ในช่วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองไทยกำลังครุกกรุ่น ยังมองไม่เห็นเส้นทางชัดเจนว่าจะออกหัวแน่ หรือว่าจะสปินไปทางก้อยกันนะแบบนี้ UNLOCKMEN อยากชวนทุกคนข้ามน้ำข้ามทะเลปักหมุดไปที่ประเทศโปแลนด์ ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 30 ปีก่อนหน้า (ซึ่งสถานการณ์ทาวการเมืองร้อนแรงไม่แพ้กัน) เพื่อไปรู้จักกับหนึ่งในพรรคการเมืองที่แปลกที่สุดในโลกชื่อ Polish Beer-Lovers Party แค่ชื่อพรรคก็รู้เลยใช่มั้ยครับว่ามีอุดมการณ์อะไร และมาทางปั่นแน่นอน แต่ผิดครับ ! ท่ามกลางพรรคการเมืองมากมายบนโลกนี้ หนึ่งคืออีกหนึ่งพรรคการเมืองจากโปแลนด์ที่แน่วแน่ในอุดมการณ์ของตัวเองอย่างจริงจังท่สุด และหวังอยากเห็นประเทศดีกว่านี้ผ่านความสวยงามของเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ค.ศ.1989 จากการปกครองของคอมมิวนิสต์สู่ระบอบประชาธิปไตย ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศโปแลนด์ตอนปี 1989 นั้น มีเหตุการณ์สำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเกิดขึ้น ซึ่งถูกจารึกในภายหลังว่า ‘การเจรจาโต๊ะกลม (Round-table talks)’ ระหว่างรัฐบาลคอมมิวนิสต์และฝ่ายต่อต้านที่นำโดยสหภาพแรงงาน Solidarity การเจรจาในครั้งนั้นทำให้การปกครองแบบระบอบคอมมิวนิสต์มาหลายทศวรรษได้ตายลง และนำพาประเทศเข้าสู่ระบอบการเมืองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างที่ประชาชนหวังกันไว้ในที่สุด แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือการเลือกตั้งรัฐสภาใหม่ของประเทศ แล้วในปี 1990 นั้นเอง ชายหนุ่มหุ่นหมีอายุ 30 ต้น ๆ ชื่อ Janusz Rewiński หนึ่งในประชาชนของโปแลนด์ มองเห็นปัญหารูโหว่ขนาดใหญ่ของประเทศตั้งแต่ช่วงเวลาของคอมมิวนิสต์ และเก็บความอึดอั้นตันใจมานานแล้ว คำถามที่เหมือนจะระเบิดอยู่ในหัวตลอดเวลาอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมเบียร์ถึงไม่ถูกสนับสนุนแบบวอดก้าบ้างนะ” กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา และหากต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่นี้ด้วย ไม่มีอะไรจะช่วยได้เท่ากับสนามการเมืองอีกแล้ว เพราะฉะนั้น Janusz
ขึ้นชื่อว่า Weekend ทั้งที เราก็ต้องจัดให้สุดตั้งแต่เจอเพื่อนในคืนวันศุกร์ ดื่มชิล ๆ กับคนรักในคืนวันเสาร์ และบอกลาสุดสัปดาห์แสนหวานกับปาร์ตี้ทิ้งท้ายในคืนวันอาทิตย์ เอาให้ลืมความเหนื่อยล้าที่สะสมทั้งอาทิตย์ทิ้งไปเลยยย แต่ดื่มหนักขนาดนี้ ถ้าเกิดแฮงค์ขึ้นมาจะไปทำงานในเช้าวันจันทร์อย่างไรล่ะ! ไหนจะกลิ่นละมุดติดตัวไปที่ทำงานอีกไม่ดีแน่ ๆ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 8 วิธีแก้แฮงค์ ที่คอนเฟิร์มการใช้งานที่ได้ผลจริงจากเหล่านักแสดงฮอลลีวูดระดับโลก ให้คุณเริ่มต้นการทำงานวันแรกได้อย่างราบรื่นไปตลอดวัน Gwyneth Paltrow : แช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็น เริ่มวิธีแรกกันด้วยดาราที่ถ้าพูดถึงในยุคนี้ ทุกคนต้องเรียกเธอด้วยชื่อ Pepper คนรักของ Ironman นั่นเอง ส่วนวิธีของคุณเกวนนั้น คือการ ‘อาบน้ำ’ โดยให้เปิดน้ำด้วยอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเท่าที่คุณจะอาบไหวใส่อ่าง จากนั้นโรยดีเกลือ (Epsom Salts) ผสมเบคกิ้งโซดาลงไป วิธีการอาบน้ำของคุณเกวนจะใช้วิธีสลับไปมาแบบรวดเร็วนิดนึง เราจึงขอแบ่งเป็นทีละสเต็ปเพื่อไม่ให้ทุกคนสับสนครับ – เอาตัวลงไปแช่ในอ่างน้ำร้อนประมาณ 20 นาที – จากนั้นให้ออกจากอ่าง แล้วเปิดน้ำที่เย็นจัดอาบเป็นเวลา 1 นาที – กลับไปอาบในอ่างน้ำร้อนอีกครั้ง จนเมื่อคุณเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นแล้วให้แช่ต่ออีก 1 นาที ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว Daniel
พลังของ Soft Power นั้นน่ากลัวกว่าที่คิดนะครับ ในหลาย ๆ ครั้งเนื้อหาของคอนเทนต์ก็เข้ามาควบคุมจิตใจเรา สะกดจิตให้เกิดความอยากต่าง ๆ นา ๆ สั่งให้เดินไปที่ตู้เย็นเปิดหยิบน้ำแข็งบ้าง หาเครื่องดื่มเย็น ๆ บ้าง หรือไปจนถึงจัดจานวางถั่วใส่เพื่อกินคู่กันบ้าง เฮ้ออ ขออนุญาตหยิบเครื่องดื่มก่อนจะเขียนบรรทัดถัดไปครับ UNLOCKMEN ชวนทุกคนดูหนังและซีรีส์ในวันที่ต้องการพักผ่อน ปล่อยตัวอยู่บนโซฟา ละเมียดเครื่องดื่มเย็น ๆ แล้วปล่อยให้มันชำระล้างความเหนื่อยล้าของวันจนหมดสิ้น Weakest Beast (2018) ซีรีส์เพชรเม็ดงามจากแดนอาทิตย์อุทัย ซ่อนตัวอยู่ใน Netflix มาหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้ถูกหยิบมาพูดถึงเท่าไหร่ ว่าด้วยเรื่องราวของผู้คนในชีวิตวัยทำงาน ที่มีปัญหาในความฝันกับการใช้ชีวิตซึ่งต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว ‘โคเซ’ ชายหนุ่มเจ้าของสำนักงานทนายความที่ต้องเลือกระหว่างการทำผิดกฎหมายเพื่อช่วยคนอื่น และ ‘อากิระ’ หญิงสาวพนักงานออฟฟิศที่ Job Description เยอะเกินหน้าที่ จนเธอตั้งคำถามว่าการงานที่ทำอยู่อย่างนี้มันดีแล้วเหรอ ทุกครั้งที่ตัวละครมีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้น (ซึ่งก็มีทุกตอนแหละ) ทุกคนมักเลือกแก้ปัญหาด้วยการไปที่ร้าน 5 Trap บาร์ที่มีเครื่องดื่มพร้อมกับเจ้าของร้านที่เป็นผู้รับฟังที่ดีคอยบริการอยู่ ปัญหาของพวกเขาค่อย ๆ ได้รับการแก้ไข เมื่อเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟเคล้ากับบรรยากาศที่มีแสงไฟสลัวของร้าน
เพราะวรรณกรรมเต็มไปด้วยความสวยงามที่เกิดจากความเมามายทางอารมณ์มากมาย ไม่ว่าจะในเนื้อเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นก็ดี หรือตัวนักเขียนเองที่ใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการจรดปากกาแต่ละตัวอักษรก็ดี ไปจนถึงการมีแพชชั่นในการดื่มโดยส่วนตัว อย่างผู้เขียน Ernest Hemingway ผู้เขียน Old Man and The Sea ก็ถึงขนาดเปิดแบรนด์เครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาเลย ในนิยายซีไรต์ของ ‘ชาติ กอบจิตติ’ เรื่อง คำพิพากษา เครื่องดื่มเย็น ๆ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการ ‘ลืม’ โดยหมายถึงการลืมว่าโลกในชีวิตจริงเป็นอย่างไร แล้วอาศัยอยู่ในโลกหลังแอลกอฮอลล์แทน หรืออดีตนายกของประเทศไทย ‘คึกฤทธิ์ ปราโมช’ ก็เขียนรวมเรื่องสั้นขนาดยาวชื่อ หลายชีวิต ที่มีโทษของการใช้เครื่องดื่มเพื่อเป็นสุดยอดนักเขียนบันทึกเอาไว้ด้วย ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เครื่องดื่มเย็น ๆ’ กับ ‘วรรณกรรม’ เป็นสิ่งที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน เพราะมนุษย์ยังคงดื่มและเขียนอย่างไม่มีทางสิ้นสุด UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มดังกัน First Rule India Pale Ale (Fight Club) “กฎข้อแรกของไฟต์คลับ ห้ามพูดถึงไฟต์คลับ” จากนิยายเล่มดังของ Chuck Palahniuk สู่หนังไอคอนิกในปี 1999 โดย
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปจากวันก่อน เทรนด์การดื่มของผู้ชายเราเองก็เปลี่ยนตามไปด้วย จากที่เคยยกเหล้าซดเป็นกรม ๆ จนภาพตัด หนุ่ม ๆ หลายคนเริ่มเอียนกับรสเหล้าและหันมานั่งจิบเบียร์ชิล ๆ กันบ้างแล้ว ทำให้ช่วงนี้กระแสของ ‘คราฟต์เบียร์’ นั้นมาแรงแซงทุกโค้งจริง ๆ ไม่ว่าจะหันไปทางทิศไหน ก็จะเห็นร้านคราฟต์เบียร์เปิดใหม่ผุดขึ้นทั่วกรุง แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะไปนั่งดื่มคราฟต์เบียร์ที่ไหนดี วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ร้านคราฟต์เบียร์สุดเจ๋งมาแนะนำ รับประกันว่าเสิร์ฟเบียร์คุณภาพ บรรยากาศดี และมีสาว ๆ สวย ๆ ให้ดูจนเพลินตา Let the Boy Die หลังจากปิดตัวไป 1 ปีเต็ม ร้านคราฟต์เบียร์สัญชาติไทยสุดเก๋าร้านนี้ก็กลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง Let the Boy Die มาพร้อมแท็ปคราฟต์เบียร์ให้เลือกมากถึง 12 แท็ป โดยจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล นอกจากที่นี่จะมี House Beer เป็นของตัวเอง และเสิร์ฟคราฟต์เบียร์ไทยที่ล้วนมาจากนักต้มเบียร์ชาวไทยแล้ว ยังครีเอตเมนูกับแกล้มมาให้ทานคู่กับเบียร์อีกมากมาย ตั้งแต่ Beef Nachos สไตล์เม็กซิกัน
นอกจากปริมาณคาเฟอีนของกาแฟแก้วอุ่นที่ผู้ชายเราโหยหามันทุกเช้า ก็มีเบียร์นี่ละที่อยู่ในความปรารถนาและอยากจะยกมันซดแทบทุกคืน แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะหอบร่างกายกำยำไปยังร้านนั่งชิลเพื่อลิ้มรสเบียร์แก้วโปรดได้ดั่งใจ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะฝ่าสมรภูมิรถติดจนถึงบ้าน ก็ทำเอาหอบเหี่ยวหมดแรงและไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะส่งกายหยาบลงไปซื้อเบียร์เย็น ๆ มากินสักขวด แล้วถ้ามีนวัตกรรมที่ช่วยให้เราทำเบียร์ดื่มเองได้ที่บ้าน พวกคุณว่ามันจะเจ๋งขนาดไหนกัน? ต้องบอกว่าในยุคนี้ทิศทางของอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น เบียร์คราฟต์และเบียร์ 0% แอลกอฮอล์ที่เป็นทางเลือกใหม่ของหนุ่มนักดื่มทวีความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับรสชาติและส่วนผสมของเบียร์ ไม่แพ้ความเมามายและอาการขาดสติสัมปชัญญะที่เป็นจุดขายของน้ำเมาชนิดนี้ แม้ความคิดที่จะสร้างเครื่องผลิตเบียร์จะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ LG ถือเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำนวัตกรรมการผลิตเบียร์แบบแคปซูลมาใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจเบียร์คราฟต์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ LG HOMEBREW นวัตกรรมเครื่องผลิตเบียร์แบบแคปซูล LG บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลี และ MUNTON บริษัทมอลต์ชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ ร่วมกันพัฒนา LG HOMEBREW เครื่องทำเบียร์แบบแคปซูลเครื่องแรกของโลกที่ดีไซน์ออกมาคล้าย ๆ กับเครื่อง Nespresso แต่มาพร้อมแคปซูลเบียร์ที่นำมอลต์, ยีสต์, น้ำมันฮอปส์ และรสชาติมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นแคปซูล 5 รส ประกอบด้วย American IPA, American Pale Ale, English Stout, Belgian-style Witbier และ Czech
‘เจ้าพระยาที่คุ้นเคย นั่งมองแสงจันทรา ไม่เหมือนเคย คืนนี้ไม่มีเธอเคียงอย่างที่เคย โอ้เกิร์ล ทั้งเหงาทั้งเศร้าคนเดียวเยี่ยงเชลย เจ้าพระยาฝั่งพระนคร เคยนั่งซับน้ำตาให้เธอก่อนจากจร เมื่อตอนเธอเศร้าฉันเฝ้าปลอบไม่นอน โอ้เกิร์ล ฉันเห็นเธอคิดถึงเขา สองเราเลยจากพระนคร’ อยู่ ๆ เพลง เจ้าพระยา ของคณะดนตรี Kai-Jo Brothers ก็ดังขึ้นมาในหัวในขณะที่เรากำลังเดินเลียบถนนพระอาทิตย์ ย่านที่เมื่อก่อนเราแวะเวียนมาบ่อย ๆ ถึงแม้ตอนนี้จะห่างหายไปพอสมควร แต่จุดหมายปลายทางวันนี้คือที่ ๆ ที่เราไม่เคยไปเยือนมาก่อน เป็นบาร์เล็ก ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา Sheepshank Public House เป็นบาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ด้วยบรรยากาศแบบ Industrial Style โดยดัดแปลงมาจากอู่ต่อเรือเก่า ตกแต่งร้านด้วยเฟอนิเจอร์ไม้และอิฐบล็อก นี่ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ในถนนพระอาทิตย์ เราคงคิดว่าเราหลุดมาในบาร์ย่านเมืองท่าสักแห่ง ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ทั้งอินดอร์ที่เหมาะกับคนที่อยากนั่งในแอร์เย็น ๆ สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในบรรยากาศเฮฮา และเอาต์ดอร์สำหรับคนที่อยากชมวิวแม่น้ำแบบใกล้ชิด นั่งจิบเบียร์เคล้าสายลมแห่งเจ้าพระยา ในส่วนของอาหาร Sheepshank Public House ถือว่ามีค่อนข้างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารตะวันตก สไตล์อเมริกันโมเดิร์น ซึ่งในวันนี้ทางร้านจัดมาให้เราทั้งหมด
เหล่านักดื่มทั้งหลายคงเคยผ่านการดื่มสุรากันมาแล้วหลายสมรภูมิ บางครั้งก็ดื่มกันหนักหน่วงหรือบางคนถึงขั้นเสพติดการดื่มแอลกอฮอล์ไปเลย ถ้าชาว UNLOCKMEN คนไหนรักในการดื่มถึงขนาดที่ขาดมันไม่ได้ ก็ขอให้ระวังภาวะสุราเป็นพิษ (Alcohol Poisoning) เอาไว้ให้ดี ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คืออาการที่เกิดจากการดื่มสุราปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ภาวะที่ว่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อปลายปีที่แล้ว Nguyen Van Nhat หนุ่มเวียดนามวัย 48 ปีดื่มสุรา “เถื่อน” ในงานปาร์ตี้เข้าไปปริมาณมาก ถูกหามส่งเข้าห้อง ICU จากการตรวจของแพทย์พบว่าระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดมากถึง 1,000 เท่า! แพทย์เวียดนามเลือกวิธีรักษาโดยให้ชายคนนี้ดื่มเบียร์เข้าไปครั้งละ 1 กระป๋องต่อเวลา 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลารวม 15 ชั่วโมง (เท่ากับว่าเขาดื่มทั้งหมด 15 กระป๋อง) สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือการรักษาครั้งนี้ได้ผล! หลังจากการรักษาพบว่าอาการดีขึ้นมาก ถึงแม้จะยังมีอาการเมาค้างอยู่บ้าง นักดื่มตัวยงหลายท่านที่กำลังอ่านอยู่คงแปลกใจ และเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมการรักษาโดยการให้ดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเข้าไปอีกถึงช่วยได้? เหตุผลคือแอลกอฮอล์นั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทได้แก่ เมทานอล (Methanol) และ เอทานอล (Ethanol) ที่พบได้ในเบียร์ ในส่วนของเมทานอลนั้นส่วนใหญ่แล้วจะพบได้จากสุราคุณภาพต่ำ ถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อระบบประสาท สิ่งที่ตามมาอาจทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ ในทางตรงกันข้ามสารเอทานอลที่สามารถพบได้ในสุราคุณภาพสูงจะไม่ส่งผลเสียเท่าเจ้าเมทานอล เนื่องจากร่างกายของคนเราสามารถกำจัดเอทานอลได้เร็วกว่าเมทานอลถึง 10 เท่า
เศร้าก็ดื่ม สุขก็ดื่ม เหงาก็ดื่ม เครียดก็ยิ่งต้องดื่ม แม้หลายคนจะไม่รู้ตัวแต่เรื่อง “ดื่ม ๆ” มันกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมแห่งชาติของลูกผู้ชายเราไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไอ้อาการเอะอะก็ชวนดื่มนี้รู้กันดีว่าไม่ใช่แค่ปล่อยให้น้ำวิ่งผ่านลำคอดับความแห้งผากที่ร่างกายเรียกร้องเท่านั้น แต่ต้องเป็นการดื่มเพื่อตอบสนองความรู้สึกกระหายทางใจที่กำลังเกิดขึ้นในโมเม้นต์ต่าง ๆ ของชีวิตด้วย อยากวาร์ปจากสถานการณ์ตึง ๆ แต่ไม่รู้จะสั่งอะไรมาผ่อนคลายดี “แอลกอฮอล์” จึงกลายเป็นคำตอบที่ขาดไม่ได้ และแม้จะมีน้องใหม่อย่าง เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ รสชาติมอลต์บ่มดี ๆ ออกมาทำตลาด ผู้ชายเกินกว่าครึ่งคงพร้อมเพรียงกันส่ายหัว บอกว่า “เสียลิ้น” “จืด” “เปลืองเงิน” เพื่อพิสูจน์ความจริง ไม่ใช่แค่ฟังเขาเล่ามาเราเลยตัดสินใจเลือกริน HEINEKEN 0.0 เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ใส่แก้วมาลองด้วยตัวเอง ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ได้คุณภาพ นำมาเข้ากระบวนการนำแอลกอฮอล์ออกจากเครื่องดื่มแต่ไม่ได้เติมน้ำตาลเข้าไปเพิ่มความหวานให้บาดอารมณ์ ทำให้รสชาติของ HEINEKEN 0.0 เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ ยังละมุนเป็นเอกลักษณ์ ไม่หวานจ๋าหรือจืดสนิท แต่ดึงความขมไว้อยู่หมัด สติเราก็ยังใส บอกได้เลยว่าไม่รู้ว่าพลาดปล่อยให้ผ่านตาไปได้ยังไง ยิ่งกำกับด้วยข้อเท็จจริงบางอย่างที่เราไม่รู้อีก 5 เรื่องที่จะนำมาแชร์ด้วยแล้ว เชื่อว่าพวกเราคงรู้สึกไม่ต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายสายไหนก็ต้องอยากซื้อติดตู้เย็นไว้เป็นเพื่อนคู่ใจอย่างแน่นอน ดื่มด่ำ ซ่อนอารมณ์ดี ปกติพอรสชาติดี อย่างอื่นเรามองว่าเป็นเรื่องรองแล้ว แต่พอมารู้ว่า เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ มีส่วนประกอบของ
ใครที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในวงเหล้า หรืออาจจะไปนาน ๆ ครั้ง ไม่ใช่สายปาร์ตี้คงนึกภาพไม่ออกว่า ‘การเปิดขวด’ นั้นสำคัญขนาดไหน แต่สำหรับเราสายปาร์ตี้ย่อมจำได้ดีว่าในตอนที่เริ่มดื่มใหม่ ๆ แล้วเห็นเพื่อนเปิดขวดเบียร์โดยใช้ขวดเบียร์อีกขวดนั้นเรารู้สึกทึ่งและคิดว่ามันเท่มาก หลังจากนั้นเราก็พยายามฝึกฝนโดยตลอด กว่าจะทำได้สำเร็จเลือดก็อาบมือไปหลายครั้ง แต่บางครั้งการจะเท่ก็ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น เพียงแค่มีที่เปิดขวดเจ๋ง ๆ สักอัน ก็สามารถเปิดเบียร์ทุกขวดที่ขวางหน้าได้ด้วยมือเดียว เท่ได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว GrOpener คือชื่อของที่เปิดขวดสุดเจ๋งที่เราภูมิใจนำเสนอในวันนี้ ใครที่กำลังสงสัยว่ามันแตกต่างจากที่เปิดขวดธรรมดาตรงไหน ให้ลองดูคลิปด้านบนเสียก่อน รับรองว่าจะต้องอยากได้ไปใช้สักอันแน่นอน ถึงแม้ว่าในเรื่องประโยชน์การใช้สอยจะไม่ได้มีอะไรพิเศษเปิดได้เฉพาะฝาทรงจีบเหมือนที่เปิดขวดทั่วไป แต่เรื่องความเท่ บอกเลยว่า GrOpener กินขาด แม้ว่า GrOpener จะโดนใจเราในเรื่องความเท่ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ Mark Manger สร้างสรรค์ GrOpener ขึ้นมาลึกซึ้งกว่านั้นมาก เขาเล็งเห็นถึงความลำบากของผู้พิการ ว่าการเปิดขวดด้วยมือเดียวนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ทุกคนกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย จนปัญหานี้โดนเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม Mark ไม่คิดเช่นนั้น เขาลงมือทำตามไอเดียอย่างมุ่งมั่น จนในที่สุดก็สำเร็จออกมาเป็นที่เปิดขวดสุดเจ๋งให้ทุกคนได้ใช้งาน GrOpener สามารถตั้งอยู่บนขวดได้อย่างสบาย ๆ ก่อนจะเปิดมันด้วยการบิดข้อมือเพียงเล็กน้อย ใช้แรงน้อยกว่าที่เปิดขวดทั่วไปมาก ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในขั้นตอนเดียว ชั่วพริบตาฝาขวดก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย การออกแบบของ GrOpener ทำให้แน่ใจว่าฝาจะไม่โค้งงอหรือบิดเบี้ยวในขณะเปิด ส่วนแม่เหล็กที่อยู่ภายในทำหน้าที่ยึดฝาทันทีที่หลุดออกจากคอขวด ทั้งเท่แถมใช้ง่าย พกพาสะดวกแบบนี้ GrOpener จึงเป็นอีกหนึ่ง