เวลาเราเห็นวงดนตรีไหนห่างหายไปจากวงการ เรามักเข้าใจว่าพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปทำธุระตามเรื่องราวของตัวเอง เลยมักเรียกช่วง Gap นั้นว่าการพักวง Abuse The Youth เองก็เป็นอีกวงที่มี Gap นั้น แต่ Gap ของพวกเขาไม่ได้เป็นการพักวงอย่างที่พวกเราเข้าใจ เพราะช่วงที่หายไปเกือบ 5 ปีนั้น พวกเขายังคงทำเพลง ซ้อมดนตรี พบเจอกันอยู่ตลอด เพียงแค่จังหวะมันยังไม่เหมาะที่จะปล่อยเพลงเท่านั้นเอง และตอนนี้ ปี 2019 นี้ คือช่วงเวลาที่พวกเขาเลือกแล้วว่าเหมาะสมที่จะปล่อยเพลงใหม่อย่าง We Meet Again ภายใต้บ้านหลังใหม่อย่าง What The Duck ความร้ายกาจคือใน MV เพลงนี้ระยะเวลาเพียงสามนาทีกว่า สามารถ Tie-In กิจการส่วนตัวของสมาชิกในวงได้ครบทุกคน จะมีอะไรบ้างต้องลองไปตามดูกันเอง เรามีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขาในบรรยากาศสบาย ๆ ถึงเรื่องราวการกลับมาครั้งนี้ของพวกเขา หัวเราะร่วนไปกับมุกตลกที่ยิงใส่กันเองอย่างไม่หยุดหย่อน ภายใต้กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟในร้าน Red Diamond To Be Continue เรามักจะคุ้นเคยเพลงของ Abuse The Youth ในยุคแรกที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ต่อจากนั้นก็เป็นเพลงไทยเพลงแรกอย่าง คืนสุดท้ายของแสงไฟ และได้ฐานแฟนเพลงเพิ่มไปเต็ม ๆ จากเพลงประกอบซีรีส์
ในบางคืนที่ความง่วงไม่มาเยือนสมอง คาเฟอีนในกาแฟตอนบ่ายยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน บุหรี่ตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกจุดแล้วดับไป เรายังคงเฝ้ารอให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายเพื่อเข้าสู่สภาวะที่เตรียมพร้อมต่อการนอน ระหว่างที่ยังไม่อาจข่มตาลงได้ ไม่ต้องนั่งเหงาเฝ้ามองหน้าต่างเหมือนทุกครั้ง คืนนี้เราจะมีเพลง Lo-Fi ลอย ๆ ให้สมองปลอดโปร่ง ปลดปล่อยความเครียด ปลดเรื่องราววุ่นวายในหัว กับ Playlist Midnight Lo-Fi ที่เราคัดมาให้ถึง 30 เพลงเต็มอิ่ม บอกกันก่อนว่า Mood ของ Playlist นี้ จะชวนง่วงเป็นพิเศษ อาจไม่ได้มีจังหวะที่หวือหวาเท่า Playlist Lo-Fi อันก่อน ๆ เพราะทำมาเพื่อเอาใจคนอยากมีเพื่อนในคืนเหงา ๆ แบบนี้นี่แหละ ตามไป Follow บน Spotify ได้เหมือนเดิม เต็มอิ่มกับ 30 เพลงไปแล้ว หากยังไม่อาจข่มตาลงได้ ลองตามไปที่ Playlist Lo-Fi อื่น ๆ ของเราได้ใน Spotify
คอเพลงป็อปพังก์มีหรือที่จะไม่คุ้นเคยกับเพลงของ Blink-182 ที่ไม่ว่าอัลบั้มไหนเป็นอันต้องมีเพลงฮิตติดหูเราอยู่เรื่อย ๆ เริ่มกันตั้งแต่ Cheshire Cat เมื่อปี 1994 ที่แม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงแต่ก็ยังซ่อนเพลงเจ๋ง ๆ เอาไว้อยู่หลายเพลง เรื่อยมาจนถึงอัลบั้มแจ้งเกิดอย่าง Enema of the State ปี 1999 ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องจดจำปกพยาบาลสุดจี๊ดจ๊าดนี้ได้ นำทัพด้วยเพลงฮิตอย่าง All The Small Things, Adam’s Song และ What’s My Age Again ต่อเนื่องความฮิตกันที่ Take Off Your Pants and Jacket ปี 2001 อย่างเพลง First Date เรื่อยมาจนถึงอัลบั้มล่าสุดอย่าง California แม้จะมีการสับเปลี่ยนสมาชิกในวงอยู่บ้างแต่วงก็ยังคงมีแฟนเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิม มารำลึกถึงความฮิตในวันวานสมัยขาสั้นเสื้อตัวโคร่งไปกับ 20 เพลงจาก Blink-182 ที่เราคัดมาให้ ทั้งเพลงฮิตติดหูและเพลง B-Side ที่อาจไม่คุ้นเคยแต่เราอยากแนะนำ ใครที่สะดวกฟังจาก Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้แล้วแบบครบถ้วนทุกเพลง กด Play
วงการดนตรีในแต่ละยุค มีจุดวัดความสำเร็จที่เปลี่ยนไปตามยุคนั้น ตั้งแต่ยุคล้านตลับจนมาถึงยุคล้านวิว ความสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงหน้าตาอยู่เสมอทำให้เราไม่อาจมีสิ่งชี้วัดตายตัว สำหรับกลุ่มคนดนตรีอย่าง Summer Dress ผู้มองว่าตัวเองไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเอาเสียเลย แต่ก็พอใจที่ตัวเองประสบความสำเร็จในด้านศิลปะแล้ว มีอัลบั้มของตัวเอง มีแฟนเพลงที่ร้องเพลงตามได้ มาพูดคุยกับพวกเขาในเรื่องราวเหล่านี้ไปพร้อมกันกับเรา เพราะบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนในวันนั้น เราจึงต้องนั่งพูดคุยกันในบ้านหนึ่งในสมาชิกของวง บ้านที่เป็นทั้งพื้นที่รวมตัว พูดคุย ทำกิจวัตรประจำวันและซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อมด้านบน เราเลือกนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น สมาชิก Summer Dress นั่งพิงโซฟาตัวยาว ที่พอจะนั่งได้เกือบทั้งวง เรียงกันตั้งแต่ แน็ต กีต้าร์, โป้ว เบส, แปม กลอง, เต๊น ร้องนำ กีต้าร์ และ ปอนด์ คีย์บอร์ด แล้วเราเริ่มพูดคุยกันท่ามกลางเสียงหยาดฝนโปรยปรายและ Lullaby อ้อยอิ่งตามแรงลม About Summer Dress สมาชิกทั้งหมดเริ่มต้นวงดนตรีเหมือนวัยรุ่นคนอื่นที่อยากจะมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง รวมตัวกันตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้พวกเขามีความสนิทสนมในอินเนอร์ของเพื่อนที่เป็นเพื่อนในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในวง (สังเกตได้จากการกวนตีนกันเองตลอดการพูดคุย) พวกเขายังคงชื่นชอบและรักในงานอดิเรกนี้ เพลงแพ้ทอมคงจะเป็นเพลงแรกที่เราได้ยินชื่อของพวกเขา จนกำเนิดอัลบั้มมาให้พวกเราได้ฟังแล้วถึงสองอัลบั้ม และกำลังจะมีอัลบั้มที่สามตามมาเร็ว ๆ นี้ โป้ว: เล่นด้วยกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนดุริยางค์ ศิลปากรด้วยกัน ตอนแรกมีเต๊น มีผม มีแน็ต แล้วก็เพื่อนอีกคน
การฟังเพลงมันเป็นกิจกรรมที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เว้นแม้แต่ตอนก่อนนอน จริง ๆ ช่วงก่อนนอนก็เป็นเวลายอดฮิตของคนรักการฟังเพลงเหมือนกัน ถ้าหากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ได้เพลงเคลิ้ม ๆ มาบำบัดอารมณ์ให้รู้สึกพร้อมเข้าภวังค์ก็คงจะดีไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่นอนไม่หลับ การฟังเพลงก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เข้าสู่ห้วงนิทราได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหลับยาก หลับง่าย หรือคอเพลงหรือไม่ก็ตาม ลองกล่อมตัวเองด้วย Bedroom Pop ที่จะมาขับกล่อมคืนนี้ให้ล่องลอยเข้าสู่ห้วงนิทรา PLAYLIST นี้กันได้ เผื่อจะติดใจการฟังเพลงก่อนนอนเหมือนกับเรา สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify ตามไป Follow Playlist ของเราได้เหมือนเดิม Still Woozy – Habit Clairo – Heaven Ralph Castelli – Thinking On My Own Ralph Castelli – Shot Down Omar Apollo – Erase Mac DeMarco – Still Beating
สำหรับปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่วงการดนตรีมีความคึกคักมากกว่าปกติ ทั้งศิลปินที่ห่างหายไปนานได้กลับเข้าสตูดิโอเข็นอัลบั้มใหม่แกะกล่องออกมาให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึง หรือแม้แต่ศิลปินที่มีผลงานในขณะนั้นก็ไม่ยอมแพ้ ปล่อยเพลงใหม่ ๆ ออกมาเรียกเสียงฮือฮาเช่นกัน แต่อะไรจะเรียกเสียงฮือฮาได้เท่าการกลับมาของเทศกาลดนตรีเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งแต่เป็นที่จดจำตลอดไปอย่าง Woodstock 1969 เมื่อ The Bird Of Peace กลับมาโบยบินอีกครั้งหลังจากห่างหายไปถึง 50 ปี มาดูความยิ่งใหญ่ของเทศกาลดนตรีครั้งนี้เมื่อในอดีต The Bird Of Peace เมื่อปี 1969 ช่วงกลางเดือนสิงหาคม Woodstock Music & Art Fair ได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยความตั้งใจของสี่หัวหอกอย่าง Artie Kornfeld, Michael Lang, John Roberts และ Joel Rosenman ผืนแผ่นดินเขียวชอุ่มกว่า 600 เอเคอร์ในฟาร์มของนาย Max Yasgur ณ เมือง Bethel, NY ถูกใช้เป็นพื้นที่ตั้งเวทีและรองรับคนดูที่ต้องตั้งแคมป์สำหรับการกินนอนที่นี่ถึงสามวันสามคืน พื้นที่สำหรับการดื่มด่ำเสียงดนตรีแบบใกล้ชิด
เวลาเราซุ่มทำบางอย่าง กลั่นกรองความคิดให้มันตกตะกอนออกมาเป็นไอเดียที่เข้าท่า ลงมือทำด้วยทักษะที่เรามี แต่พอถึงเวลาที่ต้องงัดของมาเรียกแขก มักมองไม่เห็นลู่ทางที่ชัดเจนหรือแตกต่างจากสิ่งเดิม ๆ มากนัก ได้แต่เดินทางเดิม ตามสิ่งที่คนอื่นเคยทำมาแล้ว จนของที่เราตั้งใจทำกลายเป็นของที่จมอยู่ท่ามกลางของชิ้นอื่น ไม่มีวี่แววที่จะโดดเด่นขึ้นมาได้ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับ “คุณวิน – วินัย กิจเจริญจิรานนท์” ที่มองลู่ทางในการนำเสนอผลงานของตัวเองในรูปแบบอื่น ๆ ในคติที่ว่า “กล้าทำก็กล้าขาย” กับผลงานเพลง Nerd Pop ของเขาในชื่อ “The Dumbs” เมื่อทุกอย่างที่สร้างมาด้วยสมอง ทำไมเราถึงไม่กล้าขายด้วยสองมือของเรา พูดคุยกับเขาในประเด็นการมองหาโอกาสและลงมือทำในสิ่งที่รักในตอนที่ยังมีเวลา เห็นชื่อ Garage มาอาจมองหาเรื่องราวดนตรีเน้น ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องราวการทำเพลงเพียงเท่านั้น เพิ่มโฟกัสเรื่องความพยายามในการทำเพลงแบบไม่มีค่าย หรือแม้แต่ทำการตลาดด้วยตัวเองด้วย คุณวิน ทำงานเป็น Content Creator เพจ TypeThai ไม่ได้มีดนตรีเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่แรก เป็นเพียงแค่งานอดิเรก แต่เขาเลือกที่จะทำมันในตอนที่เขายังมีโอกาส เขาลงมือทำสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจอย่างดนตรี ออกมาเป็น “The Dumbs” ที่มี 5 แทร็กออกมาให้เราได้ฟังกัน จากคนฟังเปลี่ยนเป็นคนทำดนตรี ตอนทำเพลงเองคนเดียวเนี่ย ส่วนมากได้แรงบันดาลใจจากไหน ? “โดยส่วนตัวชอบดนตรีอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะเป็นคนฟัง บวกกับเล่นดนตรีได้นิดหน่อย
“ขอบันไดหน่อย” ในยุคหนึ่ง หลายคนร้องเพลงนี้ตามอย่างออกรสชาติ อินไปกับความรักเด็ดดอกฟ้าของหนุ่มวัยรุ่น ชื่อของ “Penguin Villa” เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างและติดหูเหล่าคนฟังเพลงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลังจากอัลบั้มปกส้มนั้น ทางวงไม่ได้มีอัลบั้มเต็มให้เราได้ฟังอีกเลย มีเพียงซิงเกิ้ลออกมาบ้างประปรายพอให้หายคิดถึงกันได้ในเพลง Good Morning กับเพลง ร้อยล้านวิว นั่งรอนอนรอกันมาเนิ่นนาน นานแค่ไหนน่ะหรอ 14 ปีเต็ม! กว่าอัลบั้มที่สองอย่างอัลบั้ม “J” จะได้ออกมาให้แฟน ๆ ได้กลับมาหลงรักบรรยากาศเดิม ๆ ที่ Penguin Villa เคยทิ้งไว้ให้เราเมื่อสิบกว่าปีก่อนนี้ เราได้มาพูดคุยกับ “พี่เจ เจตมนต์” ที่บ้านของพี่เจเอง บรรยากาศสบาย ๆ และอบอุ่น จากทั้งสภาพแวดล้อมและการต้อนรับ ตั้งแต่สวนหน้าบ้านที่มีพื้นที่ให้นั่งเล่น พร้อมกับกินฝรั่งบ้านพี่เจที่หวานกรอบไปด้วย ชั้นล่างของบ้านเป็นสตูดิโอทำเพลงของพี่เจ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกับว่านี่คืออีกโลกหนึ่ง เราเลือกขึ้นมาพูดคุยกับพี่เจที่ระเบียงชั้นบน ที่ให้ความรู้สึกเหมือน Cottage ริมทะเลเอามาก ๆ การพูดคุยของเราเป็นไปแบบง่าย ๆ เหมือนมาพูดคุยกันในวันสบาย ๆ ตอนนี้พี่เจทำอะไรอยู่บ้าง ? “ผลงานล่าสุดคืออัลบั้ม J จาก Penguin Villa เป็นอัลบั้มชุดที่สองของ Penguin Villa งานประจำ
อีกต้นกำเนิดแห่งความชิล ชนิดที่ว่าเปิดเมื่อไหร่เป็นอันต้องขยับตัว เอนกายไปข้างหลังเล็กน้อย แล้วดื่มด่ำบรรยากาศรอบตัวไปกับเพลง Indie Folk ที่รับเอากลิ่นอายจากดนตรีหลายแนวมาไว้ในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Folk, Country, Indie Rock ล้วนแต่สร้างบรรยากาศสุดชิลให้เราได้ทั้งนั้น UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาปล่อยตัวปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงโฟล์กที่เราเลือกมาให้ อาจจะคุ้นบ้างไม่คุ้นบ้าง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ แลกเปลี่ยนเพลงกันฟัง และเพิ่มเติมเพลงใหม่ ๆ ให้ Playlist ของเราเองไปในตัว สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้แล้วเหมือนเดิม Bon Iver – for Emma Fleet Foxes – He Doesn’t Know Why Iron & Wine – Passing Afternoon Elliott Smith – Twilight Iron & Wine –
Bruno Mars ศิลปินมากความสามารถผู้มีความมั่งคั่งกว่า $150 ล้านเหรียญ (เกือบ 5 พันล้านบาท) จากผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จเกือบทุก Single และ World Tour Concert ที่คนดูเต็มทุกที่นั่งในทุกประเทศที่ไป ซึ่งเบื้องหลังของ Bruno Mars ย่อมต้องมีสมาชิก Back Up และนักดนตรีที่ออกทัวร์ด้วยกันเสมอในชื่อ “Hooligans” แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเทียบเท่านักร้องคนดัง แต่ก็เป็นความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ทำให้ทุกคนใส่เต็มที่เสมอในทุกโชว์ และเพื่อเป็นการขอบคุณที่ “24K Magic World Tour” ล่าสุดผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมฉลองปีใหม่ 2019 Bruno Mars จึงแสดงความป๋าเต็มที่ แจกนาฬิกาหรู Audemars Piguet Extra-Thin ‘Jumbo’ Royal Oak เรือนทองจำนวน 8 เรือน ให้สมาชิกทุกคนได้ใส่กันทั่วหน้า ความหล่อครั้งนี้เกิดขึ้นในทัวร์ปลายทางสุดท้ายของ “24K Magic World Tour” ณ Las Vegas ซึ่งตรงกับวัน New Year