แฟรงค์ มุลเลอร์ (Franck Muller) ร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีของ คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch) ที่ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงสูงสุดแห่งวงการการค้าปลีกนาฬิกาของสิงคโปร์ด้วยซีรีส์ผลงานเรือนเวลาเฉลิมฉลองสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะเพียงหนึ่งเดียว โดยผู้ผลิตที่ได้รับการขนามนามว่า มาสเตอร์ ออฟ คอมพลิเคชันส (Master of Complications) รายนี้ ได้เผยโฉมคอลเลกชันอันวิจิตรประณีตของการรังสรรค์เรือนเวลาเฉพาะหนึ่งเดียว (pièce unique) ขึ้นใหม่ทั้งหมดห้าผลงานจากแนวคิดของนาฬิกาสลับซับซ้อนรุ่น เรโวลูชัน 3 สเกเลตัน (Revolution 3 Skeleton) ของ แฟรงค์ มุลเลอร์ ที่นำมาสร้างสรรค์ขึ้นพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี (Golden Jubilee) ของ คอร์ติน่า วอทช์ ในปีนี้ นาฬิกา เรโวลูชัน 3 สเกเลตัน ทั้งห้ารุ่นผลงานเอกลักษณ์ ที่ล้วนรังสรรค์ขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อนโดยเหล่าศิลปินช่างระดับมาสเตอร์ ณ โรงงานการผลิต วอทช์แลนด์ (Watchland) ในเจนีวา ซึ่งแต่ละผลงานนั้นได้ร่วมรำลึกถึงมรดกแห่งสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่าง
ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสของเพลงร็อกเริ่มจะกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากวงอย่าง Three Man Down ก็เพิ่งปรับเปลี่ยนสไตล์มาเป็นป๊อปพังก์ในเพลง “น้อง” ส่วนอีกหนึ่งวงที่ภาพของความเป็นร็อกชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้นคือ Paper Planes พวกเขาเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ช่วยปลุกกระแสเพลงร็อก ไล่มาตั้งแต่เพลง “เสแสร้ง” จนมาถึง “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ที่กลายเป็นผลงานสร้างไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมือง ฮิตถึงขนาดเด็กอนุบาลยังต้องแหกปากร้องเพลงตาม และเพื่อไม่ให้เป็นการหลุดขอบตกกระแส Unlockmen เลยพาทุกคนมาพูดคุยกับ 2 สมาชิกของ Paper Planes ได้แก่ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ และ เซน-นครินทร์ ขุนภักดี ณ Kandee Studio ของ “อ๊อฟ Big Ass” ซะเลย “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ซิงเกิ้ล “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ถูกเผยแพร่ให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2022 มันใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนก็สามารถทำยอดวิวใน Youtube ได้สูงถึง 22
คนอื่นอาจมองไปไม่รู้ว่ามันพิเศษแค่ไหน แต่สำหรับนักสะสมและชาว Bimmers อาจจะรู้ว่านี่คือสุดยอดของแรร์หายาก 1987 BMW Alpina B7 Turbo Coupe/1 เป็นรถที่ Alpina นำ BMW 6 Series มาทำ full conversion เป็นครั้งแรก จากจำนวน Alpina B7 Turbo Coupe ทั้งหมดสร้างขึ้นมา 130 คัน มีเพียงแค่ 20 คันในโลกที่ได้ติดตั้ง catalytic converters และมีชื่อรหัสแยกย่อยไปเป็น B7 Turbo Coupé/1 Katalysator Alpina B7 Turbo Coupe/1 Katalysator สามารถรีดแรงม้าจากเครื่องยนต์ 3.5-liter turbocharged จาก 630 CS E24 ให้ได้ output มากถึง 324 แรงม้า
ช่วงนี้ใครที่ได้ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย อาจจะได้พบเจอข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตของดนตรีสายฮาร์ดคอร์ที่ไปเล่นสดใจกลางสยามสแควร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้หลายคนตกใจกับวัฒนธรรมการ “มอชพิต (Mosh Pit)” ของเหล่าคนผู้ชมที่ดูรุนแรง ดุเดือด ราวกับคนยกพวกตีกัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง ซึ่งโดยมากไปในทิศทางเชิงลบ ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเนื่องจากมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยคำถามที่เกิดขึ้นหลัก ๆ เลยมันเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” โดยตรง งานนี้ทาง Unlockmen เลยอยากจะมาช่วยขยายความการมอชพิตเพิ่มขึ้นซักหน่อย ว่ามันอันตรายจริงหรือไม่? ซึ่งในปัจจุบันการละเล่นในวงมอชพิตที่พบได้บ่อยประกอบไปด้วย TACKLE วัฒนธรรมการมอชพิตมีรากเหง้ามาจากซีนดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ยุค 80’s (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทาง : unlockmen.com/mosh-pit-history) และสำหรับการละเล่นแบบเบสิคสุด ๆ ที่แม้ไม่ใช่คอนเสิร์ตวงฮาร์ดคอร์หรือเมทัล ก็สามารถพบเห็นได้จากคอนเสิร์ตวงร็อกทั่ว ๆ ไป นั่นคือการ “Tackle” หรือการ “แท็ค” กัน “Tackle” การเล่นของมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย มันแค่เป็นการเอาหัวไหล่วิ่งไปชนอีกคนอย่างสนุกสนาน แทบจะไม่มีความอันตรายแต่อย่างใด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั่นเอง CIRCLE PIT หากคุณเคยชินกับการเดินเวียนเทียน การเล่น “Circle Pit” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ระหว่างที่เขียนคอลัมน์นี้อยู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Milli (ดนุภา คณาธีรกุล) ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สตรีผู้เป็นแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลจากทั่วโลก ประจำปี 2022 จากสำนักข่าว BBC โอ้มายก็อดส์! ความรู้สึกเดียวที่เรามีให้เลยคือ ‘ยินดีด้วย’ เพราะตลอดการเดินทางของแร็ปเปอร์คนนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊ค จะเป็นการแสดงสดที่เทศกาลดนตรี Cochella หรือการได้ร่วมงานกับค่าย 88 Rising ผงาดพลัง Asia Power สู่เวทีโลก ล้วนสะท้อนภาพความพยายามอย่างหนักทั้งนั้น และอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ ‘BABB BUM BUM (แบบเบิ้มเบิ้ม)’ ภายใต้สังกัด Yupp ก็เป็นอีกผลงานที่เต็มเปี่ยมด้วยความพยายาม ภายใต้อัลบั้มที่มีพาร์ทดนตรีสุดปั่น และไรห์มสุดยียวน นี่คืออัลบั้มที่ศิลปินผู้รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี และรู้ว่าเพลงของตัวเองสามารถเป็นอะไรได้บ้างโดยไม่ทำให้เสียเอกลักษณ์ตัวตนแม้แต่น้อย และมันไม่ใช่เพราะว่า Genre ของ Hip-Hop ที่อนุญาตให้ดนตรีหลากหลายด้วยนะ แต่ Milli ทำให้เพลงทั้ง 10 อัลบั้มเป็นเรื่องราวของตัวเองจริง ๆ สำหรับเราในวันนี้ Milli ได้กลายเป็นตัวละครเอกของมังงะชีวิตที่ตัวเองเขียนไปแล้ว เป็นตัวละครที่บ้าพลัง มุทะลุชนทุกกำแพง และแม้จะย่อท้อก็สามารถลุกขึ้นมาร้องเพลงใหม่ได้เสมอ
กิจกรรมในช่วงวันหยุดเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งส่วนมากต้องเจอกับคนปริมาณมหาศาลที่แห่กันไปเที่ยวจนทำให้วันหยุดของเราดูจะไม่น่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่ จนบางครั้งก็ทำให้เราหงุดหงิดจากปัญหารถติดที่ตามมาหลอกหลอนไม่แพ้วันทำงานเช่นกัน และเพื่อแก้ไขอาการเบื่อตอนรถติด Unlockmen เลยจัดเพลย์ลิสต์มันส์ ๆ จากวงร็อกนอกกระแสมาให้ทุกคนได้ฟังกันเพลิน ๆ ยามอยู่หลังพวงมาลัย HAREM BELLE “หมาป่าเดียวดาย (LONE WOLF)” Harem Belle วงดนตรีที่เติบโตมาจากยุคอีโม เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากโปรเจกต์ Do It Or Die ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาก็ยังคงผลิตผลงานเพลงภายใต้สังกัด Vom Records อยู่ โดยล่าสุดพวกเขาเพิ่งมีซิงเกิ้ล “หมาป่าเดียวดาย (Lone Wolf)” ออกมาให้ฟัง ซึ่งมาสไตล์โพสต์ฮาร์ดคอร์อันดุดัน เป็นการกลับไปเล่นซาวด์หนัก ๆ แบบที่หลายคนคิดถึงอีกครั้ง นอกจากนั้นเนื้อหาของเพลงนี้ยังส่งต่อกำลังใจในวันที่ต้องเจอกับปัญหาหนัก ๆ ด้วย หากเราเชื่อมั่นในตัวเองสุดท้ายแล้วมันจะผ่านพ้นไปได้ BOMB AT TRACK “ช่วงเปลี่ยนผ่าน (COMING OF AGE)” ผลงานเพลงส่งท้ายจากอัลบั้ม “Bomb The System” ของ Bomb
สำหรับนักสะสม McLaren P1 น่าจะเป็น sports car ที่ทั้งแรงและแพงสะใจ แต่ถ้าคุณต้องการความแรงที่พิเศษมากกว่า สำนัก Lanzante มีรุ่นพิเศษยิ่งกว่า นั่นคือการนำ McLaren P1 GTR รถแข่งแบบ track-only มาปรับแต่งให้กลายเป็นรถบ้านที่ขับแบบ road-legal ได้ McLaren P1 GTR-spec ถูกผลิตออกมาเพื่อลงแข่งในสนาม มีจำนวนทั้งหมด 58 คันในโลก ขุมพลัง 986 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 3.8-liter V8 twin-turbocharged พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 2.8 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเกือบ 350 km/h แถมยังมีน้ำหนักตัวเบากว่า P1 รถบ้านถึง 50kg จากการถอดสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในห้องโดยสารทิ้งไป การนำรถแข่ง track-only มาดัดแปลงใหม่ให้เป็น road-legal โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน กระจกข้าง
Zero To Hero เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ไนซ์ – ปิ่นพงศ์ ขุนกัน” หรือ AKA : NICECNX แร็ปเปอร์หนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของซิงเกิ้ลฮิต “หลอก” ที่ปัจจุบันมียอดเข้าชม MV มากถึง 111 ล้านวิว แถมยังเคยผ่านเวที Show Me The Money มาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ NICECNX ยังถูกเรียกไปแจมกับศิลปินอีกหลาย ๆ คน เช่น มิว ศุภศิษฏ์, แกงส้ม, Lipta เป็นต้น แต่กว่าที่ NICECNX จะก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ เขาก็ต้องพบจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตอะไรหลาย ๆ อย่างที่ค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลง จนกลายมาเป็นประสบการณ์ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต เรามาดูกันดีกว่าว่าชีวิตของ NICECNX พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบไหนกันบ้าง เปลี่ยนจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพ NICECNX อย่างที่เราเกริ่นไว้แล้วว่าเจ้าตัวคือเด็กเชียงใหม่ เขาเติบโตมาพร้อมกับความสนใจในเรื่องแฟชั่น และคลุกคลีกับซีนดนตรีที่หลากหลายทั้งร็อก, อินดี้ รวมไปถึงฮิปฮอปกับกลุ่ม 8GARAD ที่มีเพื่อนแร็ปเปอร์อย่าง
ว่ากันว่าการทำการค้าขายหากจะประสบความสำเร็จก็ควรจะต้องทำการ “Research” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการวางแผน เช่นเดียวกับการทำค่ายเพลง ในบางครั้งก็มีการทำอัลบั้มรวมศิลปินเพื่อดูกระแสว่าวงไหนควรจะได้ไปต่อ และตัวอย่างอีกหนึ่งเคสที่ชัดเจนที่สุดคือ “Showroom Vol.1” ของ genie records ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2004 อัดแน่นไว้ทั้งหมด 7 วง ประกอบไปด้วย DAY TRIPPER วงดนตรีแนวบริตป๊อป ที่มี 2 สมาชิกดูโอ้คือ “อู” และ “ทวน” พวกเขาได้ชื่อวงมาจากเพลงของ The Beatles สำหรับผลงานที่ฝากไว้ใน “Showroom Vol.1” มีด้วยกัน 2 เพลงคือ “อยากอยู่ตรงนี้ตลอดไป” และ “คนที่คุณเฝ้ารอ” โดยทั้ง 2 เพลงมีโทนที่แตกต่างกัน เพลงแรกจะมาในอารมณ์ของความเศร้าหมอง ส่วนเพลงที่ 2 จะอยู่ในอารมณ์ของความสดใส หลังจากผลงานดังกล่าว Day Tripper ก็มีอัลบั้มออกมาอีก 2 ชุดได้แก่ “The Day Tripper” (2005) และ “Guilty”