้งแรกตั้งแต่เขายังหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถแข่ง Auto Union Types C และ D Grand Prix ดันตอฟมีความรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบขับเคลื่อนรถยนต์ เขาปรารถนาที่จะเป็นนักแข่งรถและที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมยานยนต์และการบิน เขาเข้ามาทำงานกับจีเอ็มเนื่องจากมีความหลงใหลในรถต้นแบบ คอร์เวทท์ รุ่นแรก ซึ่งเขาเห็นที่งานโมโตรามา ปี 1953 ในโรงแรมวอร์ดอล์ฟ แอสโตเรีย มหานครนิวยอร์ก ดันตอฟเริ่มต้นทำงานกับจีเอ็ม ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1953
ท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนใครว่ามีแต่อุปสรรค ตรงกันข้ามในช่วงที่สายฝนโปรยปรายกลับทำให้นึกถึงธรรมชาติเขียวชอุ่ม ทะเลหมอกหนาลอยฟุ้ง รวมถึงอากาศที่เย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อซึบซับบรรยากาศสุดรีแลกซ์ แต่จะไปท่องเที่ยวให้ร่างกายได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติทั้งที ก็ไม่อยากให้คุณพลาดการถ่ายรูปสวย ๆ วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ “5 เทคนิคง่าย ๆ ถ่ายภาพสไตล์มุมกว้าง” เพื่อบันทึกช่วงเวลาแห่งความประทับใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำในมุมกว้างผ่านเลนส์ Ultra Wide 123 องศา เปิดประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนให้เหมือนกับการใช้กล้องโปรแบบมืออาชีพ คนเล็กในภาพกว้าง ให้คนยืนอยู่กลางภาพ ตั้งสมาร์ทโฟนให้อยู่ระดับกลางลำตัวแล้วเงยขึ้นเล็กน้อย จะช่วยให้เก็บภาพเบื้องหลังได้กว้างขึ้น เหมาะกับการถ่ายในอควาเรียมหรือถ่ายติดท้องฟ้า เพราะภาพที่ออกมาจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่ มองโลกแบบมุมตามด ลองถ่ายภาพในมุมมองใหม่ ๆ ให้เหมือนมดตัวน้อย ด้วยการวางสมาร์ทโฟนให้ติดพื้น เงยขึ้นเล็กน้อยโดยให้วัตถุที่ต้องการถ่ายอยู่ตรงกลางภาพ เพียงเท่านี้ก็จะได้ภาพแบบมุมมองของมดที่มองสูงขึ้นไป ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มากขึ้น จัดวาง Perspective ไม่ยากอย่างที่คิด ในการถ่าย Portrait ทั่วไปนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคลพร้อมฉากหลังเป็นวิวทิวทัศน์หรือถ่ายเจาะจงตัวบุคคลก็ได้ แต่ถ้าอยากได้มุมมองใหม่ ๆ ให้ลองใช้เส้นนำสายตาจากขอบภาพไปสู่จุดศูนย์กลางของภาพ เหมาะกับการถ่ายบนสะพานหรือถนน เพื่อให้เห็นความลึกที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ภาพมุมสูง สวยจนต้องสตั๊น ถึงเราจะบินอย่างนกไม่ได้ แต่เราสามารถถ่ายภาพจากมุมสูงในระนาบเดียวกับนกได้ โดยเทคนิคนี้คนถ่ายต้องอยู่สูงกว่าตัวแบบหรือวัตถุที่ต้องการถ่าย
กระแสของเรื่องราวของดาราศาสตร์ อวกาศกับดวงดาว เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอยู่เป็นระยะ แถมในช่วงนี้องค์การอวกาศชื่อดังอย่าง NASA ก็กลับมามีบทบาทในสื่ออีกครั้งกับการครบรอบ 50 ปี ของการขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษยชาติ และเมื่อพูดถึงอวกาศ ก็จะต้องนึกถึงบรรยากาศไร้แรงโน้มถ่วงนอกโลกกับสีดำสุดลูกหูลูกตาที่ยิ่งทำให้เคว้งคว้างกว่าเดิม ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้ UNLOCKMEN เลือกหนังเกี่ยวกับอวกาศ 5 เรื่อง ที่ทั้งเศร้า เหงา หว่อง ไปจนถึงงุนงงมาให้ทุกคนได้ดูกันว่าชีวิตของเราในตอนนี้กับตัวละครในหนังใครจะเหงากว่ากัน The Martian (2015) ในขณะที่กลุ่มนักบินอวกาศกำลังสำรวจบนดาวอังคาร แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างพายุที่อาจสร้างความเสียหายให้กับยานจึงต้องยกเลิกภารกิจ ระหว่างการอพยพ Mark ถูกชิ้นส่วนของยานกระแทกจนกระเด็นออกห่างจากคนอื่นและทางยานก็ไม่พบสัญญาณชีพของเขา จึงต้องยกเลิกการค้นหาตัวเขาพร้อมนำยานออกจากดาวอังคาร แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ Mark ยังไม่ตาย Mark พาตัวเองไปยังศูนย์อาศัยไร้คนบนดาวอังคาร เขาตรวจสอบข้อมูลและพบว่ามนุษย์จะกลับมาที่ดาวอีกครั้งในอีก 4 ปี แต่เขามีอาหารที่จะประทังชีพเพียงแค่ 300 วัน ทำให้เขาต้องดึงความรู้เรื่องของพฤกษศาสตร์มาใช้ดำรงชีพพร้อมกับความรู้ทางวิศวกรรมเพื่อดัดแปลงรถ เครื่องยนต์ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้นานที่สุด ในขณะที่โลกก็ทราบถึงการมีชีวิตของเขาและหาทางช่วยเหลือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ The Martian (2015) เป็นผลงานกำกับของ Ridley Scott นำแสดงโดย Matt Damon และเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ‘การแข่งขัน’ กับ ‘วงการดนตรี’ ล้วนแล้วแต่อยู่คู่กันมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะแข่งบนเวทีประกวด, แข่งกันทำเพลงให้ฮิตติดชาร์ต, แข่งยอดวิวบน Youtube จนมาถึงแข่งยอด Streaming อย่างในปัจจุบัน ไหนจะบรรดานักวิจารณ์ที่ขยันออกมาตีตรางานเพลงกันเป็นว่าเล่น ใครโชคดีก็ถูกยกยอ หากโชคร้ายก็ถูกสาปจนยับเยิน ฟังดูอาจจะไม่ยุติธรรม เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรวัดสิ่งนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ศิลปินแทบทุกคนต้องพบเจอ SOMKIAT (สมเกียรติ) 5 หนุ่มอินดี้อารมณ์ดีวงนี้ก็เช่นกัน ทั้ง โบ๊ท (ร้องนำ), บอส (กีตาร์), นนท์ (กีตาร์), นัท (เบส) และ ยิ้ม (กลอง) ก้าวแรกในวงการเพลงของพวกเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นก็คือการแข่งขัน Coke Music Awards ปี 2010 ถึงจะได้รางวัลชนะเลิศ แต่กว่าจะได้ออกซิงเกิลแรกกับค่าย Smallroom ก็ผ่านไปแล้วถึง 2 ปีให้หลัง วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนคุณ มาย้อนรอยเส้นทางสายดนตรีที่ไม่เรียบง่ายของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน จากวงดนตรีนักศึกษาบนเวทีประกวด สู่ศิลปินมืออาชีพในค่ายอินดี้แถวหน้าของเมืองไทย พวกเขายังต้องแข่งอะไรอีกบ้างจนถึงทุกวันนี้