หดหู่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังวันหยุดยาว เชื่อเถอะเราไม่ได้เป็นแค่คนเดียว
คริส เฮมส์เวิร์ท นักแสดงหนุ่มหล่อมาดเข้มวัย 35 ปี มีดีกรีเป็นถึงฮีโร่เทพเจ้าสายฟ้า(ธอร์)แห่งจักรวาลมาร์เวล เขาเป็นคุณพ่อลูกสามที่นอกจากจะมีดีที่หน้าตาแล้วยังเป็นไอดอลทางด้านความฟิต แอนด์ เฟิร์มที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง สำหรับหนุ่ม ๆ ที่อยากจะมีหุ่นอย่างพ่อหนุ่มคริสไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะวันนี้ UNLOCKMEN มีสูตรลับในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายของเขามาฝากให้ชาวเราได้ลองไปทำตาม รับประทานอาหารให้ถูกหลักตามแบบฉบับคริส เฮมส์เวิร์ท อาหารเช้า ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย กล้วย 1 ลูก ลูกเกด ½ ถ้วย ไข่ขาว 4 ฟอง ไข่ไก่ 1 ฟอง ชีส 50 กรัม โปรตีนเชค (โปรตีนที่เป็นอาหารเสริม) น้ำส้ม นมไม่มีไขมัน ระหว่างมือเช้ากับมื้อกลางวัน คอตเทจชีส(ชีสสด) แซนวิชไก่ ถั่วธัญพืช โปรตีนเชค (โปรตีนที่เป็นอาหารเสริม) โยเกิร์ต อาหารกลางวัน อกไก่ 3 ชิ้น ข้าวกล้อง 100 กรัม
เหล่าสุภาพบุรุษสิงห์อมควันคงพอจะรู้อยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่มีผลร้ายที่ตามมาเยอะแสนเยอะ ไม่ว่าจะปัญหาด้านสุขภาพ อาการเหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก ฟันเหลือง และโรคร้ายที่นับไม่หมด หลายคนอาจเคยได้ยินว่าการสูบบุหรี่อาจจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือส่งผลให้ขนาดของน้อยชายคุณเล็กลง วันนี้ UNLOCKMEN มีงานวิจัยมายืนยันว่าสิ่งที่พวกคุณเคยได้ยินมามันไม่ใช่แค่คำขู่! ถึงแม้ว่าอวัยวะเพศของคนเรามีขนาดแตกต่างกันโดยกำเนิด แต่ใครจะคิดว่าการสูบควันบุหรี่เข้าไปแล้วพ่นออกมามันจะส่งผลไปถึงขนาดไอจ้อนของเราได้จริง งานวิจัยของ BJU International ระบุว่าอวัยวะเพศชายตอนแข็งตัวมีขนาดยาวเฉลี่ยแล้ว 5.2 นิ้ว และมีเส้นรอบวง 4.6 นิ้ว (ถ้าหากชาว UNLOCKMEN คนไหนมีขนาดตามที่ผลวิจัยบอกก็รู้ได้เลยว่าน้องชายของคุณยังมีสัดส่วนตามค่าเฉลี่ย) Mary Samplaski, MD ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปัสสาวะและผู้อำนวยการภาวะมีบุตรยากของ University of Southern California กล่าวว่า “ไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับวัดขนาดอวัยวะเพศชาย ที่หดตัว สิ่งที่เรารู้คือการสูบบุหรี่อาจทำให้การผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง” การจะตรวจสอบสาเหตุการหดตัวของผู้ชายเป็นเรื่องยาก แต่พบว่าการสูบบุหรี่นั้นมีผลกระทบ โดยในปี 1998 มหาวิทยาลัยบอสตันตรวจสอบอวัยวะเพศชาย 200 คนพบว่าผู้ชายที่สูบบุหรี่มีขนาดแตกต่างจากคนที่ไม่ได้สูบ นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยอีกชิ้นที่สรุปไว้ว่า การสูบบุหรี่ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย ส่งผลให้อวัยวะหยุดยืดตัว Dr.Samplaski แนะนำให้ผู้ชายออกกำลังกายอย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เพราะจะช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่เป็นตัวการไม่ให้หลอดเลือดขยายตัว เนื่องจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนหลักที่ช่วยกระตุ้นขนาดอวัยวะเพศ สำหรับหนุ่มเจ้าเนื้อ UNLOCKMEN ขอเตือนว่าโรคอ้วนก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เจ้าโลกของคุณมีขนาดเล็กลง
เล่มเกมแต่ปิดเกมเองคนเดียวไม่ได้ นี่คือลักษณะของเกมยุคนี้ที่ออกแบบมาให้เป็น Multiplayer หรือใช้ผู้เล่นหลายคนเพื่อพิชิตเกม ไม่ว่าจะเป็นแนวแบทเทิลหรือเก็บเลเวลเองก็ต้องมีตี้ มีแคลนอยู่ เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษหรือผ่านเควสจนสำเร็จ แต่เวลาที่เราเข้าไปเริ่มเกมทีหลังคนอื่น เป็นมือใหม่ เราก็งก ๆ เงิ่น ๆ ขยับฝืด ยืนโง่ ไม่ได้ชำนาญเหมือนคนอื่นที่อยู่มาก่อน ไอเทมที่มีติดตัวก็ไม่เทพ จนเพื่อนต้องคอยแบก หลายครั้งมันกลายเป็นเหตุผลให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นตัวถ่วงของทีม ยิ่งพอเปิดไมค์ เปิดลำโพงทีมก็ได้ยินเสียงสบถค่อนขอด เรียกชื่อในเกมของเราแล้วบอกว่าเรามันไก่ (ไก่อ่อน) ยิ่งปวดจี๊ดไปถึงใจ จนบางทีน้อยใจโชคชะตาว่าถ้าเป็นภาระแบบนี้กูเลิกเล่นเลยดีกว่า “Multiplay Phobia” เป็นศัพท์ใหม่ที่บัญญัติอาการนี้จากเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นที่ระบายผ่านทวิตเตอร์ของเขา@shimesaba67 ว่ากำลังประสบปัญหานี้เข้าอย่างจัง 最近ネットゲームで「マルチプレイ恐怖症」というのにかかっている勝手に自分で命名した病気なんだけど自分のプレイのせいで、味方に迷惑かけてないか?とか、マイナス思考になってゲームするのが怖くなっちゃう症状なんだけど わかってくれる人いるかな… — しめさば帝国 (@shimesaba67) March 25, 2019 “ไม่นานมานี้ฉันเป็นทุกข์จากการเป็น ‘Multiplay Phobia’ ศัพท์นี้ฉันคิดขึ้นเองเพื่ออธิบายอารมณ์แย่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองกังวลว่าการเล่นไม่เก่งว่าอาจจะสร้างความรำคาญให้กับคนอื่น ๆ ในทีมที่เล่นด้วยกันจนตอนนี้รู้สึกไม่อยากเล่นเกมอีกต่อไปแล้ว สงสัยว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันบ้างไหม….” ทันทีที่มันถูกทวีตขึ้นไป เสียงไก่หัวอกเดียวกันจากทั่วทุกสารทิศก็ถาโถมเข้ามาให้กำลังใจทันที แน่แหละเพราะคนที่เล่นไม่เก่งมันต้องมีมากกว่าคนเก่งอยู่แล้ว ขณะที่บางคนก็เข้ามาให้คำแนะนำการเล่นให้สบายใจด้วยว่าให้ลองไปเล่นกับคนที่รู้จักแทน “เฮ้ย ที่พูดมานี่เราเลย” “เราเลิกเล่นเกมที่ต้องเข้าร่วมกิลด์หรือเล่นกับคนอื่นไปนานแล้ว” “ถ้าเล่นกับคนกันเองที่รู้จักเรายังโอเคนะ แต่ถ้าเล่นกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อนเลย
เคยลองนับหรือไม่ว่าปกติแล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ทำงานอาทิตย์ละกี่ชั่วโมง ? คำตอบที่ได้คือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่พนักงานกินเงินเดือนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะต้องทำงานล่วงเวลาหนักถึง 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จนสามารถเรียกว่าความขยันหมั่นเพียรและการทำงานหนักของชาวญี่ปุ่นกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ความขยันหมั่นเพียรที่มากจนเกินไปของคนญี่ปุ่นทำให้เกิดอาการ คาโรชิ (Karoshi syndrome) อาการเสียชีวิตจากการทำงานหนักจากโรคหัวใจ หลอดเลือด อาการซึมเศร้า และความเครียด และเหล่าพนักงานผู้ขยันขันแข็งบางคนก็หาทางแก้ปัญหาด้วยการออกไปดื่มเหล้าจนหัวทิ่ม UNLOCKMEN ได้รวบรวมภาพของมนุษย์เงินเดือนที่อ่อนล้าตามถนนหนทางและสถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นมาให้ได้ดูกัน ที่มีทั้งคนที่ทำงานหนักจนต้องขอนอนสักงีบก่อนถึงบ้าน หรือเมาจนต้องนอนข้างถนนเพราะเดินไม่ไหว ไปจนถึงคนที่สิ้นหวังกับสิ่งที่ต้องเจออยู่ทุกวัน แม้เงินจะเป็นปัจจัยสำคัญและงานอาจหมายถึงคุณค่าและการมีชีวิตอยู่ แต่อะไรที่ล้นเกินจนเราไม่อาจแบ่งเวลาไปให้กับสิ่งอื่น ก็อาจหมายถึงความไม่พอดีที่เราต้องลุกขึ้นมาปรับตัว ช่วงวันหยุดนี้ก็อย่าลืมพักผ่อนชาร์จพลังให้ตัวเอง มีชีวิต มีเวลาให้ตัวเองบ้าง เพื่อกลับไปลุยทำงานต่อได้อย่างไม่เหนื่อยมากเกินไปนัก SOURCE
เราเคยชินกับการเรียนในระบบ และอยู่กับไม้บรรทัดทางสังคมที่บอกว่า “ปริญญา” เป็นเครื่องยืนยันความรู้ “เวลา” เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมาที่ทำให้เหนือกว่า ส่วน “ร่างกาย” ที่โรยรา สมองที่เริ่มล้าจากเลขอายุที่เพิ่มขึ้น คือเครื่องบอกความทรงภูมินั้น แต่โลกกว้างใบนี้ยังคงมีอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้ ชีวิตไม่ได้จบแค่ห้องเรียนและออฟฟิศที่เราต้องอยู่กับมันทุกวัน แค่ก้าวออกจากสถานที่เดิมระหว่างทางที่พบเจออาจจะเป็นห้องเรียนอีกห้องที่เรามองไม่เห็นหรือไม่เคยสังเกต เมื่อตัวเราเข้าใจเรื่องนี้ดี และมีกลุ่มคนที่เข้าใจเรื่องการเรียนรู้ และเก่งเรื่องพัฒนาศักยภาพอย่าง SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน จัดทอล์กเกี่ยวกับประเด็นนี้ UNLOCKMEN จึงไม่พลาดไปร่วมฟัง The Talk#LifeLongLearning หัวข้อ #TestofLife: ‘เรียนรู้’ สู่การสร้างทางเลือกชีวิตที่ไม่ยึดติดกรอบ ที่จัดขึ้นที่ The Garage ในวันที่ 27 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา สปีกเกอร์ 5 ท่านที่ได้รับเชิญมาพูดคุย มาจากต่างวัย ต่างสาขาอาชีพ ได้แก่ คุณพี – ดร. รพีรัฐ ธัญวัฒน์พรกุล (ที่ปรึกษาแก้ปัญหาการเงิน เจ้าของเพจ “มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่”) คุณพลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร (นักแสดงและเจ้าของเพจพลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?) คุณจุ้ย
ทันทีที่เดือนเมษายนมาถึง นอกจากวันหยุดยาวสะใจ อากาศร้อน กิจกรรมกลางแจ้งสุดระห่ำและสาว ๆ ในชุดเซ็กซี่ท้าแดดลมริมทะเล อีกอย่างหนึ่งที่ชายไทยอย่างเรา ๆ คงอดนึกถึงไม่ได้ คือเรื่องสำคัญอย่างวันคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือ “การเกณฑ์ทหาร” ที่เราเรียก ๆ กันนั่นเอง การเกณฑ์ชายไทยมาเป็นทหารรับใช้ชาติอย่างเป็นกิจจะลักษณะเริ่มต้นตอนรัตนโกสิทร์ศก 124 (พ.ศ.2448) หรือเมื่อ 114 ปีก่อน โดยได้รับอิทธิพลเรื่องการเป็นทหารมืออาชีพมาจากชาติตะวันตก เพราะก่อนหน้านี้เราเกณฑ์ผู้ชายไปรบด้วยระบบไพร่ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกเลิกระบบไพร่และทาสนั่นเอง UNLOCKMEN เลยอาสาพาไปสำรวจประเทศอื่นกันบ้างว่าเขามีการเกณฑ์ทหารเหมือนบ้านเราไหม? หรือเขาบังคับทุกคนเป็นทหารกันหมดโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดงกันเลย? แล้วถ้าเขาไม่เกณฑ์ทหารเขาหาคนไปเป็นทหารกันอย่างไร? เกาหลีใต้: เมื่อผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร เริ่มด้วยประเทศแถบเอเชียอย่างเกาหลีใต้กันก่อนเลย ถ้าเราเคยแอบฟังสาว ๆ ผู้ประกาศตนเป็นติ่งเกาหลีคุยกันอยู่บ้าง เราคงเคยได้ยินมาว่านักร้องหนุ่มขวัญใจพวกเธอคนนั้นคนนี้ต้องตบเท้าเข้ากรมไปเป็นทหาร นอกจากจะทำให้พวกเธอต้องเสียน้ำตาไปหลายหยด เราก็อาจอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนักร้องหนุ่มเกาหลีนี่ต้องโดนทหารไปซะทุกคน เขาเกณฑ์เฉพาะดาราหรือเปล่า? คำตอบก็ไม่ยากเกินคาดเดา ก็เกาหลีใต้ไม่มีจับใบดำใบแดงให้เสียเวลา เพราะผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร! กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐเกาหลีบทที่ 2 มาตรา 39 ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 ระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ชายเกาหลีอายุระหว่าง 18-35 ปีจะต้องเป็นทหารกองประจำการ เราอาจยังสงสัยว่าทำไมช่วงอายุถึงได้กว้างขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะรัฐอนุญาตให้ผู้ชายสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าเป็นทหารกองประจำการตอนไหน บางคนอาจจะรอเรียนจบก่อน บางคนก็เป็นทหารก่อนเสียเลยแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ในขณะที่บางคนอาจจะทำงานเก็บเงิน
เหล่านักดื่มทั้งหลายคงเคยผ่านการดื่มสุรากันมาแล้วหลายสมรภูมิ บางครั้งก็ดื่มกันหนักหน่วงหรือบางคนถึงขั้นเสพติดการดื่มแอลกอฮอล์ไปเลย ถ้าชาว UNLOCKMEN คนไหนรักในการดื่มถึงขนาดที่ขาดมันไม่ได้ ก็ขอให้ระวังภาวะสุราเป็นพิษ (Alcohol Poisoning) เอาไว้ให้ดี ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คืออาการที่เกิดจากการดื่มสุราปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ภาวะที่ว่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อปลายปีที่แล้ว Nguyen Van Nhat หนุ่มเวียดนามวัย 48 ปีดื่มสุรา “เถื่อน” ในงานปาร์ตี้เข้าไปปริมาณมาก ถูกหามส่งเข้าห้อง ICU จากการตรวจของแพทย์พบว่าระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดมากถึง 1,000 เท่า! แพทย์เวียดนามเลือกวิธีรักษาโดยให้ชายคนนี้ดื่มเบียร์เข้าไปครั้งละ 1 กระป๋องต่อเวลา 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลารวม 15 ชั่วโมง (เท่ากับว่าเขาดื่มทั้งหมด 15 กระป๋อง) สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือการรักษาครั้งนี้ได้ผล! หลังจากการรักษาพบว่าอาการดีขึ้นมาก ถึงแม้จะยังมีอาการเมาค้างอยู่บ้าง นักดื่มตัวยงหลายท่านที่กำลังอ่านอยู่คงแปลกใจ และเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมการรักษาโดยการให้ดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเข้าไปอีกถึงช่วยได้? เหตุผลคือแอลกอฮอล์นั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทได้แก่ เมทานอล (Methanol) และ เอทานอล (Ethanol) ที่พบได้ในเบียร์ ในส่วนของเมทานอลนั้นส่วนใหญ่แล้วจะพบได้จากสุราคุณภาพต่ำ ถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อระบบประสาท สิ่งที่ตามมาอาจทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ ในทางตรงกันข้ามสารเอทานอลที่สามารถพบได้ในสุราคุณภาพสูงจะไม่ส่งผลเสียเท่าเจ้าเมทานอล เนื่องจากร่างกายของคนเราสามารถกำจัดเอทานอลได้เร็วกว่าเมทานอลถึง 10 เท่า
เคยเกลียดใครสักคนเหมือนมันแย่งแฟนเรา หักหลังเรา เลียเจ้านายแล้วบลัฟเรา หรือไปทำสารพัดเหตุผลที่จะทำให้เราเกลียดทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนไหม คนแบบนั้น บางทีก็แทรกซึมเข้ามาในวงโคจรชีวิตเราแบบเพื่อนของเพื่อน แฟนเพื่อน หรือเจอกันตามพื้นที่สาธารณะอย่างคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ บางทีก็เป็นแค่คนที่เดินผ่านบนถนน แต่เราเกิดหัวร้อน ไม่ถูกชะตา และพร้อมแลกหมัดด้วยตลอดเวลา “ไอ้คนนี้มันร้ายลึก” ถ้าคนล่าสุดที่เจอทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดจนสบถคำนี้ออกมาภายในไม่กี่นาทีแรกที่สบตา เหมือนโดนมันเหยียบเท้า หยุดถามตัวเองสักนิดว่า “ความร้ายลึกมันมาจากไหน” ทั้ง ๆ ที่คนแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้ทำอะไรให้เราเสียด้วยซ้ำ หากคุณไม่ได้คำตอบกับตัวเอง แถมไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมมันได้ UNLOCKMEN ชวนคุณมาตั้งสติ ค้นหาต้นตอของมันอย่างมีเหตุผลด้วยหลักทางจิตวิทยา เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณเกลียด มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณแค่ “คิดไปเอง” หรือมี “ฌาณชั้นสูง” เทพประทับจากที่ไหนแต่มีเบาะแสบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น Thin Slices Theory : มองเปลือกแล้วเดาแก่น “Thin Slices” คือทฤษฎีทางจิตวิทยาว่าด้วยการตัดสินคนใน 5 นาทีที่พบเห็น ซึ่งสามารถนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์เกลียดขี้หน้าฉับพลันได้ โดยเฉพาะเวลาที่เราอคติกับใครโดยไม่รู้สาเหตุ มนุษย์ทุกคนมักมีกระบวนการตัดสินจากการสังเกตหรือเห็นข้อมูลบางส่วนในแวบแรกที่พบกัน โดยตัดสินใจด้วยระดับจิตใต้สำนึก เราพร้อมให้คะแนนทุกคนในสายตาทันทีอย่างไม่ทันรู้ตัว ประเมินจากรูปลักษณ์และอวัจนภาษาที่เห็น ส่วนบางคนที่เรามีโอกาสพูดคุยด้วย ประโยคที่เขาพูดอาจจะกลายเป็นหนึ่งในการตัดสินใจเราด้วยเช่นกัน “เขาไม่ได้ทำกับเรา แล้วใครทำให้เราเกลียดกันแน่?” สาระที่อธิบายผ่านการวิจัยนี้คือ เคยมีใครคล้าย ๆ คนแปลกหน้าพวกนี้นี่แหละที่เกี่ยวข้องกับเราแล้วสร้างประสบการณ์บางอย่างที่เราเกลียด ภาพลักษณ์เหล่านั้นมันดันสะท้อนกลับมาให้เราเห็นในร่างใหม่ของคนแปลกหน้าทั้งที่เราเองก็จำไม่ได้แล้ว เช่น ตอนเด็ก
ถ้าจะพูดถึงคนที่เริ่มจากศูนย์ แต่สามารถก้าวสู่การประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงาม หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ‘Jack Ma’ เจ้าพ่อแห่งอาณาจักร Alibaba มหาเศรษฐีอันดับอันดับ 1 ของ Asia ถ้าใครเคยอ่านชีวประวัติของผู้ชายคนนี้คงพอจะรู้ว่าเขาเกิดมาในครอบครัวยากจน เรียนไม่เก่ง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ เรียกว่าต้นทุนชีวิตติดลบสุดขั้ว แต่วันนี้เขาคือผู้ชายที่ทั่วโลกจับตามองทุกการเคลื่อนไหว การจะมาถึงจุดนี้ได้ วิธีคิดหรือทัศนคติของเขาต้องไม่ธรรมดา ซึ่งในงานสัมนาที่ Davos ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ Jack Ma พูดถึงเรื่องนี้ และมีหลายประโยคที่น่าสนใจ เราจึงอยากนำมาแบ่งปันเพื่อปลุกไฟในชีวิตให้กับทุกคน “ตอนที่ผมเริ่มก่อตั้ง Alibaba แน่นอนว่าผมกลัว และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่น แต่สิ่งที่ผมเชื่อคือ ไม่มีใครเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอนาคตหรอก ทุกคนต่างก็ต้องเรียนรู้ ลองผิดลองถูกด้วยกันทั้งนั้น” “ในโลกธุรกิจ อย่ากังวลเรื่องคู่แข่ง อย่ากลัวที่จะเผชิญความกดดัน ถ้าคุณกลัว ก็จงอย่าเป็นนักธุรกิจ… ถ้าคุณสร้างมูลค่าให้กับสิ่งใดได้ นั่นคือโอกาส ปัจจุบันนี้ทั่วโลกกำลังกังวล หมายความว่านี่คือโอกาสที่ดีมาก ๆ ของคุณ” “งานแรกคือสิ่งสำคัญที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียง แต่คุณควรจะเริ่มทำงานกับหัวหน้าที่สามารถสอนคุณได้ ทั้งแง่การเป็นมนุษย์ที่ดี คนทำงานที่ดี ดำเนินชีวิตด้วยความเหมาะสม ถ้าคุณเจอหัวหน้างานแบบนั้น ผมแนะนำให้คุณทำงานที่นั่นอย่างน้อย 3 ปี” เราจะสอนเด็ก ๆ