ช่วงนี้สายดื่มอาจรู้สึกเฉา ๆ กันบ้าง โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบค็อกเทล เพราะบรรดาร้านต่าง ๆ งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันหมด บางคนอาจหันมาสนใจเครื่องดื่มน้ำผลไม้ไร้แอลกอฮอล์อย่าง ‘ม็อกเทล’ มากขึ้น สอดรับกับเทรนด์ของคนทั่วโลกที่หันมาสนใจม็อกเทลกันมากขึ้นเช่นกัน วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้คัดเอาร้านม็อกเทลหลากสไตล์มาให้ทุกคนได้เลือกสรรกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านสไตล์ ยุโรป จีน เกาหลี รามไปถึงร้านที่มีบรรยากาศคูล ๆ อย่าง รูฟท็อปบาร์มาไว้ในที่นี่ที่เดียว รับรองได้ว่าแต่ละร้านนั้นมีทีเด็ดทั้งของกิน เครื่องดื่ม และบรรยากาศแบบครบเครื่องแน่นอน Vesper มาเริ่มกันที่บาร์ค็อกเทลสไตล์ยุโรปอย่าง Vesper ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วจากการได้เป็น 1 ใน 50 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย (ASIA’S 50 BEST BARS) และเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ธีม ‘Contrast’ ผลงานของบาร์เทนเดอร์มือรางวัลระดับโลก และเอเชียอย่าง ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ ตอนนี้ทางบาร์ได้หันมาทำคาเฟ่ และร้านอาหารชั่วคราว และเปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่ว่า Vesper Caffè ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้จิบเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ของร้านในสไตล์ของม็อกเทล (ใช้ชื่อคอนเซ็ปท์ใหม่ว่า ‘Non-Contrast’) และทานอาหารสไตล์คอมฟอร์ทฟู้ดท่ามกลางบรรยากาศของบาร์ยุโรปสไตล์วินเทจอันเป็นเอกลักษณ์ บอกเลยว่าเป็นที่ที่ดีงามทั้งด้านกิน ดื่ม และสถานที่ถ่ายรูปจริง
ต้อนรับข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนโควิดที่ใกล้จะได้ฉีดสร้างภูมิต้านทานกันเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะรีบมุ่งไปญี่ปุ่นทันทีที่เปิดประเทศกัน ด้วยการนำเสนอจุดหมายปลายทางที่คนรัก Osaka และ Louis Vuitton ต้องห้ามพลาด หลายคนอาจจะจำได้ว่ามีข่าวเกี่ยวกับการเปิดคาเฟ่และร้านอาหารของ Louis Vuitton ตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้เราจะพาไปดูบรรยากาศเพิ่มเติมของ ‘Le Cafe V’ และ ‘Sugalabo V.’ ร้านอาหาร fine dining ที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของ flagship store ใน Osaka โดยได้ chef ญี่ปุ่นชื่อดัง Yosuke Suga เชฟผู้ผ่านประสบการณ์จากร้านอาหารระดับโลกในหลายประเทศ และยังเป็นลูกศิษย์ของ Joel Robuchon “Chef of the Century” ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับสถิติ 32 Michelin Guide stars เป็นผู้ดูแลเรื่องเมนูและอาหารทั้งหมด Le Cafe V ตั้งอยู่บนชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร สำหรับนักชอปที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจด้วยกาแฟและอาหารเบา ๆ
สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่เน้นใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากจะมีเหตุผลหลักเรื่องความสะดวกสบาย และความปลอดภัยกับการที่ไม่ต้องพกเงินสดมากมายในยามที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน เราเชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเปิดบัตรใหม่มาใช้งานกันสักใบหนึ่ง หลังจากได้ทำการเปรียบเทียบบัตรหลาย ๆ ใบที่ให้สิทธิพิเศษที่น่าสนใจมากสำหรับไลฟ์สไตล์พวกเรา วันนี้บอกเลยว่าสิทธิพิเศษจากชาร์จการ์ดอย่าง บัตรแพลทินัมเมทัลจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรส นั้นจัดหนักจัดเต็มความ Privilege ซึ่งเรียกได้ว่าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้ชายอย่างแท้จริง และเมื่อย่างเข้าศักราชใหม่แบบนี้ ก็ถึงเวลาที่จะมาอัพเดท Benefit ใหม่ ๆ ว่าในปี 2021 นี้ บัตร Amex Platinum จะจัดสิทธิประโยชน์อะไรมาให้เหล่าสมาชิกได้ใช้เอกสิทธิ์เหนือระดับแบบคุ้มเม็ดเงินในทุกยอดใช้จ่าย ช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ทั้งเรื่องกิน เรื่องบิน เรื่องเที่ยว ได้อย่างไรบ้าง เริ่มต้นด้วยความพิเศษแรก กับมื้ออาหารรสเลิศจากห้องอาหารชั้นนำ ที่มาพร้อมเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะเจ้าของบัตร Amex Platinum เท่านั้น รับบัตรกำนัลรับประทานอาหารมูลค่า 17,000.- บาท ในโรงแรมชั้นนำ ได้แก่ – บัตรกำนัล 1,000.- บาท จำนวน 5 ใบ ที่ห้องอาหาร Liu, Conrad Bangkok –
ในปีที่ความร้อนแรงของ Skate Culture คลอบคลุมไปทั่วทุกหัวเมือง UNLOCKMEN อยากแนะนำร้านสเก็ตดีๆ ที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากจะปรับแต่งสเก็ตหรือมือใหม่ที่จะเริ่มต้นเล่นแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงลองเลื่อนลงไปดูร้านต่างๆ ที่เราคัดสรรค์มาให้ สะดวกที่ไหน ถูกใจร้านไหนก็ลองไปจัดกันตามสะดวกครับ Preduce Skateboards ณ สยามสแควร์ซอย 1 ร้านสเก็ตบอร์ดระดับตำนานนี้เปิดขึ้นที่สยามสแควร์ตั้งแต่ปี 2006 โดยกลุ่ม Pro Skate อันดับต้นๆ ของประเทศที่ได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกจากวิดีโอเล่นสเก็ตที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2006 ที่ร้าน Preduce มีของเยอะแยะมากมายให้คุณได้เสียเงินไม่ว่าจะเป็น สเก็ตบอร์ด อุปกรณ์สเก็ตบอร์ดต่างๆ ที่เป็นสินค้าแบรนด์ Preduce และแบรนด์สินค้านำเข้า รวมถึงสินค้าแฟชั่นพวกเสื้อผ้า รองเท้าต่างๆ คือถ้าคุณคิดจะเริ่มเล่นสเก็ต เดินเข้าไปที่ร้าน Preduce รับรองว่าเดินออกมาจากร้านก็พร้อมไถได้เลย Switch sk8 shop หนึ่งเดียวในห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่เปิดร้านมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี ร้าน Switchsk8shop มีอุปกรณ์หลากหลายให้เลือกมากมาย ทางร้านยินดีให้คำปรึกษาโดยผู้มีประสบการณ์ด้านสเก็ตบอร์ดกว่า 20 ปี สำหรับชาวสเก็ตที่อยู่ทางโซนรังสิตลุยได้เลยครับ ร้านอยู่ในห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
แจ็คเก็ตเดนิมเป็นหนึ่งในไอเท็มยอดนิยมของลูกผู้ชาย หลายคนน่าจะมีไอเท็มแฟชั่นชิ้นนี้เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านกัน แต่ถึงแม้มันจะเป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยมจากคนหลายวัย แต่วิธีการจะใส่มันให้ดูดีนั้น ถ้าไม่รู้หลักการ ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย UNLOCKMEN เลยอยากจะมาพูดถึงสิ่งที่ควรทำเวลาจะใส่แจ็คเก็ตเดนิม เพื่อให้ทุกคนสามารถดึงความเท่และความมีสไตล์ของแจ็คเก็ตเดนิมออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แจ็คเก็ตต้องมีขนาดพอดีตัว และมีสไตล์เหมาะกับเรา ก่อนจะเลือกซื้อเสิ้อแจ็คเก็ตเดนิมสักตัว สิ่งที่เราควรเลือกก่อนเลย คือ ดีไซน์ของมัน เพราะเสื้อแจ็คเก็ตเดนิมที่วางขายตามร้านทั่วไป นั่นมีหลากหลายไซส์และหลากหลายสไตล์ให้เราเลือก ซึ่งแต่ละอันก็ให้ลุคที่แตกต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น แบบหลวมและโอเวอร์ไซส์ จะให้ลุคที่ดูผ่อนคลายสบาย ๆ หรือ แบบฟิตและครอป จะให้ลุคที่ดูคมเข้มมากกว่า เป็นต้น และเมื่อเลือกดีไซน์ที่เหมาะสมได้แล้ว สิ่งที่ควรดูต่อมา คือ ความฟิตของเสิ้อแจ็คเก็ตของเรา ซึ่งเสื้อแจ็คเก็ตของเราต้องไม่โป่งหรือรัดมากเกินไป เลือกสีแจ็คเก็ตให้เหมาะกับสถานการณ์ นอกจากเรื่องดีไซน์แล้ว สีของแจ็คเก็ตก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เสื้อแจ็คเก็ตเดนิมก็ในปัจจุบันมีหลายเฉดสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สีฟ้า สีน้ำเงิน สีดำ สีเทาอ่อน สีขาว ฯลฯ ซึ่งแต่ละสีก็จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น สีฟ้าจะให้ลุคที่ดูสบาย ๆ มากกว่า สีน้ำเงินซึ่งจะให้ลุคที่ดูสมาร์ทมากกว่า ดังนั้น เราควรใส่ใจเลือกการเลือกเฉดสีด้วย ซึ่งเฉดสีที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองดู คือ Medium Wash ซึ่งได้รับความนิยม
ท่ามกลางความวุ่นวายของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การให้รางวัลกับตัวเองด้วยออกไปพบกับโลกที่เราทุกคนสามารถเลือกดื่มด่ำไปกับรูปแบบชีวิตที่พิถีพิถัน ถือเป็นการพักผ่อนชาร์จพลังให้ชีวิตด้วยอีกขั้นของไลฟ์สไตล์ซึ่งเราขอนิยามด้วยคำว่า ‘Live High’ การมีความสุขกับสิ่งที่ใช่ซึ่งช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตยุค New Normal ให้มีความสุข เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ในทุก ๆ วัน และในวันนี้ UNLOCKMEN ร่วมกับ YAMAHA Grand Filano Hybrid จะชวนผู้อ่านทุกท่านออกไปค้นพบพิกัดเติมความสุขกับสิ่งที่ใช่ในวิถี ‘Live High’ ใช้ชีวิตอย่างมีคลาสกับ 3 กิจกรรม จาก 3 สถานที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล สามารถจัดโปรแกรม One Day Trip มีเวลาว่างแค่วันเดียวก็สามารถออกไป ‘Live High’ ได้ครบทุกโลเคชั่น เพราะแต่ละที่นั้นล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขสุดพิถีพิถันด้วยตัวเอง สำหรับพิกัดใช้ชีวิตแบบ ‘Live High’ ที่แรก คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การเริ่มต้นวันใหม่ภายใต้บรรยากาศดี ๆ ที่ The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่เรือนกระจกที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยพระรามเก้า 41 ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นชั้นเดียว หลังคาทรงจั่วประกอบแผ่นไม้สีเข้มเข้ากับกระจกบานใหญ่
สำหรับใครที่ชื่นชอบเล่นกีฬาท้าทายความสามารถ ค่อนข้างจะผาดโผน และที่สำคัญคือต้องเปียก วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จัก Skim Cafe สถานที่จิบกาแฟ Hang Out พบปะผู้คนเจ๋ง ๆ ที่มีพื้นที่เล่นกิจกรรมมันส์ ๆ อย่าง Skim Board เอาไว้รองรับมาฝากกัน บอกเลยว่า สำหรับคนที่กำลังมองหากีฬาใหม่ ๆ ที่ได้ออกแรงทุกส่วนของร่างกาย แถมยังได้ความเร้าใจห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ก่อนอื่นเรามารู้จักกับกีฬา ‘Skim Board’ ที่ว่ากันนี่ก่อนเลยดีกว่า โดยคุณโจ้เจ้าของร้าน Skim Cafe เล่าว่า “จริงๆ แล้ว Skim Board เริ่มต้นครั้งแรกที่ Laguna Beach, California โดยเริ่มจาก Lifeguard (ยามชายฝั่ง) ใช้แผ่นไม้ทรงกลม ๆ หรือวงลี เป็นพาหนะไถเรื่อย ๆ ในการตรวจตราตามหาด ส่วนในประเทศไทยเนี่ย จริง ๆ ก็มีมาประมาณ 10 ปีแล้ว และเหมือนจะได้รับความนิยมมาช่วงนึง แต่มันก็ไม่ได้มีการโปรโมทจริงจัง”
“เบอร์เกอร์บ้าอะไร ใช้เวลาทำตั้ง 20 นาที แถมรับลูกค้าแค่วันละ 4-5 คนต่อวัน” “มันติสท์อะไรของมันวะ กับอีแค่เบอร์เกอร์เนี่ย ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย” “ให้ตีราคาเองเหรอ จะจ่ายกี่บาทก็ได้ดิ งั้นขอกินฟรีได้ปะ !?” นอกจากอารมณ์อยากรู้อยากลองลิ้มรสแฮมเบอร์เกอร์ที่มีเสียงร่ำลือว่ามันถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกมุมหนึ่งในโลกไซเบอร์นั้นเต็มไปด้วยคอมเม้นต์ และบทสนทนาทำนองเดียวกับคำพูดข้างต้นที่เราหยิบยกมา ซึ่งก็คือ Reaction เชิง Negative ของใครอีกหลายคนที่เพิ่งเคยรู้จักหรือเคยได้ยินคำบอกเล่าของคนอื่นต่อ ๆ กันมา เกี่ยวกับร้านเบอร์เกอร์ร้านหนึ่ง ที่เคยสร้างปรากฏการณ์คิวเต็มยาวตลอดปีมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่เราเชื่อว่าหากใครมีโอกาสได้สัมผัสการนำเอาอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างแฮมเบอร์เกอร์มายกระดับให้กลายเป็นงานคราฟต์สุดพิถีพิถันภายในร้าน HomeBurg โปรเจกต์ทดลองของหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อย่าง ‘ไทกิ – รัตนพงศ์ ทสึโบตะ’ คงจะได้คลายข้อสงสัยต่าง ๆ นา ๆ ที่เคยมีต่อเมนูเบอร์เกอร์โคตรอินดี้ที่ยากจะเข้าใจ ว่ามันแตกต่าง และสามารถสร้างความตราตึงให้กับผู้ที่ลิ้มลองได้อย่างไร เพราะถึงแม้ในปัจจุบันเขาจะหยุดโปรเจกต์ Homeburg ไป และกำลังมุ่งมั่นกับการนำเสนอเมนูเบอร์เกอร์สไตล์ไทกิให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมภายใต้แบรนด์ Bun Meet & Cheese แต่รสสัมผัสอันยอดเยี่ยม รวมถึงประสบการณ์การรับประทานที่แปลกใหม่ซึ่งมาจากฝีมือของไทกิโดยตรงเหมือนเมื่อครั้งที่ทำร้าน Homeburg ก็ยังคงเป็นที่เฝ้ารออยู่เสมอ และคอลัมน์ The Real
สุดสัปดาห์มาถึง พร้อมบรรยากาศวันลอยกระทงของปี 2020 ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมพอดิบพอดี ถึงหลายปีที่ผ่านมาเราจะออกไปลอยหรือไม่ลอยกระทงบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำนั้นช่วยเยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าจากการงานมาทั้งสัปดาห์ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะคืนลอยกระทงที่พระจันทร์สว่างนวล มีแสงเทียนจากกระทงวิบไหวให้เราได้ผ่อนคลาย อย่ามัวนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ลองดู 5 บาร์ที่เราอยากชวนไปรู้จัก รับรองว่าลมแม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนคลื่น และกลิ่นเฉพาะของเจ้าพระยาจะช่วยปลอบโยนหัวใจและร่างกายแสนเหนื่อยล้าได้แน่นอน Samsara Bar ถ้าจะมีสักพื้นที่ในเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้ที่เป็นเหมือนสถานที่พักใจ สถานที่ที่เวลาเดินช้าลง และทำให้เราได้อยู่กับแต่ละวินาทีตรงหน้าอย่างเต็มอิ่มที่สุด เราขอยกให้ Samsara Bar เป็นหนึ่งในสถานที่นั่น การที่ที่ตั้งบาร์ซ่อนตัวอยู่ในซอกซอยที่ต้องเดินผ่านอู่ซ่อมรถเข้ามา ยิ่งทำให้เหมือนเราได้เดินทางเข้าไปสู่อีกโลก พร้อมกับที่บรรยากาศของ Samsara Bar อยู่ชิดแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับที่ได้ยินเสียงคลื่นแม่น้ำซัดฝั่งทุกครั้งที่เรือแล่นผ่าน ชวนให้หัวใจสงบอย่างประหลาด ที่นี่บริการเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงอาหารที่พอกินแบบหอมปากหอมคอ (ถ้าไม่อิ่ม เดินไปกินต่อที่เยาวราชได้อย่างอิ่มหนำ) ที่สำคัญในร้านมีแมวคอยเดินนวยนาดเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศที่เวลาเดินช้าลง ห้ามพลาด Location: 1612 ถนน ทรงวาด แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร Open: 5.00 pm – 12.00 am
สำหรับคอกาแฟทั้งหลายคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากาแฟนั้นเปรียบได้ดั่งน้ำอมฤตที่ช่วยรีเฟรชความสดชื่นในชีวิตแต่ละวันได้เป็นอย่างดี ทำให้ร้านคาเฟ่และกาแฟดี ๆ สักแก้ว กลายเป็นสิ่งที่หลายคนขาดไม่ได้ และในชั่วโมงเร่งรีบแบบนี้ร้านคาเฟ่สไตล์ Grab & Go จึงทยอยกันออกมาเปิดมากขึ้น แต่หนึ่งในนั้นกลับมีอยู่ร้านหนึ่งที่แตกต่าง คือร้านกาแฟร้านนี้ที่นำเสนอเมนูกาแฟในรูปแบบใหม่ ฉีกขนบกาแฟแบบเดิม ๆ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านตลาดน้อย ปากซอยเจริญกรุง 31 และร้านที่เรากำลังพูดถึงพร้อมพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปรู้จักก็คือร้าน ‘ENVIES CAFE’ ร้านนี้นี่เอง ที่มาที่ไปของ ENVIES CAFE @เจริญกรุง ในยุคออนไลน์ 4.0 แบบนี้ นอกจากจะมีกาแฟดี ๆ แล้ว ร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งเก๋ ๆ ก็มักจะมาคู่กับรูปภาพสวย ๆ เสมอ จึงกล่าวได้ว่า แฟชั่นกับร้านคาเฟ่ เป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้เลย นั่นเป็นไอเดียตั้งต้นของ คุณ ณัฐดนัย อัมพรเรืองรอง เจ้าของร้าน ENVIES CAFE ที่เชื่อว่าแฟชั่นกับร้านคาเฟ่จะเป็น Trendy ในอนาคตอย่างแน่นอน จึงเปิดเป็นร้านกาแฟร้านนี้ขึ้นมา ถือเป็น Second line ของเจ้าตัวเอง