หากเอ่ยถึงชื่อแบรนด์ Breitling (ไบร์ทลิ่ง) ขึ้นมา สาวกเรือนเวลาน่าจะรู้กันดีถึงกิตติศัพท์ด้านการจับเวลาที่เที่ยงตรงแม่นยำของจักรกลบอกเวลา ที่มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน Saint-Imier (แซงต์ อิมิเยร์) ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขา Jura (ชูรา) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งก่อตั้งโดยนาย Leon Breitling ช่างทำนาฬิกาที่ริเริ่มประดิษฐ์นาฬิกาจับเวลาในปี 1884 ด้วยชื่อเสียงเรื่องความแม่นยำทำให้จักรกลจับเวลาภายใต้ชื่อแบรนด์ Breitling ถูกนำไปใช้งานสำหรับภารกิจเหินเวหาอย่างมากมาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนานาฬิกาข้อมือแบบจับเวลาซึ่งได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญในการพิชิตเวหาของมวลมนุษยชาติ จวบจนปัจจุบัน Breitling ยังเดินหน้าพัฒนานาฬิกาคุณภาพสูงขึ้นมาด้วยเป้าหมายเดียวกันกับวันแรกที่ Leon Breitling ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้เริ่มประดิษฐ์นาฬิกาจับเวลาขึ้นมา นั่นก็คือการสร้างสรรค์นาฬิกาจับเวลาที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมระดับโลก และยังคงผลิตกลไกเองแบบ In-House ซึ่งนาฬิกาทุกเรือนของ Breitling นั้นผ่านการผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับรองคุณภาพตามมาตรฐาน Chronometer จากสถาบัน COSC และเมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องราวของ Breitling สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ Chronomat (โครโนแมท) เรือนเวลาที่เปรียบเสมือนคอลเลคชันสําคัญในประวัติศาสตร์ของ Breitling ที่เปิดตัวมาในปี 1984 ซึ่งเป็นยุคที่นาฬิกา Quartz เรือนบางเฉียบจากญี่ปุ่นกําลังเป็นที่นิยมจนสามารถครองตลาดมาตั้งแต่ช่วงยุค 70s สวนทางกับนาฬิกาจักรกลสวิสเมดที่ความนิยมหดหายจนแทบเข้าขั้นวิกฤติ แต่ถึงกระนั้น
งานศิลปะทางการเมือง Political Art ในนาม “Headache Stencil” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยหน้าสักเท่าไร แต่หลาย ๆ คนก็รู้จักเขาผ่านทางผลงานที่เล่าเรื่องคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับ ประเด็นทางการเมือง หรือประเด็นที่บางคนไม่กล้าพูดถึง รับรองว่าใครที่เขาได้ mention ถึงในผลงานได้มีอาการ “ปวดหัว” เป็นแน่แท้ ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาปล่อยผลงานที่แสดงถึงการต่อต้านเผด็จการ จึงถูกคุกคามจากกลุ่มคนนิรนาม ถึงบ้านพัก บางครั้งก็ถูกขับรถตาม เรียกได้ว่า “บ้าน” ก็ยังไม่ปลอดภัยสำหรับเขา ยิ่งถูกคุกคามมากเท่าไร เขายิ่ง “พร้อมจะตีแผ่ความจริงของประเทศให้โลกได้รับรู้มากเท่านั้น” การพูดความจริงไม่สามารถพูดได้ในที่สาธารณะ แต่เขายังคงยืนหยัดที่จะสร้างผลงาน เพื่อต่อต้านเผด็จการ หรือประชาธิปไตยจอมปลอมต่อไป โดยผลงานของเขาได้ถูกสื่อต่างประเทศอย่าง reuters ตีแผ่เพื่อให้โลกได้รับรู้ และถูกขนานนามว่าเป็น Banksy (ศิลปินชาวอังกฤษ) แห่งเมืองไทย และล่าสุด การตีแผ่ความจริงทางการเมืองในเชิงศิลปะ ของเขาถูกจัดแสดงขึ้นที่ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ซึ่งคิดว่าเป็นเพราะ เพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงจากกลุ่มบุคคลอื่น และเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศเป็นอย่างมาก ภายใต้ชื่องานที่ว่า ดู-ดาย (Do or Die) : HEADACHE STENCIL SOLO
กุชชี่ (Gucci) ลักชัวรี่แฟชั่นแบรนด์ระดับโลก ผู้บุกเบิกโปรเจ็คคอลลาบอเรชั่นระดับแถวหน้าแห่งโลกดิจิทัล เปิดตัวโปรเจ็คล่าสุด ที่ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ อเลสซานโดร มิเคเล่ ได้เชื้อเชิญเหล่าศิลปิน visual artists จากทั่วโลก มาร่วมตีความและนำเสนองานศิลป์ผ่าน นาฬิกา G-Timeless automatic ในมุมมองที่แตกต่างกันไป ผลงานในโปรเจ็คนี้รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยบรรดาศิลปิน ทั้งนักวาดภาพประกอบ จิตรกร และดิจิทัลอาทิสต์ ที่ได้รับโจทย์ให้ร่วมถ่ายทอดจินตนาการและสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ที่มีต่อนาฬิกา G-Timeless automatic หลากหลายรุ่น ถือเป็นความ ท้าทายในการตีความอย่างสร้างสรรค์ตามแบบของตนเอง โดยมีเอเลเมนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น G-Timeless เป็นธีมหลัก ทั้งลวดลายรูปผึ้ง ที่เป็นไอคอนของแบรนด์มาตั้งแต่ยุค 1970s ซึ่งถูกนำมาใช้ตกแต่งเป็นไอเทมหลักบนหน้าปัดสโตน รวมถึง อินเด็กซ์บอกชั่วโมง ศิลปินแต่ละท่านถือเป็นตัวแทนชุมชนระดับโลกอย่างแท้จริง ในขณะที่บางศิลปิน เช่น Winnie Chi จากจีน และ Kieron Livingstone จาก UK เคยร่วมงานคอลแลบกับ Gucci มาก่อนแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นการค้นพบศิลปินหน้าใหม่สำหรับแบรนด์ เช่น Oh de
บรรดาแฟนหนัง และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา คงรู้กันดีว่านาฬิกา Hamilton เป็นแบรนด์โปรดของเหล่าผู้สร้างภาพยนตร์มานานหลายทศวรรษ ได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์มาหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาที่ออกแบบสำหรับ 2001: A Space Odyssey ในปี 1968 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้งของผู้กำกับ Stanley Kubrick และยังเป็นผลงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้มีการประดิษฐ์นาฬิกาดิจิทัลเรือนแรกของโลกขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเรือนที่เรียกได้ว่าเป็นอีกชิ้นงาน Masterpiece ที่ Hamilton ได้รังสรรค์ให้กับวงการภาพยนตร์ กับ The Murph Watch จาก Interstellar ของผู้กำกับ Christopher Nolan ที่ได้กลายมาเป็นนาฬิกาข้อมือยอดนิยมของแฟนหนังเรื่องนี้ ที่ยังคงตราตรึงกับเรื่องราวความรักความผูกพันของพ่อลูกในภาพยนตร์ที่ถูกเชื่อมโยงเอาไว้ด้วย The Murph Watch จาก Hamilton จากวันนั้นถึงวันนี้ ความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง Hamilton และ Hollywood ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง กับการรวมเอายอดทีมนักออกแบบและวิศวกรจาก Hamilton และ ทีม Production Design ระดับหัวกะทิผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง TENET มาสร้างสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษสำหรับใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดของโคตรผู้กำกับอย่าง Christopher
ลืมทุกโซฟาที่คุณเคยคิดว่านั่งสบายไปซะ แล้วมาทำความรู้จักกับ Dhyan Chaise Lounge โซฟาที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสงบแบบ Zen ให้กับผู้นั่งได้อย่างลึกซึ้งด้วยน้ำตกและต้นไม้ Dhyan Chaise Lounge ออกแบบโดยบริษัท Karimeen inc. ได้แรงบันดาลใจมาจากความสงบของพุทธศาสนาและความสงบของสวนญี่ปุ่น ผสมเข้ากับ Modern design ที่หรูหรา เพื่อมอบความรู้สึกผ่อนคลายจากภายในที่ลึกซึ้งไปอีกขั้น ด้วยการเชื่อมต่อมนุษย์และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันผ่านโซฟายาวสไตล์ Chaise Lounge ตัวนี้ โดยสามารถเลือกรูปแบบของโซฟาได้ถึง 3 รูปแบบ คือ standard mode, water-pond mode และ garden mode คำว่า Dhyan (ธนายะ) ของเก้าอี้ตัวนี้มาจากภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า ฌาณ หรือการทำสมาธิ ถูกนำมาใช้เป็น design concept หลักของการออกแบบ ไม่ว่าคุณจะเครียดมาแค่ไหนจากภาระหน้าที่ระหว่างวัน เมื่อคุณกลับมาเจอเก้าอี้ตัวนี้ คุณจะพบกับความสงบที่แท้จริง โดยสามารถเลือกรูปแบบความสงบที่ต้องการได้ 3 รูปแบบ เริ่มจาก Standard mode
ผู้ชายสายลุยอาจต้องอดลุยกันมาพักใหญ่ ๆ เนื่องจาก COVID-19 แม้ตอนนี้หลายสถานที่ในประเทศจะเริ่มกลับมาเปิดตามปกติ และการคลายมาตรการบางส่วนทำให้เราออกเดินทางไปต่างจังหวัดได้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่รู้เมื่อไรเราถึงจะกลับมาผจญภัย ออกเดินทาง หรือมีทริปแบบปกติ ๆ เหมือนก่อน COVID-19 มาเยือนได้อีก UNLOCKMEN เข้าใจหัวอกสายลุยดียิ่งกว่าดี จึงไม่มีอะไรเยียวยาได้ตรงจุดไปกว่า SPACE by Ecocapsule® เพราะนี่คือบ้านแคปซูลขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ล้ำ ฟังก์ชันคูลที่ให้ความรู้สึกเหมือนการไปตั้งแคมป์ (แถมจะไปตั้งที่ไหนก็ได้เพราะไม่ง้อไฟฟ้า) ไม่ต้องคอยระวังอะไรเหมือนไปพักตามรีสอร์ทอีกต่างหากว่าเราเผลอละเมิดกฎ New Normal อะไรไปบ้างหรือเปล่า ส่วนใครเบื่อ ๆ บรรยากาศในบ้าน จะเอามาตั้งในสวนแยกตัวมามีเวลาส่วนตัวแบบคูล ๆ ก็ไม่ผิดกติกา เรียกว่าดีต่อใจสายลุยในวันที่ไม่ได้ออกไปลุยมานานได้กริบทุกมิติจริง ๆ วัสดุภายนอก SPACE by Ecocapsule® ทำจากเปลือกไฟเบอร์กลาสหุ้มฉนวนโครงเหล็ก มาพร้อมระบบการผลิตพลังงานที่สายรักษ์โลกก็ต้องรัก ส่วนสายลุยก็ยิ่งชอบเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะไปตั้งที่ไหน มีไฟฟ้าไหม? เดินไฟให้วุ่นวายหรือเปล่า? SPACE by Ecocapsule® ใช้ระบบการผลิตพลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงติดตั้งบนเสาแบบยืดหดได้ ให้กำลังไฟ 200W ส่วนระบบความร้อนและการระบายอากาศนั้น SPACE by Ecocapsule® ดีไซน์หน้าต่างที่สามารถเปิดเป็นช่องรับลมไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน
เคยตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกว่างเปล่ากันบ้างไหม? ของบางอย่างที่เคยมี คนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีหรืออาจจะทั้งชีวิต พอพวกเขาตายจากไปเราถึงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดีขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เคยอยู่ด้วยกันมาหลายปี วันหนึ่งกลับคล้ายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาเคยอยู่ตรงนี้ อย่างเดียวที่ยืนยันการมีอยู่ครั้งหนึ่งได้คงมีเพียงแค่ความทรงจำของเราเท่านั้น จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเก็บความทรงจำที่สวยงามนั้นไว้ติดตัวเราได้ตลอดเวลา เชื่อว่าหลายคนคงคิดไม่ต่างกัน กระทั่งในที่สุดความคิดนี้ก็เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Gemories Thailand บริษัทจิวเวลรีไทยย่านสุขุมวิทที่เปลี่ยนอินทรียสารของคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นเถ้ากระดูก เส้นผม เส้นใยผ้า ดอกไม้ ฯลฯ ให้กลายเป็นรูปของผลึกพลอยเจียระไนแวววาวพร้อมสวมใส่ วันนี้ UNLOCKMEN โอกาสได้พูดคุยกับ คุณเบนซ์ – คุณปทิตตา หอมจันทร์ Marketing Director และเป็นหนึ่งในผู้บริหาร บริษัท เจมโมรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด แบบเอ็กคลูซีฟและได้เห็นทุกขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ทำให้หายข้องใจว่า ส่วนประกอบต่าง ๆ จากคนที่เรารักสามารถแปรเป็นอัญมณีได้อย่างไร และทำไม Gemories ถึงต้องการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ขึ้น บอกก่อนว่าทั้งหมดนี้เรามองในแง่วิทยาศาสตร์ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องลี้ลับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกบรรทัดด้วยนะ ถ้าจะบอกว่าธุรกิจที่นี่มีจุดเริ่มจาก “จุดจบ” ก็คงไม่ผิด คุณเบนซ์เล่าให้เราฟังว่า เดิมคุณพลอย-ภัสสร ภัสสรศิริ ผู้ริเริ่มธุรกิจ Gemories เคยทำธุรกิจเตาเผาไร้มลพิษและ Pet Master
Kinship คือวัฒนธรรมคนเอเชียมักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านครอบครัวเดียวหรือรวมกันหลายครอบครัว หลาย generation เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความท้าทายในการออกแบบ Interior Design บ้านให้ตอบโจทย์หลายครอบครัวในพื้นที่จำกัด และนี่คือตัวอย่างบ้านโดย Ming Architects น่าจะเป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่ชอบบ้านสไตล์ Modern Industrial Loft กับรายละเอียดโหด ๆ และต้องรองรับสมาชิกครอบครัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต Venus House ไอเดียบ้านสไตล์ Modern สำหรับครอบครัวใหญ่ในสิงคโปร์ที่อาศัยอยู่ด้วยกันหลาย generation โดย layout บ้านทาวน์เฮาส์มีความคล้ายกับในประเทศไทย คือหน้าแคบแต่ลึก ความท้าทายคือการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยยังคงความเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละครอบครัว ทีมออกแบบจึงแก้ปัญหาด้วยการเจาะเพิ่มชั้นใต้ดินเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในบ้านได้มาอีก 1 ชั้น และเปิดพื้นที่กลางบ้านให้แสงเข้าจากด้านบนผ่าน glass skylight เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ลงมาอย่างทั่วถึง และยังช่วยเรื่องระบายอากาศ รวมถึงการออกแบบขั้นบันไดให้แสงส่องผ่านได้ แบ่งโซนต่าง ๆ ด้วยโทนสีและวัสดุการตกแต่งเพื่อสร้างความแตกต่างออกจากกันโดยอยู่ในโทนขาว ดำ เทา ตามสไตล์ Modern Industrial Loft แต่ที่เด็ดสุดของบ้านนี้คือสระว่ายน้ำ indoor บริเวณชั้นสองในห้อง Entertainment Room
ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้อยู่บ้านกันยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่หันไปทางไหนก็เจอแต่ผนังกำแพงมุมเดิม ๆ อาจทำให้พวกเราเกิดความรู้สึกหดหู่จากบรรยากาศที่น่าอึดอัด วันนี้เราจะมาแนะนำไอเดีย “การตกแต่งต้นไม้ในบ้าน” ใช้ต้นไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้บ้านดูมีชีวิตชีวา และยังช่วยดูดสารพิษ กรองฝุ่น คลายร้อน บรรเทาความเครียดจากการมองและสัมผัสได้อีกด้วย ไปดูกันว่าเราควรเลือกต้นไม้ยังไง และใช้ตกแต่งบ้านวิธีไหนได้บ้าง ลืมความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าต้นไม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตอนกลางคืนทำให้เสียสุขภาพทิ้งไปก่อน เพราะเราสามารถเลือกพันธุ์ต้นไม้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งพื้นที่ใช้งานได้ เช่น พืชตระกูล Crassulacean Acid Metabolism (CAM plant) สำหรับปลูกในบ้าน ที่จะเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้แล้วคายออกซิเจนตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่สามารถดูดสารพิษภายในบ้าน อย่างเช่น ฟอร์มาดีไฮต์ ไซลีน เบนซิน ที่มาจากสีทาบ้านหรือควันบุหรี่ได้ อย่างเช่น ต้นยางอินเดีย ไทรใบสัก ลิ้นมังกร ว่านหางจระเข้ เขียวหมื่นปี หรือกระบองเพชร ล้วนเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และยังมีฟอร์มสวยงาม ดูแลง่าย หรือจะเป็นต้นไม้ที่ช่วยดักจับฝุ่นได้ดีจากใบที่ใหญ่ มีความหยาบ หรือมีขน เช่น ต้นสน ปาล์มใบไผ่ แก้วกาญจนา หรือพืชตระกูลเฟิร์น เหมาะกับการปลูกในสวนหรือพื้นที่รอบบ้าน จะช่วยลดการกระจายตัวของฝุ่น และยังช่วยบังแดดให้บ้านร่มเย็นอีกด้วย
โลกมนุษย์คือการเรียนรู้และปรับตัว นอกจากวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal จะทำให้คนเคยชินกับการเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากาก การล้างมือ และการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสู่ที่สาธารณะแล้ว เรายังจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ Interior Design ของร้านค้าหรือร้านอาหาร ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยทั้งในแง่ความรู้สึกและการสัมผัส เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแบบ New Normal ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวจาก Coronavirus ถ้าวันนี้คุณกำลังทำธุรกิจร้านอาหาร หรือมีแผนว่าจะเปิดร้านอาหารเพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต จากเดิมที่ร้านสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย จะการันตีความสำเร็จของร้านอาหารได้ แต่อนาคตมันจะไม่เพียงพออีกต่อไป และนี่คือเทรนด์การออกแบบ Interior Design เกี่ยวกับ Layout, Spacing และ Experience ในโลกหลัง Coronavirus ที่คุณต้องรู้เอาไว้ การมีระยะห่าง เป็นสิ่งที่จะสร้างความสบายใจในการใช้บริการให้ลูกค้า ปัจจุบันร้านอาหารที่เปิดให้บริการในช่วงใกล้ปลด Lockdown อาจจะทราบดีว่าการใช้ Layout จัดวางโต๊ะแบบเดิม ๆ ที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 – 2 เมตร ตามมาตรการควบคุมนั้นเป็นการเสียพื้นที่มากเกินไป นั่นเพราะการออกแบบตั้งแต่แรกมีจุดประสงค์เพื่อเน้นจำนวนคนต่อพื้นที่เพื่อให้เกิดรายได้มากที่สุด ดังนั้นร้านอาหาร (รวมถึงร้านค้า)