รูปแบบการทำงานของใครหลายคนเปลี่ยนไปแบบพลิกโลก จากที่มีออฟฟิศเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ กลายเป็นต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต น้ำ ไฟ จากที่บ้าน จากที่ทำงานเหนื่อย ๆ ตกเย็นหาที่ฟังเพลงจิบเครื่องดื่มคล่องคอหล่อเลี้ยงหัวใจ ก็เหลือแค่ห้องเดียวกับที่นั่งทำงานมาทั้งวันให้เอกเขนกดูซีรีส์จนตาแฉะ คนทำงานแต่ละประเภทจึงต้องเผชิญความท้าทายในรูปแบบที่ต่างกันไป รวมถึง “คนทำงานสร้างสรรค์” ศิลปิน นักดนตรี นักวาด นักเขียน ฯลฯ เมื่องานต้องการพลังสร้างสรรค์เท่าเดิม (หรือบางงานต้องการมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ) แต่การทำงานสร้างสรรค์ในห้องปิดตาย หรือสถานที่เดิม ๆ ซ้ำ ๆ นั้นไม่ง่ายที่จะขุดขุมพลังฉูดฉาดมาได้เหมือนที่เคยเป็นมา ทางออกคืออะไร? เราเชื่อว่าสายสร้างสรรค์หลายคนคงอยากฟังคำตอบจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ วันนี้ UNLOCKMEN รวบรวม 6 คำตอบจากคนทำงานสร้างสรรค์ว่าในสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้และออกไปหาแรงบันดาลใจที่อื่นไม่ได้ พวกเขาทำอะไรเพื่อยังผลิตผลงานหรือใช้ชีวิตให้ไม่ทำร้ายศักยภาพตัวเองเกินไปนัก? ป๊อก-ไพโรจน์ พิเชฐเมธากุล ป๊อก-ไพโรจน์ พิเชฐเมธากุล ศิลปินผู้เชื่อเรื่องการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนมนุษย์ เขาเลือกใช้ศิลปะช่วยเหลือคนไร้บ้าน สำหรับเขาในห้วงวิกฤตเช่นนี้ อีกหนทางที่คนผลิตงานสร้างสรรค์ยังพอทำได้ คือการพยายามมองหาส่วนที่ดีที่สุดจากสิ่งที่เกิดขึ้น อาจไม่ได้เพื่อลืมแต่เพื่อหาหนทางที่จะใช้ผลงานของเรา ช่วยเหลือหรือสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่น ๆ เท่าที่พอทำได้ในช่วงเวลาที่ทุกสิ่งนั้นไม่ง่ายเลย “ผมพยายามมองด้านบวกว่าในเหตุการณ์นี้พอมีเรื่องอะไรดีอยู่บ้าง เราจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น ได้มีเวลาวางแผนการงานและชีวิต เห็นวิกฤตเป็นความท้าทาย พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปกับมัน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนเจ๋ง ๆ หลายคนหันไปทำเกษตร เรียกว่าเป็นกราฟที่สวนทางกับยุคที่เรายังเด็กแบบกลับหัวกลับหาง แม้ไม่อยากจะเรียกว่าเป็นเทรนด์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายทางการเกษียณที่หลายคนมองไว้วันนี้ มันเป็นความรู้สึกพอเพียงที่ไม่ได้เน้นตัวเลขในบัญชี เปลี่ยนมาเน้นการได้ออกไป “มีที่สักที่” ให้ไปเดินรดน้ำ เก็บผักเก็บไข่ที่มีคุณภาพกินอย่างมีความสุขและอยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ทว่าฝันส่วนใหญ่มันเริ่มต้นใกล้ ๆ วัยเกษียณที่มีเงินก้อน กระทั่งเรามีโอกาสแวะมาที่และได้พูดคุยกับรีย์ – ชารีย์ บุญญวินิจ เกษตรกรหนุ่มเมืองพันธุ์แท้ ที่ล่อแหกทุกกฎการทำเกษตร เฮี้ยนหาหนทางเลี้ยงไส้เดือน ปลูกผักบนปูน แถมในฟาร์มยังมีไก่มากกว่า 5 ตัวแน่ ๆ เท่าที่มองเห็น นี่ยังไม่นับรวมเป็ด เต่า ไปจนถึงหมูขนาดยักษ์อีก 2 ตัว ชีวิตเขาเนี่ย คนจะว่า “บ้า” ก็คงได้ เพราะถ้าใครยืนยันว่าจะสร้างฟาร์มในกรุงเทพฯ จากพื้นที่ขนาดเล็กที่เคยเริ่มต้นจากโรงรถ เกษตรบนพื้นปูน มันก็แปลกจริง ๆ “เราใช้ข้อดีของกรุงเทพฯ แต่ว่าเราก็รู้ว่าข้อเสียของกรุงเทพฯ มันคืออะไร ความวุ่นวาย ฝุ่น โน่นนี่นั่นทุกอย่าง เราก็อยู่กับมัน เราไม่มีต่างจังหวัดให้กลับ อยู่กรุงเทพฯ ไปทั้งชีวิต ไม่งั้นทำยังไงอะ ? ต้องรอเกษียณ 60-70
ไม่ใช่ว่าไม่อยากใส่นะ แต่ไม่มีให้ใส่ ขณะที่หน้ากากอนามัยหายไปจากสารระบบร้านขายยาและห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ถ้าคุณเคยเดินไปหลายกิโลฯ เพื่อตามหาซื้อแต่เจอแต่ร้านปิดป้ายว่า “ไม่มีหน้ากากอนามัย” พวกเราคือเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันในช่วงหนึ่งของชีวิต เชื่อแล้วแหละว่า “เงิน” มันซื้อไม่ได้ทุกอย่างจริง ๆ กระทั่งไม่นานมานี้มีเว็บไซต์หนึ่งเปิดตัวในโลกออนไลน์และใช้ชื่อว่า “Mask Map Thai” เจาะพิกัดหน้ากากอนามัยที่อยู่ใกล้ตัวเรา บอกราคาและเส้นทางเสร็จสรรพ เข้าใช้ง่าย แถมยังระบุรายละเอียดครบถ้วนว่าราคาเท่าไหร่ให้ตัดสินใจ ชีวิตหลายคนวันนี้ก็เลยพอมีทางออกมากขึ้น เมื่อติดตามรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ยังได้รู้ว่าคนพัฒนาเว็บฯ คือ “คนไทย” ด้วยกัน UNLOCKMEN จึงถือโอกาสขอพูดคุยกับเขาด้วยตัวเองผ่าน Call Conference เพราะช่วงนี้เราทุกคนควรงดเดินทางเพื่อเป็นอีกวิธีรับผิดชอบทางสังคมทั้งกับตัวเราและกับผู้ที่ปฏิสัมพันธ์ด้วย (ภาพประกอบที่เห็นจึงเห็นเขาอยู่ภายในรถส่วนตัวแบบนี้) “เอฟ” หรือ เอกโยธิน พิลา หนุ่มไทยที่มีอาชีพเป็นอาจารย์สอนเขียนโปรแกรมของสถาบันแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเขาอยู่ที่จังหวัดนครนายก ชายคนนี้คือนักพัฒนาเว็บไซต์ Mask Map Thai แพลตฟอร์มฟรี ชี้พิกัดหน้ากากอนามัยพร้อมจำนวนสต๊อกสินค้าที่มีในไทยขณะนี้ “ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นของจังหวัดใดจังหวัดนึงครับ คือทำปุ๊บเราตั้งใจให้เป็น Open Project เลย โปรเจกต์นี้เราเป็นแค่คนพัฒนาแต่เจ้าของจริง ๆ ก็คือคนทั้งประเทศ เหมือนเป็น Open Data
สมองสั่งการให้สายตาของเราจับจ้องไปที่มันทุกครั้ง ประสาทสัมผัสของเรารับรู้และบอกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นคือ Harley-Davidson เสียงที่กระหึ่ม ดุดัน เร้าใจของเครื่องยนต์ V-Twin ข้อเหวี่ยงวางที่ตำแหน่ง 45 องศา กับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม โดดเด่นและท่านั่งขับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson คือรถในฝันของผู้ชายหลายคนที่ต้องการครอบครองสักครั้งในชีวิต เชื่อว่าหลายคนประทับใจภาพยนตร์ซีรีส์ในตำนานที่ว่าด้วยเรื่องราวแก๊งอาชญากรนักบิดนอกกฎหมายที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson เป็นพาหนะคู่ใจ อย่างเรื่อง “Sons Of Anarchy” แม้ว่าตัวหนังจะจบลงไปแล้วในซีซันที่ 7 แต่นอกจากเรื่องราวของหนังที่สนุกเข้มข้นแล้ว สิ่งที่โดดเด่นและอาจจะผิดมากหากเราไม่กล่าวถึงมันก็คือรถมอเตอร์ไซค์ของตัวละครหลักในเรื่อง โอกาสนี้ UNLOCKMEN จะพาไปดูรถมอเตอร์ไซค์ที่ตัวละครหลักในเรื่องแต่ละคนใช้เป็นยานพาหนะคู่ใจ Clay Morrow หัวหน้าแก๊งหรือประธานของคลับ Sons of Anarchy Motorcycle Club, Redwood Original (เรียกอย่างย่อให้เข้าใจได้ว่า SAMCRO) Clay เป็น 1 ใน 9 สมาชิกดั้งเดิมของคลับ ก่อนตำแหน่งประธานคลับจะถูกแทนที่ด้วยลูกเลี้ยงเขาในภายหลัง สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือสิงห์นักบิดระดับหัวหน้าแก๊งในเรื่องคนนี้คือมือสมัครเล่นในชีวิตจริง เพราะ Ron Perlman เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อนในชีวิตจนกระทั่งมาแสดงในหนังเรื่องนี้ Clay’s Bike
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่สิทธิในเรือนร่างเรากลายเป็นของสังคม แม้ไม่ใช่ด้วยกฎหมายกำหนดแต่ก็ด้วยไม้บรรทัดอีกชิ้นจากสายตาผู้คนรอบข้าง สำหรับผู้หญิงคงมีเรื่อง “โป๊เปลือย” กำกับส่วนผู้ชายมักเป็นเรื่อง “รอยสัก” ที่นำมาตีตราว่าเป็นคนไม่น่าวางใจ เป็นนักเลงหัวไม้ สารพัดความหมายเชิงลบมาผสมกัน “Exaggerate” คือ Solo Exhibition หนึ่งที่กำลังจัดแสดงที่ Green Lantern Gallery ใกล้ BTS ทองหล่อ เล่าเรื่องราวของศิลปะบนร่างกายทั้งหญิงและชายผ่านภาพถ่าย เพื่อดึงให้เรากลับมาคิด คิดถึงความหมายที่แท้จริงผ่านศิลปะบนร่างกายที่เปลือยเปล่า คิดถึงลวดลายสักยันต์โบราณและความคิดคำนึงที่แท้จริงของชายคนหนึ่งที่มีอักขระจารทั่วร่างไปจนถึงกระหม่อม บันทึกช่วงเวลาเปิดเผยเนื้อหนัง ไร้เสื้อผ้าและเส้นผมปิดบังผ่านชัตเตอร์ เรื่องราวเหล่านี้มีความหมายอย่างไร แบบไหนที่ “ว่าเกินจริง (Exaggerate)” แบบไหนที่เป็นของจริง คงไม่มีใครพูดถึงมันได้ดีกว่าเจ้าของผลงานชิ้นนี้ ภัทร – พงศ์ธวัช พยุงชัยธนานนท์ ชายที่มีอาชีพช่างภาพอิสระจบการศึกษาด้านศิลปะการถ่ายภาพจากวิทยาลัยเพาะช่าง ที่หลายคนอาจคุ้นเคยหน้าตาของเขาจากการจำหน่ายกล้องฟิล์ม เพราะเขาคือเจ้าของ House of Film Camera สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ศิลปะที่รอการพิสูจน์ เราบุกมานั่งคุยกับภัทรถึงสตูดิโอส่วนตัวของเขา หลังจากดูงานนิทรรศการเดี่ยวของเขาจบลง ภาพผู้ชายท่าทีสุภาพที่มีรอยสักหลายจุดบนเนื้อตัว ทั้งท่อนแขนและขา ชวนให้เราคิดถึงภาพที่จัดแสดงในห้องสีแดงอีกครั้ง จนเราต้องเอ่ยถามคอนเซ็ปต์งานที่เขาต้องการสื่อในนิทรรศการครั้งนี้ “คอนเซ็ปต์คือ Exagerate หรือ ‘ว่าเกินจริง’ เกินจริงที่แปลว่าพูดเกินความจริงที่เห็น และเกินจริงที่เป็นเรื่องเหนือจริงผสมกัน
ใคร ๆ มักพูดกันว่าผู้ชายเรามีเสื้อผ้าในตู้กันอยู่ไม่กี่สี มีแพตเทิร์นของเสื้ออยู่ไม่กี่แบบ ส่วนใหญ่จะเน้นความมินิมัลเพื่อให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ เรื่องนี้เราคงต้องยอมรับว่า “ใช่” แต่จะให้เหมารวมว่าเราชอบความจำเจและอยากเพลย์เซฟคงไม่ใช่ เพราะความจริงเราละเอียดอ่อนกับเรื่องการแต่งตัวกว่านั้น เสื้อผ้าต้องแสดง attitude และความเหมาะสมกับการสวมใส่ ส่งท้ายงานดีไซน์ครั้งใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่กำลังจะสิ้นสุดลงวันนี้ เราจึงพาทุกคนไปพูดคุยกับ 2 ดีไซเนอร์ไทยจาก 2 แบรนด์ MENSWEAR ที่หลายคนอาจเห็นงานพวกเขาจริง ๆ ใน BKKDW 2020 หรือติดตามผ่านโซเชียล เพื่อให้รู้เบื้องหลังของการออกแบบชุดเท่ ๆ และสนุกสนานที่ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์การออกแบบประจำปีนี้ คือ ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต : “Resilience” “CURATED” – เอก ทองประเสริฐ เริ่มต้นที่คอลเลกชัน COLLECTOR PROJECT x DEVANT – BANGKOK EDITION จากแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น Curated ของเอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์ไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกและอยู่ในวงการมานับ 10 ปี ที่ดีไซน์เอาไว้จัดจ้าน สนุกทั้งสีสันและสุดทั้งลวดลาย มาเต็มทั้งผ้ายันต์
WHAT IS LOVE ? LOVE IS LOVE. คุณเคยโดนสาวถามไหมว่า “รักเค้าไหม ?” เราเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยผู้ชายทุกคนมีประสบการณ์เรื่องนี้เหมือน ๆ กันหมด เคยเอามาพูดกันบ่อย ๆ ในวงกินข้าวด้วยซ้ำว่าจะเอาไงกับเรื่องนี้ดี เพราะคำถามที่ตอบได้ง่าย ๆ แบบนี้ดันกลายเป็นคำถามที่ลูปวนมาถามเราซ้ำ ๆ ไม่รู้จักเบื่อ ล่าสุดพอเข้าเดือนแห่งความรักเราเริ่มจะเจอคำถามสเตปยากขึ้นอย่าง “เธอรักเราเพราะอะไร ?” เออว่ะ…รักเพราะอะไร แล้วสรุปนี่…”รักคืออะไรนะ“ จากความเอะใจ จู่ ๆ เรื่องนี้มันก็เลยกลายเป็นประเด็นระดับชาติที่พวกเรา UNLOCKMEN มานั่งถกกันจริงจัง และกลายเป็นที่มาของการเริ่มต้น ISSUE แรกประจำศักราช สร้างธีมใหญ่ขึ้นมาโชว์ของ ตีความรักในรูปแบบของตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่เรานั่งคุยกันแต่ละคนไม่มีใครตอบเหมือนกันเลย และไม่ว่าจะมีคำตอบแบบไหนก็ไม่มีผิดมีถูกอะไรทั้งนั้น พวกเราเลยแข่งกันเสนอรูปแบบความรักที่ตัวเองอยากโชว์มุมมองของตัวเอง และรูปแบบแรกที่เผยให้ดูก่อนคือความรักที่มาจากแว่นมุมมองของช่างภาพสาวของเราด้วยโปรเจกต์เซตภาพ “YOUNG LOVE” เพื่อสื่อความหมายความเป็นนิรันดร์แห่งรักจากมุมมองที่เชื่อว่า “รักไม่มีอายุขัยหรอกและไม่มีวันหมดอายุ แต่รักจะคงความสดใสไว้เสมอ” สำหรับใครที่เคยเห็นภาพอบอุ่นนี้จากเฟซบุ๊กแล้ว เราขอเผยคอนเซ็ปต์และกิมมิคที่ซ่อนไว้ซึ่งคุณอาจจะไม่ทันสังเกต Statice Flower – Everlasting Love
คุณคิดว่าบริษัทระดับโลกต้องเป็นที่อุดมของคนหัวกะทิ เป็นนักริเริ่มทำโน่นทำนี่ใหม่ตลอด คุณคิดว่าแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ หาเงินได้เยอะ ๆ และต้องมี DNA งานของผู้นำลงไปอยู่ในนั้นสักที่ ถ้าคุณเคยคิดแบบนั้น ลืมมันไปให้หมดเถอะ เพราะหลังจากที่ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับ Ray Chan หนึ่งในผู้ก่อตั้ง 9GAG แพลตฟอร์มฮาข้ามชาติในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 แล้ว ดูเหมือนสูตรนี้มันใช้ไม่ได้ผลสักนิด ก่อนจะไปเจาะว่า ทำไม “9GAG” ถึงเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มขำ ๆ เป็นงานอดิเรกที่ทำหลังเลิกงานก้าวไปจริงจังในระดับระดมทุนที่ซิลิคอนวัลเลย์ ดินแดนสวรรค์ของสาย Tech จนวันนี้มีพนักงานมากกว่า 40 ชีวิตและวิธีการทำงานของ Ray Chan เป็นอย่างไร เราขอเริ่มต้นด้วย 4 เรื่องที่วันนี้คนส่วนใหญ่อาจยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับ 9GAG 1. ซีอีโอคอนเทนต์ตลกไม่ใช่คนตลก เรื่องนี้ Ray Chan พูดมาทุกสื่อเลยว่าเขาไม่ใช่คนตลกนะ อย่ามาให้เขายิงมุกเลย กระทั่งวันที่เราไปสัมภาษณ์เขาก็ยังยืนยันคำพูดนี้ กระทั่งยิ้ม หัวเราะให้กล้องเขายังขอปฏิเสธ แต่นั่นแหละ
เราแก่ลงทุกวัน ความแก่เอาอะไรไปจากเราพอสมควร และดูเหมือนสิ่งจะเอาไปได้มากที่สุดคงเป็นความมั่นใจกับความภาคภูมิใจในการใช้ชีวิตต่อโดยไม่เป็นภาระใคร เคยลองจินตนาการไหมว่าถ้าเกษียณ ถ้าแก่ลง ไม่มีงานประจำให้ทำอีกต่อไป เราอยากจะเป็นคนแบบไหน อยากทำอะไร บางคนคิดว่าไกลตัวเลยไม่เคยวางแผนและคิดเอาล่วงหน้าว่าพลังที่โดนรีดจากความชราคงทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างริบหรี่ “ลุงซึมเศร้ามาปีเลยนะ นั่งจนโซฟาหักเป็นตัว ๆ ดูไร้ค่า เพื่อนก็ไม่มี คนที่ทำงานอยู่ร่วมกันน่ะ เวลาออกมาแล้วเราเหมือนคน ๆ เดียวเลย อยู่แต่บ้านทุกวัน ๆ ลูกก็ดูแลเราตลอดเวลาไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องทำงานถูกไหม ซึมเศร้านะ น้อยใจ เหมือนเกลียดตัวเองไปเลยว่าไม่มีค่าอะไรเลย สุขภาพก็จะแย่ลง ๆ” นี่คือประโยคที่ชายคนหนึ่งเคยพูดไว้ในวันที่หลายคนอาจจะมองว่าการเกษียณเพื่อให้ลูกหลานเลี้ยงดู เราจะสบาย พอใจกับค่านิยมนั่ง ๆ นอน ๆ ที่เราปลูกฝังกันมา แต่ความจริงปลายทางของคนเราไม่ได้มีแบบเดียว และ “ความแข็งแรง” อาจไม่ใช่อุปสรรคชีวิตอย่างที่คิด ก่อนจะไปถึงวันที่เราแก่กันมากกว่านี้ เราอยากให้คุณลองไปทำความรู้จักผู้ชายคนเดียวกันกับที่พูดประโยคด้านบน เขาเพิ่งมาโด่งดังในวัยเกษียณ มาลุกทำตามฝัน และมาบอกกับเรากว่า “ความแก่” ไม่ใช่สิ่งที่จะมาหยุดพลังการใช้ชีวิตของเรา เขาคนนี้คือคนในวงการโมเดลที่ความคิดไม่ได้แก่ลงตามวัย “ลุงติ๊กสเกล – ส.ท. พงศ์กาณฑ์ โกมลกนก” จากรปภ. เกษียณถึงศิลปินและครู คน
พี่ไปเริ่มต้นปั้นพระตอนไหน? “ไปเป็นเพื่อนเขา ไปปั้น ๆ ขยำ ๆ อยู่ 3 ปี แต่ก็ปั้นพระอย่างเดียว” ทำไมพี่ต้องปั้นพระ? “อ้าวแล้วทำไมจะไม่ใช่พระ ทำไมเป็นพระไม่ได้” “เออว่ะ…” คำตอบของมง – พงพันธ์ รุ่งหิรัญรักษ์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์จาก Mullen Lowe เอเจนซี่ระดับสากล มีดีกรีเป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ และเป็นศิลปินนักปั้น “พระ” ที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์ ทำเอาคนถามอย่างเราเสียทรงแล้วพยักหน้าเห็นด้วย จำได้ว่าตลอดการพูดคุยต้องตั้งสติไปเป็นระยะเพราะโดนซัดคำถามกลับมาแบบไม่ทันตั้งหลักหลายครั้ง และไม่บ่อยนักที่คนสัมภาษณ์อย่างเราจะต้องกลายเป็นคนตอบคำถามจากอีกฝ่ายเสียเอง ต่อไปนี้เราจะมาคุยเรื่องพระ ศาสนา ความสุข ความทุกข์ กับคนธรรมดาที่อยู่ในวงการโฆษณามา 20 ปี เขามีเหตุให้บังเอิญไปเกี่ยวข้องกับโลกของศิลปะ (ทำงานร่วมกับศิลปินระดับนานาชาติ) และศาสนาเพราะ “Intuition” ล้วนพร้อมการสร้างวีรกรรมแบกพระปั้นเอง 7 กิโลฯ ไปถวายองค์ดาไลลามะที่อินเดียกับมือมาแล้ว “มาทำงานกับผมไหม?” มงเล่าว่าก่อนจะปั้นพระได้ ก่อนจะได้เป็น curator (นักจัดงานศิลปะ) ทั้งหมดเริ่มจากการตามลุงของเพื่อนซึ่งเป็นเพื่อนของอาจารย์คามิน ชัยประเสริฐไปและได้พบกับอาจารย์เข้า ขากลับตอนจะแยกกัน อาจารย์คามินชักชวนให้ไปทำงานด้วยโดยให้โจทย์ว่า