เสียง “Victory Lap” ดังก้องอยู่ในหูและเป็นหนึ่งในลิสต์เพลงแร็ปฯ ที่เรายังนั่งฟังวนกัน แต่บ่ายวันนี้ เสียงเพลงเบากว่าเสียงปืนที่ดังขึ้น พร้อมข่าวดังที่ทำให้พวกเราแฟนเพลงของเขา “NIPSEY HUSSLE” ต้องใจหาย เมื่อนักแร็ปอเมริกันชื่อดังจากเราไปกะทันหันจากกระสุนที่วิ่งเข้าร่างเขา ขณะที่ยืนอยู่หน้า Marathon Clothing ร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองใน Hyde Park สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเดนตายของ “NIPSEY” อาจได้ยินชื่อของเขาผ่านหูจากงาน Grammy Award ครั้งที่ 61 ที่เพิ่งจัดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเขาคือหนึ่งในห้าผู้ได้รับการเสนอชิงรางวัล Best Rap Album 2019 แม้สุดท้ายรางวัลนี้จะตกไปอยู่กับ Cardi B ก็ตาม แต่การมีชื่อเขาเข้าเสนอชิงรางวัลเดียวกันกับคนดัง ๆ หลายคนที่เคยได้รับการเสนอชื่อมาเป็นประจำ ทั้ง Eminem Jay-z หรือ Kendrick Lamar ก็การันตีได้ว่า ผลงานของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน เพื่อไว้อาลัยการจากไปของ NIPSEY HUSSLE เราขอเสนอประวัติของเขาให้พวกคุณได้สัมผัส จากหลากหลายมุมมอง พร้อม 5 Tracks ยอดนิยมขณะนี้ที่คัดสรรมาให้เปิดคลอเพื่อรำลึกถึงเขา
มีหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายอย่างเราตัดสินใจรวมตัวหรือสร้างกลุ่มกันขึ้นมาเพื่อลงมือทำอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นความชอบที่ตรงกัน รสนิยมการใช้ชีวิตที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงความฝันที่จะได้ออกวิ่งตามหาเรื่องราวที่สนุกสนานและความสำเร็จให้กับชีวิต เหมือนกับ SLUR (เสลอ) วงดนตรีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ เย่-จักรพันธ์ บุณยะมัติ (ร้องนำ), บู้-ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์(เบส), เฮ้าส์-สรศักดิ์ จันทรมนตรี(กีต้าร์) และ เอม-ธิติพันธุ์ อนะวัชพงษ์(กลอง) จนกลายเป็นวงดนตรีคุณภาพ ซึ่งสร้างความหลากหลายให้กับวงการเพลงไทยมาตั้งแต่ปี 2549 ที่พวกเขาปล่อยอัลบั้มแรกของตัวเองอย่าง Boo! ออกมาให้ทุกคนได้รู้จัก แต่ก็เหมือนชีวิตของทุกคน แน่นอนว่าการเดินทางบนเส้นทางดนตรีมาตลอดระยะเวลากว่า 13 กับผลงาน 5 สตูดิโออัลบั้ม ต่างเต็มไปเรื่องราวและเหตุการณ์ที่มีทั้งปัญหาและช่วงเวลาพิเศษมากมาย แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้ทั้ง 4 คนหมดความกระหายในสร้างบทเพลงใหม่ ๆ ออกมาและอัลบั้ม Bin ซึ่งเป็นผลงานชุดล่าสุดก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าความสนุกและไอเดียสร้างสรรค์ในงานดนตรีของพวกเขา ไม่เคยลดน้อยลงตามช่วงอายุที่มากขึ้น แต่อะไรจะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวพวกเขาทุกคน ให้เดินบนเส้นทางอย่างรู้ใจตัวเองอยู่เสมอ วันนี้เรามารับฟังเหตุและเรื่องราวของพวกเขาไปพร้อมกัน พูดถึงจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจของอัลบั้มล่าสุดอย่าง BIN ให้ฟังหน่อยครับ เย่ : ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นของอัลบั้ม Bin ผมที่ว่ามันเหมือนกับอัลบั้มที่ 4 ตรงที่เราคิดว่าเรายังสามารถคิดเพลงได้อีกยังพัฒนาเพลงต่อได้ เลยอยากจะทำเพลงกันออกมา แต่เรื่องแนวเพลง
หากเราเป็นศิลปิน เราจะทำยังไงให้คนจดจำเราได้ ? เราจะใช้โลโก้สุดเท่ เราจะเป็นแฟชั่นไอคอน ขายคาแรกเตอร์สุดจี๊ดจ๊าด หรือเราจะระเบิดความมันส์ อาศัยลีลาการร้องเล่นจากฝีมือ ทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลักษณ์โดยรวมของวง ที่สมาชิกต่างยอมรับและให้มันเป็นภาพแทนของพวกเขา มันจึงต้องคิดมาอย่างดีแล้ว เพราะมันเป็นเหมือน First Impression นั่นแหละ แต่ละวงต่างก็มีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันไป คล้ายบ้าง ซ้ำบ้าง แต่สุดท้ายมันก็คือคนละตัวตนกันอยู่ดี เรื่องของเรื่องคือเราอยากแนะนำวงอินดี้ร็อกอย่าง The Neighbourhood ที่มีจุดเด่นอันชัดเจนคือ ภาพขาวดำ ทั้งปกอัลบั้มและ MV มาล้วงลึกถึงเบื้องหลังสีสันอันหม่นหมองและบทเพลงที่มอดไหม้ ของพวกเขาไปพร้อมกัน ทำความรู้จัก The Neighbourhood สำหรับคอเพลงอินดี้ร็อก คงจะคุ้นหูกันดีกับเพลงของ The Neighbourhood ที่ดูเผิน ๆ เหมือนคำนี้มันจะสะกดไม่ถูก แต่ชื่อวงดนตรีเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องที่จะพลาดกันได้ง่าย ๆ แน่นอนว่ามันคือความตั้งใจของทางวงที่จะสะกดแบบนี้ ไม่ใช่ตั้งใจสะกดผิด แต่มันเป็นการสะกดแบบ British เพื่อไม่ให้ชื่อไปซ้ำกับวงสัญชาติอเมริกันที่มีอยู่แล้วนั่นเอง ห้าหนุ่มจาก California ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาใช้ชีวิตแบบแสบพอตัว บางคนไม่พบไฮสกูลด้วยซ้ำ แต่ประสบการณ์แสบสันเหล่านั้น ทำให้พวกเขาเหนียวแน่นกันมาจนถึงตอนนี้ รวมตัวกันเมื่อปี 2011 ใช้เวลาหนึ่งปีถ้วนในการขับเคี่ยวเอาผลงานแรกออกมาสู่วงการ เป็น
ทุกการจากไปสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่อยู่ข้างหลังเสมอ โดยเฉพาะการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของใครสักคน เพราะความสูญเสียแบบที่ไม่อาจย้อนคืนได้ มันทำให้เราทำได้เพียงระลึกถึงสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้เท่านั้น เช่นเดียวกับ Keith Flint ที่จากไปอย่างกะทันหัน ไม่มีเวลาให้ใครได้ตั้งตัวทัน ทั้งคนรอบตัวและแฟนเพลงทั่วโลก เราคงไม่อยากเจาะจงลงไปว่า สาเหตุของการจากไปของเขาคืออะไร ขุดคุ้ยขึ้นมาก็ไม่น่าเป็นผลดีกับฝั่งไหน เราจึงขอพูดถึงเรื่องราวแสนพิเศษที่เขาได้ทิ้งไว้ให้กับวงการดนตรีและโลกใบนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงเขาอย่างนอบน้อมที่สุด เราคงคุ้นเคยกับ Flint ในภาพลักษณ์สุดแสบ ทรงผมและสีสันแสนจะสะดุดตา ที่เห็นแล้วเป็นอันต้องเหลียวมอง ก่อนที่เขาจะมาอยู่ในภาพลักษณ์นี้ เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่ต้อง Suffer กับโรคประจำตัวอย่าง “Dyslexia” หรือโรคบกพร่องทางการอ่าน ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเขาอย่างมาก จนต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 15 มาทำอาชีพช่างซ่อมหลังคา เขาเริ่มต้นการก้าวเข้ามาในวงการด้วยเรื่องสนุก ๆ ที่เขาเริ่มกับ Liam Howlett ในตอนที่ยังเป็นดีเจในคลับ เมื่อครั้งที่พบเจอกันครั้งแรก การพูดคุยอย่างออกรสเรื่องรสนิยมทางดนตรี พาให้บทสนทนาของทั้งคู่เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เรื่องราวในวันนั้นจบลงที่ Liam ทำ Mixtape ให้สำหรับ Flint ใช้ในโชว์ จนสุดท้ายความไปด้วยกันได้ทั้งในเรื่องมิตรภาพและการร่วมงาน ทำให้พวกเขาเริ่มก่อตั้งวงอิเล็กทรอนิกส์ The Prodigy ในปี 1990 ร่วมกับเพื่อน ๆ ของเขา รวมทั้ง Liam ที่มาเป็นมือคีย์บอร์ดและคนแต่งเพลงให้กับวง และการแจ้งเกิดกับ “Firestarter”
ในวันที่ดูเหมือนอะไรก็ไม่เข้าข้าง เคว้งคว้างจนเหมือนกับว่าลอยออกไปแสนไกล จนไม่มีใครหันมาเห็นเราอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บมากเจ็บน้อย ล่องลอยออกไปไกลแค่ไหน ลองหยิบหูฟังให้พร้อม แล้วกดปุ่ม Play เจ้า Playlist นี้ หลีกหนีความเจ็บช้ำไปกับ 20 เพลงสุดชิลล์ที่ช่วยฮีลความรู้สึก แม้จะไม่ได้ดีขึ้นในตอนนี้ อย่างน้อยก็ได้หนีเรื่องราววุ่นวายไปก่อน สักช่วงเวลาสองชั่วโมงที่เริ่มตั้งแต่เพลงแรกจวบจนเพลงสุดท้ายของ Playlist นี้ ใครที่สะดวกฟังบน Spotify ตามไป Follow ให้หายช้ำกันได้ที่ Playlist เหมือนเดิม Harry Styles – From the Dining Table Iron & Wine – Passing Afternoon S. Carey – Rose Petals Damien Jurado – The Last Great Washington State Nothing But Thieves
นอกจากภาพลักษณ์และผลงานเพลงที่แสนดุดันของ Corey Taylor แล้ว ฝีปากของเขาก็ดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้กัน สังเกตได้จากบทสัมภาษณ์เวลาพาดพิงบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะโดนพาดพิงมาก่อน หรืออยากจะลองพาดพิงคนอื่นพอให้เจ็บ ๆ คัน ๆ ก็สร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการได้ทั้งนั้น ครั้งนี้เป็นคราวของ Imagine Dragons ที่โดนแซวอย่างเจ็บแสบไม่แพ้คนอื่น มาดูกันว่าดราม่าครั้งนี้พวกเขาโดนอะไรกันบ้าง คอเพลงเป็นอันรู้กันว่า Nickelback เป็นวงดนตรีที่มักจะถูกแซวเรื่องความนิยมอยู่เสมอ ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นวงที่ห่วย ไร้ความสามารถ แต่เป็นวงที่ถูกเกลียดมากที่สุดในวงการเพลงร็อกต่างหาก คนที่แซวบ่อยที่สุดก็ไม่พ้น Corey Taylor แห่ง Slipknot นั่นแหละ จน Nickelback กลายเป็น Meme บนโลกอินเทอร์เน็ตไปแล้ว คดีแสบที่สุดก็คงจะเป็นที่กล่าวหาว่า Kroeger มีความละม้ายคล้ายกับ “Shaggy from Scooby-Doo” นี่แหละ แต่ช่วงเวลาแห่งความซวยของ Nickelback จบลงแล้ว เมื่อ Corey ตัวจี๊ดแแห่งวงการ ได้เปลี่ยนเป้าหมาย มาลงที่ Imagine Dragons แทน เมื่อในรายการ Jonesy’s Jukebox ของมือกีต้าร์แห่ง Sex
Summer: I said I love The Smiths. You have good taste in music. Tom: You like The Smiths? Summer: ‘To die by your side is such a heavenly way to die’. Love it. ไดอะล็อกจากฉากลิฟต์ในตำนาน ของภาพยนตร์คนช้ำรัก “(500) DAYS OF SUMMER” เรื่องราวของการถูกผลักไสไปอยู่ในฐานะของ “เพื่อน” แม้จะแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าอยากจะควงแขนเธอในฐานะ “คนรัก” แค่ไหนก็ตาม จนเรื่องนี้กลายเป็นหนังช้ำรักอันดับต้น ๆ ที่คอหนังแนะนำ เหล่าแฟนหนังต่างก็เสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง ว่าความเจ็บช้ำในครั้งนี้ มันผิดที่ใครกันแน่ ถึงอย่างนั้น เราไม่ได้จะมาถกเถียงกันว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิดกันแน่ แต่เราจะชวนมาฟัง 20 เพลงเจ๋ง ๆ
ในช่วงปีที่ผ่านมา ซีนอินดี้บ้านเราได้เห็นปกอัลบั้มแรกของ Zweed n’ Roll แม้จะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของวงหรือ Single ของพวกเขามาสักพักแล้ว แม้เพลงจะฮิตติดชาร์ตขนาดไหน เชื่อไหมว่าพวกเขายังไม่มีอัลบั้มแรกกันเลยด้วยซ้ำ (เพิ่งมามีกันเมื่อปีที่แล้วนี่แหละ) อัลบั้มแรกของพวกเขามาในปกที่แสนสะดุดตากับภาพที่ “พัด” นักร้องนำของวง ทอดแผ่นหลังอยู่บนกระโปรงรถ พร้อมสีหน้าพริ้ม ที่พอจะเดาออกว่ามันมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สีทองในมือ ในอัลบั้มบรรจุไปด้วยเพลง Mood หม่น ๆ จนเสียน้ำตากันไปบ้าง เราอาจมองเพลงของพวกเขาเป็นเพลงเศร้าหนึ่งเพลง เป็นเพลงอกหัก ที่มันทิ่มแทงความรู้สึก ไม่ของคนแต่งก็ของคนฟังอย่างเราเองนี่แหละ ทว่าทุกเพลงที่ร้อยเรียงขึ้นมา ไม่ได้เป็นแค่ผลงานที่พวกเขาภูมิใจในความสามารถทางดนตรีเท่านั้น แต่ความภูมิใจของพวกเขามันอยู่ที่ผลงานเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เยียวยาทั้งตัวเขาและคนฟัง จนเป็นเพลงที่มีค่าในตัวเอง มาฟังเรื่องราวของพวกเขา ในการเรียงร้อยเรื่องราวออกมาให้ Impact กับคนฟัง สมาชิกในวงได้แก่ พัด นักร้องนำ, ปูน กีต้าร์, มิน กีต้าร์, นิว เบส และ แทน กลอง นั่งเตรียมความพร้อมกันที่สวนชั้นล่างของร้าน ด้วยการอัดบุหรี่ตัวแล้วตัวเล่า พ่นควันขาวฟุ้งขึ้นไปในอากาศ ราวกลับต้องการปลดปล่อยความประหม่าทั้งหมดทิ้งไป เพื่อเตรียมตัวเล่น Live Session ให้กับรายการ Garage
ช่วงเวลาที่กลิ่นอายของความรักจะลอยฟุ้งอยู่ในอากาศอย่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ เดินไปทางไหนก็มีแต่ดอกไม้ ช็อกโกแลต และคู่รัก อย่างเลี่ยงไม่ได้ มาสร้างบรรยากาศแสนเหงาที่เคยมีให้ละมุนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องผ่านคืนอันเดียวดายไปเพียงคนเดียว หรือคนมีคู่อยากได้บรรยากาศหวานแต่ไม่เลี่ยน ต้อง Playlist นี้ของเรา ที่รวมเอา 30 แทร็ก Chillwave เกือบสองชั่วโมงเต็มอิ่ม ปล่อยตัวปล่อยใจให้ลอยเคว้งไปกับบีทนุ่มลึก เหมือนกำลังล่องลอยไปในอวกาศที่แสนเงียบงัน สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify สามารถตามไป Follow Playlist นี้กันได้ ฟังครบ 30 เพลงแล้วยังไม่จุใจ จะวนซ้ำกันอีกสักรอบก็ยังได้ หรือจะตามไป Playlist Lo-Fi อื่น ๆ เรามีให้เลือกอีกเพียบ
ไม่ว่าจะเดินทางมาทำงานด้วยวิธีไหน ไม่ว่าจะขับรถมาเอง หรือใช้ขนส่งมวลชน เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้แฮปปี้กับสภาพจราจรในตอนเช้าหรือหลังเลิกงานกันนัก ไม่ว่าจะในย่านที่ติดเป็นประจำจนขึ้นชื่อว่าติดไฟแดงชาตินี้ได้ไปชาติหน้า หรือย่านที่ไม่ได้ติดสาหัส แต่ก็รถเยอะจัดตลอดวัน หรือใครที่เดินทางด้วยขนส่งมวลชนก็ต้องผจญกับคลื่นมนุษย์ที่เบียดเสียดกันไม่แพ้ทางอื่น UNLOCKMEN เข้าใจคุณดี เลยหยิบเอามาฟังได้ตลอดกับเพลงจากวงอังกฤษ ที่จะมีเอกลักษณ์ของเขาเองจนเกิดเป็นคำเฉพาะที่เรียกกันว่า “Britpop” มีทั้งเพลงฮิตติดหูและเพลง B-Side ที่อาจไม่เคยได้ฟังปะปนกันไปบ้าง มู้ดรวม ๆ คือเน้นฟังกันเพลิน ๆ มากกว่าให้มันเป็น Playlist รวมเพลงฮิตยุคทอง แก้เซ็งกันก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง ใครที่สะดวกฟังบน Spotify ตามไป Follow Playlist กันได้เหมือนเดิม Shed Seven – Going For Gold Radiohead – No Surprises James – Laid The Verve – Lucky Man The Bluetones – Slight Return Dodgy –