ชีวิตผู้ชายแมน ๆ อย่างเรามันก็ต้องเจออุปสรรคในการขับถ่ายกันบ้าง วันที่ทุกอย่างดูใหลลื่นไปหมดแต่ขี้กลับหดตดกลับหาย แหม่ มันช่างไม่สบายตัว สาเหตุของการ ‘ขี้ไม่ออก’ นั้นมาจากหลายปัจจัย เช่น อั้นอุจจาระบ่อย, ทานอาหารที่มีกากใยต่ำ, ไม่ค่อยได้ออกกำลัง, ดื่มน้ำน้อย หรือมีปัญหาทางจิตใจ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อมันเบ่งไม่ค่อยออก เรามาหาตัวช่วยที่ทำให้อุจจาระของคุณพรั่งพรูกันดีกว่า โดยนอกจากการปรับพฤติกรรมทางการกินและใช้ชีวิตแล้ว การฟังเพลงขณะเข้าส้วมก็มีส่วนช่วยให้คุณปล่อยอึได้สะดวกยิ่งขึ้น จากการวิจัยของหลายสถาบันต่างยืนยันว่าเสียงเพลงมีผลกับร่างกายและจิตใจมนุษย์ สามารถช่วยผ่อนคลายสมอง บำบัดผู้ใช้ยาเสพติด กระตุ้นระบบใหลเวียนโลหิต ป้องกันอาการลมชัก ฟื้นฟูความจำ เพิ่มพลังทางความคิดวิเคราะห์ และแน่นอนว่ามีผลกับการขับถ่าย ไม่งั้นในห้องน้ำตามสถานที่ดี ๆ เขาคงไม่เปิดเพลงให้เราฟังหรอก ในเมื่อดนตรีช่วยได้ ทีมงาน UNLOCKMEN ขอแนะนำเพลงที่จะช่วยให้คุณปล่อยของเสียลงในสุขภัณฑ์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น แค่ใส่หูฟังแล้วเสพเสียงเพลงเหล่านี้ตอนขี้ ฟีลคุณจะดีสุด ๆ Great Balls of Fire – JERRY LEE LEWIS เพลงสไตล์ Rock and Roll สุดคลาสสิคนี้ของ Jerry Lee Lewis
“ลูกผู้ชาย แม้วายชนม์ แต่ผู้คนยังจารึก” หนึ่งในความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการดนตรียุค ‘90 ก็คือจากไปของ Kurt Cobain ชายผู้แผ่ขยายอิทธิพลของดนตรี Grunge ให้มันส์กันถึงระดับโลก น่าเศร้าที่ฟร้อนต์แมนวง Nirvana จบชีวิตตัวเองด้วยอาวุธปืนเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ.1994 ซึ่งขณะนั้นเขาอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น แม้การตายของเขาจะทำให้ความนิยมดนตรี Grunge ค่อย ๆ จางลง แต่ทุกวันนี้ผู้คนยังอินกับผลงานของ Nirvana อยู่ เพลงเด่น ๆ อย่าง Smells Like Teen Spirit, Heart-Shaped Box, Lithium, Come as You are และ In Bloom มียอดวิวบน YouTube รวมกันมากกว่า 1,300 ล้านวิว หลายเพลงของยอดวงจากเมือง Aberdeen ในสหรัฐฯ ก็ถูกนำไปเล่นคัฟเวอร์กันมันส์ตั้งแต่ในวงเหล้ายันคอนเสิร์ตใหญ่ และไม่มีใครสงสัยในความอมตะของอัลบัม Bleach
การเป็นหัวหน้าหรือคนคุมโปรเจ็คต์อะไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำงานกับคนหลากหลายในการผลิตงานคุณภาพออกมาให้ได้ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ แถมระหว่างทางก็มีปัญหาเฉพาะหน้าให้แก้ไขตลอด ใครที่อยู่ในตำแหน่งนี้ย่อมรู้ดีว่ามันท้าทายสุด ๆ โดยเฉพาะการบริหารคน ทรัพยากรล้ำค่าที่สุดในวงจรการทำงาน เมื่อมนุษย์เป็นตัวแปรสำคัญแล้ว การจะได้งานที่ยอดเยี่ยมก็ต้องดึงศักยภาพของคนในทีมออกมาให้ได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่ put the man on the right job เท่านั้น แต่ยังต้อง unlock thier potential ออกมาให้ได้ นี่คือโจทย์ที่ยากสำหรับใครหลายคน และก็มีหลายคนเช่นกันที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นคือคนที่ UNLOCKMEN อยากเล่าเรื่องราวและเทคนิคของเขาในการเค้นความสามารถของคนอื่นออกมา ชายคนนี้คือสุดยอดโปรดิวเซอร์ระดับโลกที่ชื่อว่า Rick Rubin หนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการดนตรี Frederick Jay “Rick” Rubin คือโปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่ชาวอเมริกัน อดีตประธานร่วมของ Columbia Records และผู้ร่วมก่อตั้ง Def Jam Records รวมถึง American Recordings ต้องบอกว่ายากมากที่จะหาโปรดิวเซอร์ที่มีเรซูเม่ใกล้เคียงกับเขา Rubin มีส่วนสำคัญมากในการผลักดันให้ดนตรีแนว hip hop ก้าวเข้าสู่ยุคทองในช่วงปลายยุค ’80 เคยช่วยปลุกปั้นศิลปิน hip
ช่วงหลังมีศิลปินเจ๋ง ๆ บินมาเล่นคอนเสิร์ตในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง ส่วนศิลปินไทยเองก็บรรเลงแบบไม่หยุดหย่อน มิวสิคเฟสติวัลดี ๆ ก็มีให้ไปเพียบ อารมณ์ที่ค้างอยู่จากคอนเสิร์ตที่ไปดูมายังไม่ทันหมด ก็ต้องออกไปโยกหัวกันอีกงานแล้ว แหม่ เล่นซะเงินในกระเป๋าเบาลงไปเยอะ แต่เพื่อแลกกับความมันส์กับวงที่ชอบก็ถือว่าคุ้ม แถมได้ประโยชน์แฝงที่เราไม่ได้โฟกัสถึงมันอย่างความฟิตของร่างกายอีกด้วย ทีมงาน UNLOCKMEN มีสถิติใหม่ที่แสดงให้เห็นว่ายิ่งเรามันส์เท่าไหร่ในการดูคอนเสิร์ตยิ่งทำให้เราฟิตขึ้นราวกับได้การ cardio จริง ๆ มาให้ดู โดยตัวเลขที่จะเล่าให้ฟังนี้คือค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวขยับก้าวและอัตราการเต้นของหัวใจของคนที่กำลังเสพไลฟ์โชว์อย่างเมามันส์ในอังกฤษ ที่วัดโดยสายรัดข้อมือสุขภาพ Fitbit การวัดค่าดังกล่าวแบ่งกลุ่มคนออกเป็น 5 กลุ่มที่ดูคอนเสิร์ตต่างแนว ประกอบด้วย grime, electronic, pop, R&B และ indie และผลที่ได้ออกมาดูเหมือนว่าแนว grime ที่ถือกำเนิดในอังกฤษ ซึ่งมีองค์ประกอบของแนว UK garage, dancehall, hip hop และ drum ’n’ bass จะทำให้เราฟิตกว่า genre อื่น โดยจำนวนการขยับก้าวเฉลี่ยของคนที่ดูคอนเสิร์ตแนวนี้อยู่ที่ 7,635 ก้าว มากกว่าค่าเฉลี่ยจำนวนก้าวต่อวันของผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรเกือบ 3 เท่า และพอ ๆ กับการวิ่งรอบสนามฟุตบอล 14 รอบ อ่าว
เชื่อว่าทุกคนรวมถึงผู้ชายอย่างเราน่าจะเป็นแบบนี้ แม้ยอมรับว่ามีเพลงใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ ออกมาให้ฟังกันแทบทุกสัปดาห์ แต่หูของเรายังคงโหยหาเพลงเก่า ๆ ที่เราชอบ บางทีก็ถามตัวเองหรือนั่งถกกับคนอื่นว่าเป็นเพราะเพลงใหม่มันสู้เพลงเก่าไม่ได้ หรือเป็นเพราะรสนิยมเราเอง ไม่ต้องเถียงกันครับ UNLOCKMEN มีผลสำรวจที่พอจะพิสูจน์ได้ว่าเมื่อช่วงวัยรุ่นเรารับอะไรเข้าไปแล้วถูกใจ มันจะหล่อหลอมเป็นความชอบของเราจนถึงปัจจุบัน The New York Times ร่วมงานกับ Seth Stephens-Davidowitz เจ้าของผลงานเขียน Everybody Lies: Big Data, New Data, And What The Internet Can Tell Us About Who We Really Are เพื่อค้นคว้าว่าทำไมผู้คนยังนิยมไปดูคอนเสิร์ตของวงเก่า ๆ โดยงานนี้ได้รับการสนับสนุนข้อมูลจาก Spotify ประกอบกับความขยันของ Stephens-Davidowitz ในการไล่วิเคราะห์เพลงฮิตใน Billboard chart ระหว่างปี 1960-2000 รวมถึงเจาะว่าช่วงอายุไหนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเพลงนั้น ๆ ผลที่ได้จากการวิเคราะห์ออกมาว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายจะมีพัฒนาการด้านรสนิยมการฟังเพลงระหว่างอายุ
เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นานกับงานปาร์ตี้สุดมันส์ งานที่รวมเหล่าวัยรุ่นพลังให้มาโชว์สเต็ป ปลดล่อยพลังงานของคนรุ่นใหม่ออกมาภายใต้เสียงดนตรีที่เร้าใจ ซึ่งแน่นอนว่าทีมงาน UNLOCKMEN นั้นไม่ได้ปล่อยผ่าน ไม่ยอมพลาดการไปเก็บบรรยากาศงานมันส์ ๆ แบบนี้มาฝากแน่นอน ซึ่งคราวนี้เราได้ไปเตรียมตัวสแตนด์บายรับความสนุกกันที่ GMM LIVE HOUSE ณ ชั้น 8 Central World สถานที่จัดงาน “KULOV MAX 7 presents งานเลี้ยงประเพณี ครั้งที่ 2” ที่มีเครื่องดื่ม KULOV MAX 7 เป็นสปอนเซอร์หลักใจดี ซึ่งที่ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมา พร้อมเปิดตัวเครื่องดื่ม KULOV MAX 7 ให้ได้ยลโฉมกระป๋องเท่ ๆ และลิ้มรสในงานนี้เป็นครั้งแรก หลังจากปล่อยให้สงสัยกันอยู่พักใหญ่ ว่าอะไรคือ KULOV MAX 7 สำหรับบรรยากาศภายในงานต้องขอบอกว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของเหล่าวัยรุ่น ที่เรียกได้ว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใช้ชีวิตกันต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะไปทำภารกิจอะไรมาตลอดวัน ก็ยังยิงยาวมาต่อที่งานปาร์ตี้รอบดึกกันอย่างพร้อมเพรียงเต็มฮอลล์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครสามารถหยุดความตั้งใจในการมาร่วมงานเลี้ยงประเพณีครั้งนี้ได้ ซึ่งก็ตรงกับแนวคิด และคาแรคเตอร์ความเป็น KULOV MAX 7 ที่เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่ เน้นการใช้ชีวิตแบบเต็มที่ไม่มีสะดุด ภายใต้แนวคิด
และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความหอมหวาน มีแต่ความรักเต็ม feed ไปหมด แต่สำหรับหนุ่ม ๆ อย่างเราบางทีก็หวานไม่ค่อยเป็นเน้นการกระทำ การบอกจะความในใจกับคนพิเศษอาจไม่ได้มาในรูปแบบดอกไม้และคำพูด แต่ถ้าวันวาเลนไทน์นี้พวกเราไม่มีอะไรสื่อสารถึงคนรักเลย รับรองว่างานเข้าแน่ ๆ สำหรับผู้ชายปากแข็ง ทีมงาน UNLOCKMEN ขอเสนอเพลงรักสไตล์ classic rock ที่มีดนตรีหนักแน่นมาพร้อมกับเนื้อหาจริงใจมาเป็นตัวช่วยแสดงความรู้สึกออกไปแบบไม่เขิน คงจะไม่เวอร์เกินไปถ้าเราจะบอกว่าเพลงเหล่านี้คือเวทมนตร์ที่จะช่วยเติมเต็มวันแห่งความรักของคุณ นี่คือ 10 เพลง classic rock แทนความรู้สึกรักที่ควรให้เธอฟังในวันวาเลนไทน์ ไม่ก็เล่นกีตาร์แล้วร้องให้ฟังไปเลยก็เท่ดีครับ Angel – AEROSMITH “I want your love, let’s break the wall between us.” อารมณ์อ่อนหวานของวง rock รุ่นใหญ่อย่าง Aerosmith มักจะโดนใจเราเสมอ เพลงนี้ก็เช่นกัน Steven Tyler ฟร้อนต์แมนของวงร่วมงานกับ Desmond Child นักเขียนเพลงชื่อดังจนกลายมาเป็นเพลงแนว power ballad ในอัลบัม Permanent
ใครที่เป็นคอเพลงอาจจะคุ้นเคยกันดีกับการ COVER เพลงจากวงดังหรือเพลงฮิตในขณะนั้น มาให้เป็นสไตล์ของตัวเองตามแต่วงที่ COVER ส่วนมากก็จะเป็น Acoustic ฟังสบาย ๆ แต่ถ้าอารมณ์ไหนที่อยากหลุดพ้นความชิล หรืออยากฟังเพลงหนัก ๆ แต่ไม่ไหวจะฟังการสกรีมที่โคตรหนักหน่วง ลองเริ่มต้นจากวง ROCK COVER ที่นำเพลงดัง ๆ มาทำในสไตล์ที่โคตรระห่ำก็ได้ วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 วง ROCK COVER ให้เราได้ไปลองเลือกฟัง เลือกเปิดใจกับทุกแนวเพลง เผื่อว่าจะได้วงโปรดเพิ่มขึ้นอีกสักวง Our Last Night เริ่มต้นกันที่วงร็อกสัญชาติอเมริกัน โดยมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ซึ่งส่วนมากจะ Cover เพลงดัง ๆ มากมายในแนว Post-Hardcore และ Alternative Metal ไม่ว่าจะเป็น Taylor Swift – Blank Space, Katy Perry – Dark Horse, Imagine Dragons – Radioactive และอื่น
การกลับมาสุดยิ่งใหญ่ของการ Cross กันของเหล่าศิลปินต่างค่าย ต่างแนว มาแลกเพลงกันเล่นสด ๆ บนเวที ให้ทุกคนได้เสพเพลงในรสชาติใหม่ ๆ ในโปรเจกต์ ‘FUNGJAI CROSSPLAY2’ (ฟังใจ ครอสเพลย์2) ในปีที่ผ่านมาฟังใจได้มีโปรเจกต์ ‘Crossplay Project’ (ครอสเพลย์ โปรเจกต์) ที่เป็นการให้ศิลปินรุ่นเล็กและศิลปินรุ่นใหญ่ ต่างค่าย ต่างแนวมาแลกเพลงกันทำในแบบฉบับของตัวเอง รวมทั้งหมด 6 คู่ 12 ศิลปิน 12 บทเพลงใหม่ จนได้เกิดเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ แบ่งเป็น 2 วัน Crossplay Concert A Side และ Crossplay Concert B Side และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคนดูอย่างล้นหลามในช่วงปีที่ผ่านมา ในปีนี้ฟังใจไม่พลาดที่จะทำโปรเจกต์ดี ๆ อย่าง ‘FUNGJAI CROSSPLAY2’(ฟังใจ ครอสเพลย์) ที่จะพาทุกท่านไปละทิ้งความเครียด ไปมันส์กัน กับเพลงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปินสุดคูลในโปรเจกต์นี้ แต่ละเพลงที่ทุกศิลปินได้ทำการ Re-Arrage (รี-อาเรนจ์)
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต้องนับว่าเป็นปีทองสำหรับคนที่ชื่นชอบดนตรีเป็นอย่างมาก เนื่องจากศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกต่างเดินพาเหรดกันเข้ามาเพื่อเปิดการแสดงในบ้านเราไล่เรียงจากเบอร์ใหญ่ ๆ อย่าง Coldplay , Gun N’ Roses , Ed Sheeran , Foo Figther หรือแม้แต่ปีนี้เองก็มี Bruno Mars , The Script ที่จ่อคิวรออยู่ ซึ่งอย่างที่ทุกคนพอจะทราบว่าการที่เราเสียสตางค์ไปดูคอนเสิร์ตนั่นก็เพราะอยากจะสัมผัสประสบการณ์กับศิลปินระดับโลกแบบตัวเป็น ๆ เนื่องจากพวกเขาก็ไม่ได้เดินทางมาบ่อยนัก แต่บ่อยครั้งเราต้องพบกับความผิดหวังเนื่องจากได้ทำเลไม่ดีพาลให้อรรถรสการรับชมคอนเสิร์ตหายไป ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN อยากจะมาบอกเคล็ดลับสำหรับเลือกที่นั่งในการดูคอนเสิร์ตให้สนุกมากยิ่งขึ้น SWEET SPOT in Sound Sweet Spot หรือถ้าในทางทฤษฎีดนตรีคือจุดบาล้านซ์ที่จะทำให้เราได้รับย่านความถี่ของเสียงและ ambient ต่าง ๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หากคุณอยากจะได้ที่นั่งแบบ King Seat เช่นนี้วิธีการที่ง่ายที่สุดคือให้มองหาว่าโซน controllor ที่มีคนมิกซ์เสียง (ส่วนมากจะเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์) ยืนกันอยู่ นั่นหละคือจุดที่ดีที่สุดในคอนเสิร์ตเป็นหลักสากลเขาใช้กัน แต่สมมุติฐานนี้อาจจะใช้ไม่ได้เสมอไป เนื่องจากทีมงานจัดคอนเสิร์ตในบ้านเราส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องของเสียง โดยเน้นที่นั่งให้คนดูเยอะเข้าว่า เราอาจจะต้องวิเคราะห์ในหลาย ๆ ปัจจัยอย่างบริเวณที่ตั้งเวทีและลำโพงที่ต้องเท่ากันในด้านกว้าง