คอเพลงคงคุ้นหน้าตาของหนุ่ม Alex Turner กันดี ในฐานะฟรอนต์แมนแห่งคณะ Arctic Monkeys ที่ยิ่งนับวันจะยิ่งฉายแววความติสต์แบบฉุดไม่อยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงตอนนี้ คงไม่มีใครกังขากับความสำเร็จของเขาในฐานะศิลปิน หลายคนคงคุ้นเคยกับเขาและผลงานกันดีอยู่แล้ว จะมาพูดถึงประวัติของเขาอย่างกับเป็นหนังสือชีวประวัติก็คงน่าเบื่อเกินไป UNLOCKMEN เลยพาทุกคนมาแกะรอยเบื้องหลังผู้จรดปากกาออกมาเป็นผลงานเจ๋ง ๆ ว่าจีเนียสอย่างเขามี Inspiration จากอะไรกันบ้าง Like Father Like Son ในเรื่องราวนี้ เราสามารถเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นได้แบบเต็มปาก เพราะพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของหนุ่ม Alex ได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อของเขา David Turner ที่เป็นนักดนตรีเหมือนกัน และยังเป็นผู้ที่หลงใหลในเพลง Jazz เขาเองสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลาย อย่าง Saxophone, Clarinet และ Piano แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า David จะยัดเยียด Jazz ให้ลูกชายของเขาเพียงอย่างเดียว เขาเลือกที่จะเปิดกว้างให้กับลูกชายด้วยแนวดนตรีที่หลากหลายจากศิลปินมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น Frank Sinatra, The Beatles, Led Zeppelin, David Bowie และ The Beach
ทุกครั้งที่เราเห็นคนประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ไปได้ดีทั้งนั้น เรามักจะคาดหวังไว้ว่า เขาจะเป็นคนมีวินัย เนี้ยบ เก่ง มีความพยายาม หรืออะไรก็ตามที่ดูจะเป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะสำหรับคนเจ๋ง ๆ เท่านั้น คนในอุดมคติที่ใครหลายคน (รวมถึงเราเอง) อยากจะเป็น หรืออยากมี DNA ของคนเจ๋งไว้ในตัวกันบ้าง สักสามสี่คู่เบสก็ยังดี ถ้าเราพูดถึงคนแบบที่ว่ามาในวงการดนตรี จริง ๆ ก็มีตัวจี๊ดหลายคนที่ผงาดด้วยความสามารถของตัวเอง ครั้งนี้เราขอยก Damon Albarn มาเจาะลึกถึงความสำเร็จของเขา ตั้งแต่สมัยเป็นฟรอนต์แมนของวง Blur จนกระทั่งมาทำ Visual Band เจ๋ง ๆ อย่าง Gorillaz โดยทั้งสองสิ่งประสบความสำเร็จแบบไม่มีข้อกังขา แต่ใครจะคิดว่าเบื้องหลังความสำเร็จของเขา มันไม่ได้เป็นคุณสมบัติในอุดมคติอย่างที่เราคิดเลย แต่เป็นอะไรนั้น UNLOCKMEN อยากจะแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เราอาจจะได้ไอเดียอะไรเจ๋ง ๆ ไปปรับใช้กับตัวเองแล้ว Work ขึ้นมาก็ได้ All About Albarn เขาเติบโตมาในครอบครัวชาวอังกฤษแท้ ๆ ทั้งพ่อและแม่ ทุกคนทำงานสายอาร์ตกันหมดตั้งแต่ปู่ที่เป็นสถาปนิก พ่อแม่เป็นศิลปินรวมถึงน้องสาวของเขา Jessica ก็เช่นกัน
การใช้ชีวิตบนโลกสุดท้าทายใบนี้ต้องใช้ ‘พลังงาน’ มากมายเป็นแรงขับเคลื่อน ต้องใช้ ‘passion’ แรงกล้าในการผลักดันตัวเอง ต้องใช้ ‘ความกล้า’ ขั้นสุดในการเผชิญทุกสิ่งที่ขวางหน้า และต้องมี ‘Positive thinking’ ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังจากข้างในให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับชายที่มีทุกข้อที่กล่าวมาอย่างเหลือล้น และได้สัมผัสตัวตนทางความคิดของเขาในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน จนหายสงสัยไปเลยว่าทำไมชายที่ชื่อว่า ‘วู้ดดี้’ วุฒิธร มิลินทจินดา ถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ทรงพลังขนาดที่ว่า ทุกคนที่ได้อยู่รอบตัวของเค้า จะต้องซึมซับเอาพลังงานบวก เอาแรงบันดาลใจ เข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าคุยกับใครแล้วถึงกับขนลุก พูดแบบไม่โอเวอร์เลยว่า การคุยกับคุณวู้ดดี้ ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ เรารู้จักคุณวู้ดดี้ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ‘Woody World’ เรียลลิตี้ทอล์กโชว์สุด exclusive ที่ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 22.15 – 23.30 น. ทางช่อง Workpoint 23 รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Facebook และ YouTube นอกจากนี้ยังมีรายการสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอย่าง ‘คนแปลงร่าง’ ส่วนงานนอกจอที่โดดเด่นก็คือการจัดเทศกาลดนตรี ‘S2O’ อีเว้นต์สุดมันส์วันสงกรานต์ที่ใครหลายคนเคยไป นั้นคือสิ่งที่ทุกคนมองเห็น แต่สิ่งที่เขาเป็นคืออะไร ? “ผมคือนักวิทยาศาสตร์” เรามาเยือนคุณวู้ดดี้ถึงโลกของเขา ที่ บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด อาณาจักรที่เขากับทีมงานสร้างสรรค์ผลงานออกสู่ภายนอก
คุณมีรอยสักหรือเปล่า? ถ้ามี รอยสักก็เป็นบางสิ่งที่แสดงความเป็นตัวคุณได้แบบสุดขั้วมากพออยู่แล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราบอกคนอื่นว่า เฮ้ย รอยสักเรามาจาก Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนว่ะ! อ้าวเฮ้ย! แล้วเขาใช้อะไรสักให้เรา แล้วมันจะออกมาสวยไหม Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนเขาจะทำงานกันอย่างไร วันนี้ไม่ต้องทนสงสัยอีกต่อไป เพราะนี่คือเรื่องของ Tattoo Artist ที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจ เพราะจากการไม่มีแขน สู่การมีแขนเทียม ไปจนถึงการมีแขนเทียมเป็นเครื่องสักอัจฉริยะที่สรรค์สร้างศิลปะได้แม้ไร้แขนจริง JC Sheitan Tenet เป็นชายชาวฝรั่งเศสผู้ สูญเสียแขนขวาท่อนล่างไปเมื่อ 24 ปีก่อน แน่นอนว่าในขณะนั้น ความหม่นเศร้าย่อมแผ่ขยายปกคลุมรอบ ๆ ตัวเขา เพราะเขาจินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าชีวิตเขาจะไปในทิศทางไหนต่อ ยิ่งจินตนาการว่าเขาจะกลับมาวาดภาพ เขียนภาพอย่างที่เคยทำได้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่โลกใบนี้ก็สอนให้เรารู้จริง ๆ ว่า ไม่มีอะไรใหญ่หรือไกลเกินความฝันของเราเพราะเมื่อปี 2016 JC Sheitan Tenet ได้แขนเทียมเป็นของตัวเอง แต่ที่แม่งโคตรจะคูลกว่านั้นคือมันเป็นแขนเทียมพิเศษที่โมดิฟายเข้ากับเครื่องสักอีกด้วย! JC Sheitan Tenet เป็น Tattoo Artist
หากไม่ได้เห็นหน้า แค่เพียงเอ่ยถึงชื่อของ ‘มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ’ หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้มากนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ ภาพของหนุ่มมาดเซอร์นักร้อง, นักแต่งเพลงจากวง Ten to Twelve นั้นคงชัดเจนขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับมอร์มาแล้วถึง 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งของการพูดคุย สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความสามารถที่ล้นเหลือ และพลังงานในการสร้างสรรค์ที่เข้มข้นจากผู้ชายคนนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพราะเรามีนัดพูดคุยกับเขาอีกครั้งที่ LHONG 1919 กับการอัพเดทเรื่องราวชีวิตในขวบปีนี้ของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ พร้อมทำความรู้จัก ‘มอร์’ ในมุมมองใหม่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับความหลงใหลในการถ่ายรูป และสไตล์การถ่ายรูปในแบบฉบับเฉพาะตัว จนทำให้เขาได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของ FUJIFILM ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทใหม่จากอีกหลากหลายบทบาทในชีวิตของเขา และเราจะล้วงลึกเข้าไปปลดล็อคที่มาของแรงบันดาลใจซึ่งดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ว่าทำไมมันยังดูเหมือนเป็นพลังที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มันมีหมดบ้างมั้ย แล้วอะไรที่ทำให้เขายังคงควบหน้าที่หลายบทบาท ตั้งใจสร้างงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าชีวิตของมอร์มีหลายบทบาทเหลือเกิน ช่วยอัพเดทให้เราฟังหน่อยว่า ตอนนี้กำลังเน้นหนักไปที่บทบาทไหนเป็นพิเศษ ? หลัก ๆ ตอนนี้เราก็ทำผู้กำกับ เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา
การก้าวขึ้นมาในตำแหน่งผู้นำประเทศ หรือประธานาธิบดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่นักการเมืองผู้ที่คุ้นเคยกับเส้นทางนี้ ยังต้องทำทุกวิถีทางทั้งขาวทั้งดำ เพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในการบริหารประเทศแบบนั้นได้ และเมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องน่าสนใจ ไม่ใช่ประเทศไทยกับสแตนดี้นายก หรือคำขวัญวันเด็ก แต่เรากำลังหมายถึงประเทศ Liberia ที่ได้ทำการประกาศผลเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดออกมา ผลปรากฏว่าผู้ที่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ หาใช่นักการเมืองไม่ แต่คืออดีตนักฟุตอาชีพชื่อดัง ที่ผลักดันชีวิตตัวเองมาจากครอบครัวที่ยากจน นามของเค้านั้นคือ ‘George Weah’ ชีวิตที่พลิกผันได้ขนาดนี้ย่อมน่าสนใจ ไปทำความรู้จักเรื่องราวชีวิตของชายคนนี้กันดีกว่า ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องผ่านมาบ้างระหว่างทาง กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ จุดเริ่มต้น George Weah เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1966 ในย่านอาศัยเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Clara Town, Monrovia, Liberia ตามประสาของเด็กที่ยากจนส่วนใหญ่ในประเทศโซนทวีปแอฟริกา การหาความสุขใส่ตัวที่เขาพอจะทำได้ ก็คือการเล่นฟุตบอลข้างถนนกับเพื่อน ๆ นั่นเอง ชีวิตช่วงแรกของ Weah เขาคิดจะใช้การศึกษาเป็นทางออกจากความยากจน แต่ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ เขาก็ได้อาศัยความสามารถในการเล่นฟุตบอล ขอทุนเพื่อศึกษาต่อ จนได้เริ่มเล่นกับทีมต่าง ๆ ในท้องถิ่น และมาลงท้ายกับ ทีม Invincible Eleven และที่นี่เองที่
เมื่อปัญหาพุ่งดิ่งมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว นอกเหนือจากการคิดวิเคราะห์แยกแยะเสาะหาหนทางแก้ปัญหาให้ได้อย่างรวดเร็วแล้ว การรับมืออย่างฉับพลันและง่ายที่สุดที่ผู้ชายอย่างเราต้องเผชิญหน้าก็คือการรับมือด้วยปากของเรานั่นเอง UNLOCKMEN ไม่ได้บอกให้คุณยื่นปากไปรับปัญหา แต่เรากำลังหมายถึงคำพูดที่เราสามารถพูดออกไปเพื่อรับมือก่อนได้ แต่ถ้ากลัวคำพูดที่เราพูดออกไปจะไม่แกร่งพอ วันนี้ UNLOCKMEN รวบรวมวลีเด็ดจากนายกรัฐมนตรีไทยที่เป็นวลีสุดดังที่ใคร ๆ ก็พูดถึง หรือวลีติดปากที่อดีตนายกฯ พูดเป็นประจำ คำพูดไหนเห็นว่าดีเราก็เลือกไปใช้ คำไหนที่เราอ่านแล้วต้องส่ายหัวก็ปัดทิ้งไป จะได้รู้ว่านักการเมืองสไตล์เขาแก้ปัญหาด้วยคำพูดกันแบบไหน และแบบไหนที่เวิร์คแบบไหนที่แหวะกันแน่? พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ: “โน พลอมแพลม (No Problem)” พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศ ที่ได้ฉายาขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า “น้าชาติมาดนักซิ่ง” เพราะขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่โตไม่เข้ากับการเป็นนายกรัฐมนตรีเอาเสียเลย แต่ UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าความเท่ไม่เข้าใครออกใครเสียหน่อย เป็นนายกขี่มอเตอรไซค์คันใหญ่ สำหรับเรานี่โคตรเท่สมกับฉายามาดนักซิ่งสุด ๆ วลีที่พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ใช้ตอบกับนักข่าว เมื่อถูกถามถึงสิ่งต่าง ๆ ก็เท่ ๆ สบาย ๆ สไตล์นักซิ่ง เพราะเป็นคำว่า No Problem ไม่มีปัญหา!
ถ้าคุณกำลังเหี่ยวเฉาเป็นผักในตะกร้าที่ถูกทิ้งค้างคืนไว้สามวัน ถ้าคุณกำลังหมดหวังเหมือนชีวิตจะไม่มีการเริ่มต้นใหม่ ๆ อะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างน่าเหนื่อยหน่ายจนอยากจะนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรให้รู้แล้วรู้รอดไป คุณมาถูกทางแล้วเพราะวันนี้ UNLOCKMEN เป็นห่วงผู้ชายแห้งเหี่ยวที่ขาดแคลนแรงบันดาลใจดี ๆ เราเลยอาสาหอบเอา TED Talks ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณพร้อมจะฮึดก้าวต่อไปทำอะไรบางอย่าง รู้สึกว่ามีความหวัง รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มองตัวเองแบบใหม่ ดังนั้นอย่ารอช้ามาตะลุยฟัง ตะลุยเรียนรู้ ตะลุยหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า TED’s secret to great public speaking เราทุกคนล้วนต้องเคยพรีเซนต์งาน พูดในที่สาธารณะ หรือแสดงปาฐกถาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อหน้าคนสักกลุ่มมาแล้ว แค่ปัญหามือสั่นเป็นเจ้าเข้า ลิ้นพันกันสิบตลบจนพูดไม่รู้เรื่องก็หนักหนามากพอตัวอยู่แล้ว แล้วปัญหาสุดยิ่งใหญ่อย่างการพูดอย่างไรให้มันฟังดูแล้วทุกคนพูดตรงกันว่านี่โคตรเจ๋งเลยก็เป็นอีกเรื่องที่เราแทบจะไม่มีเวลามาคิดถึงเลย แต่ไม่ต้องห่วงไปเพราะวันนี้ Chris Anderson ผู้เป็นคิวเรเตอร์และได้นักฟังคนพูดเจ๋ง ๆ ในงาน TED Talks มากว่า 12 ปี
คำพูดไม่ใช่แค่สิ่งที่เอาไว้เพื่อสื่อสารกันเท่านั้น แต่คำพูดส่งผลต่อชีวิต แรงบันดาลใจ และมีอิทธิพลต่อวิธีคิด รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้จริง ๆ คำพูดดี ๆ ก็ดึงดูดพลังดี ๆ เข้ามา แต่ลองหลับตาจินตนาการถึงคนที่พ่นพูดแต่คำด่า คำบ่น คำหยาบคาย บรรยากาศแวดล้อมก็ไม่ชวนเข้าใกล้ หรือถ้าเข้าใกล้ก็ชวนให้หดหู่ไม่อยากทำอะไรไปหมด การประสบความสำเร็จก็เช่นกัน ถ้ามัวแต่คิดหรือพูดอะไรที่ย่อท้อ โทษตัวเอง หรือไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เป็นประจำก็พาให้แรงใจ แรงกายถดถอยไปได้ นี่จึงเป็น 7 ประโยคที่คุณจะไม่มีวันได้ยินคนที่ประสบความสำเร็จเขาพูดกัน เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แล้วคุณล่ะยังพูดประโยคพวกนี้อยู่หรือเปล่า? 1.ผมทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครทำอะไรเป็นทุกสิ่งอย่างมาตั้งแต่แรกเกิด การบอกว่าทำไม่ได้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถือเป็นการดูถูกตัวเองอย่างมาก คนที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่โฟกัสถึงสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ แต่เรียนรู้ว่าอะไรที่พวกเขาทำได้ และค่อย ๆ หาวิธีการจัดการและเริ่มต้นทำในสิ่งที่พวกเขายังทำไม่ได้ แต่ถ้ากังวลจนไม่รู้จัทำยังไง ลองลิสต์รายการสิ่งที่เราเคยทำไม่ได้มาตั้งแต่เราลืมตาดูโลก แล้วเช็คดูสิว่าทุกวันนี้เราเรียนรู้และทำอะไรได้ตั้งกี่อย่างแล้ว ดังนั้นอย่าหยุดเรียนรู้ต่อไป และอย่าเอาแต่บอกตัวเองว่าทำไม่ได้ 2.ผมไม่รู้นี่ครับว่าต้องทำยังไง ไม่ว่าอะไรที่เราทำสำเร็จ เราล้วนต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มันมาก่อนทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่การเดิน การขี่จักรยาน หรือแม้แต่การลงทุน การทำธุรกิจ การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำตลอดชีวิต ไม่มีใครรู้ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มลงมือทำ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะเรียนรู้ บอกว่าตัวเองไม่รู้เพื่อจะเรียนรู้ต่อไปได้ แต่อย่าบอกว่าไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการลงมือทำอะไรสักอย่าง 3.ผมมีเวลาไม่พอหรอก เวลาคือทรัพยากรที่มีค่าที่ทุกคนมีเท่า ๆ กัน
ไม่รู้ว่า “เงินในกระเป๋า”กลายเป็นสิ่งที่ลดแทบทุกวัน จนเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มเลยได้อย่างไร? แต่หลายคนก็เป็นอย่างนั้นแทบทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินที่เอาแต่ลดไม่รู้จักเพิ่มอีกต่อไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยงัด 5 ข้อ 5 ทางที่จะทำให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำ 5 ข้อนี้ในอีก 5 ปี เงินเพิ่มเป็น 5 เท่าได้แน่นอน เริ่มทำธุรกิจ ธุรกิจฟังดูเป็นสิ่งใหญ่โต แต่ในวันที่ตลาดออนไลน์กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน ๆ การเริ่มลงมือทำธุรกิจสักหนึ่งธุรกิจไม่ได้ต้องเริ่มจากการหาทำเล การลงทุนกับหน้าร้านอีกต่อไปแล้ว เราสามารถเริ่มต้นธุรกิจอะไรก็ได้จากเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งงานประจำมาลงทุนลงแรงเต็มตัวให้ยากเหมือนยุคก่อน ๆ ที่ผ่านมา เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินจำนวนมากเปิดเผยว่าพวกเขามีเมนเทอร์ที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จของตัวเอง ดังนั้นเราเองก็ควรหาคนที่เป็นต้นแบบความสำเร็จของตัวเองสักคน ไม่ต้องถึงขั้นสตีฟ จอบส์ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แต่เป็นคนใกล้ตัวสักคนที่เรารู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เติบโตไปอยู่ในจุดที่เราก็ฝันไว้ แล้วหมั่นเข้าไปพูดคุย ถามไถ่ถึงวิธีการของเขา เรียนรู้และหาบทเรียนจากคนคนนั้นให้ได้มากที่สุด ลงทุน การลงทุนอาจไม่ได้หมายถึงการลงทุนกับการทำธุรกิจเสมอไป แต่การลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนเราแม้เราจะนั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีรายได้เข้ามาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหุ้น กองทุนต่าง ๆ การซื้อประกัน