สุดสัปดาห์มาถึง พร้อมบรรยากาศวันลอยกระทงของปี 2020 ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมพอดิบพอดี ถึงหลายปีที่ผ่านมาเราจะออกไปลอยหรือไม่ลอยกระทงบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำนั้นช่วยเยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าจากการงานมาทั้งสัปดาห์ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะคืนลอยกระทงที่พระจันทร์สว่างนวล มีแสงเทียนจากกระทงวิบไหวให้เราได้ผ่อนคลาย อย่ามัวนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ลองดู 5 บาร์ที่เราอยากชวนไปรู้จัก รับรองว่าลมแม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนคลื่น และกลิ่นเฉพาะของเจ้าพระยาจะช่วยปลอบโยนหัวใจและร่างกายแสนเหนื่อยล้าได้แน่นอน Samsara Bar ถ้าจะมีสักพื้นที่ในเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้ที่เป็นเหมือนสถานที่พักใจ สถานที่ที่เวลาเดินช้าลง และทำให้เราได้อยู่กับแต่ละวินาทีตรงหน้าอย่างเต็มอิ่มที่สุด เราขอยกให้ Samsara Bar เป็นหนึ่งในสถานที่นั่น การที่ที่ตั้งบาร์ซ่อนตัวอยู่ในซอกซอยที่ต้องเดินผ่านอู่ซ่อมรถเข้ามา ยิ่งทำให้เหมือนเราได้เดินทางเข้าไปสู่อีกโลก พร้อมกับที่บรรยากาศของ Samsara Bar อยู่ชิดแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับที่ได้ยินเสียงคลื่นแม่น้ำซัดฝั่งทุกครั้งที่เรือแล่นผ่าน ชวนให้หัวใจสงบอย่างประหลาด ที่นี่บริการเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงอาหารที่พอกินแบบหอมปากหอมคอ (ถ้าไม่อิ่ม เดินไปกินต่อที่เยาวราชได้อย่างอิ่มหนำ) ที่สำคัญในร้านมีแมวคอยเดินนวยนาดเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศที่เวลาเดินช้าลง ห้ามพลาด Location: 1612 ถนน ทรงวาด แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร Open: 5.00 pm – 12.00 am
สำหรับคอกาแฟทั้งหลายคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากาแฟนั้นเปรียบได้ดั่งน้ำอมฤตที่ช่วยรีเฟรชความสดชื่นในชีวิตแต่ละวันได้เป็นอย่างดี ทำให้ร้านคาเฟ่และกาแฟดี ๆ สักแก้ว กลายเป็นสิ่งที่หลายคนขาดไม่ได้ และในชั่วโมงเร่งรีบแบบนี้ร้านคาเฟ่สไตล์ Grab & Go จึงทยอยกันออกมาเปิดมากขึ้น แต่หนึ่งในนั้นกลับมีอยู่ร้านหนึ่งที่แตกต่าง คือร้านกาแฟร้านนี้ที่นำเสนอเมนูกาแฟในรูปแบบใหม่ ฉีกขนบกาแฟแบบเดิม ๆ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านตลาดน้อย ปากซอยเจริญกรุง 31 และร้านที่เรากำลังพูดถึงพร้อมพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปรู้จักก็คือร้าน ‘ENVIES CAFE’ ร้านนี้นี่เอง ที่มาที่ไปของ ENVIES CAFE @เจริญกรุง ในยุคออนไลน์ 4.0 แบบนี้ นอกจากจะมีกาแฟดี ๆ แล้ว ร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งเก๋ ๆ ก็มักจะมาคู่กับรูปภาพสวย ๆ เสมอ จึงกล่าวได้ว่า แฟชั่นกับร้านคาเฟ่ เป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้เลย นั่นเป็นไอเดียตั้งต้นของ คุณ ณัฐดนัย อัมพรเรืองรอง เจ้าของร้าน ENVIES CAFE ที่เชื่อว่าแฟชั่นกับร้านคาเฟ่จะเป็น Trendy ในอนาคตอย่างแน่นอน จึงเปิดเป็นร้านกาแฟร้านนี้ขึ้นมา ถือเป็น Second line ของเจ้าตัวเอง
เมื่อเอ่ยชื่อซอยอารีย์ขึ้นมา เชื่อว่าแทบทุกคงต้องนึกถึงย่านชิค ๆ อีกหนึ่งพิกัดที่เปรียบเสมือนเมืองหลวงคาเฟ่ของเมืองกรุง ซึ่งภาพจำที่ฉาบด้วยความดูดีมีสไตล์และความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามาตามกระแสธารแห่งเวลา ทำให้พื้นที่ซึ่งเคยเป็น Residence Area ที่ผู้คนใช้ชีวิตง่าย ๆ สบาย ๆ อย่างอารีย์นั้นเปลี่ยนแปลงไป และเป็นอะไรที่ชาวอารีย์จำนวนไม่น้อยโหยหา ซึ่ง Poet House Cafe บ้านสีขาวที่ตั้งอยู่ในย่านอารีย์ซอย 5 คือคาเฟ่ และ เวิร์กช็อปสตูดิโอ ที่เราขอยกให้เป็นอีกโลเคชันที่สามารถคืนความเป็นย่านที่อยู่อาศัยสุดชิลล์ให้กับซอยอารีย์ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลที่คอลัมน์ GUIDE สัปดาห์นี้ เราเลือกพาทุกคนมาสัมผัสร้านคาเฟ่ และพื้นที่สร้างสรรค์กลางกรุง ซึ่งให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านหลังที่สอง ที่รอให้ทุกคนได้ไปผ่อนคลายกับกาแฟดี ๆ อาหารอร่อย ๆ และกิจกรรมเวิร์กช็อปมากมายไปพร้อม ๆ กัน POET HOUSE CAFE บ้านที่ทุกคนคือกวีเอก “ตอนที่เริ่มทำร้าน เรารู้สึกว่าอยากจะให้บรรยากาศความเป็นอารีย์สมัยก่อนมันกลับมาเหมือนเดิม ยังใช้ชีวิตที่เรียบ ๆง่าย ๆ สบาย ๆ ได้แบบไม่ต้องอึดอัด ไม่ต้องฟอร์มเยอะ และกลุ่มคนที่มาทำงานแถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Freelance, Creative พวกที่ทำงาน Production
จะมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีไปกว่าการได้พักผ่อนกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ออกไปสูดอากาศสดชื่นสักหน่อย เพลิดเพลินกับพื้นที่โล่งกว้าง และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งผลการสำรวจของ Booking.com เผยว่าทริปที่ทำให้ผู้เดินทางได้กลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกครั้งเป็นทริปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อสามารถออกเดินทางได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง* พักสายตาจากภาพอันคุ้นตาผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม มาเป็นทิวทัศน์อันงดงามของหมู่ดาวในท้องฟ้ายามราตรี และถือโอกาสเชื่อมสัมพันธ์อีกครั้งกับคนที่คุณรัก สัมผัสอากาศรอบตัวที่สดชื่น และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ลืมภาพการพักในเต็นท์บนโคลนเปียก ๆ ต้องคอยกังวลเวลาฝนตก หรือการเดินทางไปตั้งแคมป์บนพื้นที่ห่างไกลไปได้เลย เพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้วงการแคมป์ปิ้งได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าพักได้ใกล้ชิดธรรมชาติในเต็นท์ที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และหากใครยังไม่รู้จะหาที่พักเพื่อออกแคมปิ้งได้จากไหนล่ะก็ Booking.com ได้ค้นหาตัวเลือกที่พักที่มีอยู่กว่า 29 ล้านรายการ รวมถึงที่พักประเภทแคมป์ แกลมปิ้งสุดหรู ที่พักสไตล์เต็นท์ และหมู่บ้านพักตากอากาศที่มีเกือบ 2 ล้านรายการ เพื่อแนะนำที่พักแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ให้ผู้เดินทางได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง ในระหว่างที่พักผ่อนและคลายความเครียดไปกับประสบการณ์ตั้งแคมป์ที่ยอดเยี่ยม Lala Mukha Tented Resort Khao Yai Lala Mukha Tented Resort เต็นท์รีสอร์ททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ เพราะถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขาสุดตระการตา และเพื่อให้ผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่โอบล้อมได้ดียิ่งขึ้น ที่พักได้นำเสนอสระว่ายน้ำกลางแจ้งและเต็นท์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันเหมาะสำหรับผู้มาตั้งแคมป์ครั้งแรก ให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง นอกจากนั้นผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการทำบาร์บีคิวหรือทำอาหารในเวลาว่าง หลังจากใช้เวลาเอกเขนกไปกับคาเฟ่ภายในที่พัก
เย็นวันศุกร์เวียนมาอีกหน สายชิล สายดื่มที่ทำงานมาทั้งสัปดาห์จะให้นั่งร้านเดิม ๆ ในย่านธุรกิจกลางเมืองก็ดูจะไม่พิเศษเอาเสียเลย UNLOCKMEN อยากชวนคุณออกจากคอมฟอร์ตโซน กระโจนเข้าหาย่านเมืองเก่าที่วันปกติธรรมดาเราคงไม่ได้ปรายตามองบ่อยนัก แต่อย่าลืมว่าเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์มาเยือน ลองไปใช้เวลาอย่างที่อยากใช้ดูก็ไม่เสียหาย ที่สำคัญตอนนี้ MRT ก็พาเราไปเยือนย่านเมืองเก่าง่ายขึ้น ที่สำคัญ 5 บาร์ย่านเมืองเก่าเคล้าบรรยากาศสุดคลาสสิกที่บาร์กลางเมืองอาจให้คุณไม่ได้ มาดื่มด่ำแสงเงา เมามายกับเครื่องดื่มรสชาติยวนใจไปด้วยกัน Buddha & Pals “นางเลิ้ง”นับเป็นย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยของกินรสเด็ดเจ้าเก่าสารพัดร้าน แต่ใครจะรู้ว่ามุมหนึ่งของตึกแถวเก่าแก่ของย่านนี้มี บาร์หนึ่งตั้งอยู่อย่างกลมกลืน Buddha & Pals คือสถานที่ที่กลางวันเป็นคาเฟ่เสิร์ฟชา กาแฟ และขนมรสชาติละมุนลิ้น แต่ทันทีที่ตะวันคล้อยต่ำ ความมืดคืบคลาน เมื่อนั้นเองที่ Buddha & Pals เดียวกันนั้นก็จะแปลงกายเป็นบาร์แสงสลัวที่บรรยากาศคลาสสิกอย่าบอกใคร เสน่ห์ของ Buddha & Pals คือการตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณอายุราว 80 ปี ที่ผ่านการเก็บรักษาสภาพบางส่วน และรีโนเวตบางส่วนอย่างลงตัว จากโรงงานผลิตน้ำมันมวยยี่ห้อที่เราคุ้นเคย สู่อาคารที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันน่าหลงใหล สำหรับใครที่ชอบเพลงแจ๊ซ ที่นี่มีดนตรีแจ๊ซบรรเลงสดทุกวันพฤหัส ศุกร์ และเสาร์ ตั้งแต่ 2
สำหรับช่วงวันหยุด คงไม่มีอะไรดีกว่าการได้พาตัวเองไปพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับเรื่องที่ชอบซึ่งหนุ่ม ๆ หลายคนก็มีวิถีแห่งการพักผ่อนแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามสำหรับขาดื่มหรือเหล่า Bar Hopping ทั้งหลายคงไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการได้ลิ้มรสเครื่องดื่มในบรรยากาศของค่ำคืนที่แปลกใหม่ที่ช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กลับมาให้ทุกครั้ง สำหรับคนที่ยังไม่มีเป้าหมายในค่ำคืนนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 พิกัดบาร์ค็อกเทลไม่ลับที่เราอยากให้คุณไปลอง ซึ่งแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจยังไงบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันได้เลย BYT BAR BYT BAR บาร์ค็อกเทลที่ผุดขึ้นมาในซอยสาทร 12 พร้อมคอนเซ็ปต์ของซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มีเอกลักษณ์ โดยแต่ละแก้วจะตั้งชื่อขึ้นตามเมืองหลวงของประเทศในทวีปยุโรปที่มาพร้อมรสชาติที่เข้มและอ่อนละมุนแตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบคลาสสิกค็อกเทลทางร้านก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในส่วนของบรรยากาศภายในร้านถูกแต่งเติมด้วยเก้าอี้และโซฟาหนังที่ย้อมด้วยแสงไฟสีแดง ทั้งหมดทำให้ BYT BAR เป็นร้านที่เหมาะสำหรับชวนเพื่อนที่รักค็อกเทลไปหาความแปลกใหม่ของทั้งรสชาติ บรรยากาศ และผู้คนรอบตัว สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ: BYT BAR หรือติดต่อที่เบอร์ 085-553-5844 BAR 335 BAR 335 บาร์ค็อกเทลไม่ลับที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร Metropole ท่ามกลางบรรยากาศโมเดิร์นที่ตกแต่งเรียบง่ายในสไตล์บาร์ญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสได้เลือกนั่งได้ทั้งหน้าบาร์ โต๊ะคู่ หรือโต๊ะยาวในกรณีมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนจำนวนมาก BAR 335 (ทีร์ทีร์ไฟฟ์) มาพร้อมซิกเนเจอร์ค็อกเทลรสชาติละมุนลิ้นที่มีทั้งเรื่องราวและวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเอง แถมตลอดทั้งค่ำคืนยังขับกล่อมด้วยดีเจสลับกับเพลล์ลิสต์เพลงที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ช่วยทำให้ค่ำคืนของที่นี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ:
น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาคารเก่าแก่ 3 ชั้นใกล้หัวลำโพงอายุนับ 100 ปี ที่เคยเป็นทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธนาคาร และอาบอบนวดอย่าง “Mustang Blu” หรืออีกชื่อยอดฮิตที่พูดแล้วต้องร้องอ๋อชี้พิกัดถูกว่ามันคือ “คลีโอพัตรา” ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา MANCAVE ครั้งนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในวันที่ไม่มีคลีโอพัตราอาบอบนวด แต่แทนที่ด้วยห้องพักสวย ๆ พร้อมให้ Booking ค้างคืน สัมผัสเสน่ห์วินเทจแท้ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุนับศตวรรษที่ทั้งขลังทั้งมีเสน่ห์ หรือถ้ามีเวลาไม่มาก การแวะมาเยี่ยมเยือนชั่วคราวชื่นชมความสวยงามของโครงสร้างข้างในระหว่างจิบเครื่องดื่มและละเลียดเมนูอร่อย ๆ ชั่วคราวในคาเฟ่ก็ถือว่าคุ้มค่า เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือค้างคืน ถ้าไปเยือนแล้วที่นี่จะเป็นที่ ๆ คุณติดใจอยากจะมาพักใหม่ บอกตามตรงว่าก่อนจะเปลี่ยนมือจากอาบอบนวดมาเป็นโรงแรมและคาเฟ่สไตล์โคโลเนียลเหมือนปัจจุบันที่คนแห่แหนกันต่อคิวเข้าไป พวกเราเองยังไม่เคยมีโอกาสย่างกรายเข้าไปใช้บริการมาก่อน แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาในอาคาร แม้จะไม่รู้ว่าสภาพดั้งเดิมเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่อีกพื้นที่หนึ่งทันที บรรยากาศคอนทราสต์กับด้านนอกชัดเจน เพราะการตกแต่ง บรรยากาศ และเสียงเพลงสไตล์บทกวีอาหรับที่กล่อมเกลาไปทั่วทั้งอาคาร ทุกองค์ประกอบที่เราเห็นเหล่านี้คือผลงานการสร้างสรรค์ของ คุณจอย อนันดา สไตลิสต์และโชว์ไดเรกเตอร์ชื่อดังในวงการแฟชั่น โปรเจกต์ The Mustang Blu
วันหยุดพักผ่อนมักลวงตาให้เราต้องกระเสือกกระสนเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่กลางกรุงเองก็มีสถานที่พักผ่อนอัดแน่นวัฒนธรรม มีอาหารดี ๆ มีที่ให้นอน แม้ในมุมที่เป็นย่านการค้าพลุกพล่านอย่างเยาวราชตอนนี้ก็เริ่มผุดทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา 350 STATION CAFE & HOMESTAY คือคลาสสิกคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งใหม่ย่านเยาวราชที่เกิดขึ้นจาก คุณต๊ะและคุณแลม คู่หูนักเดินทางที่รักการเดินทางด้วยรถไฟ ฝันอยากสร้างที่พักเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง จนกระทั่งได้ตึกแถวสไตล์ลูกครึ่ง จีนผสมชิโน-โปรตุกิส (Sino-Portuguese) ซึ่งเคยเป็นอดีตร้านขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ใกล้วงเวียน 22 มารีโนเวต จึงปรับพื้นที่ด้านล่างเป็นคาเฟ่และด้านบนเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ ด้านหน้าร้านตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยประตูบานเฟี้ยมโบราณ มีต้นไม้สีเขียวสบายตา ใครเดินผ่านไปมาจะรู้สึกคล้ายเป็นโอเอซิสบนถนนมังกร ชวนให้อยากเดินเข้าไปพักดื่มเครื่องดื่ม แต่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแห่งนี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก้าวเข้าไป เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์จากการเก็บโครงสร้างดั้งเดิมของผนังที่กร่อนตามกาลเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งให้ช่างเคลือบร่องรอยทั้งหมดไว้เพื่อให้คงความสวยงาม 350 station สถานีคลายความเหนื่อยล้า ชื่อร้าน 350 Station & Homestay มาจากคอนเซ็ปต์ “ยุครถไฟรุ่งเรือง” เพราะเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็น “สถานีหมายเลข 350” สำหรับพักกายใจของนักเดินทาง จากเหตุผลที่ลงตัวระหว่างความชอบเดินทางด้วยรถไฟ เอกลักษณ์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่ค่อนข้างช้าไม่เร่งรีบเหมาะให้สโลว์ไลฟ์ ประกอบกับโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ในย่านสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งจะปิดทำการและเปิดให้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนตัวเลข 350 นั้นมาจากเลขบ้านเลขที่ของคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งนี้ แต่ความประณีตที่ทำให้
สารภาพตามตรงว่าตั้งแต่ Covid-19 เข้ามามีบทบาทในชีวิต ดูเหมือนว่าการพาตัวเองไปดื่มด่ำสุนทรียภาพกลายเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่เราแทบใส่ใจ ไหนจะงาน ไหนจะเงิน ไหนจะความสัมพันธ์ คล้ายว่ามีเรื่องสำคัญ ๆ อยู่อีกมากรอให้เราดูแล เดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว จนกระทั่งสี่เดือนกว่าที่เราเคร่งขึงตึงเครียดกับชีวิต จนในที่สุดเราก็ถามตัวเองว่าใจดีกับตัวเองได้บ้างหรือยัง? คิดได้แบบนั้นก็อยากพาตัวเองไปดื่มด่ำบรรยากาศ ผ่อนคลายกับเครื่องดื่มให้ชื่นใจ และสนทนากับใครสักคนในบาร์สักแห่งที่แสงสลัวแปลกตา ราวกับว่าได้หลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริงไปชั่วขณะ Tai Soon Bar คือคำตอบของวันนี้ บาร์แสงสลัวที่เราอยากพาตัวเอง และชาว UNLOCKMEN ไปหลงใหลดื่มด่ำด้วยกัน ตึกรามเก่าแก่ย่านเมืองเก่า คลาคล่ำไปด้วยรถราและร้านอาหารเด็ดเจ้าดังที่ดึงดูดคนจากทั่วสารทิศ สองข้างทางมีผู้คนที่ดั้นด้นมาลิ้มรสของอร่อย นี่คือบรรยากาศของย่านประตูผีที่ใครหลายคนคุ้นเคย แม้บาร์คราฟต์เบียร์แสงสลัวจะดูโดดเด่นออกมาจากสิ่งอื่น ๆ แต่ทันทีที่เราเดินทางมาถึงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะ Tai Soon Bar ทั้งโดดเด่นแต่ก็กลมกลืนด้วยดีไซน์ที่เจ้าของเลือกรีโนเวตอาคารที่เคยเป็นร้านขายยาจีนเก่าแก่ของตระกูล ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโครงสร้างที่ยังคงความเก่าแก่ ความดิบ คู่ไปกับบรรยากาศที่เหมาะแก่การปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคืนค่ำได้อย่างดี “ไท้ซุ่นตึ๊ง” ป้ายชื่อร้านยาเดิมยังตระหง่านอยู่เหนือประตูทางเข้า พร้อมป้าย “Tai Soon Bar” สีแดงสดที่ดึงดูดให้เราเข้าไปค้นหา ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป กำแพงปูนสึกกร่อนดึงสายตาเราไว้ บางส่วนหลุดลอกเป็นลวดลายเฉพาะ บางส่วนเผยให้เห็นอิฐเก่าสีส้มเรียงตัว เป็นความตั้งใจของเจ้าของที่อยากให้
“ไม่ใช่แค่การซื้อห้องหรือคอนโดในหัวหิน นี่คือการซื้อรีสอร์ทตากอากาศ ที่มีบริการระดับเดียวกับโรงแรม Intercontinental ทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ใจกลางหัวหินติดชายหาดที่สวยและสงบมากจริง ๆ” นี่คือบทสรุปที่เรารู้สึก หลังจากได้เข้าไปดูและทำความรู้จักกับโครงการ Intercontinental Residences Hua Hin “หัวหิน” ตำนานที่เริ่มจากหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล ที่มีชายหาดสีขาวสวย สงบ ร่มรื่น ถูกค้นพบระหว่างการสำรวจเส้นทางเพื่อสร้างทางรถไฟ จึงถูกรายงานไปที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงมีคำสั่งให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อน ในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการสร้างวังไกลกังวล (Far From Worries) ซึ่งมีความหมายที่แสดงถึงความเป็นหัวหินได้ตรงตัว และหลังจากนั้นเหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ก็เริ่มตามมาจับจองสร้างที่พักอาศัย ทำให้หัวหินมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความสวยงามของทะเลที่รักษาเอาไว้เนื่องจากประวัติศาสตร์นี้เอง มีหลายโครงการในหัวหินที่บอกว่าตั้งอยู่ริมหาดในตำแหน่งที่ดีที่สุด เราคิดว่าหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางติดทะเลหัวหิน ในทำเลที่ดีมาก ๆ ก็คือ Intercontinental Residences Hua Hin ที่ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 71 ฝั่งทะเล อยู่ใจกลางหัวหินซึ่งในอดีตเป็นที่ของขุนนางเก่าและตระกูลใหญ่ โรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก จึงเลือกยึดพื้นที่หาดที่สวยที่สุดจุดนี้ไว้เช่นกัน ดังนั้นจึงการันตีได้ว่าตำแหน่งนี้ จะมีชายหาดที่สวยสะอาดอยู่เสมอ