‘เบียร์’ คือเครื่องดื่มที่อยู่คู่มนุษย์มาเนิ่นนาน เป็นเครื่องดื่มที่เราดื่มกันอยู่แทบทุกวัน ไม่ว่าวันเกิด วันสุข วันเพื่อน วันเหงา วันพิเศษ ปีใหม่ ตรุษจีน จะวันไหน ๆ เราก็สดชื่นได้ด้วยเบียร์เย็น ๆ และเมื่อวันสำคัญแบบนี้เวียนมาบรรจบทั้งที UNLOCKMEN ก็ไม่พลาดที่จะรวบรวมร้านเบียร์สุดชิลมาแนะนำกับ 10 ร้านคราฟต์เบียร์ที่คอเบียร์ไม่ควรพลาด ส่วนใครมีร้านเจ๋ง ๆ มาแชร์อีก เรายินดีไปเป็นเพื่อนร่วมทาง Hair of the Dog ร้านคราฟต์เบียร์เล็ก ๆ ใจกลางเมืองที่ตัวร้านมาในบรรยากาศของโรงพยาบาลร้าง แสงนีออนสีม่วงแดงของร้านให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ถึงแม้ว่าขนาดของร้านจะเล็กแต่คุณภาพเรื่องเบียร์ของที่นี่ไม่เล็กตามไปด้วย เพราะที่นี่มีเบียร์คราฟต์ให้เลือกดื่มได้ถึง 13 แท็ป นอกจากนั้นยังมีเบียร์ขวดจากต่างประเทศอีกมากมายแช่เย็นอยู่ในตู้พร้อมเสิร์ฟ และนอกจากเบียร์รสชาติดีแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะได้จาก Hair of the Dog คือมิตรภาพ เนื่องจากขนาดร้านที่ค่อนข้างเล็กและคอนเซ็ปต์ร้านที่มีความเป็นสากลจึงทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณจะเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าในร้าน หรือพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเบียร์ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงแต่อย่างใด Location: Mahatun Plaza, 2nd Floor, 888/26 Ploenchit Road, Lumpini, Patumwan, Bangkok Open: 5.00 pm
ไม่มีอะไรจะเข้ากันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากไปกว่าอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยิ่งหลังเลิกงานมาเหนื่อย ๆ สองสิ่งนี้ช่วยเยียวยากายและใจได้อย่างดี ต้องเป็นที่บาร์ญี่ปุ่นแท้ ๆ เท่านั้นด้วยจึงจะได้บรรยากาศ และท่ามกลางบาร์สไตล์ญี่ปุ่นมากมายในกรุงเทพ วันนี้ UNLOCKMEN ขอเลือกมาแนะนำทั้งหมด 5 ร้านด้วยกัน ซึ่งบรรยากาศภายในแต่ละร้านถ้าไม่บอกว่าอยู่ในกรุงเทพนี่ดูไม่ออกแน่นอน เพราะกลิ่นอายแดนอาทิตย์อุทัยมาเต็มเหลือเกิน Salon du Japonisant ประตูไม้บานเล็ก ๆ ข้างกำแพงสีดำตระหง่านคือสิ่งที่คั่นกลางระหว่างบรรยากาศเมืองแสนวุ่นวายกับความเงียบสงบสไตล์ญี่ปุ่น เมื่อเราผลักประตูเข้าไปก็จะพบกับบาร์ไม้เล็ก ๆ อวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น และมีความเป็นส่วนตัวเต็มที่เนื่องจาก Salon du Japonisant รองรับลูกค้าได้ไม่เกิน 10 คน หลังจากหย่อนตัวลงนั่งคุณก็สามารถผ่อนคลายกับเครื่องดื่มนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น Whiskey, Sake, Cocktail, Umeshu ฯลฯ ผ่านการรังสรรค์จากบาร์เทนเดอร์ยอดฝีมือที่ทำให้เครื่องดื่มแต่ละแก้วนั้นเปรียบได้กับงานศิลปะ ยิ่งได้รับประทานอาหารญี่ปุ่นรสดั้งเดิมยิ่งเข้ากันเป็นอย่างดี ผู้ชายคนไหนที่กำลังหาที่สงบ ๆ เพื่อผ่อนคลาย หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน Salon du Japonisant ตอบโจทย์คุณแน่นอน Location: 36/5 Soi Sukhumvit 39 Sukhumvit Rd., Klongton Nua, Wattana, Bangkok
หลังออกกำลังกายเสร็จหมาด ๆ จนเหงื่อโชก อะไรจะเรียกความสดชื่นของผู้ชายอย่างเราได้ดีกว่าเกลือแร่แช่เย็นเจี๊ยบดับกระหาย พวกเราคงเคยคิดแบบนี้ใช่ไหม แต่มันอาจเป็นเพราะบ้านเราไม่มีใครลองกินเบียร์ไร้แอลกอฮอล์มากกว่า เพราะเมืองเบียร์เขาออกมายืนยันตอนช่วงโอลิมปิกหน้าหนาวว่า “กินเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ คือที่สุดของการฟื้นฟูร่างกายนักกีฬาจริง ๆ ไม่ได้โม้” ไม่รู้ว่าเพราะเป็นประเทศที่กินเบียร์ต่างน้ำกันเป็นปกติหรือเปล่า ทำให้การสรรหาเครื่องดื่มให้นักกีฬาของชาตินี้ต่างจากชาติอื่น ถ้ายังจำกันได้โอลิมปิกที่จัดที่เมือง Pyeongchang ประเทศเกาหลีใต้ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา ประเทศเยอรมนีใช้วิธีดูแลนักกีฬาด้วยเครื่องดื่มประจำชาติอย่าง “เบียร์” แต่เลือกที่เป็นแบบไร้แอลกอฮอล์มาให้ดื่มกันทั้งระหว่างการฝึกและหลังการแข่งสิ้นสุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาน่าทึ่ง เนื่องจากประเทศเยอรมนีไม่เพียงได้ที่ 2 จากการกวาดคะแนนรวมการแข่งขัน ที่สำคัญยังได้รับเหรียญทองเทียบเท่ากับแชมป์อย่างนอร์เวย์ถึง 14 เหรียญทองเชียว Johannes Scherr แพทย์ประจำทีมสกีในโอลิมปิกนำวิธีนี้มาใช้โดยได้แรงบันดาลใจมาจากข้อมูลผลการศึกษาของบริษัทกลั่นเบียร์ที่จัดทำขึ้นเพื่อพิสูจน์ในรูปแบบ Double-blind หรือการพิสูจน์โดยไม่บอกผู้ทดลอง โดยนำเบียร์ให้นักวิ่งมาราธอนดื่มทุกวันต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ก่อนการแข่งและ 2 สัปดาห์หลังการแข่งขัน ผลปรากฎว่านักวิ่งที่ดื่มเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ มีอาการอักเสบน้อยกว่านักวิ่งที่ได้รับยาหลอก (ยาที่ทำจากแป้งแต่ไม่ได้มีสรรพคุณทางจริง คนนิยมใช้เพื่อทดสอบกระตุ้นให้ผู้กินรู้สึกว่าได้รับการรักษา) นอกจากผลการศึกษานี้แล้วยังมีผลวิจัยของ Chilean หนึ่งในนักวิจัยที่ศึกษาด้านโภชนาการช่วยการันตีถึงประโยชน์ของมัน เพราะเขาว่าการดื่มเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ ก่อนการออกกำลังกายช่วยให้นักกีฬาฟุตบอลช่วยรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายได้ด้วย ถอดรหัสทำไมในเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ถึงดีกับร่างกาย เมื่อติดตามผลกันให้ลึกซึ้งแล้วมันมีเหตุผลมากกว่าการสุ่มกินสุ่มทดสอบหรือหลักการตลาดที่เผยออกมาเพื่อเรียกแขกเท่านั้น เนื่องจากเบียร์ประกอบขึ้นจากวัตถุดิบสำคัญที่มีประโยชน์กับร่างกาย ตั้งแต่ Hops ดอกไม้ที่เป็นต้นทางของรสชาติขมที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรควิตกกังวล นอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย
ยิ่งใกล้วันศุกร์ทีไร ร่างกายมันเรียกร้องอยากจะได้แอลกอฮอล์ไหลเข้ากระแสเลือด แต่งานเจ้ากรรมไม่เอื้ออำนวยให้ขยับตัวไปไหน ถ้าหยิบมาซดในออฟฟิศได้ก็คงทำไปแล้ว ถ้าคุณเป็นแบบนั้นเราคือเพื่อนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเอาซะเลย UNLOCKMEN ขอเสนอสิ่งดี ๆ จาก SUNTORY ที่ให้เราดื่มเบียร์ได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยเบียร์ที่มาในรูปแบบของน้ำเปล่า งงไม่งง ถ้างงลองมาอ่านไปพร้อม ๆ กัน วันไหนที่โหยหาความผ่อนคลาย ก็อยากจะเอ็นจอยกับรสขมนุ่มลึกของเบียร์มันซะเวลางานให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนมากในหลาย ๆ ออฟฟิศ การดื่มแอลกอฮอล์ในเวลางานยังคงไม่ใช่พฤติกรรมที่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ ไม่ต้องหงอยไปหนุ่ม ๆ ล่าสุด Suntory แบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จาก โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ได้หาทางออกให้กับพวกเราชาวออฟฟิศแล้วด้วยเบียร์ All-Free ก็คือเบียร์ที่ใสปิ๊งเหมือนน้ำเปล่า ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแคลอรี่ แต่ยังคงมีรสชาติเหมือนเบียร์อยู่เหมือนเดิม บรรจุใจกระป๋องและขวดแก้ว ความเจ๋งคือมันให้รสสัมผัสเหมือนกับการดื่มเบียร์จริง ๆ แต่ว่าไม่เมาเท่านั้นเอง (เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ไงล่ะ) ถึงอย่างงั้น Suntory รู้ว่าต่อให้มันใสเหมือนน้ำเปล่าก็จริง แต่ถ้าบรรจุภัณฑ์ยังใกล้เคียงกับเบียร์อยู่ ก็อาจจะทำให้เรายังรู้สึกถูกจับตามองได้ง่ายอยู่ดี ถ้าเกิดหยิบขึ้นมาดับกระหายในเวลางาน พวกเขาจึงออกบรรจุภัณฑ์มาใหม่ เรียกว่า All-Free All-Time ที่มาในรูปแบบของขวดพลาสติก ยิ่งทำให้มันเหมือนเครื่องดื่มทั่วไปมากขึ้นนั่นเอง เพื่อตอบสนองวิถีแห่งมนุษย์ออฟฟิศใจกล้าที่อยากจะซดเบียร์มันในออฟฟิศ แถมยังในเวลางานได้แบบเนียน ๆ อย่างไรก็ดี ถ้าสังเกตกันดี ๆ บนขวดเองก็ยังมีรวงข้าวเหลืองอร่าม
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พิซซ่าต้องมาคู่กับเบียร์ แต่ผู้ชายอย่างเราก็รู้ดีว่า เฮ้ย เมื่อไหร่สั่งพิซซ่ามากินที่บ้านมันต้องมีเบียร์ฉ่ำ ๆ ในตู้เย็นรอให้กระดกคู่กัน ยิ่งคืนไหนมีบอลคู่ที่เราเชียร์ขาดใจแล้วมีพิซซ่าให้สวาปามและมีเบียร์ให้ดื่มตามนี่แม่งฟินยิ่งกว่าอะไร แต่ติดนิดเดียวที่บางทีก็ต้องสั่งพิซซ่ามา แล้วก็เดินลากแตะไปซื้อเบียร์จากร้านชำข้างบ้าน ลำบากลำบนจนขี้เกียจไปเลยก็มี แต่ปัญหานี้กำลังจะหมดไปเมื่อผู้จำหน่ายพิซซ่ารายใหญ่อย่าง Pizza Hut ประกาศทดลองส่งตรงเบียร์ให้ถึงประตูบ้านลูกค้า! แต่ก่อนจะเข้าไปดูการปรับปรุงธุรกิจครั้งสำคัญของ Pizza Hut ผู้ชายอย่างเราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมพิซซ่าถึงต้องมาคู่กับเบียร์ ? เพื่อให้เอาไปแชร์ข้อมูลกับคนอื่นในวงพิซซ่าครั้งหน้าได้อย่างคูล ๆ เรามารู้จักวัฒนธรรมแห่งการกินพิซซ่าคู่กับเบียร์กันก่อน แรกสุดเราอาจจะคิดว่า เฮ้ย พิซซ่าที่เป็นอาหารอิตตาเลียนน่าจะเข้ากับการจิบไวน์มากกว่าสิ เพราะปกติการจับคู่ไวน์กับชีสก็ดูเข้ากันดีเหลือเกินอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป เพราะกระบวนการ carbonation ของเบียร์สร้างความเป็นกรดอ่อน ๆ ที่ยกไขมันออกจากชีส ดังนั้นรสชาติขม ๆ ของเบียร์ที่ตัดผ่านเลเยอร์ของชีสจะสร้างความผสมผสานสุดเพลิดเพลินให้ชีวิตลูกผู้ชายอย่างเราได้แบบลืมไม่ลง ความลงตัวระหว่างพิซซ่าและเบียร์ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะยีสต์ในเบียร์และยีสต์ในแป้งพิซซ่าแล้วให้ความกลมกล่อมเข้ากันได้ดีมาก ๆ เพราะรู้ว่าเบียร์กับพิซซ่าไปกันได้ดีระดับนี้ Pizza Hut ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจหลุดลอยไป ดังนั้น Pizza Hut เลยเริ่มการบริการส่งเบียร์มากกว่า 100 ที่ทั่ว Arizona และ California ในสหรัฐอเมริกา โดยเหตุผลหลักที่ Yum
เดือนแห่งความรักทั้งที แต่ไม่มีความรักกับเขาบ้าง ถ้าคนมันทำให้เสียใจ UNLOCKMEN ขอแนะนำให้เอาหัวใจไปหลงรักเบียร์เสียยังดีกว่า! อ้อ นี่เราไม่ได้ชักชวนให้ดื่มแต่อย่างใด แต่แค่อยากให้รู้จักกันไว้ เผื่อจะปิ๊ง ตกหลุมรักเบียร์กับเขาบ้าง วันนี้เราจึงมาใน Theme “เบียร์แห่งความรัก” ที่อยากจะชักชวนทั้งคนที่ผ่านรักแบบเจ็บ ๆ มาแล้ว คนที่มีรักและจูบแบบดูดดื่มแบบพร้อมตายได้ หรือคนที่โหยหาความรักจนต้องร่ำรองว่ากอดฉันเอาไว้ที เรารับรองเลยว่า เบียร์แห่งความรักทั้ง 4 จะช่วยเยียวยาคุณในเดือนแห่งความรักนี้ได้แน่นอน Hurtster Saison / ABV 4.9% เบียรแก้เฮิร์ทสำหรับคนเฮิร์ท ๆ Saison (อ่านว่าเซ-ซอง) เป็นเบียร์เอลสไตล์เบลเยี่ยม เอกลักษณ์สุดโดดเด่นของเจ้า Saison คงหนีไม่พ้นรสชาติและกลิ่นของยีสต์ เป็นเบียร์ที่ดื่มง่ายเพื่อให้เข้ากับอากาศในฤดูกาลเก็บเกี่ยวของชาวเบลเยี่ยม (Saison แปลว่า ฤดูกาล) แต่ความพีคที่เราคิดว่าช่างเหมาะกับเดือนแห่งความรักเสียเหลือเกินคือการที่เท่าพิภพผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ตัวนี้ออกมา ทำออกมาให้เอกดนัยรุ่นพี่ของเขาที่คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เพราะเอกดนัยเป็นตัวแทนของหนุ่มนักรักแต่กลับพบความผิดหวังไว้เต็มกระเป๋าแทบตลอดเวลา นี่จึงเป็นเบียร์แก้เฮิร์ทสำหรับชาวเฮิร์ทสเตอร์ที่เจ้าของเบียร์เขียนเคลมไว้ว่า “เบียร์ที่จะทำให้ คน Hurt Hurt ดื่มเเล้วกลับมาสดชื่นเเละพร้อมลุกขึ้นเผชิญความผิดหวังใหม่อีกครั้ง” แล้วคุณล่ะพร้อมจะดื่มแก้เฮิร์ทแล้วหรือยัง? Fall in Love Wit
เมื่อร่างกายเราถูกใจอะไรเข้า มันจะเรียกร้องหาสิ่งนั้นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่หลายคนกินอาหารเมนูโปรดแล้วอิ่ม แต่ก็ยังไม่อยากหยุด เช่นเดียวกับการดื่มเบียร์ เรายอมรับเลยว่าชอบดื่มเบียร์ ดื่มเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น ดื่มเบียร์ให้วันที่ดี ดื่มเบียร์ในวันที่แย่ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นข้ออ้างในการหาเรื่องดื่มของคนขี้เมา แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุดออกมาสนับสนุนว่า ส่วนประกอบในเบียร์ สามารถกระตุ้น DOPAMINE D2 RECEPTOR (D2R) ในสมองส่วน REWARD CENTER ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในงานเบียร์ ถึงมีแต่คนอารมณ์ดีทั้งงาน ทีมนักวิจัยจาก FRIEDRICH ALEXANDER UNIVERSITAT ERLANGEN-NURNBERG (FAU) ได้ทำการทดลองเพื่อหาองค์ประกอบในอาหารว่าอะไรจะสามารถกระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้เหมือนสาร DOPAMINE อีกหรือไม่ โดยแยกเก็บตัวอย่างโมเลกุลที่มักจะมีอยู่ในอาหารมากถึง 13,000 โมเลกุล ทดสอบด้วยการใช้ VIRTUAL SCREENING PROGRAM วิเคราะห์ไปทีละอย่าง เพื่อหาว่าเรากินอะไรช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ก่อนจะพบโมเลกุลที่เข้ารอบ 17 ตัว และหนึ่งในนั้นก็คือเบียร์ครับพี่น้อง DR. MONIKA PISCHETSRIEDER ทีมวิจัยพบว่า หนึ่งในโมเลกุลที่ทำหน้าที่กระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้ดีไม่แพ้
อยู่ในปาร์ตี้ เพลงดีกำลังเพลิน สาวมองกำลังดี มีโอกาสทักทายกำลังจะได้จับมือกัน แต่ติดปัญหาแค่นิดเดียว คือมือที่ถือเบียร์เปียกจนสาวร้องยี้ น้ำหยดแหมะเสื้อกางเกงเป็นดวง ทุกอย่างกำลังดี แต่ติดปัญหาแค่นี้ ทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไปเฉยเลย หรืออยู่ในปาร์ตี้ที่คนเยอะมากจนไม่มีที่วางเบียร์ ต้องถือตลอดคืนจนมือเปื่อย เมื่อยไปทั้งคืน จะให้วางพื้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนไม่รักษาความสะอาด จะเต้นกังนัมสไตล์ต้องใช้สองมือ ก็ทำไม่ได้ เพราะเบียร์จะหกเอา ด้วย INSIGHT ที่เข้าใจผู้ชายเป็นอย่างมาก เราอยากขอแนะนำ ITEM สุดคูล ‘THE BEVBUCKLE BELT” เข็มขัดที่ไม่ถึงกับอัจฉริยะมากเท่าไหร่ แต่ก็ใช้วางเบียร์ได้ สบายมือไปทั้งคืน “LIFE’S TOO SHORT TO HOLD YOUR OWN DRINK” สโลแกนเด่นชัด เข้าใจง่าย ของ BEVBUCKLE BELT เข็มขัดหัวใหญ่สไตล์คลาสสิค เหมาะสมกับลูกผู้ชายแบบ เต๋า สมชาย เข็มกลัด สามารถกางห่วงสำหรับวางและประคองเบียร์ได้สบาย ๆ นิ่งอยู่ตัวทุกการเคลื่อนไหว จะเต้นโยกบน ส่ายล่าง
บรรดาคนมีชื่อเสียงและสร้างสรรค์ระดับโลกหลายต่อหลายคน มักเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงด้านการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนชื่อดังอย่าง Ernest Hemingway และ Hunter S Thompson ไปยันนักแสดงและนักดนตรีชื่อก้องอย่าง Oliver Reed และ Jim Morrison แม้จะไม่ค่อยแฟร์ถ้าจะบอกว่าคนพวกนี้ขี้เมาถึงได้คิดอะไรเจ๋ง ๆ ได้ (เพราะพวกเขาก็ต้องเจ๋งด้วยตัวเองอยู่แล้ว) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าความคิดสร้างสรรค์มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้างแหละน่า เพื่อไม่ให้เราต้องงุนงงสงสัยให้ปวดตับกันอีกต่อไป ก็มีนักวิจัยใจดี (หรือบางทีก็อาจจะเอาผลการวิจัยไว้อ้างเหมือนกับเราก็ได้) เขาศึกษาเรื่อง Creativity on tap? Effects of alcohol intoxication on creative cognition โดยงานวิจัยที่ว่านี้ก็ชี้ออกมาชัด ๆ เลยว่าเบียร์ส่งเสริมสมองด้านความคิดสร้างสรรค์จริง! แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสมนะ คือ ผู้ชายจะเหมาะสมที่ปริมาณ 500 มิลลิลิตร ในขณะที่ผู้หญิงคือ 350 มิลลิลิตร รู้อย่างนี้ก็แวะชนเบียร์สักแก้วก่อนกลับบ้านหน่อยแล้วกัน เอ้า ชน! แต่ก่อนที่จะไปเมาเบียร์ เรามาดูงานวิจัยที่ว่านี้กันก่อน โดย Creativity on
พรายฟองนุ่ม กับรสชาติเบียร์ละมุนในปากเป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราคุ้นเคย แต่ใครจะไปเชื่อว่าการเลือกแก้วที่ใช่ให้เหมาะกับเบียร์ที่ชอบจะยิ่งทำให้รสชาติที่เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ทวีความละมุนลิ้น แถมขับรสชาติเบียร์ให้เด่นชัดขึ้นมาได้อีก ทีแรก UNLOCKMEN ก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากเชื่อทฤษฎีที่ว่ามานี้เช่นกัน จึงขอลองด้วยตัวเองและอาสาหาคำตอบมาให้ผู้ชายหลาย ๆ คนที่กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน Plisner: Wussie / ABV 5.8 % เริ่มกันด้วย Plisner ตัวนี้กลิ่นดี แค่แรกเริ่มลองจิบก็ได้กลิ่นอายอบอวลของความเป็นสมุนไพร แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่สมุนไพรแบบขิงข่าตะไคร้อย่างที่คนไทยชอบจินตนาการกัน แต่เป็นความ herbal แบบ spice เบา ๆ ไม่รุนแรงแต่ชวนให้ดื่มด่ำเหลือเกิน แค่แก้วธรรมดาก็ชวนฝันมากแล้ว แต่ยิ่งเราลองเทลงในแก้วทรงสูงโปร่งเพรียวที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อ Plisner นั้นยิ่งขับเน้นให้เรามองเห็นสีทองอำพันของเบียร์ได้อย่างมีมิติยิ่งขึ้น ช่วงปลายปากแก้วถูกออกแบบมาให้โอบเข้าเล็กน้อยเพื่อให้พรายฟองเบียร์คงตัวอ้อยอิ่งเพิ่มอรรถรสให้เรายิ่งขึ้น ที่สำคัญปากแก้วที่ใช้เลเซอร์ในการตัดทำให้บางกริบเพิ่มรสสัมผัสระหว่างปากเรากับเบียร์จนขับกลิ่นและรสให้เด่นชัดขึ้นสามระดับทุก ๆ การจิบ Hefeweizen: Schneider Weisse Tap 7 Mein Original / 5.4% ตามด้วย Hefeweizen จากเยอรมันอย่าง Schneider Weisse Tap 7