คนรวย คนไม่รวยวัดกันที่ตรงไหน? ถ้าบอกว่าวัดกันที่การแต่งกาย ของใช้ที่มองเห็นภายนอกนี่อาจจะเป็นวิธีวัดที่เก่าไปแล้ว เพราะสำหรับเรื่องล่าสุดที่เพิ่งมีงานวิจัยออกมาเผยแพร่คือเขาสามารถใช้สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างเสียงเพลง หรือแนวเพลงที่เราชื่นชอบนำมาใช้จำนวนวัดเงินในกระเป๋าของเราได้ แต่ก่อนจะไปอ่านผลวิจัย…ลองซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยการคิดคำตอบในใจกันก่อนว่าคุณชอบฟังเพลงแนวไหน และเมื่ออ่านจบอย่าลืมบอกเราอีกครั้งด้วยว่าตรงหรือเปล่า เริ่มต้นที่เศรษฐีอเมริกันส่วนใหญ่มักจะฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีศิลปินไม้ตายอย่าง บีโทเฟน โมสาร์ต และบาช อยู่ใน track ที่เปิดเสมอ งานนี้แม้พวกเราอ่านไปแล้วจะเริ่มส่ายหน้าเพราะฟังดูเหมือนเรื่องอุปโลกน์ที่เดาขึ้นมาแบบส่ง ๆ แต่มันก็เป็นจริงแล้ว และรับรองได้ มาจากผลการสำรวจของกลุ่มคน millennials จำนวน 1,500 คนที่จัดทำขึ้นโดย TDAmeritrage งานนี้แม้จะเป็นการสำรวจจากกลุ่มคนจำนวนไม่มากเพียงช่วงวัยเดียว แต่เหล่านักวิจัยก็ยังยืนยันว่าผลลัพธ์สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบกับช่วงวัยอื่นได้ รักเพลงแนวไหน รายได้เท่าไหร่ หลายคนคงเริ่มอยากรู้แล้ว ลองดูกันว่าแนวเพลงที่เราชอบกันหน่อย ว่าตรงกับสิ่งนี้ไหม แนวเพลงคลาสสิก – $114,000 หรือ 3,730,071.29 บาท แนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ – $92,000 หรือ 3,010,232.97 บาท แนวเพลงแร็ป / ฮิปฮอป – $69,000 หรือ 2,257,674.73 บาท แนวเพลงยุค 80 และ 90 – $67,000 หรือ 2,192,234.88
หลายคนใช้เสียงเพลงเป็นสื่อบันเทิง ให้ความเพลิดเพลินไปกับเนื้อร้อง ทำนองที่ผ่อนคลาย หรือหนักหน่วง เร้าใจ ที่เราเลือกมาแล้วใน Playlist หลายคนใช้เป็นหนทางหลีกหนีไปสู่อีกโลกหนึ่งทุกครั้งที่กดปุ่ม Play ไปสู่โลกที่เราไม่ต้องคิดอะไร ไม่ว่าเราจะเลือกใช้มันเป็นอะไรก็ตาม พวกเขา “STOIC” เลือกที่จะใช้เสียงเพลงบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเจอมาในชีวิตในรูปแบบที่สื่อถึงตัวตนของพวกเขาที่สุด ใช้เพลงสื่อสารกับคนฟังอย่างเรา ๆ ให้รับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเนื้อเพลงและทุกตัวโน้ตที่พวกเขาตั้งใจเรียบเรียงขึ้นมา สำหรับคอเพลงอินดี้อาจจะคุ้นเคยกับเพลงของพวกเขาอย่าง เพลง “วิวรณ์” และเพลงล่าสุดอย่างเพลง “วัฎจักร” ที่เพิ่งปล่อย Official MV ไปเมื่อหลายวันก่อน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับวง STOIC ถึงเรื่องราวของวงและผลงานที่ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกถึง Touching กับทุกเพลงของพวกเขา โดยวง STOIC ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน คือ แพ็ค (กีต้าร์-ร้องนำ), หนึ่ง (กีต้าร์), ยู (เบส), เปรียว (กลอง), ฟลุ๊ค (เชลโล) ซึ่งตอนนี้ทางวงยังไม่อยู่ในสังกัดของค่ายไหน กว่าจะรวมตัวเป็น STOIC แพ็ค : ประมาณสองปีที่แล้วครับ
ย้อนกลับไปในยุคที่คำว่า indie หรือ indy เป็นคำที่โคตรเท่เเละศักดิ์สิทธิ์สุดขีดสำหรับใครหลาย ๆ คน ในยุคนั้นความอินดี้แทบจะเป็น Culture หลัก ๆ ของคนกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพเเวดล้อมไปจนถึงวัฒนธรรมที่เคยฮิตก็เลือนหล่นจางหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันคำว่า “อินดี้” ดูจะเป็นคำเอาไว้เเซะคนอื่นมากกว่าจะเป็นคำที่เอาไว้พูดในเชิงชื่นชมอย่างเมื่อ 9 – 10 ปีที่เเล้ว ในห้วงเวลาปัจจุบันที่วงดนตรีอินดี้เกิดขึ้นใหม่เยอะมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวงดนตรีอินดี้สุดฮอตในขณะนี้ temp. วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่มาพร้อมแนวดนตรีที่พวกเขานิยามว่ามันคือ “Tropical Pop” กลิ่นดอกไม้สายลมเเละแสงแดด UNLOCKMEN จะพาไปเจาะลึกเรื่องราววงการเพลงยุคอินดี้เฟื่องฟูถึงยุคปัจจุบันจากมุมมองของวงอินดี้อย่างพวกเขา temp. มีสมาชิก 5 คนวันนี้เราขาด อุณ (มือกีต้าร์) เพราะติดธุระ เราเลยได้เจอเเค่ นิค (ร้องนำ, กีต้าร์) แปม (กลอง) น๊อต (เบส) เเละ แดน (ทรัมเปต) วง temp. โด่งดังจาก single “Moonshine” ความละมุน ละไม ของเสียงร้องเเละดนตรีที่เย้ายวน ชวนให้อยากทำอะไรบางอย่าง
การฟังเพลงในรถเป็นอีกกิจกรรมที่ผู้ชายอย่างเราทำจนเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่สตาร์ทรถ เป็นอันต้องเอื้อมมือไปเปิดเพลงทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับ Music Streaming ในสมาร์ทโฟน หรือยังฟังบน Platform อื่น ๆ อยู่ก็ตาม แต่สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันก็คือความรักในเสียงเพลง UNLOCKMEN มี PLAYLIST เพลงจากภาพยนตร์ BABY DRIVER ที่ได้มาสร้างกระแสฮือฮาในบ้านเราอยู่พักหนึ่ง นอกจากความเจ๋งของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ยังมีเพลงในเรื่องนี่แหละ ที่เจ๋งไม่แพ้กัน สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด PLAYLIST ไว้ให้เหมือนเดิมแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ หากใครยังไม่ได้ดูเราขอแนะนำแบบติดดาว แม้จะไม่ได้คะแนนเต็มในแง่หนังดี แต่ในแง่หนังบันเทิง เราให้คะแนนแบบทะลุปรอท กับความมันส์ของเนื้อเรื่อง ความเท่ของคอสตูม และเพลงเจ๋ง ๆ ที่โผล่มาให้ฟังในแต่ละซีน เรื่องราวของหนุ่มน้อยติดไอพอดอย่างเบบี้ ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นคนพาโจรปล้นธนาคารหลบหนี และเรื่องราวของสาวที่เขาปิ๊ง เข้ามาเพิ่มสีสันให้เรื่องนี้อีกด้วย รับรองเลยว่าดูจบแล้ว เราจะอยาก Go Back To The Past หยิบไอพอด เสียบหูฟัง และขับรถเกียร์กระปุกแบบเบบี้บ้างแน่นอน The Detroit Emeralds – Baby
การที่ซากุระสักต้นจะเจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาได้มากมายนั้นแน่นอนว่าระหว่างทางกลีบของมันต้องมีร่วงโรยลงไปบ้าง เช่นเดียวกับสถานการณ์ของวง BNK48 ตอนนี้ที่ถึงแม้ว่าข่าวใหญ่ล่าสุดจะเป็นข่าวการประกาศจบการศึกษาของ ‘แคน’ นายิกา ศรีเนียน หนึ่งในสมาชิก แต่วงก็ต้องเดินทางต่อไปข้างหน้า ไม่สามารถจะหยุดพักได้ ก้าวต่อไปของ BNK48 คือซิงเกิ้ลที่ 4 ของวงที่ได้ประกาศไปเรียบร้อยแล้วเมื่องานเปิดตัวรุ่น 2 ที่ผ่านมาว่าซิงเกิ้ลที่ 4 คือเพลง ‘Kimi Wa Melody’ หนึ่งในบทเพลงระดับตำนานของ 48 Group ที่มีเรื่องราวมากมายเรียงร้อยอยู่เบื้องหลัง โดยในวันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปรู้จักเพลง ๆ นี้กันรวมถึงคาดเดาเซ็มบัตสึและเซ็นเตอร์ของเพลงนี้ด้วย Kimi Wa Melody ‘Kimi Wa Melody’ คือซิงเกิ้ลลำดับที่ 43 ของ AKB48 วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016 เป็นซิงเกิ้ลที่มาในคอนเซ็ปต์ความเป็นญี่ปุ่นแบบจัดเต็มพร้อมด้วยเนื้อหาเพลงที่เกี่ยวกับการแอบรักของเด็กสาว อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงขมวดคิ้วและตั้งคำถามว่ามันก็ดูเหมือนซิงเกิ้ลอื่น ๆ ตามสไตล์ของเพลงไอดอลทั่วไป มันพิเศษยังไงและอะไรที่ทำให้มันกลายเป็นตำนาน? ความพิเศษของ Kimi Wa Melody คือซิงเกิ้ลฉลองครบ 10
ถ้าจะให้พูดถึงหนึ่งในแนวเพลงที่คุณผู้อ่าน UNLOCKMEN ต้องเคยโยกกันหัวแทบหลุด เชื่อว่าแนว Nu-metal ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น แถมเคยมีอิทธิพลกับวัยรุ่นยุค 90’s ถึง 2000 มาแล้ว ด้วยภาคริธึ่มที่หนักหน่วงไปด้วยโทนต่ำ มืดหม่น ถ่ายทอดอารมณ์ได้โคตรมันส์ เสียงสำรอกสุดสะใจ พร้อมเนื้อหาหาที่โดน insight การเผชิญปัญหาของมนุษย์ มันจึงมีเสน่ห์แบบแมน ๆ และเข้าถึงผู้ชายอย่างเราได้ง่าย ใครได้ฟังก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นของตัวเองออกมา โดยวงดนตรีที่เปิดศักราช nu-metal ในขณะนั้น และยังอยู่มีงานใหม่อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ก็มีอย่าง Korn, Slipknot และ Deftones เป็นต้น แม้ว่ากระแสของแนวนี้จะซาลงไปเยอะแล้ว ด้วยกาลเวลา และเทรนด์ที่เปลี่ยนไป แต่ทุกครั้งที่ได้กลับไปย้อนฟังเพลงจากยุคที่ nu-metal เฟื่องฟูนั้น ก็อดโยกหัวและร้องตามไม่ได้ทุกที UNLOCKMEN จึงขอแนะนำอัลบัมเพลงแนว nu-metal ที่เรารู้สึกว่าต้องฟังให้ได้มาฝากกัน (*ขอเน้นย้ำว่าเป็นการแนะนำจากมุมมองทีมงานเท่านั้น อัลบัมใดที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีแต่อย่างใด) Korn – Korn (Immortal/Epic, 1994) “Are…you…ready !?” นี่คือประโยคแรกที่ Jonathan Davis สำรอกให้เราได้ยินจากเพลง Blind ซิงเกิ้ลแรกของวง
ในยุคที่การทำดนตรีและมีเพลงของตัวเองไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ทุกคนสามารถเป็นศิลปินได้ เพียงแค่มีใจรักและคอมพิวเตอร์ดี ๆ สักเครื่อง แต่การที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอสร้าง Beat ทั้งวันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อและเคร่งเครียดพอสมควร คงจะดีไม่น้อยถ้ามี Gadget อะไรเจ๋ง ๆ ที่สามารถสร้าง Beat ไปด้วยสนุกไปด้วย ไม่ต้องรอให้ถึงโลกอนาคต เพราะตอนนี้ Oddball Drum Machine ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว มันคือลูกบอลทรงกลมที่คุณสามารถสร้าง Beat ได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่ให้มันตกกระทบกับวัตถุต่าง ๆ เท่านั้นเอง Oddball Drum Machine คือเจ้าลูกบอลเด้งดึ๋งที่จะทำให้คุณได้ปลดปล่อยเสียงเพลงในใจ เพียงแค่คุณโยนมันเล่น คุณก็สามารถออกแบบดนตรีในแบบที่เป็นคุณผ่านการตกกระทบได้เต็มที่ ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์อยู่ในตัวเอง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสสร้างสรรค์อะไรออกมา เจ้าของไอเดียรู้ดีถึงความจริงข้อนี้ จึงได้ผลิต Oddball Drum Machine เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างดนตรีในแบบที่เป็นตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลาแถมยังได้ความสนุกอีกต่างหาก Oddball แบ่งเป็นส่วนหลัก ๆ ได้ 2 ส่วนคือส่วนลูกบอลที่ภายในประกอบด้วยกลไกประเภทเครื่องตกกระทบ ทุกครั้งที่พื้นผิวของมันกระทบกับสิ่งใด ๆ ก็ตาม เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งเอาไว้จะส่งสัญญาณไปอีกส่วนซึ่งก็คือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อไว้ด้วยระบบบูลทูธ คุณจะได้ยินเสียง Beat ที่คุณสร้างผ่านการตกกระทบของเจ้าลูกบอลผ่านทางหูฟังหรือลำโพงที่คุณเชื่อมต่อไว้กับโทรศัพท์มือถือของคุณ ความดังเบาหรือหนาแน่นของเสียงขึ้นอยู่กับความแรงในการตกกระทบซึ่งแล้วแต่การออกแบบของคุณ นอกจากนั้นคุณยังสามารถเพิ่มความซับซ้อนให้ดนตรีของคุณด้วยการสร้างลูปหรือเพิ่มเอฟเฟกต์ลงไปได้อีกด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นคือเหล่าผู้ใช้ Oddball Drum
วันเวลาที่บังคับให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าแบบไม่มีหยุดพัก แม้จะชั่วโมง นาที หรือวินาที เราและโลกใบนี้ที่ก้าวไปพร้อมกัน เคยสังเกตไหมว่าในตอนเริ่มเดินทาง เรามีสิ่งที่ติดตัวมาเท่าไหร่ พอเดินทางมาได้สักพักแล้ว เราเหลืออะไรอยู่กับเราบ้าง ไม่ว่าการเดินทางของคุณจะเป็นยังไง วันนี้เพื่อนในวันวานที่หายไประหว่างทางอย่าง “CLASH” ได้กลับมาเดินทางพร้อมกันทั้งห้าคนอีกครั้ง แม้เขาจะหยุดพักระหว่างทางไปถึง 7 ปี แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปเลยแม้จะหยุดเดินทางนั่นคือ “มิตรภาพ” ของพวกเขา เป็นสิ่งที่ยังคงเหนียวแน่นและไม่เคยจางหายไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครั้งนี้ไม่ได้กลับมารวมตัวกันเฉย ๆ เท่านั้น แต่พวกเขากลับมาอีกครั้งเพื่อคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปีของพวกเขาในคอนเสิร์ต “Leo Presents CLASH AWAKE Concert” วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 20:00 น. มาดูกันว่ากว่าจะกลับมารวมตัวกัน เรื่องราวระหว่างทาง มิตรภาพที่ยังเหนียวแน่น และเสียงเพลงที่ยังคงยึดพวกเขาไว้ด้วยกัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้พวกเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนกันแล้ว ช่วงเวลาที่หายไป เมื่อช่วงต้นปี 2554 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แฟน ๆ เพลงหรือแม้จะไม่ใช่แฟน ๆ ก็ตามต่างต้องช็อกกับข่าวคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของวง CLASH อย่าง “CLASH
ช่วงหยุดยาวแบบนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ สายแอดเวนเจอร์อย่างเรามักจะทำคือการออก road trip ขับรถตะลอนทัวร์กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือไม่ก็คนเดียวเปลี่ยว ๆ ซึ่งสิ่งที่จะสร้างความบันเทิงในการเดินทางได้ดีก็คือเพลงเยี่ยม ๆ ที่ทำหน้าที่มอบความมันส์ระหว่างทาง และช่วยให้เราไม่ง่วงง่าย ๆ ลดอัตราเสี่ยงอันตรายจากการขับรถทางไกลได้พอสมควร นักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เพลงที่จะเหมาะกับการนำมาฟังขณะขับรถทางไกลนั้นควรจะมีเมโลดี้ที่ติดหู มีริฟฟ์กีตาร์มันส์ ๆ ไลน์กลองหนักแน่นกระทุ้งอารมณ์ ทำให้ร่างกายของคุณหลั่งอะดรีนาลีนออกมาให้รู้สึกตื่นตัวตลอดทางหลังจากสตาร์ทเครื่อง ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเพลงที่เราคิดว่าเหมาะกับ road trip เป็นอย่างยิ่งมาให้ฟังกัน โดยเพลงเหล่านี้พิสูจน์ตัวเองมาหลายกิโลฯ หลายปีแล้ว และก็ยังคงอยู่ในใจของคนที่ทำหน้าที่คุมพวงมาลัยประจำทริปตลอดมา Home – Edward Sharpe and the Magnetic Zeros แม้ว่า Home จะเป็นเพลงรัก แต่ก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกลับบ้านสมชื่อ เหมาะกับเอาไว้ฟังขณะเดินทางสู่บ้านเกิด ด้วย upbeat ฟังสนุกในท่อน verse บวกกับท่อน hook ติดหู ทำให้เราคิดไปก่อนแล้วว่าถึงบ้าน Don’t
แม้จะปล่อยมาแค่ Trailer สั้น ๆ แต่ก็ทำเอาหลายคนน้ำตาตกไปเรียบร้อยแล้วสำหรับสารคดีตามติดชีวิต BNK48 ไอดอลกลุ่มแรกในประเทศไทยในชื่อ BNK48: Girls Don’t Cry กำกับโดยผู้กำกับฝีมือเป็นเอกลักษณ์อย่าง เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Mary is happy, Mary is happy, ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ และอีกมากมาย การพบกันระหว่างกลุ่มไอดอลที่มีสตอรี่เรื่องราวดราม่ามากมายกับผู้กำกับยอดนักเล่าเรื่อง ทำให้เชื่อได้เลยว่าเราจะได้เห็นอะไรที่ทั้งเข้มข้นและคาดไม่ถึงใน BNK48: Girls Don’t Cry อย่างแน่นอน จากตัว Trailer ที่ปล่อยออกมาเราพอจะคาดเดาประเด็นที่ตัวสารคดีต้องการจะเล่าได้ประมาณหนึ่ง วันนี้ UNLOCKMEN จึงจะมาวิเคราะห์ให้อ่านกันคร่าว ๆ เป็นน้ำจิ้มก่อนอาหารมื้อใหญ่จะมาเสิร์ฟในวันที่ 16 สิงหาคม 2561 นี้ ความอึดอัดและการแข่งขัน มิตรภาพใน 48 Group เป็นมิตรภาพย้อนแย้งและยากจะเข้าใจได้ เพราะจากภาพที่คนนอกอย่างเราเห็นคือพวกเธอรักกันมาก เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันที่ใช้ชีวิตร่วมกันแทบจะตลอดเวลามาตลอด 1 ปี แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอคือคู่แข่งกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความจริง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ก็เพราะคนที่จะได้เป็นสมาชิกตัวจริงในแต่ละเพลงจะมีแค่