ผ่านพ้นกันไปหมาด ๆ กับมหกรรมดนตรีสุดยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง Big Mountain Music Festival 2017 หรือ BMMF 2017 ที่ครั้งนี้ได้หวนกลับมาจัดยัง ‘เขาใหญ่’ โลเคชั่นที่คุ้นเคย จึงได้จัดเต็ม จัดใหญ่ ให้ทุกอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อ กับศิลปินดังกว่า 200 ชีวิต ผลัดเปลี่ยนมาให้ความมันส์กันทั้ง 8 เวที ตลอด 2 วัน 2 คืน เมื่อวันที่ 9 – 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ The Ocean เขาใหญ่ แน่นอนว่างานมหกรรมดนตรีมันส์ ๆ แบบนี้ ทีมงาน UNLOCKMEN มีหรือที่จะพลาดการเข้าร่วมประสบการณ์ความสนุก ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าตลอดเวลา 2 วัน 2 คืนที่ BMMF 2017 นั้นเป็นการใช้เวลาที่ไม่ได้สูญเปล่าไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว กับเวทียิ่งใหญ่ตระการตา ที่ตกแต่งได้แบบโคตรจะสร้างสรรค์ แค่เดินทัวร์ชมความเจ๋งของเวทีต่าง
THE GARAGE : EPISODE 0 ก่อนอื่นต้องท้าวความถึงคำว่า ‘GARAGE’ ที่ใช้โปรยหัว Article นี้เสียก่อน เพราะไอ้คำว่า ‘GARAGE’ มันมีที่มาจากการเปิดตัวที่ทำงานใหม่ของพวกเราทีมงาน UNLOCKMEN ซึ่งพวกเราเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า ‘THE GARAGE’ กับความมุ่งมั่นที่จะให้มันเป็นโรงรถเล็ก ๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดั่งเช่นบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Google, Microsoft และอีกมากมายที่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการคิด และลงมือทำผลงานสุดสร้างสรรค์ขึ้นในโรงรถเล็ก ๆ ข้างบ้านเพียงเท่านั้น ‘THE GARAGE’ สำหรับ UNLOCKMEN จึงเป็นทั้งที่ทำงาน รวมถึงเป็น Inspiring Area สำหรับเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็น Content ดี ๆ และที่นี่จะเป็นศูนย์รวมผู้คนที่น่าสนใจ มีงาน Workshop ที่ช่วย Unlock Potential ของผู้ชาย หรือแม้แต่ปาร์ตี้มันส์สุดเหวี่ยงมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป และงานปาร์ตี้ OPEN HOUSE เปิดบ้านใหม่ของ UNLOCKMEN จึงกลายโปรเจ็คต์แรกของ ‘THE
พ.ศ. นี้ถือเป็นยุคทองของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนเราก็เจอแต่ดนตรีแนวเสียงสังเคราะห์เต็มไปหมด อีกทั้งเทศกาลดนตรี EDM หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าเพลงตี้ดแทบจะมีออกมาเดือนชนเดือนให้บรรดาเหล่า raver ได้ออกไปโยกย้ายส่ายสะโพกตาม ๆ กัน ซึ่งแต่ละงานก็มีผู้เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยกว่าหลักพันคนเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของดนตรีฝั่งอิเล็กทรอนิกส์ คงมีข้อสงสัยว่าทำไมในปัจจุบันดนตรีที่เรียกว่า EDM รวมถึงเทศกาลดนตรีที่มีดีเจขึ้นไปยืนสแคชแผ่นบนเครื่อง CDJ ถึงได้กลายมาเป็น Mass Music ได้รับความนิยมมากกว่าดนตรีสดเสียที เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าขนาดงานมหกรรมดนตรีอย่าง Coachella และอีกมากมายยังต้องใช้ชื่อดีเจชั้นนำเหล่านั้นเป็นตัวดึงคนมาร่วมงาน โดยที่ทีมงานเองก็เกิดเป็นข้อสงสัยอีกเช่นกันว่าทำไมดนตรี EDM ถึงได้รับความนิยมถึงเพียงนี้ ย้อนกลับไปราว ๆ 1-2 ปีมานี้คนไทยคุ้นเคยกับแนวดนตรีสังเคราะห์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในต่างประเทศเองก็พยายามผลักดันแนวดนตรีเต้นรำให้กลายเป็นเพลงกระแสหลักของโลก โดยการนำเสนอวิธีใหม่ ๆ หยิบเพลงออกมาสู่งานเอ้าดอร์ด สร้าง vibe บรรยากาศใหม่ ๆ อย่างเช่น Ultra Music Festival , Tomorrowland , EDC ขึ้นเพื่อรองรับกับแนวดนตรีนี้โดยเฉพาะ ทำให้เพลงอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในคลับเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แล้วทำไมถึงต้องเป็น EDM ? ความจริงเรื่องนี้มันมีศาสตร์หลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตวิทยาพฤติกรรมของมนุษย์ และหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ ซึ่งทีมงานจะขอยกเอามาวิเคราะห์ชี้แจงเป็นข้อ
หลังจากหายไปนาน THE REAL SLIM SHADY ก็กลับมาฝากผลงานชิ้นใหม่อีกครั้ง ในยุคที่ RAPPER 2017 ต่างเปลี่ยนคำจำกัดความของการ RAP ไปอย่างสิ้นเชิง จากการพูดถึงสภาพสังคมแบบที่ OLD SCHOOL RAPPER ทำกันตั้งแต่สมัย 60s ปัจจุบันกลายเป็นเพลงอวดรวยของ CELEBRITY วัยรุ่น ที่แม้แต่ฝรั่งยังฟังไม่รู้เรื่อง การกลับมาครั้งนี้ของ EMINEM จึงเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอ และ ‘UNTOUCHABLE’ single ใหม่ ที่จะอยู่ในอัลบั้ม Revival เตรียมปล่อยออกมาในอีกไม่นาน ก็ได้ระบายสภาพสังคมในปัจจุบันได้อย่างสะใจ ‘UNTOUCHABLE’ พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสัมคมอเมริกัน มีการพูดถึงเรื่อง White Privilege ที่แม้แต่ในยุค 2017 คำว่า RACISM ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มคนผิวสี แม้สื่อหรือปากนักการเมืองจะพ่นแต่เรื่องความเสมอภาค แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกระทำรุนแรง ใช้อาวุธ ยิงกันถึงขั้นเสียชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ EM มองว่าเกินกว่าเหตุ และคนผิวขาว ก็ดูจะมีสิทธิพิเศษมากมาย เป็นที่มาของชื่อเพลง UNTOUCHABLE
โดยปกติของการทำแคมเปญการตลาดของแบรนด์ หรือการทำเพลงของศิลปินทุกคน คิดอะไรได้ต้องรีบปล่อยให้เร็ว ต้องเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางแคมเปญถึงขั้นทำเรื่องฉาวให้ VIRAL เพื่อสร้างยอดขาย ให้คุ้มค่าเงินลงทุน แต่แคมเปญ CSR ของ LOUIS XIII CONGAC ชั้นนี้ ทำได้อย่างกล้าหาญจนเราอยากชวนให้ทุกคนลุกขึ้นปรบมือ เพราะมีทั้งความเท่ และยังสะกิดต่อมให้คนทั้งโลก โดยเฉพาะแฟนเพลงของ PHARRELL WILLIAMS ลุกขึ้นมาช่วยกันรักษ์โลกต่อไปอีกอย่างน้อย 100 ปี ถ้าอยากจะฟัง ‘100 YEARS’ SINGLE สุด EXCLUSIVE ที่จะปล่อยให้ฟังในปี 2117 หรืออีก 100 ปีข้างหน้า ถ้าโลกนี้ยังไม่จมน้ำไปก่อน LOUIS XIII CONGAC ได้ร่วมมือกับ PHARRELL WILLIAMS ในการแต่งเพลงสุดพิเศษชึ้นมา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์บนเรื่องของระยะเวลา และการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่เรากระทำต่อโลก พร้อมเสนอรางวัลล่อใจ ถ้าทุกคนช่วยกันประคองโลกให้มีอายุอยู่รอดไปอีก 100 ปี ด้วยการให้ PARRELL WILLIMAS อัดเพลงใหม่ล่าสุดที่ไม่มีใครที่ไหนเคยฟังมาก่อน RECORD
1-800-273-8255 นี่ไม่ใช่เบอร์มงคล หรือดูดวงเสี่ยงโชคแต่อย่างใด เพราะมันคือชื่อเพลงสุดแปลกที่กำลังเป็นกระแสสังคมในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ขณะนี้ โดยเจ้าของบทเพลงดังกล่าวคือแร็ปเปอร์ผิวขาววัย 27 ปี นามว่า Logic ซึ่งน่าแปลกว่าผลงานก่อนหน้านี้ของเขาแทบจะไม่เป็นที่คุ้นหูนักฟังเพลงเสียเท่าไหร่ แต่กลับสร้างผลงานสตูดิโอชุดที่สามได้อย่างกระแทกใจคนฟัง โดยเปลี่ยนมุมมองจากการพูดถึงตัวเอง มาเล่าเรื่องปัญหาของคนอื่น จนเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม “Everybody” โดยมีเพลง 1-800-273-8255 อยู่ในนั้น สาเหตุที่เพลงตัวเลขนี้ถูกพูดถึงและส่งต่ออย่างมากบนโลกออกโลน์น่าจะมาจากเนื้อหาภายในเพลงที่พูดถึง การฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมอเมริกาที่ปัจจุบันมีการพูดและถกเถียงกันอย่างมาก เพราะปัญหาการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นมีเปอร์เซ็นต์มากขึ้น อีกทั้งจะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมานักร้องชื่อดังอย่าง Chester Bennington และ Chris Cornell ตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรม ทำให้เริ่มมีการกลับมาทบทวนในเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง โดย 1-800-273-8255 คือเบอร์สายด่วนของศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ และ Logic ต้องการมุ่งหวังให้เพลงนี้สามารถไปช่วยเหลือคนที่คิดจะฆ่าตัวตายให้เปลี่ยนใจ และเขาอยากจะสะท้อนถึงแก่นของปัญหาว่าประเด็นการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นที่คนรอบตัวอาจจะไม่ทันได้นึกคิดว่าเราอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจลาจากโลกนี้ไป เหมือนกับเช่นใน Music Video ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นผิวสีที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้าเนื่องจากตัวเองเป็นเกย์ จนคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะโดนกดดันจากสังคม หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าแล้วแค่เพลงเดียว จะมีผลช่วยให้ปัญหาการฆ่าตัวตายลดลงได้อย่างไร ? แต่เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากที่ Logic ได้ขึ้นแสดงเพลงนี้ในงาน MTV VMAs 2017 ปรากฎว่ามีสายโทรศัพท์โทรมาขอรับคำปรึกษาจาก ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ (ตามชื่อเพลง) เพิ่มขึ้นถึง 50
หลายครั้งที่เราได้นำเสนอ Playlist ของเพลงที่เหมาะแก่การฟังในช่วงเวลาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Playlist สำหรับการออกกำลังกาย, Playlist สำหรับเพิ่มพลังในการทำงาน รวมไปถึงเหตุผลมากมายที่อธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมการฟังเพลงถึงช่วยทำให้ช่วงเวลาเหล่านั้นของคุณเป็นช่วงเวลาที่ดีขึ้นได้ ซึ่งคงมีหลาย ๆ น่าจะได้นำไปทดลองฟังด้วยตัวเอง รวมถึงบางคนที่อาจจะฟัง Playlist ที่เราเคยแนะนำไปให้ก่อนหน้านี้แล้วรู้สึกว่ามันสามารถช่วยได้จริง ๆ ก็เลยฟังมันซ้ำไปซ้ำมาทุกวันจนตอนนี้รู้สึกว่า ต้องการ Playlist ใหม่ ๆ บ้างแล้ว วันนี้เราเลยจัด Playlist ใหม่ ที่สามารถช่วยทำให้คุณมีพลังได้ทันทีตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา และยังสามารถฟังยาว ๆ ไปได้ตลอดทั้งวัน จนถึงกระทั่งเวลาก่อนนอนมาให้กับชาว UNLOCKMEN โดยเฉพาะเลยทีเดียว Playlist ที่ว่านี้ เป็นการรวมเพลงที่ถูกคัดกรองมาแล้วว่า ทุกเพลงนอกจากจะช่วยลดความเครียดในระหว่างวันได้แล้ว เพลงใน Playlist นี้ยังช่วยให้คุณมีช่วงเวลาที่ดียิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะทำกิจกรรมอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าหากใครกำลังมองหา Playlist จาก Spotify ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเพิ่มสุขในการดำรงชีพที่มีความหลากหลาย และต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่อยากจะเสียเวลาตามหามันด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ วันนี้ถือเป็นโชคดีนาทีทองของคุณแล้ว เพราะเราได้จัด 9 Playlist ระดับคุณภาพที่คุณจะต้องประทับใจมาให้ที่นี่ โดยที่คุณมีหน้าที่แค่กดฟังเท่านั้นก็สามารถแฮปปี้กับชีวิตได้ทันที
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาบนโลกของเรานั้นล้วนมีที่มาที่ไป ไม่เว้นแม้แต่แนวเพลง เทรนด์การแต่งกาย วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เช่น ทำไมบางคนถึงมีความรู้สึกคุ้นเคยกับเพลง Grunge อย่างไร้เหตุผล? แต่พอมานึกดี ๆ จึงมารู้ว่า เพราะเราเติบโตขึ้นมาในช่วงยุค 90s ที่ถึงแม้ว่า เราไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่ด้วยกระแส และเทรนด์ในช่วงนั้น มันประโคมกระหน่ำทั้งเพลงและการแต่งกายให้เราซึมซับเข้าไปอย่างไม่ทันรู้ตัว ดังนั้น วันนี้เราจึงเอาเทรนด์ทั้งดนตรี และแฟชั่นในยุคทองของแต่ละเทรนด์มาให้กับชาว UNLOCKMEN ที่เกิดในทุกยุคทุกสมัยได้เข้าใจ เทรนด์ของคนที่โตมาในยุคสมัยที่แตกต่างกันดู 1960s : British Invasion, Hippies, Woodstock หากคิดถึงแฟชั่นการฟังเพลง และสไตล์การแต่งตัวของศิลปินในช่วงทศวรรษที่ 1960 แน่นอนว่า ทุกคนต้องมุ่งไปที่ Iconic แห่งยุคอย่าง Janis Joplin และ Jimi Hendrix อย่างแน่นอน ในช่วงยุค 1960 ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟชั่นการแต่งกาย และดนตรี ได้หลอมรวมกายเป็นหนึ่งเดียว ดนตรี และวิธีชีวิต Hippies ได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในยุคนั้น เช่น
เชื่อว่าแฟนเพลงของวง Linkin Park ยังคงจะไม่ลืมเสียงร้องของนักร้องนำวัย 41 ปี ที่ได้ทำการปลิดชีพตัวเองด้วยการแขวนคอกันไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็คือ Chester Bennington นั่นเอง โดยหลังจากที่ Chester จากไป ทางวงก็ได้ตัดสินใจยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดขึ้นในหลายไปเทศไปจนเกือบหมด และดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่วง Linkin Park จะกลับมาทำการแสดงสดสุดมันส์ต่อหน้าแฟน ๆ อีกครั้ง แต่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม หรือช่วงเช้าวันที่ 28 ของบ้านเราที่ผ่านมา ทางวงได้จัดคอนเสิร์ตรอบพิเศษขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Linkin Park & Friends Celebrate Life in Honor of Chester Bennington” ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตเพื่อการรำลึก และเป็นเกียรติให้กับ Chester นอกจากนี้ยังมีวงดนตรีอีกมากมายที่มาร่วมแจมในงานนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Blink-182, Alanis Morissette, Avenged Sevenfold, No Doubt, Sum 41’s และ
ดนตรีถือเป็นอีกหนึ่งพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดลุยเดช จนได้รับพระราชสมัญญาว่า “อัครศิลปิน” โดยพระองค์ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในเรื่องดนตรีตั้งแต่ทรงพระเยาว์วัย และเริ่มเรียนดนตรีเมื่อมีพระชนมายุ 13 พรรษา ขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดลุยเดชทรงเลือกเรียนการเป่าแซกโซโฟน วิชาการดนตรี การเขียนโน้ต และการบรรเลงดนตรีสากลต่าง ๆ ในแนวดนตรีคลาสสิค ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะสามารถทรงเครื่องดนตรีได้ดีหลากหลายชนิด นอกจากนั้น พระองค์ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เพลงด้วยตนเองเมื่อมีพระชนมพรรษาได้ 18 พรรษา ซึ่งคือทำนองเพลง “แสงเทียน” เป็นเพลงพระราชนิพนธ์แรก จนกระทั่งถึงปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดลุยเดชทรงมีเพลงพระราชนิพนธ์รวมทั้งสิ้น 48 เพลง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระอัฉริยะภาพของพระองค์ท่าน วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำเพลย์ลิสต์เพลงพระราชนิพนธ์มาให้สถิตอยู่ในดวงใจของชาวไทยทุกคน แสงเทียน “แสงเทียน” เพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2498 ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราชได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขทำนองและคอร์ดบางตอน จึงยังไม่โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้นำออกมาบรรเลงในเวลานั้น ต่อมา ได้พระราชทานให้นำออกบรรเลงครั้งแรก พ.ศ.2490 และใน พ.ศ.2496 นางสาวสดใส วานิชวัฒนา ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ ลมหนาว “ลมหนาว” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 19 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2497