“พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มา นั่งทำตาปริบๆ” อยู่ ๆ เพลงนี้ก็ดังเป็นเดจาวูในหู พอเราได้ยินว่า LAZADA ประกาศวันเกิดปีที่ 6 ยังจำได้ลาง ๆ ว่าเพิ่งจะจัดแคมเปญวันคนโสด 11.11 ฉายช่องปลายปีไปอย่างยิ่งใหญ่ โผล่มาอีกทีอายุ 6 ขวบ เสียแล้ว แถมหน้าฟีดตอนนี้ยังเต็มไปด้วยโปรโมชั่นส่วนลดมากมาย คอยไล่สะกดจิตให้เราต้องซื้อจากสื่อหลายช่องทาง ขณะที่คนอื่นกำลังคิดว่าบ่ายนี้กูจะซื้ออะไรดี แต่สาย BIZ อย่างเรากดเข้าเว็บฯ ดูไปเรื่อย ๆ แล้วเห็นทริคทางธุรกิจว่า เฮ้ย! ที่เขาฟาดฟันมาจนแข็งแกร่งในสาย E-commerce ขนาดนี้ มันไม่ได้มาเพราะถูกหวย แต่เพราะทิปส์เสริมกลยุทธ์ดี ๆ ที่เขาใช้ต่างหาก UNLOCKMEN คนไหนเป็นสาย BIZ มีเพจ มีธุรกิจออนไลน์ ลองเอากิมมิค 6 เรื่องนี้ไปเพิ่มในธุรกิจของคุณดู แล้วจะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่คิดจริง ๆ 6 TIPS เทรนใหม่ครองใจลูกค้าโซเชียล 1. CHATBOT สุดไฉไล ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
คงไม่ผิดอะไร ถ้าเราจะบอกว่าโลกธุรกิจทุกวันนี้ “แค่รีรอก็สายไป” เพราะมันก้าวกระโดดมาไกลจากยุคที่เริ่มด้วยเลข 1.0 จน พ.ศ. นี้ “4.0” กลายเป็นตัวเลขตัดเกรดว่าเราจะอยู่รอดหรือหายไป เนื่องจากโลกเดิมที่คาดเดาได้แปลงโฉมใหม่เป็นโลกที่อัดแน่นด้วยข้อมูล เรื่องราว กับความเปลี่ยนแปลงระดับวินาที! เจอคู่แข่งเดิมประเภทธุรกิจเดียวกันจ่อติดไม่พอ ดันไปเจอธุรกิจหน้าใหม่ที่ไม่คาดคิด cross สายมาแย่งลูกค้าหน้าตาเฉย พอสนามการค้าเลิกติดกรอบ นวัตกรรมล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าจะใช้วิธีเก่า ๆ เอาชนะได้ คำถามที่ทุกคนสงสัยรวมถึงเราเองก็ด้วยคือ “ต้องทำยังไงเราถึงจะก้าวไป ON TOP เหนือตารางให้โลกจำจนคนพูดถึงแบบดาวค้างฟ้า ท่ามกลางการจุดพลุทางธุรกิจที่สว่างชั่วพริบตาก่อนดับไปอย่างรวดเร็วในยุคนี้ ?” UNLOCKMEN มีโอกาสไปเคาะประตูศูนย์บ่มผู้นำระดับสูงที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในไทยและเอเชีย หรือ SEAC (South East Asia Center) ซึ่งปูพรมแดงไว้รอท่าพร้อมหลักสูตรใหม่สกัดความเป๊ะให้ทุกองค์กรสามารถไต่บันไดไปเทียบชั้น Google หรือ Amazon ได้แบบไม่ฝันไป เพียงใช้คีย์ไขความสำเร็จจากศูนย์กลางกระจายอำนาจเพียงหนึ่งเดียวปรับให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ “หมากธุรกิจมันเปลี่ยนแล้ว เมื่อเฟืองทุกตัวต้องเดิน ผู้นำก็ต้องเดิน!” MINDSET to be TOP OF MIND สิ่งที่น่าสนใจและสะกดใจเราระหว่างฟังคำบอกเล่าของ คุณอริญญา
การใช้ชีวิตบนโลกสุดท้าทายใบนี้ต้องใช้ ‘พลังงาน’ มากมายเป็นแรงขับเคลื่อน ต้องใช้ ‘passion’ แรงกล้าในการผลักดันตัวเอง ต้องใช้ ‘ความกล้า’ ขั้นสุดในการเผชิญทุกสิ่งที่ขวางหน้า และต้องมี ‘Positive thinking’ ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังจากข้างในให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับชายที่มีทุกข้อที่กล่าวมาอย่างเหลือล้น และได้สัมผัสตัวตนทางความคิดของเขาในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน จนหายสงสัยไปเลยว่าทำไมชายที่ชื่อว่า ‘วู้ดดี้’ วุฒิธร มิลินทจินดา ถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ทรงพลังขนาดที่ว่า ทุกคนที่ได้อยู่รอบตัวของเค้า จะต้องซึมซับเอาพลังงานบวก เอาแรงบันดาลใจ เข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าคุยกับใครแล้วถึงกับขนลุก พูดแบบไม่โอเวอร์เลยว่า การคุยกับคุณวู้ดดี้ ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ เรารู้จักคุณวู้ดดี้ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ‘Woody World’ เรียลลิตี้ทอล์กโชว์สุด exclusive ที่ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 22.15 – 23.30 น. ทางช่อง Workpoint 23 รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Facebook และ YouTube นอกจากนี้ยังมีรายการสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอย่าง ‘คนแปลงร่าง’ ส่วนงานนอกจอที่โดดเด่นก็คือการจัดเทศกาลดนตรี ‘S2O’ อีเว้นต์สุดมันส์วันสงกรานต์ที่ใครหลายคนเคยไป นั้นคือสิ่งที่ทุกคนมองเห็น แต่สิ่งที่เขาเป็นคืออะไร ? “ผมคือนักวิทยาศาสตร์” เรามาเยือนคุณวู้ดดี้ถึงโลกของเขา ที่ บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด อาณาจักรที่เขากับทีมงานสร้างสรรค์ผลงานออกสู่ภายนอก
ในวันที่ (เขาว่ากันว่า) หนังสือกำลังจะตายและร้านหนังสือหลายร้านทยอยปิดตัวไปอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าลมหายใจสุดท้ายของหนังสือกำลังรวยริน แต่ร้านหนังสืออิสระหลายร้านก็ยังคงยืนเด่นด้วยอัตลักษณ์ ด้วยวิธีคิดที่ชัดเจนว่าร้านหนังสือต้องไม่ใช่แค่พื้นที่ซื้อ-ขายหนังสือ แต่ต้องมีลมหายใจ มีชีวิต มีพื้นที่ให้ผู้คนเชื่อมโยงอยู่ในนั้นด้วย UNLOCKMEN เลยถือโอกาสนี้คุยกับ “แป๊ด-ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง” เจ้าของ candide books (ร้านหนังสือก็องดิด) ที่ก็เชื่อเช่นนั้น เชื่อเช่นว่าหนังสือจะไม่ตาย ร้านหนังสือจะไม่ตายเช่นกันตราบใดที่เชื่อมโยงกับผู้คน และต่อให้วันหนึ่งร้านหนังสือต้องตายลง เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรตราบใดที่ผู้คนยังคงอ่านอยู่ แต่ถ้าถามว่าเธอเชื่อมั่นในการเป็นคนทำหนังสือแค่ไหน เธอก็ตอบเราได้เต็มปากเต็มคำว่า “ทุ่มให้ทั้งชีวิต ไม่เคยคิดถึงอย่างอื่นเลย” แล้วอย่างนี้จะอดใจไม่ให้อยากคุยกับเธอได้อย่างไร… ทำงานเกี่ยวกับหนังสือมาตลอดเลยไม่ว่าจะเป็นกองบรรณาธิการ ทำสำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ อะไรทำให้เราเชื่อในการทำงานกับหนังสือได้ขนาดนั้น พี่ไม่สามารถทำอะไรทีไม่เกี่ยวข้องกับหนังสือได้ ตั้งแต่พี่เรียนจบมา งานแรกก็ทำนิตยสาร จากนั้นทำพ็อคเก็ตบุ๊ค จนสุดท้ายก็มาทำสำนักพิมพ์เอง ก่อนจะมาทำร้านหนังสือ พี่ก็คิดไม่ออกเลยว่าจะทำอาชีพอื่นได้ มีอาชีพเดียวที่เราอยากทำ ตั้งแต่มัธยม ก็มาทางนี้ตลอดไม่เคยไปทางอื่นเลย ถ้าถามว่าเชื่อมั่นไหม ก็ทุ่มทั้งชีวิตไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลย ที่บ้านอยากให้ทำงานราชการเพราะที่บ้านเป็นคนต่างจังหวัด ป๊าก็จะถามตลอดว่าไม่ทำราชการเหรอ แต่พอเราทำจนเลี้ยงตัวเองได้ และส่งเงินกลับไปที่บ้านได้ด้วย เขาก็เห็นว่า อ้าว มันก็ทำได้นี่หว่า อาชีพแบบนี้ ถึงจะทำงานกับหนังสือเหมือน ๆ กัน ในมุมมองเราการเป็นเจ้าของร้านหนังสือ เป็นกองบรรณาธิการ เป็นนักเขียน
ใครทำงานแล้วไม่เครียดก็เทพเกินไปแล้ว แต่ถ้าทำแล้วไม่เครียดได้จริงเราก็ขอคาราวะและแสดงความดีใจด้วย แต่เราเชื่อว่าผู้ชายสาย Work Hard Play Hard ทุกคนต้องเคยผ่านประสบการณ์หัวแทบระเบิดกระจุยกระจายจากความเครียดกันมาแล้วทุกคนแน่นอน นอกจากวิธีพักชั่วคราวอย่างการฟังเพลง ลงไปดูดบุหรี่ระหว่างวัน หรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน UNLOCKMEN ยังเอาวิธี UNLOCK วิธีคิดเพื่อให้ความเครียดมลายหายไปมาฝากผู้ชายสายบ้าระห่ำกับงานทุกคนด้วย เฮ้ นาย นายเพอร์เฟกต์ทุกอย่างไม่ได้หรอก การทำงานต้องสมบูรณ์แบบน่ะใช่ ถ้าเราคิดเบื้องต้นไว้อย่างนี้ เราก็จะเต็มที่ที่สุดกับทุกงานที่อยู่ตรงหน้า แต่ประเด็นก็คือถ้าเราเต็มที่ที่สุดแล้วแต่เราก็ยังรู้สึกว่าแม่งไม่เพอร์เฟกต์สักทีวะ! อันนี้แหละที่จะทำให้เราเครียด เราต้องคิดไว้ในสมองของเราตลอดเวลาว่าเราเต็มที่ที่สุดได้ แต่ทุกอย่างจะเพอร์เฟกต์ล้านเปอร์เซนต์อย่างที่เราคาดวังแม่งไม่ได้ว่ะ! นอกจากทำเต็มที่แล้วอีกด้านหนึ่งก็ต้องรู้จักปล่อยวางลงบ้าง ไอ้ความเครียดที่สุมหัวอยู่จะได้เบาบางลงไปสักที อะไรที่เหนือการควบคุมของเรา เราต้องปล่อย เราควบคุมตัวเองได้ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่บางครั้งความเครียดก็มาพร้อมความคิดที่ว่าเราต้องการควบคุมทุกอย่างให้ได้เบ็ดเสร็จเหมือนที่เราควบคุมตัวเอง ซึ่งถามจริง มันทำได้หรอวะนาย? ไม่ได้หรอก ปัจจัยการทำงานมันผสมผสานกันเป็นสิบเป็นร้อยอย่าง เราควบคุมตัวเองได้ดีแต่บางทีเราควบคุมคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นวิธีที่จะไม่เครียดเกินไปต้องยอมรับว่ามันมีปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้อยู่ และเมื่อมันอยู่นอกเหนือศักยภาพเราแล้ว เราก็ต้องปล่อยมันไปบ้าง อย่าฝืน ขีดเส้นแบ่งเขตงานกับชีวิตให้ดี งานคือส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต เราควรแบ่งเขตให้ชัดเจนว่างานควรหยุดอยู่แค่ไหน เราอาจให้เวลากับงานไปเลย 8-10 ชั่วโมง แต่ถ้านอกเหนือจากเวลานั้นเราก็ต้องขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจยว่าเราควรมีเวลาหยุดพักผ่อน ไม่ปล่อยให้งานรุกล้ำเข้ามาในขอบเขตพื้นที่ส่วนตัว ไม่อย่างนั้นเราก็จะเครียดกับงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินข้าว เดินเล่น หรือกำลังจะเข้านอน
“ทำงานแบงก์เหรอ น่าเบื่อจะตาย วัน ๆ อยู่แต่กับตัวเลข” นี่คือความคิดแวบแรกของใครหลายคนเวลานึกถึงการทำงานธนาคาร งานที่ต้องอยู่กับตัวเลขทั้งวัน ดูเหมือนไม่ค่อยมีสีสัน และไม่ใช่งานในฝันของคนรุ่นใหม่หากมองจากภายนอก บางคนที่ชอบเรื่องตัวเลข ชอบเรื่องเศรษฐศาสตร์ หรือเรียนจบมาทางด้านการเงินและการธนาคารโดยตรง กลับไม่คิดที่จะสมัครมาทำงานแบงก์ เพราะเชื่อว่างานอื่นน่าจะท้าทายกว่า สนุกกว่า และมีความเชื่อที่ว่าสิ่งแวดล้อมของออฟฟิศสถาบันทางการเงินนั้นมันช่างไม่ทันสมัยเอาเสียเลย แถมไม่รู้จะมีเพื่อนวัยเดียวกันไว้คบหากันนอกเหนือจากเรื่องงานบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่ไม่เชื่อถือในชื่อเสียงของธนาคารนะ แต่ขอเป็นลูกค้าดีกว่า ความคิดที่อยากจะเป็นพนักงานแบงก์นั้นดูเหมือนจะน้อยลงทุกที แคมเปญเจ๋ง ๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในฐานะลูกค้าที่มองภาพลักษณ์ของธนาคารในระยะหลังจะเห็นได้ว่า มีแคมเปญเจ๋ง ๆ โดนใจออกมาให้ฮือฮากันมากมาย โดยเฉพาะแคมเปญของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่เรารู้จักกันดี เช่น “แม่มณี Money Solution” นางกวัก QR Code ยุคดิจิทัล ที่ลูกค้าสามารถชำระสินค้าของร้านค้าต่าง ๆ ผ่านทาง QR Code ด้วยแอปฯ SCB EASY ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่นำความเชื่อของคนไทยมาผสมผสานกับเทคโนโลยี ที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้ชายยุค slide to unlock อย่างเรา ซึ่งการจะมีแคมเปญผลงานดี
ถ้าพูดชื่อ Ingvar Kamprad หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าเราบอกว่าเจ้าของ IKEA ชาว UNLOCKMEN คงเริ่มร้องอ๋อแล้วหันไปคุยกับเพื่อนข้าง ๆ ว่า “คนที่เพิ่งจะเสียไปใช่ป่ะ?” เราตอบให้ได้เลยว่า “ใช่ คนนั้นล่ะ” ปู่เพิ่งจากเราไปอย่างสงบแล้วด้วยวัย 91 ปี ตามแถลงการณ์ของบริษัท หนนี้ทีมงานจึงอยากชวนชาว UNLOCKMEN ทุกคนมารำลึกความหลัง ตามรอยมรดกชีวิตและแนวคิดของคุณปู่สุดฮอต เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจสู่การเป็นมหาเศรษฐีมีชื่อ หรือขอสมัครเป็นสาวกของศาสดาผู้ล่วงลับคนนี้ก็ได้ Who Is he? Ingvar Kamprad เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1926 ใช้ชีวิตในฟาร์ม Elmtaryd ใกล้กับหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อ Agunnaryd เมือง Småland ทางตอนใต้ของสวีเดน ไลฟ์สไตล์ของปู่คือการขี้เกียจตัวเป็นขน เขาเป็นเจ้าของตำนานที่เป็นสร้างจากความธรรมดา ตอนเด็กก็เที่ยวเล่น ขี้เกียจลุกไปรีดนมในฟาร์ม ติดเหล้า เข้ารีต (ลัทธินาซีแต่ตอนหลังก็เลิกแล้ว) เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างที่พวกเราเคยเป็น หรืออาจจะเป็นมากกว่าที่เราคิดจะเป็นด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเบ้าหลอมการสร้าง IKEA ได้เป็นอย่างดี เพราะขี้เกียจจนอยากไปทำอย่างอื่นที่มันได้เงินง่ายกว่า
เรามักจะตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่าการทำงานสไตล์ไหนถึงเหมาะสมกับตัวเรา บ้างก็อยากออกมาทำฟรีแลนซ์เพื่อความอิสระ หรือบางคนอาจจะชอบอยู่ในกรอบ safe zone ทำงานเป็นทีมในบริษัท แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหนทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีข้อคิดมานำเสนอให้คุณลองมองในมุมที่ต่างออกไป เนื่องจากการทำงานทุกรูปแบบย่อมมีข้อดี และข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าสถานการณ์ไหนการทำงานแบบ Teamwork หรือ Individual ถึงเหมาะจะนำมาใช้และให้ได้ผลลัพธ์การทำงานในแบบที่ต้องการ #INDIVIDUAL เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผลลัพธ์ของงานออกมาดีที่สุด แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานคนเดียวเพื่อให้ไอเดียออกมาตามความคิดเรา หรือว่าจะทำเป็นทีมเวิร์คดีเพื่อจะได้มีคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นเราอยากแนะนำให้ดูที่สไตล์งานและความสามารถของคุณดู เพราะข้อดีของการทำงาน Individual หรือ การทำงานคนเดียวนั้นก็คือ 1. งานที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคุณไม่ต้องคอยการตัดสินใจจากใครอำนาจสิทธิ์ขาดต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับคุณโดยตรง อีกทั้ง 2. คุณจะได้ใช้ไอเดียของคุณอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมีความคิดคนอื่นเข้ามาผสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็จำเป็นจะต้องมีความสามารถด้านนั้นให้เพียงพอที่จะสามารถฉายเดี่ยวได้ 3. คุณจะได้เครดิตเป็นของคุณคนเดียวเต็ม ๆ เพราะว่างานที่เสร็จสมบูรณ์นั้นผ่านจากฝืมือของคุณเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความกดดันอันมหาศาลหากชิ้นงานนั้นล้มเหลว ดังนั้นการทำงานแบบฉายเดี่ยวที่ไม่ต้องพึ่งใครอาจจะเหมาะกับสายงานประเภทศิลปิน นักแต่งเพลง โปรแกรมเมอร์ กราฟิกดีไซน์ ที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาบีบคั้นมากนัก พอรับบรีฟแล้วก็มานั่งขลุกอยู่กับตัวเองเพื่อสร้างสรรค์งานออกมา แต่ที่สำคัญคือการทำงานคนเดียวคุณต้องคอยกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่มีงานป้อนเข้ามาอย่างแน่นอน #Teamwork Teamwork ถือเป็นการทำงานที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นทำงานและอยากจะได้รับความรู้ความก้าวหน้าทางอาชีพการงานอย่างมั่นคง เนื่องจากคุณจะได้เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนมากมายที่มีความสามารถจนนำมาปรับปรุงเป็นสกิลของตนเอง โดยข้อดีของการทำงานเป็นทีมคือ 1. คุณจะรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เนื่องจากการทำงานเป็นทีมจำเป็นจะต้องแยกตำแหน่งดูแลกันอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของงาน ดังนั้นคุณจะได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไม่ให้ชิ้นงานทั้งหมดมาเกิดปัญหาที่คุณเพียงคนเดียว 2.ถ้าได้ทีมงานดี
“เด็กรุ่นใหม่มัวแต่เสียเวลาคิดถึงสิ่งแปลกใหม่ที่มันไม่เคยมีอยู่บนโลก…เราถูกสอนให้มี Role Model คือ Mark Zuckerburg, Jack Ma, Steve Jobs แต่มันเป็นแค่ 1 % บนโลกเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่เลย แค่หยิบของใกล้ตัวมาต่อยอด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว” นี่คือคำพูดของ CEO วัยเพิ่งผ่านเบญจเพสได้ไม่นาน แต่ชั่วโมงบินบนถนนสาย Event Organizer ของเขาเรียกได้ว่าไม่แพ้ใครในประเทศนี้อย่างแน่นอน สำหรับคุณบาส – เทพวรรณ คณินวรพันธุ์ ซีอีโอสุดหล่อจากบริษัท ZAAP Party หลังจากที่เราได้ติดตามผลงานของ ZAAP มาอย่างต่อเนื่อง จนทราบมาว่าในปัจจุบัน บริษัท ZAAP Party แทบจะกลายเป็น Event Organizer ที่มีงานรัดตัวชนิดเดือนชนเดือน หัวกระไดไม่เคยแห้ง โดยเฉพาะงานใหญ่ประจำปีอย่าง Single Festival คอนเสิร์ตรวมคนโสดแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย หรือจะเป็นมหกรรมคอนเสิร์ต EDM เปียกน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่มีใครเหมือนอย่าง Waterzonic ล้วนเป็นผลงานของบาสแทบจะทั้งหมด
ปรับตัวไม่ทันก็ต้องตาย คือสัจธรรมของโลกธุรกิจ เพราะในทุกวันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เรามีอินเทอร์เน็ต โซเชี่ยลมีเดีย ทุกอย่างเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ธุรกิจบางอย่างที่ปรับตัวไม่ทันก็ต้องปิดตัวลง แต่ไม่ใช่กับ Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 70 ปี นับว่าเป็นอีกแบรนด์เก่าแก่ที่กำลังพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้ตามทันความต้องการของผู้บริโภค อย่างที่เราทราบกันดีว่า Asics โด่งดังอย่างมากในเรื่องของรองเท้าวิ่ง เพราะกว่า 30% ของนักวิ่งที่ลงแข่งขันในรายการ NYC มาราธอนต่างสวมใส่รองเท้าดังกล่าว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เพียงพอต่อภาพรวมของทั้งบริษัท เพราะเราต้องไม่ลืมว่าภายใต้หลังคา Asics ยังประกอบไปด้วย Asics Tiger และ Onitsuka Tiger ที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์แฟชั่นมากกว่าแบรนด์กีฬา ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้ CEO ของแบรนด์ Gene McCarthy ต้องวางกลยุทธ์ใหม่โดยการดึง fitness fashion เข้ามาไว้ด้วยกันพร้อมทำการ relaunch แบรนด์ในทิศทางใหม่ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าเจตนารมณ์ของแบรนด์ผิดแปลกไปจากความตั้งใจเดิมของผู้ก่อตั้ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว Asics เริ่มก่อตั้งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนาย Kihachiro Onitsuka ที่ต้องการจะสร้างสรรค์รองเท้ากีฬาให้กับเด็ก ๆ ญี่ปุ่นได้รู้จักกับการออกกำลังกายทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะกีฬาวิ่ง ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า