ผ่านเวลามายังไม่ทันจะครบ 2 เดือน เราเชื่อว่า ณ ตอนนี้ หลายคนคงยังจำความรู้สึกภาคภูมิใจกับการที่ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงระดับโลกในกีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นอย่างดี และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการคว้าเหรียญโอลิมปิกแรกในประวัติศาสตร์มวยสากลหญิงไทย นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดตราตรึงใจพี่น้องชาวไทยในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ผ่านมา คอลัมน์ ZERO TO HERO วันนี้ จึงอยากนำเสนอเรื่องราวความมุ่งมั่นตั้งใจของ ‘แต้ว-สุดาพร สีสอนดี’ นักชกมวยสากลหญิงทีมชาติไทย ผู้เป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกประวัติศาสตร์เหรียญที่เราได้กล่าวถึงในตอนต้น ย้อนไปตั้งแต่ก้าวแรกสู่สังเวียนมวยในวัยเด็ก แม้จะมีเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอผู้นี้ก็ยังคงมุ่งมั่นอดทนฟันฝ่า จนถึงวันที่ประสบความสำเร็จเป็นฮีโร่ที่สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนสามารถไปสู่เป้าหมายในเวทีชีวิตของตัวเองได้เช่นกัน ก่อนจะมีชื่อเสียง เกียรติยศ รวมถึงเงินรางวัลอัดฉีดจำนวนมากมายอย่างทุกวันนี้ หากย้อนไปราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว นั่นคือช่วงเวลาที่ ‘แต้ว-สุดาพร’ ยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ที่บังเอิญได้มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับสังเวียนผ้าใบใน “สุดยอดการช่าง” ค่ายมวยไทยเล็ก ๆ ที่คุณพ่อของแต้วเปิดขึ้นมาเพื่อฝึกมวยให้กับเด็ก ๆ ที่อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี บ้านเกิดของเธอ จากความซุกซนตามประสาเด็ก ที่เห็นการปะทะหมัดมวยเป็นเรื่องสนุก จนอยากซ้อม อยากออกหมัด โดยมีคุณพ่อเป็นครูมวย และกระสอบทรายเป็นคู่ซ้อม ในที่สุดเมื่ออายุย่างเข้า 11
สำหรับหนุ่ม ๆ Urban Men ที่มีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับย่านใจกลางเมืองเป็นส่วนใหญ่ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘สาทร’ ย่านธุรกิจที่มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ตึกออฟฟิศ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ เพียงเท่านั้น ย่านสาทรเป็นเหมือนศูนย์กลางของ Urban Lifestyle ที่สะดวกสบายทั้งการเดินทาง และการใช้ชีวิต รายล้อมไปด้วยร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ห้างสรรพสินค้า, คาเฟ่บิสโทรสุดชิค รวมไปถึงสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานทูต และโรงแรมระดับ 5 ดาว มากมาย นอกจากอาคารสำนักงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่ครบครัน ‘สาทร’ ยังเป็นโลเคชั่นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตใจกลางมหานครได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับโครงการ TAIT Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์) ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปทำความรู้จักในทุกแง่มุมของคอนโดมิเนียมโครงการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เลือกคอนโดใหม่ที่พร้อมตอบสนองวิถีชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว โครงการ TAIT Sathorn 12 เป็นคอนโด High Rise ระดับ Luxury ความสูง
ในชีวิตนี้เราคงผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขมามากมาย เช่น ตอนที่ได้ของขวัญวันเกิด ตอนที่ได้รางวัลใหญ่ ตอนที่จีบสาวติด หรือ ตอนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เหตุการณ์เหล่านั้นคงทำให้หลายคนเกิดอาการดีใจเบิกบาน ร่าเริง และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตไปอีกหลายวัน แม้ความสุขดูจะเป็นสิ่งที่ดีจนทำให้หลายคนพยายามตามหามัน แต่วิทยาศาสตร์กลับบอกเราว่า การให้ความสำคัญกับความสุขมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อเราได้ในหลายด้านเหมือนกัน เช่น ทำให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาได้แย่ลง ทำให้เราไม่มีความสุข ร้ายที่สุดมันอาจทำให้เราตายไวขึ้นด้วย ความสุขที่มากเกินไปอาจไม่ดีต่อหัวใจ ความสุขที่มากเกินไปอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจของเราอ่อนแรงลงได้ไม่ต่างจากคนอกหัก ทีมวิจัยจาก University Hospital Zurich พบว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขอาจทำให้เราเกิด ภาวะใจแหลกสลาย (Takotsubo syndrome) หรือ ภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงแบบเฉียบพลันได้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย Takotsubo syndrome จำนวน 485 ราย แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยจำนวนกว่า 96% มีเหตุการณ์เศร้าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ส่วนอีก 4% มีอาการจากเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาดีใจสุดขีด งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความเศร้าที่เป็นภัยต่อหัวใจ แต่ความสุขก็ทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนกัน ความสุขที่มากเกินไปอาจทำให้เราแก้ปัญหาได้แย่ลง แม้ความปิติยินดีจะเป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิต และทำให้เราทำอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้น แต่ถ้าเราถูกครอบงำด้วยความสุขมากเกินไป ผลที่เกิดขึ้นอาจมีร้ายมากกว่าดี งานวิจัยเมื่อปี 2008 ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ คือ
“นอนน้อยแต่นอนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยนอนชดเชย” แนวคิดที่คนส่วนใหญ่วันนี้เชื่อเหมือนกันทั่วโลก แต่หลายคนอาจสังสัย ทำไมนอนยาว ๆ มาหลายคืน แต่ตื่นเช้ามากลับไม่รู้สึกสดชื่นแจ่มใสเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังเหนื่อยล้าสะสมจนกระทบทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจกลายเป็นคนห่อเหี่ยว ทั้งหมดเกิดจาก “ปัญหาการนอน” ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตของคน 45% ในโลกมีปัญหา บอกก่อนเลยว่าปัญหานี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แม้จะมีความเชื่อผิด ๆ ว่าวัยรุ่นมีพลังการฟื้นตัวที่ดีกว่าผู้ใหญ่ เพราะในผลวิจัย “Observing changes in human functioning during induced sleep deficiency and recovery periods” ทดลองกับวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่มีเวลานอนพักผ่อนน้อยกว่ามาตรฐานราว 30% เป็นเวลา 10 คืนต่อเนื่อง พบว่ามีผลข้างเคียงคือสติและการประมวลผลมีประสิทธิภาพต่ำกว่าปกติ สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย ไม่สามารถรับอะไรใหม่ ๆ เข้าหัวได้ คิดอะไรสร้างสรรค์ไม่ออก ความสามารถในการแก้ปัญหาและตัดสินใจไม่เฉียบคมเหมือนปกติ แม้จะนอนให้เพียงพอเพื่อชดเชยถึง 7 วันแล้ว ก็ยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นเหมือนเดิมได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงรู้สึกง่วงไร้เรี่ยวแรงตลอดเวลา ในขณะที่บางคนมีพลังงานเต็มถังอยู่เสมอ ตามรายงานจาก US
นับเป็นการแจ้งเกิดในวงการเทนนิสที่สร้างความฮือฮามาก ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ นักกีฬาเทนนิสหน้าใหม่ปรากฎตัวในการแข่งขันระดับโลกแค่ไม่กี่ครั้งคนหนึ่ง จะสามารถโค่นล้มนักกีฬามืออาชีพได้แบบขาดลอย และคว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นหญิงเดียวมาครอบครองได้ในที่สุด สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้มีชื่อว่า Emma Raducanu นักเทนนิสสาววัย 18 ปี ที่มาพร้อมกับความสามารถอันโดดเด่น ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นดาวรุ่งในวงการเทนนิสอย่างรวดเร็ว UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปรู้จักกับเธอให้มากขึ้นกัน พื้นเพและผลงานของ Emma Raducanu Emma Raducanu เกิดเมื่อปี 2002 ในบ้านเกิดที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ครอบครัวของเธอเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในต่างแดน พออายุได้ 2 ขวบ เธอก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงลอนดอนพร้อมกับครอบครัว ทำให้เธอได้รับ 2 สัญชาติ (ได้แก่ แคนาดา และ บริติช) ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ในวัยเด็กเธอได้เล่นกีฬาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ แข่งรถคาร์ท สกี ขี่ม้า รวมถึง บัลเล่ต์ และ แท็ปแดนซ์ ส่วนเทนนิส เธอเริ่มเล่นมันตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนกระทั่งในปีอีกสิบปีต่อมา หลังจากที่เธอฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านเทนนิสมานมนาน
ผู้ชายอย่างเรามักมีภาระกองเท่าภูเขา ไหนจะภาระค่าใช้จ่าย ภาระครอบครัว หรือ ภาระเรื่องงาน ปัญหาเหล่านี้มักทำให้เราปวดหัว เกิดอาการกังวลจนทำตัวไม่ถูกกันอยู่บ่อย ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยเทคนิค การจัดลำดับ (Scheduling) เราจะรับมือกับพวกมันได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน Scheduling คือ ทักษะในการเรียงความสำคัญของกิจกรรมที่เราต้องทำในแต่ละวัน มันจะทำให้เรารู้ว่าควรทำอะไรก่อนและควรทำอะไรหลัง และสามารถลงมือทำอย่างเป็นลำดับที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด หลายคนอาจคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว เช่น การทำตารางเวลา หรือ จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันในรูปแบบของ to-dolist แม้ Scheduling จะทำได้ง่าย และหลายคนทำเป็นอยู่แล้ว แต่มันก็มีทิปที่เราควรรู้ไว้ เพื่อให้เราทำมันได้ดีขึ้นเหมือนกัน UNLOCKMEN อยากมาแนะนำเทคนิคที่ช่วยพัฒนา Scheduling เพื่อชีวิตที่จัดการได้อย่างราบรื่นมากขึ้น กำหนดเวลาที่เราจะเริ่มคิด schedule ทุกวัน ก่อนนอนควรเป็นช่วงเวลาที่เราพร้อมสำหรับการพักผ่อน ถ้าช่วงนั้นหัวเราไม่โล่ง เต็มไปด้วยความกังวลถึงเรื่องต่าง ๆ เราจะมีปัญหาเรื่องการนอน และตื่นมาในสภาพนอนไม่พอได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำ to-dolist ก่อนนอน แต่ควรทำก่อนหน้านั้น เพื่อไม่ให้ความกังวลรบกวนการนอนของเรา เราอาจเริ่มทำมันตอนที่สมองเรายังพร้อมรับความกังวลอยู่ เช่น ช่วงก่อนเลิกงาน 10 นาที
โลกใบนี้มีความกังวลสารพัดรูปแบบ บางความรู้สึกสามารถคลี่คลายได้ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ แต่บางความรู้สึกพัฒนาจนเป็นภาวะเรื้อรังที่อาจส่งผลกระทบกับชีวิต หรือนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ตามมาได้ ในขณะที่โลกมีคนหลงตัวเอง มีคนที่คิดว่าทำดีเท่าไรก็ยังไม่พอ บนโลกใบนี้ก็มีคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว หรือให้ทำอะไรก็ทำได้ไปหมด ดูไม่ติดขัดอะไร แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขากลับรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เก่งจริง ๆ แค่ฟลุคทำได้เฉย ๆ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความสำเร็จหรือคำชื่นชมที่ได้รับมาเลย ภาวะแบบนี้มีชื่อเรียกว่า Imposter Syndrome แม้จะไม่ได้ถูกจัดเป็นอาการป่วย แต่การลดทอนคุณค่าและความสามารถของตัวเองก็บั่นทอนสุขภาพจิตจนทำให้เสียการเสียงานหรือป่วยได้เช่นกัน ดังนั้นอย่ามัวปล่อยให้ความรู้สึกนี้ครอบงำ มาเอาชนะมันไปด้วยกัน “จดบันทึกความสำเร็จ” เพราะทุกชัยชนะ ควรค่าแก่การจดจำ ในสังคมที่สอนให้เราเอาแต่ถ่อมตัว บางครั้งเราก็ถ่อมตัวตามมารยาท แต่หลายครั้งก็เป็นปฏิกิริยาตอบกลับเหมือนถูกฝังอยู่ในสมอง เวลาใครชมว่าเก่งแล้วต้อง “ไม่หรอกครับ” “ผมไม่เก่งเลย” อยู่ตลอด จนหลายครั้งตัวเราเองก็อาจเชื่อไปด้วยจริง ๆ ว่าเราไม่เก่ง เราอาจแค่โชคดี อาจมีคนช่วย วิธีการหนึ่งที่จะทำให้เรายอมรับความสำเร็จของตัวเรามากขึ้น คือการจดบันทึกความสำเร็จลงไป โดยความสำเร็จที่ว่าไมจำเป็นต้องรอให้เป็นความสำเร็จใหญ่ ๆ หรือแค่เรื่องหน้าที่การงานเท่านั้น ทุกความสำเร็จล้วนมีความหมาย การจดบันทึกทำให้เราเห็นความสามารถและชัยชนะของเราแต่ละวัน ฝึกให้เราเคารพศักยภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มากไปกว่านั้นถ้าสามารถจดเป็นสถิติเป็นตัวเลขได้ ก็จะยิ่งทำให้เราไม่รู้สึกว่าเราชมตัวเองลอย ๆ แต่เราทำงานนั้น ๆ แบบมีมาตรฐานจริง
จะเป็นอย่างไรถ้าเราอาศัยอยู่ในยูโทเปีย โลกที่เราไม่ต้องทำงานหาเงินเพื่อใช้จ่าย อยู่ฟรี กินฟรี เพราะทรัพยากรมีให้เราอย่างเพียงพอ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลย นี่มันโลกในฝันชัด ๆ แต่ในความเป็นจริง การอาศัยอยู่ในยูโทเปีย อาจนำไปสู่การสูญพันธ์ของสิ่งมีชีวิตได้ อ้างอิงจากการทดลองหนึ่งของ John Calhoun นักวิจัยด้านจิตวิทยาจาก National Institute of Mental Health (NIHM) ซึ่งทำให้เรามองเห็นสาเหตุที่ยูโทเปียจะทำให้เกิดวันสิ้นโลกมากขึ้น ในช่วงปี 1965 – 1973 Calhoun ได้สร้างเมืองจำลองแห่งหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า ‘Universe 25’ เพื่อหาคำตอบของคำถามที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าความต้องการทั้งหมดในสังคมของเราได้รับการตอบสนอง” เมืองดังกล่าวมีลักษณะเป็นกล่องขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น ‘ยูโทเปียของหนู’ โดยเฉพาะ พื้นที่ภายในเรียกว่า สแควร์หลัก (main square) ซึ่งมีการแบ่งย่อยออกเป็นพื้นที่ระดับต่าง ๆ ลงไปอีก มีบันไดเพื่อใช้เดินขึ้นไปยังส่วนที่เรียกว่า ‘อพาร์ทเมนท์’ หรือสถานที่ทานอาหารและพบปะเข้าสังคมของชาวชุมชนหนูซึ่งรองรับได้สูงสุดถึง 3,000 ตัว นอกจากการจัดสรรอาหารและที่อยู่อย่างเพียงพอแล้ว นักวิจัยยังควบคุมอุณหภูมิในเมืองให้อยู่ที่ 20°c ซึ่งเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของหนูมากที่สุด ไม่มีสัตว์ผู้ล่าอยู่ในเมืองแห่งอุดมคตินี้ แถมยังมีมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างรัดกุม เพื่อให้
Mindset ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเวลาทำงาน เพราะคนที่มีมายเซทเติบโต หรือ Growth Mindset มักจะแก้ไขปัญหาในชีวิตหรือการทำงานได้ดีกว่าคนอื่นเสมอ แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เรียนเรื่องนี้กันมากเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะเรียนรู้จากประสบการณ์และการขวนขวายด้วยตัวเองมากกว่า UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำวิธีการพัฒนา growth mindset เพื่อให้เรากลายเป็นคนที่แก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นตามมา Growth Mindset คืออะไร? Growth Mindset เป็นคำที่ Carol Dweck ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และเจ้าของหนังสือ Mindset ใช้อธิบายประเภทของคนที่เชื่อว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับเวลาและความพยายาม พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้ หากทุ่มเทเวลา ความพยายาม และพลังงานให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง หากมีความวิริยะอุตสาหะ พวกเขาจะไม่ย่อท้อต่อุปสรรค ความท้าทาย และคำวิจารณ์โดยง่าย และมองหาแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของคนอื่นเพื่อเอามาปรับใช้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ คำว่ายอมแพ้ จะไม่มีอยู่ในหัวของคนที่ Mindset ดี คนกลุ่มนี้จะแตกต่างจากคนที่มี Fixed Mindset ซึ่งเชื่อว่า ตัวเองจะดีหรือแย่ขึ้นอยู่กับธรรมชาติแต่กำเนิด พวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากับความท้าทาย ไม่พยายามฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ และยอมแพ้ต่ออุปสรรค์อย่างง่ายดาย มี Growth Mindset แล้วดีอย่างไร ? งานวิจัยเมื่อปี
ต้องมีสักครั้งในชีวิต ที่เราตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตแล้วรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังอยู่ในฝัน บางครั้งความรู้สึกนี้ก็ทำให้เราสับสนว่า “กำลังตื่น หรือ หลับอยู่กันแน่นะ” ซึ่งอาการนี้ ทางการแพทย์ เรียกว่า ความจริงวิปลาส และถ้าประสบกับมันบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคจิตเวชได้ ความจริงวิปลาสคืออะไร ปกติแล้ว ภาวะความจริงวิปลาส (Derealization) นับเป็นหนึ่งในอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคดิสโซสิเอทีฟ (Dissociative Disorders) เช่นเดียวกับบ ภาวะบุคลิกภาพแตกแยก (Depersonalization) ทำให้บางครั้งสองอาการนี้ก็ถูกใช้แทนกันด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอาการไม่ได้มีความเหมือนกันซะทีเดียว แต่มีความแตกต่างกันอยู่ดังต่อไปนี้ Derealization จะเป็นอาการที่เรารู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับความเป็นจริงหรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว จนเกิดอาการเช่น สิ่งที่อยู่รอบตัวดูเชื่องช้า หรือ ทุกอย่างดูพร่ามัวไปหมด เราจะรู้สึกเหมือนสิ่งที่อยู่รอบตัวไม่มีอยู่จริง เหมือนกำลังอยู่ในโลกจำลอง หรือ โลกแห่งความฝัน ไม่สามารถประมวลผลหรือทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่รอบตัวของเราได้ จนเราเกิดความไม่คุ้นเคยกับสถานที่เราอยู่ และเกิดความสับสันระหว่างโลกแห่งความฝันและความเป็นจริง ส่วน Depersonalization คือ ภาวะที่เรารู้สึกตัดขาดจากร่างกาย อารมณ์ และความคิดของตัวเอง คนที่มีอาการนี้มักจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นภาชนะว่างเปล่า เป็นเพียงผู้ชมร่างกายตัวเอง หรือ เป็นหุ่นยนต์ที่คอยรับคำสั่งจากคนอื่น ไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป แม้พวกเขาจะขยับแขนขยับขา หรือ รู้สึกถึงอารมณ์ของตัวเองได้ก็ตาม